Monday, 13 August 2007

เจ้าดาราทอง


เจ้าดาราทอง
เกร็ดของพระองค์เจ้าพีระ เจ้าดาราทอง พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีระพงศ์ภาณุเดช (ภาพโดย คุณ Y, เนื้อหา คุณเสียอา)

ประสูติเมื่อวันที่ ๑๕ กรกฏาคม พ.ศ. ๒๔๕๗ ทรงเป็น พระโอรสในสมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษี สว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุ์วงศ์ วรเดช กับ หม่อมเล็ก ทรงสำเร็จการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยอีตัน กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
ในปลายทศวรรษที่ 1930 สมัยที่สยามยังไม่เป็นที่รู้จักของ ประชาชนทั่วไปในยุโรป เจ้าชายสยามองค์หนึ่ง ทรงทำให้ชื่อ ของประเทศสยาม ระบือลื่อเลื่อง ลงหนังสือพิมพ์ทุกฉบับใน อังกฤษชื่อเสียงขจรขจาย ทั่วประเทศอื่น ๆ ในยุโรปที่สนใจ กีฬา เจ้าชายสยามองค์นั้นคือ พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้า พีรพงศ์ภาณุเดชหรือ คนไทยเรียกกันสั้นๆว่า "พระองค์พีระ"
ในเดือนมีนาคมปี พ.ศ.๒๔๗๘ ทรงเป็นนักกีฬาของไทย พระองค์แรกที่เข้าร่วมการแข่งขันเสมอกับคนต่างชาติ และยังสามารถชนะด้วย โปรดการขับรถแข่งมากลงแข่งขันครั้งสำคัญๆในต่างประเทศเป็นร้อยๆครั้งและในปี ค.ศ. ๑๙๓๖, ค.ศ. ๑๙๓๗ และ ค.ศ.๑๙๓๘ ทรงได้รับรางวัลชนะเลิศ๓ปีซ้อนและได้รางวัล "ดาราทอง" จากพระเจ้ายอร์ชที่ ๕ แห่งราชอาณาจักร อังกฤษด้วย ทำให้ตอนนั้นชื่อเสียงของประเทศไทยนั้นดังไปทั่วโลก เกียรติประวัติที่ควรจารึกไว้คือ
ทรงชนะที่หนึ่ง 4 ครั้ง จากการชิงถ้วยเจ้าชายเรนีย์แห่งโมนาโก ชิงรางวัลระหว่างชาติที่บรูคแลนด์ส ชิงรางวัลใหญ่ของปีการ์ดี และชิงรางวัลของอาลบี
ทรงชนะที่สอง 2 ครั้ง จากการแข่งที่เกาะแห่งเมน และการแข่งขันที่กรุงดับลิน
ทรงชนะที่สาม 2 ครั้งจากการแข่งที่ภูเขาไอเฟิล และการชิงแชมเปี้ยนภูเขาที่บรูคแลนด์
เพราะเป็นคนเอเชียคนแรกที่ได้รับรางวัลนี้เมื่อพระองค์ เสด็จกลับมาเมืองไทยคนไทยตื่นเต้นกันมากเมื่อเห็น "พระองค์เจ้าพีระ" ขับรถแข่ง สีฟ้า ไปตามท้องถนนต่าง ๆ จะหยุดดูด้วยความชื่นชม จนเรียกมีคำพูดติดปากว่า "รถสีฟ้าคือสีพีระ” สื่อมวลชนไทยในสมัยนั้นถวายสมญาว่า "เจ้าดาราทอง"ราษฎรไปรับเสด็จกันคับคั่ง ทรงกลายเป็น วีรบุรุษในวงการกีฬาและขวัญใจประชาชน
สีฟ้าสดของรถแข่งที่ทรงขับ เรียกกันว่าสีฟ้าพีระ หรือ Bira blue กลายเป็นสีฮิทกันพักใหญ่ของสาวๆ ในงานเลี้ยง ที่จัดขึ้นต้อนรับพระองค์เจ้าพีระ ฯ แขกสาว ๆ ในงาน แต่งกายด้วยสีฟ้าสด สวยละลานตากันทั้งงาน
ฉากสุดท้ายในพระชนมชีพของ Prince Bira ที่อังกฤษ ทำให้ผมนึกเปรียบเทียบกับฉากสุดท้ายในพระชนม์ชีพพระมหากษัตริย์ ไทยพระองค์หนึ่ง ที่เสด็จสวรรคตในอังกฤษเหมือนกัน คือพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.7 ซึ่งสวรรคตก่อนพระองค์ พีระสิ้นพระชนม์สามสิบกว่าปี แต่เป็นการสวรรคตและสิ้นพระชนม์ในต่างแดนเช่นเดียวกัน (ประเทศเดียวกัน) หลังความผันผวน ในพระชนมชีพคล้ายกัน ในหลวง ร.7 สวรรคตในฐานะอดีตราชันผู้นิราศจากแผ่นดินของพระองค์ เพิ่งทรงสละราชบัลลังก์ ไปก่อนหน้านั้น ประทับอย่างเงียบๆ ที่สุด ถ้าผมจำไม่ผิด ในงานพระบรมศพดูเหมือนจะไม่มีเครื่องสังข์แตรประโคม ไม่มีแม้แต่พระสงฆ์ไทยเจริญพระพุทธมนต์ถวายในโอกาสสุดท้ายก่อนถวายพระเพลิงด้วยซ้ำ เพราะสมัยนั้นยังไม่มีวัดไทยที่โน่น กว่าพระบรมอัฐิจะได้รับถวายพระเกียรติยศตามโบราณราชประเพณีก็อีกหลายปีต่อมา เมื่อสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เสด็จนิวัติเมืองไทยแล้ว
งานพระศพของพระองค์พีระอาจจะไม่เดียวดายขนาดนั้น เพราะสถานทูตไทยจัดถวายอย่างสมพระเกียรติ มีเพื่อนนักแข่งรถ ร่วมสมัยไปถวายความคารวะเป็นครั้งสุดท้าย ชุมชนไทยในอังกฤษสมัยปี 1970
ผมจำได้ว่า คุณหญิงนริศรา จักรพันธ์ (เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนจิตรลดา รุ่นเดียวกับทูลหม่อมจุฬาภรณ์) คุณหญิงไป ๆ มา ๆ ระหว่างอังกฤษและ กรุงเทพฯ พอมากรุงเทพ ฯ ก็เข้ามาเรียนที่โรงเรียนนี้ ด้วยความที่ไป ๆ มาๆ เรียนขาดบ้าง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงพระราชทานครูจาก โรงเรียนไปสอนเสริมให้ที่วังจักรพงษ์ ท่าเตียน สำหรับฮิวโก้ จุลจักร จักรพงษ์ ดาราชื่อดังที่เป็นบุตรชายของคุณหญิงนั้น ก็เคยเรียนอนุบาล ที่จิตรลดาเหมือนกัน
คุณหญิงนริศรา จักรพันธ์เป็นผู้ประสานให้เจ้าของรถมาร่วมกันแข่งขัน เนื่องในวาระ..ปีเฉลิมฉลองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว น่าจะปี กาญจนาภิเษก (พุทธศักราช 2525)
ตัวของคุณหญิงก็ลงขับเองด้วย (ชุดสีฟ้า) กลิ่นของไอเสียจะมีกลิ่น น้ำมันละหุ่นผสม (ถ้าผมจำไม่ผิดนะ) กลิ่นกระจายไปทั่วลานพระบรมรูป การแข่งเป็นภาพประวัติศาสตร์ เสียดายที่การบันทึกภาพ ในสมัยนั้นยังไม่มีเทคนิคอะไรมาก คงต้องขอฝรั่งมาดูข้อมูลที่ว่ามา อาจมีผิดบ้างถูกบ้างเพราะเล่าจากความจำ ขอค้นอีกทีครับ
ราว ๆ ปี 2534 ดร.สรรพสิริ วิริยะศิริ ได้โครงการจะทำเหรียญพระองค์พีระ โดยมีจุดขายว่าใครเอาไปบูชาจะขับรถเก่ง.. ไม่ใช่ ..จะขับรถปลอดภัย อะไรประมาณนั้น (อย่าลืมว่าดร.สรรพสิริ เป็น Production House หนึ่งในสามเจ้าแรกในไทย) ผมเองก็รีบ โทรไปจอง..สองเหรียญครับ แต่ก็เงียบไปไม่ได้รับการติดต่อ ราคาบูชาถ้าจำไม่ผิดจะสี่ร้อยต่อเหรียญ
ประมาณปีที่แล้วผมไปเดินตลาดคลองถมกลางคืน ผมได้เจอเหรียญดังกล่าว วางขายข้างถนน ในราคาสองพันบาท.. ผมก็ได้แต่ หยิบมาดูแล้ววางลง
ไม่ได้คิดว่าถูกหรือแพง แต่คิดว่าการที่เราได้เข้าใจและลึกซึ้งกับพระประวัติของท่านแล้ว เปรียบได้กับผมได้แสดงการเคารพใน พระปรีชาชาญของท่านโดยไม่ต้องผ่านเครื่องหมายแทนใดๆ...(ถ้าขายสักห้าร้อยจะซื้อ!) ทีหลังอย่าถามผมเรื่องแบบนี้นะครับ คนอ่านเขาคิดว่าผมนะจะ 70 ย่าง 80 เรื่อย วัยรุ่นเครียด..
ใครอยากได้รายละเอียดเพิ่มเติมเชิญไปพบ ดร.สรรพสิริ วิริยะศิริ หอเกียรติภูมิรถไฟ หอเกียรติภูมิยานยนต์ "พีระ-เจ้าดาราทอง" ณ หอเกียรติภูมิยายนต์ สวนจตุจักร
เสียอา
(เรียบเรียงจากกระทู้พักคุยเรื่องรถคลาสสิค ณ เมืองบางกอก กระทู้ที่ 135 เรื่องรูปเก่า ๆ ของคุณ Y และมีคุณเสียอา มาให้รายละเอียดเกี่ยวกับพระองค์พีระ บางกอกคลาสสิคคาร์ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ทำให้เกิดบทความดี ๆ จากกระทู้ของเรา จึงขออนุญาตเรียบเรียงข้อความของกระทู้ฯ บางตอน เพื่อความเหมาะสมในเชิงบทความครับ)