Monday 13 August 2007

Tokyo.Sora : ฟ้ายังมองเรา


พ้นจากอาคารบ้านเรือนขึ้นไปคือท้องฟ้ากว้างไกลไร้ขอบเขต ราวกับว่าฟ้าได้ครอบคลุมและคุ้มครองทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่เบื้องล่าง
ท้องฟ้าเหนือกรุงโตเกียวก็เช่นกัน... หญิงสาว 6 คน ซึ่งเราแทบไม่รู้จักชื่อของพวกเธอ ต่างคนต่างดำเนินชีวิตผ่านพ้นแต่ละวันท่ามกลางความเงียบ ความเหงา โปร่งเบาเลื่อนลอย ราวกับริ้วเมฆลอยลม
เดินทางผ่านฟากฟ้าอย่างเงียบเชียบไร้จุดหมาย หญิงสาวคนแรกเป็นนักเรียนชาวไต้หวันที่ยังพูดญี่ปุ่นไม่เป็น ชีวิตประจำวันของเธอคือการไปเรียนภาษาญี่ปุ่น ทำงานเป็นนางแบบในชั้นเรียนศิลปะ ซึ่งบางครั้งต้องเปลื้องเปลือยต่อหน้าคนแปลกหน้า ชีวิตประจำวันอีกอย่างหนึ่งคือการนั่งปล่อยเวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ในร้านซักผ้า
ในระหว่างการรอคอยอันน่าเบื่อหน่าย ชายหนุ่มคนหนึ่งมาซักผ้าในร้านเดียวกัน เขานั่งรอพร้อมกับอ่านหนังสือเล่มสีฟ้า หญิงสาวมองเขา มองหนังสือที่เขาอ่านด้วยความตั้งใจ หลายวันต่อมาเธอจึงรู้ว่าหนังสือชื่อว่าอะไร เธอหาซื้อมาเปิดอ่าน แต่เธอจะเข้าใจได้อย่างไรในเมื่อมันเป็นภาษาญี่ปุ่น อย่างน้อยระหว่างนั่งรอในร้านซักผ้า หนังสือสีฟ้าได้ช่วยให้ชายหนุ่มหันมาสนใจพูดคุยกับเธอ ชีวิตใช่ว่าจะว่างเปล่าเลื่อนลอยตลอดเวลา...เธอคงคิดเช่นนี้
หญิงสาวคนที่สอง พักอยู่ห้องข้างๆ หญิงสาวคนแรก เธอทำงานเป็นคนแจกสินค้าตัวอย่างหลายชนิด บางครั้งเธอต้องแต่งตัวรัดรูป กระโปรงสั้น ยืนต่อหน้ากลุ่มชายที่เป็นนายจ้าง ให้พวกเขาเพ่งพิศพิจารณาและวิพากษ์วิจารณ์เธอว่าดูดีหรือไม่ ก่อนจะส่งเธอไปแจกสินค้าเหมือนทุกครั้ง พูดและหยิบยื่นบางสิ่งบางอย่างให้แก่คนแปลกหน้าที่เดินผ่านไปคนแล้วคนเล่า เมื่อกลับมาถึงห้องพัก เรามักได้ยินเสียงโทรทัศน์ดังตลอดเวลา เธอนั่งมองมันราวกับเพื่อนแก้เหงาคนหนึ่ง
หญิงสาวคนที่สามเป็นนักเรียนศิลปะ คลาสที่เธอเรียนอยู่เป็นคลาสวาดรูปคนเหมือน มีนางแบบสาวคนหนึ่งมายืนให้เธอเพ่งมองและนำมาไว้บนกระดาษในรูปของลายเส้นและแสงเงา เมื่อคลาสมาถึงการวาดรูปเปลือย เด็กสาวสนใจกับลายเส้นส่วนหนึ่งเป็นพิเศษ เธอก้มมองหน้าอกของตัวเองราวกับว่าไม่เคยใส่ใจมันมาก่อน
ช่วงเวลาเดียวกัน เพื่อนชายร่วมชั้นคนหนึ่งแสดงความสนใจตัวเธอ เขาขอวาดรูปโดยให้เธอเป็นแบบ เธอจึงหาซื้อฟองน้ำเสริมมาใส่ เมื่อเธอคบกับเขา เขามักขอเธอจูบ และดูเหมือนว่าฝ่ายชายจะต้องการมากกว่านั้น หญิงสาวคนที่สี่เป็นพนักงานเสิร์ฟในคอฟฟี่ช็อปซึ่งแทบไม่มีลูกค้า เธอแอบรักนายจ้างหนุ่ม ช่วงเวลาว่างๆ ในร้านกลายเป็นช่วงเวลาที่เธอกับเขาไปพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน
บางครั้งเรื่องที่เขาเล่าทำให้หญิงสาวหัวเราะเริงร่า แต่บางคราเรื่องเล่ากลับทำให้เธอร้องไห้ หญิงสาวคนที่ห้าชื่อ "โยโกะ" ทำงานในบาร์ เธอบอกกับลูกค้าว่าชื่อของเธอแปลว่าใบไม้ โยโกะมีความตั้งใจจะเป็นนักเขียน เมื่องานเขียนชิ้นหนึ่งของเธอเข้ารอบสุดท้ายในการประกวด นำพาบรรณาธิการหนุ่มเข้ามาในชีวิตเธอ เขาคอยให้คำแนะนำปรึกษา แต่งานเขียนชิ้นต่อมากลับยังทำได้ไม่ดีนัก
สิ่งที่โยโกะต้องการถ่ายทอดเป็นตัวหนังสือคือเรื่องราวของ "ยูกิ" ตัวละครที่เธอสร้างขึ้นจากชื่อของหญิงสาวที่ทำงานในบาร์เดียวกับเธอ เธอพยายามสร้างยูกิให้เป็นอีกโลกหนึ่งของตนเอง เป็นโลกที่สดใส สวยงาม ซึ่งเธอไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน จนบรรณาธิการบอกว่าเรื่องของเธอขาด "ความมืด" ซึ่งเธอยอมรับ
หญิงสาวคนที่หกเป็นสาวบาร์ชื่อยูกิ เธอบอกกับลูกค้าว่าชื่อของเธอแปลว่าหิมะ นอกจากทำงานในบาร์แล้ว ยูกิเป็นช่างสระผมในร้านเสริมสวยหรูหรา เธอพยายามเรียนรู้การตัดผม แต่กลับไม่เคยได้รับโอกาส ชีวิตของเธอไม่ได้สดใสสวยงามอย่างที่โยโกะสร้างแรงบันดาลใจจากชื่อของเธอ อย่างไรก็ตาม ทั้งสองได้มาพบกัน พูดคุยทำความรู้จักและทำความเข้าใจในชีวิตของแต่ละคน จนราวกับว่าต่างคนต่างได้เพื่อนเข้ามาเติมเต็มชีวิต
แต่โชคร้าย ยูกิจากไปกะทันหันด้วยเหตุที่คนสันนิษฐานว่าเป็นการฆ่าตัวตาย โลกสวยงาม สดใส ซึ่งเป็นอีกด้านหนึ่งของโยโกะจึงพังทลายตามไปด้วย พ้นจากอาคารบ้านเรือนขึ้นไปคือท้องฟ้ากว้างไกลไร้ขอบเขต ราวกับว่าฟ้าได้ครอบคลุมและคุ้มครองทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่เบื้องล่าง ท้องฟ้าเหนือกรุงโตเกียวก็เช่นกัน...
หญิงสาวต่างแหงนมอง...บางสิ่งบางอย่างอาจผ่านมาแล้วผ่านไป แต่ท้องฟ้ายังคงอยู่ตรงนั้นเสมอ Tokyo.Sora เป็นหนังญี่ปุ่นปี 2002 กำกับโดย อิชิกาวา ฮิโรชิ ผู้กำกับหนังโฆษณาที่หันมาจับงานหนังเป็นครั้งเรื่องแรก
หนังมีบทสนทนาน้อยมาก ไร้พล็อตเรื่องให้จับต้อง ตกแต่งด้วยดนตรีประกอบเพียงน้อยนิด แต่แทนที่ด้วยเสียงบรรยากาศรายรอบไม่ว่าจะเป็นเสียงรถรางแล่นกึงกัง เสียงโทรทัศน์ เสียงพัดลม ยิ่งทำให้รู้สึกถึงความเงียบเหงาของตัวละครยิ่งขึ้น หนังดำเนินเรื่องด้วยภาพชีวิตของหญิงสาวทั้ง 6 คน ให้เราได้เฝ้ามองความเป็นไปของพวกเธอ ความนิ่งเงียบไร้พล็อตนี่เองที่อาจทำให้ผู้ชมเบื่อได้ง่ายๆ อาจต้องใช้ความอดทนพอสมควรกว่าจะผ่าน 2 ชั่วโมงมาได้ อย่างไรก็ตาม การถ่ายภาพที่ใช้องค์ประกอบแบบงานโฆษณาช่วยให้หนังมีเสน่ห์ให้ค้นหา
ฟ้าคือสัญลักษณ์ที่หนังบอกกล่าวไว้ตั้งแต่ในชื่อเรื่อง ฉากภายนอกเราจึงเห็นท้องฟ้าเป็นองค์ประกอบตลอดเวลา ส่วนฉากภายใน หลายครั้งหนังใช้แสงฟุ้งจากหน้าต่างเป็นตัวแทนของท้องฟ้า จนรู้สึกเหมือนกับว่ามีท้องฟ้าอยู่ทุกหนทุกแห่ง บางฉากทำให้ผู้เขียนนึกไปถึง All about Lily Chou-Chou ของชุนจิ อิวาอิ ซึ่งว่าด้วยความเปลี่ยวเหงาสับสนคล้ายๆ กัน
ดูหนังเรื่องนี้อาจทำให้เหงายิ่งขึ้น แต่บทจบของเรื่องราวก็ทำให้อุ่นใจได้ว่าชีวิตไม่ว่างเปล่าเกินไปนัก