Monday, 13 August 2007

The Brave One


บทสัมภาษณ์ นีล จอร์แดน (ผู้กำกับการแสดง)

ภาพยนตร์เรื่อง The Brave One
คำถาม: จุดไหนในภาพยนตร์เรื่อง The Brave One ที่เป็นผลสะท้อนทำให้คุณอยากจะทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นเป็นภาพยนตร์?นีล : ครับ มันเป็นเรื่องค่อนข้างแปลกเพราะโดยปกติแล้วผมจะทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ผมเขียนเรื่องเอง และอย่างจริงใจไปเลยนะ ผมมีหนังอยู่เรื่องหนึ่งแล้วที่ผมชอบแต่มีคนส่งบทเรื่องนี้เข้ามาทางไปรษณีย์ซึ่งธรรมดาแล้วผมจะไม่อ่านเรื่องที่ส่งเข้ามาแบบนี้ แต่ผมก็อ่านมันแล้วมันก็ตรงใจ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชาวอเมริกันที่ตรงไปตรงมามากมันเป็นหนังของเมืองนิวยอร์ค แต่จะมีบางอย่างที่น่าสนใจอย่างไม่น่าเชื่อเกี่ยวกับครั้งแรกที่เอริก้าต้องยิงใครโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพสะท้อนของเธอในตอนนั้นตอนที่เธอเริ่มพูดเกี่ยวกับคนแปลกหน้าที่อยู่ในตัวเธอ ผมพบว่ามันมีบางอย่างที่คั่งแค้น เป็นธรรมดาและเป็นความโหดร้ายเอามาก ๆ เกี่ยวกับทุกอย่างเพราะงั้นผมถึงได้อ่านมันซ้ำอีกครั้งหนึ่งเพราะผมไม่ไว้ใจในเสียงตอบรับของตัวเองกับบทภาพยนตร์เรื่องนี้ในบางครั้งอาจเป็นเพราะคุณจะต้องเจอปัญหามากมายกับมัน ผมได้อ่านมันอีกรอบแต่ก็ยังรู้สึกว่ามันน่าสนใจ ผมให้ภรรยาของผมช่วยดูด้วย ผมบอกกับเธอว่า อ่านนี่หน่อย ผมไม่ค่อยแน่ใจเพราะมันเป็นหนังแบบของชาวอเมริกันและมันไม่ใช่ผม แล้วเธอก็อ่าน เธอบอกกับผมว่าเธอเห็นว่ามันมีความน่าสนใจเหมือน ๆ กัน และผมก็ต้องอ่านมันซ้ำอีกก่อนที่จะพูดคุยกับโจเอล ซิลเวอร์กับโจดี้แล้วก็ทุก ๆ คน ผมหมายถึงเราต้องแสดงความเชื่อมั่นในการที่จะเลือกงานในรูปแบบนี้และผมก็ทำมันโดยมันออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมมาก แต่เป็นโลกของการทำหนังที่ผมรักเกี่ยวกับความเป็นอเมริกาซึ่งเป็นสิ่งเดียวกันกับที่ดอน ซีเกิ้ลได้ทำ บรรดาเรื่องราวที่ปลอกเปลือกลงที่จุดใหญ่ใจความของเนื้อเรื่องที่คุณจะได้เห็นเกี่ยวกับชีวิตในชนบทที่นี่ซึ่งผมชอบนะและนี่และคือความเป็นมันที่แท้จริงสำหรับผม
คำถาม: มันเป็นอย่างไรบ้างที่ได้ร่วมทำงานกับโจดี้ และเธอทำอะไรให้เกิดขึ้นกับตัวละครตัวนี้บ้าง?นีล : ผมคิดว่าตัวละครตัวนี้นำหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่ธรรมดาออกมาจากความเป็นตัวของเธอ ผมรู้จักกับโจดี้มาหลายปีเพราะเราได้พูดคุยกัน ผมคิดว่าเมื่อสัก 15 ปีที่แล้วมาเห็นจะได้ที่เราคุยว่าจะทำงานกัน เธอมีบริษัทของเธอในตอนนั้นและมีบทภาพยนตร์ที่ผมเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยโดยที่เธอก็สนใจ จากนั้นเราก็ได้พูดคุยกันบ่อยครั้งแต่เราก็ยังไม่ได้โอกาสทำงานร่วมกันสักที เพราะงั้นมันเป็นส่วนหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับเรื่องนี้ ในนาทีแรกที่ผมคิดถึงเธอให้มารับบทบาทนี้ มันก็ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของความน่าสนใจที่บ้าคลั่งเอาทีเดียว เวทย์มนต์แม่มดที่จะกลั่นส่วนผสมออกมาได้ ผมหมายถึงว่าผมคิดว่าโจดี้เป็นเสมือนสมบัติที่มีค่าของชาวอเมริกัน ที่จริงแล้วเธอเป็นเหมือนสัญลักษณ์นะ เธอเข้าวงการแสดงตั้งแต่เธออายุแค่ 6 ขวบ เธอโตมากับวงการนี้เลยทีเดียวและภาพยนตร์ทำนองนี้ก็เติบโตขึ้นมากับเธอ ทั้งยังเป็นการได้ทำงานกับใครสักคนที่ทำหนังของตัวเองได้ เพราะงั้นเธอจึงมีความเข้าถึงและเข้าใจ เธอเป็นความปลื้มปิติจากการลอยตัวของขั้นตอนทั้งหมดทั้งปวงทีเดียวล่ะ คำถาม: คุณช่วยอธิบายการที่ตัวละครต้องผ่านการเปลี่ยนแปลงตัวเองในภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ไหม?นีล : ตอนที่ผมได้พูดคุยกับโจดี้ เราสรุปกันว่ามันจะเป็นอะไรที่เธอจะต้องรู้สึกถูกครอบงำจากเสียงซึ่งมันก็ดีอยู่แล้วเพราะผมชอบตอนที่ตัวละครเดินเรื่องนั้นมันเหมือนเป็นศูนย์กลางทางความคิดทั้งหมดทั้งปวงในทางหนึ่ง โดยจะไม่มีความน่าติดตามจากความเป็นจริงที่ว่าเธอนั้นเกือบจะอัดเสียงตัวเองเข้าไป และสิ่งนี้ที่ชาวอังกฤษจะเรียกกันว่าเป็นเทรนสปอตเตอร์ – คนที่ถูกครอบงำจากสิ่งนี้จนเกือบที่จะไร้สมอง เพราะงั้นคุณจะมีบุคคลิกภาพของตัวละครที่ถูกครอบงำอย่างน่าอัศจรรย์และการถูกครอบงำนี้จะถูกแทนที่ด้วยสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าและร้ายแรงกว่ามากมายนัก เพราะงั้นมันจะกลายเป็นทั้งมีความสมจริงและความน่าสนใจในเวลาเดียวกัน
คำถาม: คุณได้ทำเทคนิคอะไรกับเสียงที่จะสะท้อนให้เห็นสิ่งนั้นหรือเปล่า?นีล : แน่นอน เยอะมาก ผมหมายถึงว่าเสียงนั้นมีความสำคัญมากในหนังเรื่องนี้มากกว่าเรื่องอื่น ๆ ที่ผมได้เคยทำมาเพราะเธออัดเสียงต่างๆ เองและได้หลายอย่างจากการเปิดมันขึ้นมา มันยังเป็นความคิดที่จะอัดเสียงการเดินทางของเธอและอัดเสียงการฆาตกรรมของเธอเพราะพวกมันเป็นการฆาตกรรมจริง ๆ - เป็นการอัดเสียงการลงมือฆ่าคนของเธอ เพราะผู้คนที่ทำเรื่องเหล่านี้พวกเขามีแรงกระตุ้นที่จะเก็บมันไว้เป็นสถิติเพราะงั้นถือเป็นแรงจูงใจ พวกเรามีความสุขที่ได้ทำหนัง แต่เป็นความตื่นเต้นที่ได้เห็นความสมเหตุสมผลมากกว่าความคิดจากภายในของหญิงสาวฐานะปานกลางที่ต้องผ่านการเดินทางอย่างที่คลิ้นท์ อีสต์วูดเคยได้ผ่าน มันเป็นความเร้าใจ ผมรู้ว่ามันจะจบลงอย่างไรที่เป็นเนื้อเรื่อง ผมไม่แน่ใจว่าสีสรรค์ของตัวละครจะมีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของการแก้แค้นและผมคิดว่าความซับซ้อนของเรื่องเกี่ยวกับการที่ส่วนหนึ่งของความเป็นเราอยากจะทำสิ่งเหล่านี้ ส่วนหนึ่งของเราเมื่อเราทำความผิดต้องการจะทำเรื่องราวโหดร้ายโดยสัญชาตญาณเพื่อเราจะแก้ไขให้มันถูกต้องโดยทันที แต่เราไม่ทำแบบนั้นเพราะความเป็นอารยะชนสอนเราว่าเราทำมันไม่ได้ เพราะงั้นการที่เราได้เห็นใครสักคนที่จะยอมทำตามความดิบที่มีอยู่ในตัวทางด้านความน่าสะพรึงกลัวนั้นเป็นความสะใจในเวลาเดียวกัน
คำถาม: โจดี้อธิบาย ตัวละครที่เทอร์เรนซ์ โฮเวิร์ดแสดงว่าเป็นคนดีคนสุดท้าย คุณเห็นด้วยหรือเปล่า ?นีล : แน่นอนเลยครับ ผมหมายถึงว่า เทอร์เรนซ์เป็นตัวแทนของตำรวจของนิวยอร์ค พวกเขาดูเหมือนว่าจะมีจริยะธรรมเอามาก ๆ จากที่ผมค้นคว้ามานะ ผมคิดว่าในประเทศอื่น ๆ คุณจะไม่มีความคิดของคนดีและคนเลวจากสีขาวและสีดำรวมทั้งเลวและดี และสิ่งที่ผมชมชอบเกี่ยวกับตัวละครทั้งสองตัวนี้คือการที่เขาทั้งสองต้องเข้ามาอยู่ในส่วนที่เป็นสีเทาด้วยตัวของพวกเขาเอง ผมหมายถึงตัวละครเอริก้าที่โจดี้แสดงนะ มันจะกลายเป็นเหมือนเตาหลอมของสีเทา และตัวละครเมอร์เซอร์ที่เทอร์เรนซ์แสดงเขาเป็นใครสักคนที่เคร่งครัดกับด้านผิดและด้านถูกคนเลวและคนดีว่าจะต้องอยู่กันคนละด้านและความเคร่งครัดนี้เกือบจะเอาชีวิตของเขาทีเดียว เพราะงั้นมันจะเป็น dichotomy เพราะหนังเรื่องนี้ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับปัญหาที่เกี่ยวกับจิตใจและนี่คือเหตุผลที่ผมอยากจะทำมันออกมา มันค่อนข้างเกี่ยวโยงกับปัญหาด้านความขลาดในจิตใจอีกด้วยนะ
คำถาม: คุณช่วยเล่าเกี่ยวกับการร่วมงานกับ เทอร์เรนซ์ โฮเวิร์ดในฐานะนักแสดง อะไรที่คุณคิดว่าเขาเป็นคนที่ใช่ที่จะมารับบทบาทของเมอร์เซอร์?นีล : เทอร์เรนซ์เหรอ สิ่งแรกที่ทำให้ผมคิดคือตอนที่ผมได้ดูเรื่อง Hustle & Flow ผมได้เห็นผลงานของเขามาก่อนแต่ไม่เคยมีความคิดว่าเขาจะเป็นใครสักคนที่ใช่ที่จะมารับบทบาทตัวนำของเรื่อง เขาเป็นคนพิเศษ เขามีความรู้สึกของคนที่ชอบพนันขันต่ออย่างไม่มีใครเหมือน ผมหมายถึงว่าหน้าของเขาจะมีแววของความรู้สึกอยู่ตลอดเวลา จริง ๆ นะ และเขาก็มีร่างกายที่ดูดี อย่างเดียวที่ผมคิดว่าเป็นเรื่องยากสำหรัลเทอร์เรนซ์นั้นก็คือการทำให้เขาดูเลวและพยายามที่จะทำให้เขาดูมอมแมม เพราะถึงแม้ว่าคุณจะเอาเสื้อสูทที่ดูแย่ที่สุดในโลกให้เขาสวม ก็ยังทำให้เขาดูเหมือนวาเลนติโนอยู่ดี แต่เขาเป็นนักแสดงที่สามารถอย่างไม่น่าเชื่อและหุ่นก็ยังดูดีเขายังเป็นคนที่ทำให้ผมนึกถึงมาร์ลอนแบรนโดทีเดียว ผมคิดว่าเขาเป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยม เทอร์เรนซ์เยี่ยมจริง ๆ และพวกเขาก็เป็นตัวละครที่มีความแตกต่างกัน ถึงจะเป็นเวลาที่พวกเขาต้องแสดงร่วมกันมุมมองของการแสดงก็ยังมาจากที่ ๆ แตกต่างกันอีกด้วย เพราะงั้นในฐานะของผู้กำกับการแสดงมันเป็นความน่าสนใจที่จะได้สังเกตุและดูแลเรื่องทั้งหมดทั้งปวงนี้
คำถาม: คุณเห็นว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มีรูปแบบของความเป็น Noir บ้างไหม ?นีล : ผมไม่ชอบคำว่า Noir นะ ผมชมชอบหนังหลายเรื่องที่เรียกตัวเองว่า Noir คุณเข้าใจว่าผมหมายถึงอะไรใช่ไหม? ผมไม่ชอบหนังที่พยายามที่จะเป็น Noir ผมไม่ชอบหนังสีที่พยายามจะรวบรวมความรู้สึกของภาพดำและขาวเอาไว้ ถ้าผู้คนเรียกหนังประเภทนี้ว่าเป็น Noir มันจะต้องเป็นเพราะว่ามันมีความเป็น Noir มันจะต้องเกี่ยวกับสถานที่ดำมืดที่ไม่มีใครอยากจะไปที่นั่น มันจะต้องเกี่ยวกันเมืองที่แน่นอนว่ามีหนังหลายต่อหลายเรื่องที่เรียกตัวเองว่าเป็น หนัง Noir ในนิวยอร์ค แต่อันที่จริงแล้วหนังที่เรากำลังทำกันอยู่เป็นหนังสี เชื่อผมเถอะว่ามันเป็นความลานตาของสี ผมเห็นว่ามันเป็นฝันร้ายที่สีสดใสจริง ๆ นะ – ทั้งแสงและสีต่าง ๆ ที่ระเบิดกันเข้ามา; แสงอาทิตย์ก็ร้อนเกินไปและเงาดำก็ดูมืดทึมเกินไป เพราะงั้นถ้ามันเป็นหนัง Noir มันจะดูเป็นหนังประเภทนี้ที่แตกต่างไปอย่างมากในที่สุดแล้วนะ
คำถาม: คุณรู้สึกอย่างไรกับการที่ต้องถ่ายทำในนิวยอร์คสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้?นีล : มันยอดเยี่ยมมาก และมันก็เป็นสถานที่ ๆ เต็มไปด้วยเส้นสาย ที่หนึ่งที่ผมเคยได้ทำงานมา ผมเคยทำหนังหนึ่งหรือสองเรื่องในอเมริกามาก่อนแต่ผมไม่เคยต้องอยู่ในแวดวงที่เส้นสายจะดูเป็นดราม่า ไม่ว่ามันจะเป็นแนวนอนหรือแนวตั้งก็ตาม มันเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายได้ให้เห็นว่ามันเป็นอย่างไรจริง ๆ แล้ว แต่มันจะมีความสุขในความเคลื่อนไหวที่ไม่น่าเชื่อแค่ตั้งกล้องที่ไหนก็ได้ที่นี่ นั่นคงจะเป็นเพราะสถานที่ถ่ายทำที่พวกเราเลือกนั้นเราเลือกกันอย่างระมัดระวัง จะมีความรู้สึกของความเป็นอเมริกา มันเป็นหนังอเมริกันเอามาก ๆ ผมบอกแบบนี้ก็แล้วกัน และผมก็หมายถึงในทางที่มองเห็นอย่างใดอย่างหนึ่ง เมื่อผู้ชมได้ดูมัน พวกเขาก็จะเข้าใจได้
คำถาม: อะไรที่เป็นเรื่องประหลาดใจสำหรับคุณในการทำภาพยนตร์เรื่องนี้?นีล : พวกเขาส่งบทภาพยนตร์มาให้ผมและเขาอยากจะให้ผมทำมันขึ้นมาเอง ผมก็แค่ปรับเปลี่ยนฉากไปบ้าง และมันก็เป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดา ผมประหลาดใจกับความเต็มเปี่ยมของทุกสิ่งทุกอย่าง ให้ผมบอกอย่างนั้นดีกว่า ผมประหลาดใจกับการที่มันมีผลกับชีวิตในทางที่อาจจะเป็นเรื่องโชคหรืออาจจะเป็นเรื่องที่เราวางแผนมาดีก็ได้
คำถาม: คุณมีความรู้สึกอย่างไรเป็นส่วนตัวกับเรื่องราวในภาพยนตร์เรื่องนี้?นีล : หนังของผมจะเป็นประเภทเข้าใจยากเป็นเรื่องราวสอนใจใช่ไหมครับ? หนังพวกนั้นจะค่อนข้างมืดไปสักหน่อย ผมจะชอบบรรดาตัวละครที่ลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับหลายสิ่งที่พวกเขาไม่เข้าใจ ผมชอบตัวละครที่เผชิญหน้าระหว่างความมืดกับความสว่าง ผมจะชมชอบกับตัวละครที่ก้าวข้ามผ่านเส้นกั้นของจริยธรรมเมื่อตอนที่พวกเขาจะต้องถามปัญหานี้กับจิตใจของตัวเอง ผมชอบประเภทที่กลางคืนจะสั้น ผมจะทำหนังคอมมิดี้ได้ไม่ดี และผมจะชำนาญมากกว่ากับความโหดร้าย เพราะงั้นผมคิดว่าหนังเรื่องนี้มีครบทุกรส และผมก็คิดว่ามันก็ยังไม่เท่าที่มันควรจะเป็นนะเพราะผมหมายถึงว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ผมเขียนขึ้นมาเอง อย่างที่โจดี้พูดกับผมในตอนต้นว่า บางครั้งคุณทำสิ่งเหล่านี้แต่คุณกลับไปจบลงด้วยการทำอะไรบางอย่างที่คุณจะไม่เคยทำมาก่อนเลยและคุณก็นำเสนออีกส่วนหนึ่งของคุณที่แตกต่างออกไป เพราะงั้นมันเป็นความน่าสนใจเอามาก ๆ เพราะมันมีวัตถุประสงค์ ผมคิดว่าถ้าผมต้องเขียนเรื่องของผมขึ้นมาเอง อย่างเรื่อง The Crying Game หรือเรื่อง Breakfast on Pluto หรืออย่างเรื่อง Michael Collins มันจะมีสิ่งที่ทำให้ผมพอใจและผมก็พบว่ามันเร้าใจแต่อาจจะไม่ประทับใจกับคนทั้งโลกอย่างที่ผมรู้สึกก็เป็นได้ ในขณะที่คนหนึ่งเลือกเรื่องราวแบบนี้ขึ้นมามันจะมีจุดประสงค์นะผมคิดว่า มันจะมีความกว้างที่อาจจะไม่ใช่เพียงแต่จะมาจากเรื่องราวที่เป็นส่วนตัวเท่านั้น
(7/31/2007 11:22:54 PM)