Monday, 13 August 2007

สุทธิศักดิ์” นักโฆษณาผู้ใช้ชีวิตหลังความตาย สร้างประโยชน์แก่ผู้อื่นด้วย “ความคิด”

สุทธิศักดิ์” นักโฆษณาผู้ใช้ชีวิตหลังความตาย สร้างประโยชน์แก่ผู้อื่นด้วย “ความคิด”
รายการ “สุริวิภา” พุธที่ 11'10'49 ได้เจาะลึกเรื่องราวของ สุทธิศักดิ์ สุจริตตานนท์ ประธานกรรมการบริหารฝ่ายสร้างสรรค์ BBDO Bangkok นักโฆษณามือหนึ่งแห่งเอเชีย และ อันดับ 8 ของโลก ผู้สร้างสรรค์งานโฆษณาสุดเก๋ไก๋หลายชิ้นจนคว้ารางวัลระดับโลกจากเมืองคานส์มาได้สำเร็จ แต่เรื่องราวที่ อัดแน่นด้วยประสบการณ์หลากหลายของผู้ชายคนนี้ ยังมีให้ติดตามชมได้อีกมาก ทั้งเบื้องหลังการทำงานที่แทบจะต้องทิ้งชีวิต งานอดิเรกที่ระดมพลนักโฆษณาให้มารวมตัวกันอย่างบันเทิง ของสะสมล้ำค่าที่นำมาโชว์ในรายการ และการสร้างสรรค์งานโฆษณารายการ “สุริวิภา” ที่สุดเลิศ!!! สุทธิศักดิ์ สุจริตตานนท์ นอกจากคิดงานได้ใจสุดๆแล้ว เบื้องหลังชีวิตการทำงานก็สุดโต่งไม่แพ้กัน เขาเล่าว่า “ผมเคยคิดงานแบบทำงานไม่หยุดตลอด 24 ชม. จนเกือบตายมาแล้ว อาจจะเรียกว่า เป็น Workaholic ก็ได้ คิดเรื่องงานทั้งวัน คิดไปเรื่อย ไม่ว่าจะเป็นในห้องทำงาน กลับมาบ้านทานข้าวกับลูกกับภรรยา เพราะไม่อยากให้เขารู้สึกว่าผมทำงานหนัก แต่ก็ยังแอบคิดงานตลอด เวลานอนก็แอบคิดไม่ให้ภรรยารู้ ต้องแอบลุกขึ้นมาจดความคิดนั้นไว้ จนเมื่อ 4 ปีที่แล้ว อยู่ๆ ก็ป่วย ชามือเท้าและชาไปหมดทั้งตัว สลับกับความเจ็บปวดทั่วร่างกายเหมือนมีเข็มนับพันๆเล่มทิ่มแทงทั้งตัว ไปหาหมอจึงได้รู้ว่า เป็นไวรัสทำลายเส้นประสาทไขสันหลัง ซึ่งถ้าไปหาช้าอีกนิดเดียวอาจตายได้ ความจริงผมไม่กลัวเพราะคิดว่าน่า จะหาย บอกกับพระเจ้าว่าถ้าที่ผ่านมาผมทำอะไรที่เห็นแก่ตัวเอง ไม่ได้ช่วยคนอื่นก็ให้อภัยผมด้วย ต่อไปนี้ผมจะมองตัวเองให้น้อยลง มองคนอื่นให้มากขึ้น จะช่วยคนที่ลำบาก โชคดีเจอคุณหมอที่เป็นเพื่อนพ่อ ต้องกินสเตอร์ลอยด์วันละเป็นสิบเม็ด 6 เดือนก็ค่อยๆ หาย เหมือนได้มีชีวิตหลังความตาย ก็เริ่มเข้าใจชีวิตมากขึ้น อยากให้อะไรกับตัวเองมีความสุขและให้ผู้อื่นมากขึ้น เวลาทำงานก็จะคิดถึงความเป็นคน ว่าสำคัญมากกว่าสิ่งที่เราต้องการจากเขา” ถึงวันนี้ สุทธิศักดิ์ ไม่ได้ทำงานด้วยความเคร่งเครียดเช่นเมื่อก่อน มีความสุขกับการทำงาน การเล่นเทนนิส เล่นดนตรี และยังสะสมไม้เทนนิส ซึ่งได้นำไม้เทนนิสรุ่นคลาสสิคหลายรุ่นมาโชว์ รวมทั้งยังนำของสะสมอันแท้จริงมาให้ชมด้วย นั่นคือ “ความคิด” ที่สั่งสมเป็นระยะเวลานาน แล้วอยากนำออกมาถ่ายทอดจุดประกายให้กับนักศึกษาคนรุ่นใหม่ ได้ตระหนักว่าใครๆ ก็เป็นสามารถครีเอทีฟได้ ขอเพียงต้องเริ่มมีความคิด เริ่มรู้จักตั้งเป้าหมายและก้าวไปให้ถึง ในรูปแบบที่สามารถตักตวงและเก็บไว้ได้ซึ่งก็คือการถ่ายทอดไว้เป็นหนังสือนั่นเอง “สุริวิภา” ยังได้แอบแวบไปดูการรวมตัวของนักโฆษณามือหนึ่งจากหลายบริษัท ที่ไม่ได้มาสุมหัวคิดงาน แต่เป็นการรวมตัวกันเล่นดนตรีบรรเลงเพลงแนว Bossanova โดยมี ต่อ สันติศิริ รุ่นพี่ในวงการเป็นผู้เริ่มชักชวน จนตั้งวง Wednesday อย่างเป็นเรื่องเป็นราว มีนักดนตรีครบทุกตำแหน่งพร้อมนักร้อง แต่ซ้อมกันมานาน 3 ปี เพิ่งมีโอกาสได้ออกงานเพียงครั้งเดียว ทั้งที่ฝีไม้ลายมือของแต่ละคนก็ไม่เบา ทำเอาหนูแหม่มขอร่วมวงเคาะเครื่องจังหวะไปกับเขาด้วย!!!
----------------------------------------------------------
จากคำถามง่ายๆของคนต่างชาติว่า “เมืองคุณยังขี่ช้างอยู่ใช่ไหม” ทำให้นักโฆษณาผู้นำทัพบริษัทให้คว้ารางวัลได้มากที่สุดในไทยขณะนั้นและกำลังเริ่มไต่เต้ากวาดรางวัลจากเวทีทั่วโลก ถึงกับอึ้งและตั้งปณิธานว่าจะต้องเอาชนะคว้า Gold Lion บนเวทีประกวดเมืองคานส์ให้ได้ ซึ่งเมื่อเทียบแล้วก็เหมือนกับรางวัลเหรียญทองโอลิมปิคเลยทีเดียว ถึงวันนี้ เขาไม่เพียงแต่จะสร้างงานโฆษณาจนคว้ารางวัล Gold Lion จากคานส์และคว้ารางวัลอื่นๆบนเวทีประกวดใหญ่ระดับโลกในหลายประเทศ เขายังได้รับเชิญให้เป็นผู้กล่าวปาฐกถาถึงเรื่องงานโฆษณาไทยบนเวทีเมืองคานส์อีกด้วย ทั้งหมดเกิดจากความรู้สึก “ไม่ยอมแพ้” ของเขา “สุริวิภา” พุธที่ 4 ตุลาคม ศกนี้ เจาะลึกเรื่องราวของ สุทธิศักดิ์ สุจริตตานนท์ ประธานกรรมการบริหารฝ่ายสร้างสรรค์ BBDO Bangkok ผู้เติบโตมากับความรู้สึกว่าต้องเป็นผู้ชนะเสมอ “ตั้งแต่เด็กผมจะคิดหาวิธีที่จะเอาชนะ ด้วยวิธีการที่น่าจะชนะเสมอ ด้วยความเป็นลูกคนกลาง พี่น้องทำอะไรได้ผมก็ต้องหัดทำให้ได้ดีกว่า เล่นแก่นๆแผลงๆตามประสาเด็กก็หาทางเอาชนะคนอื่น เช่น เอาใบมีดโกนติดเชือกป่านว่าวไปตัดคนอื่น เอาเครื่องตีไข่ของแม่มาปั่นน้ำให้เป็นน้ำมัน หาเทคนิคการตีปิงปองให้ชนะคนอื่น ครูสั่งให้วาดภาพก็เลือกเทคนิคสีน้ำมันให้โดดเด่นกว่าคนอื่น เป็นความรู้สึกชอบเมื่อมีคนอึ้งและชื่นชมในสิ่งที่เราทำ จนติดเป็นนิสัย เด็กๆ อยากเป็นจิตรกรมาก คุณแม่พาขับรถไปแถวสี่พระยา ชี้ให้ดูศิลปินไส้แห้งผอมโซ เลยเบนเข็มและสอบติดสถาปัตย์ จุฬาฯ แต่ช่วงเรียนก็ไปสนิทกับเพื่อนคณะนิเทศฯ เลยสนใจงานโฆษณา จบมาลองไปสมัครที่เดนท์สึ เขาให้คิดภาพที่สื่อความหมายว่ารถคันนี้นุ่ม ปรากฏโดนใจเขาเลยได้งาน จากคนวาดภาพประกอบงานโฆษณา ด้วยความที่ไม่ได้เรียนมาทางโฆษณาโดยตรง ผมจึงต้องพยายามหาหนังสือประเภท How-To มาอ่านเยอะมาก และยึดถือ คุณต่อ สันติศิริ คุณภาณุ อิงคะวัต เป็นแบบแผนในฐานะผู้บุกเบิกโฆษณาในยุคโมเดิร์น พอดีไปเจอหนังสือเล่มหนึ่งเลยอยากทำงานกับโอกิลวี่มาก เพราะเชื่อว่าเขาเป็นปรมาจารย์ด้านงานโฆษณา ในที่สุดได้มาเป็นครีเอทีฟ อาร์ตไดเร็คเตอร์ ก็อปปี้ไรเตอร์ ครีเอทีฟไดเร็คเตอร์ โตขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความตั้งใจในเป้าหมายว่าเราจะต้องเรียนรู้ ต้องใช้ความพยายามให้มากที่สุดให้ดีที่สุด เพราะที่นี่ทำให้เรารู้ว่า เราไม่ได้เก่งไม่เด่นเลยนะ ยังมีคนเก่งกว่าเราอีกมากมาย เราต้องเอาชนะเขาให้ได้ พยายามทำงานให้ได้รางวัลมากขึ้นๆ แต่ยังรู้สึกว่าไม่ใช่ ตัวเองเป็นคนทะเยอทะยานสูงมาก เป็นคนที่กล้าเดินเข้าไปขอเลือกทำงานเพื่อพิสูจน์ตัวเองกับเจ้านาย ช่วงนั้นเจ้านายจะเปิดบริษัทลูก Result Advertising ภรรยาก็ช่วยตัดสินใจให้ไป ผมวางเป้าหมายของบริษัทเลยว่า จะต้องเอาชนะโอกิลวี่ ให้บริษัทโด่งดังที่สุด ให้ได้รางวัลมากที่สุดในประเทศ เพราะงานครีเอทีฟโฆษณาวัดกันที่รางวัลจากการประกวดจากทั่วโลก” งานของรีซัลท์ฯ จึงเต็มไปด้วยวิธีคิดที่แตกต่าง ไม่เคยมีใครทำ ทดลองใส่หลายๆอย่างลงในหนังโฆษณา ชุดที่สร้างความฮือฮามากคือ แบล็คแคท ชุดไอ้ฤทธิ์กินแบล็ค ชนะการประกวดทั่วโลก สร้างความสำเร็จให้กับลูกค้า แล้วยังทดลองทำต่อเรื่อยๆ เป็นชุดกระสือ สิงห์คะนองนา สปายไวน์ คูลเลอร์ –บอยไม่ดื่ม ซึ่งก็มีเหมือนกัน งานที่โดนต่อต้านวิจารณ์อย่างแรง ที่รู้ว่าล้ำเส้นศีลธรรมจริยธรรมของไทยไป จึงหันกลับมาใช้งานสูตรสำเร็จ ซึ่งก็คว้ารางวัลได้ตามสูตร ทำให้มีอยู่ปีหนึ่งที่กวาดรางวัลมากที่สุดในไทย “ถึงจุดนั้น ผมไม่ได้มองแค่รางวัลในระดับไทยและเอเชียเท่านั้น บังเอิญว่าบริษัท BBDO ติดต่อทาบทามมานานแล้วถึง 2 ปี ภรรยาก็บอกให้ผมลองไปคุย อย่าเพิ่งละทิ้งโอกาส ปรากฏว่าผู้ใหญ่น่ารักมาก คุยกันสนุกถูกคอ จึงตัดสินใจมา แล้วก็เริ่มตั้งเป้าให้ถึงระดับโลก ต้องการเป็นหนึ่งในเอเยนซี่ที่ดีที่สุดของโลก และยิ่งมีแรงผลักดัน ที่ครั้งหนึ่งเคยร่วมประชุมที่เมืองคานส์นำผลงานที่เราได้รางวัลไปโชว์ แล้วมีฝรั่งที่นั่งข้างๆ หันมาถามว่า บ้านยูยังขี่ช้างกันอยู่ใช่ไหม จากที่นั่งยืดก็หดเหลือนิดเดียว เขายังไม่รู้จักเราดีแล้ว ตั้งแต่นั้นคิดว่าต้องทำให้ต่างชาติรู้จักเมืองไทยให้ได้ จะต้องคว้ารางวัลสูงสุดของที่นี่เพื่อประกาศชื่อประเทศไทย บอกกับลูกน้อง 70 กว่าคน โน้มน้าวเขาให้รู้ว่า ไม่สำคัญว่าคุณจะเป็นใคร ไม่สำคัญว่าคุณจะเก่งจะดีแค่ไหน แต่สำคัญว่าอยากเป็นอะไร” ด้วยแรงผลักดันที่อยากเป็นคนไทยที่นานาชาติยอมรับ โฆษณาครีมลบรอยย่น ชุดมนุษย์สะดือ ก็คว้ารางวัล Gold Lion บนเวทีประกวดเมืองคานส์ได้สำเร็จ “ผมรู้สึกดีใจมาก แต่ไม่ใช่ดีใจที่ได้รางวัลโกลด์ ดีใจว่าคนที่เคยถามผมว่าเมืองไทยยังขี่ช้างกันอยู่หรือเปล่า ถ้าเขาได้ดู ก็จะรู้แล้วว่าไทยแลนด์ทำหนังโฆษณาเป็นและได้รับการยอมรับจนได้รางวัลด้วย” หลังจากนั้น เขาก็ยังนำทัพทีมชาติไทยคว้ารางวัลใหญ่ๆ ระดับโลกมาอีกมากมายอย่างไม่หยุดหย่อน จนทำให้ BBDO Bangkok เป็นบริษัทอันดับ 8 ของโลก ด้วยความรู้สึกที่ว่า ยังมีความท้าทายใหม่ๆ เข้ามาในชีวิตอยู่เสมอ โดยมีภรรยาอยู่เคียงข้างให้กำลังใจ