Thursday 16 August 2007

Behind The Scene : PIRATES OF THE CARIBBEAN: DEAD MAN’S CHEST







Behind the Scene :
เบื้องหลังการถ่ายทำ PIRATES OF THE CARIBBEAN: DEAD MAN’S CHEST

PIRATES OF THE CARIBBEAN: DEAD MAN’S CHEST“Pirates of the Caribbean: Dead Man’s Chest” อีพิคภาคสองแห่งตำนาน “Pirates of the Caribbean” กับการกลับมาของกัปตันแจ็ค…ร่วมด้วยวิลล์ เทิร์นเนอร์และเอลิซาเบธ สวอนน์ ที่ประกอบด้วยตัวละครทั้งเก่าและใหม่เต็มลำเรือใน นำแสดงโดยจอห์นนี่ เด็ปป์ เจ้าเก่า ในบทบาทที่ทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอคาเดมี อวอร์ด, ออร์แลนโด้ บลูม และ เคียรา ไนต์ลี่ย์ นักแสดงหญิงผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมปี 2005ภายใต้การอำนวยการสร้างของ เจอร์รี่ บรั๊คไฮเมอร์และผู้กำกับกอร์ เวอร์บินสกี้ ...กัปตันแจ็คแล่นเรือออกไปสู่การผจญภัยครั้งใหม่ที่เต็มไปด้วยเรื่องน่าพิศวงยิ่งขึ้น สเปเชียล เอฟเฟ็กต์ตระการตายิ่งขึ้น และ ความฮาที่ขำขันยิ่งขึ้น ในภาคต่อ ที่น่าตื่นตาตื่นใจนี้ กัปตันแจ็ค สแปร์โรว์ ผู้มีนิสัยแปลกพิลึก—เขาอาจเป็นได้ทั้งโจรสลัดที่เก่งกาจที่สุดหรือห่วยแตกที่สุดในประวัติศาสตร์ก็ เขาต้องเข้าไปพัวพันกับเรื่องลี้ลับพิศวงเหนือธรรมชาติอีกครั้ง แม้ว่าคำสาปแห่งเรือแบล็คเพิร์ลจะมลายไปแล้ว ภัยคุกคามที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่ากลับคืบคลานเข้ามาใกล้ เหตุเกิดจากการที่กัปตันแจ็คติดหนี้เลือดที่ต้องชดใช้ให้กับ เดวี โจนส์ (บิลล์ ไนฮีย์) ผู้ทรงอิทธิพลเหนือน่านสมุทร กัปตันเรือฟลายอิ้ง ดัทช์แมน ซึ่งเหนือกว่าเรือทุกลำในเรื่องของความเร็วและความเงียบกริบ ถ้าหากแจ็คไม่อาจคิดหาทางเอาตัวรอดจากสัญญาทาสนี้ได้ล่ะก็ เขาจะถูกสาปให้ต้องใช้ชีวิตเป็นลูกสมุนของโจนส์ไปชั่วกัปชั่วกัลป์ เรื่องนี้เองได้ขัดขวางแผนแต่งงานระหว่าง วิลล์ เทิร์นเนอร์ และ เอลิซาเบธ สวอนน์ ผู้ซึ่งพบว่าตัวเองต้องเข้าไปพัวพันกับเรื่องราวโชคร้ายของแจ็คอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งนำไปสู่การประจันหน้ากับสัตว์ร้ายแห่งท้องทะเล ชาวเกาะที่ไม่เป็นมิตรเอาซะเลย นักทำนาย เทีย ดัลมา (นาโอมี แฮร์ริส) หรือกระทั่งการปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งอย่างน่าฉงนของ บู๊ทสแตร็ป บิลล์ (สเตลแลน สการ์สการ์ด) พ่อที่หายสาบสูญไปนานของวิลล์
“Pirates 2” อีพิคและเรื่องราวผจญภัยน่าอัศจรรย์ที่จะทำให้ผู้ชมได้สนุกไปกับเรื่องราวหฤหรรษ์เช่นเดียวกับภาคก่อนที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ มือเขียนบทของเรื่องคือ เท็ด เอเลียตต์ และเทอร์รี รอสซิโอ มือเขียนบทของภาคแรก เจ้าของผลงานฮิตอย่าง “Aladdin” และ “Shrek” ด้วยบทกัปตันแจ็ค สแปร์โรว์ ที่ส่งให้เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอคาเดมี อวอร์ดและลูกโลกทองคำและได้รับรางวัลสมาพันธ์นักแสดง จอห์นนี่ เด็ปป์ได้ก่อให้เกิดไอคอนแห่งวงการภาพยนตร์ของแท้ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก เด็ปป์เป็นนักแสดงที่ได้รับความนิยมและโด่งดังสูงสุดคนหนึ่งของโลก ด้วยบทบาทที่หลากหลายตลอดอาชีพนักแสดงที่โดดเด่นของเขา เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอคาเดมี อวอร์ดและลูกโลกทองคำจากทั้ง “Pirates of the Caribbean: The Curse of the Black Pearl” ออร์แลนโด้ บลูม กลายเป็นดาราใหญ่ระดับนานาชาติ นักแสดงหนุ่มผู้ได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ คนนี้ก็ได้แสดงในภาพยนตร์ของเจอร์รี่ บรั๊คไฮเมอร์ เรื่อง “Black Hawk Down” ที่กำกับโดยริดลีย์ สก็อตต์, “Troy” ของวูลฟ์กัง ปีเตอร์สัน, “Kingdom of Heaven” ของสก็อตต์และ “Elizabethtown” ของคาเมรอน โครว์ และ เคียรา ไนต์ลี่ย์ นักแสดงหญิงผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอคาเดมี อวอร์ดและรางวัลลูกโลกทองคำสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมปี 2005 จาก “Pride & Prejudice” เธอได้รับความสนใจจากผู้ชมทั่วโลกเป็นครั้งแรกในภาพยนตร์ม้ามืดเรื่อง “Bend It Like Beckham” นอกเหนือจากเรื่อง “Pirates of the Caribbean: The Curse of the Black Pearl” แล้ว เธอยังร่วมแสดงใน “Love Actually” , “King Arthur,” แม้ว่าเครดิตผลงานจะมีเพียงห้าเรื่อง ภาพยนตร์ของ กอร์ เวอร์บินสกี้ กลับทำรายได้รวมกันทั่วโลกไปกว่า หนึ่งพันล้านเหรียญ โดยเฉพาะ “Pirates of the Caribbean: The Curse of the Black Pearl” ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง, เจอร์รี บรั๊คไฮเมอร์ คือหนึ่งในผู้อำนวยการสร้างที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์และโทรทัศน์ เขาดำรงตำแหน่งประธานเจอร์รี บรั๊คไฮเมอร์ ฟิล์มส์ เขาคือคนที่อยู่เบื้องหลังภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดไปทั่วโลกมากมาย “American Gigolo,” “Flashdance,” “Days of Thunder,” “Bad Boys,” “Dangerous Minds,” “Crimson Tide,” “The Rock,” “Con Air,” “Armageddon,” “Enemy of the State,” “Gone in 60 Seconds,” “Coyote Ugly,” “Remember the Titans,” “Pearl Harbor,” “Black Hawk Down,” “Pirates of the Caribbean: The Curse of the Black Pearl,” “Bad Boys II,” “Veronica Guerin,” “King Arthur,” “National Treasure” และ “Glory Road” ในซีซัน 2005 - 2006 เขามีผลงานเป็นซีรีส์เก้าเรื่องทางเน็ตเวิร์คโทรทัศน์ ซึ่งเป็นสถิติที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนในประวัติศาสตร์โทรทัศน์ที่ยาวนานเกือบหกสิบปี
นักแสดงที่กลับมาร่วมงานกับเด็ปป์, บลูมและไนต์ลี่ย์อีกครั้งหนึ่งใน “Pirates of the Caribbean: Dead Man’s Chest” ได้แก่แจ็ค ดาเวนพอร์ตในบท เจมส์ นอร์ริงตัน ผู้การกองเรืออังกฤษ , โจนาธาน ไพรซ์ในบท เวธเธอร์บี สวอนน์ ท่านข้าหลวงบิดาของเอลิซาเบธ, เควิน อาร์. แม็คแนลลี ในบทโจชามี กิบส์ กะลาสี, ลี อาเรนเบิร์กและแม็คเคนซีย์ ครู้ก ในบทพินเทลและราเก็ตติ เพื่อนคู่รักคู่แค้น, เดวิด เบลลีย์ในบท คอตตอน ผู้ที่นกแก้วพูดแทนเขาทุกอย่างและมาร์ติน เคล็บบาในบท มาร์ตี ชายร่างเล็กแต่ใจใหญ่ ...นักแสดงชื่อดังระดับโลกที่เข้ามารับบทสำคัญทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น บิลล์ ไนฮีย์ (“Love Actually ) ในบทเดวี โจนส์ เจ้าแห่งท้องสมุทร,สเตลแลน สการ์สการ์ด (“King Arthur ) ในบทบู๊ทสแตร็ป บิลล์ เทิร์นเนอร์ พ่อของวิลล์, นาโอมี แฮร์ริส ( 28 Days Later ) ในบทเทีย ดัลมา, ทอม ฮอลแลนเดอร์ ในบทลอร์ด คัทเลอร์ เบ็คเก็ตต์ ประธานบริษัทอีสต์ อินเดีย เทรดดิ้ง คัมปะนี และเดวิด โชฟิลด์ (“The Last of the Mohicans,” “Gladiator”) ในบทเมอร์เซอร์ เจ้าหน้าที่ผู้ไร้ปรานีของเบ็คเก็ตต์ ภาพแรกที่ปรากฏในภาพยนตร์ไลฟ์แอ็กชันของ วอลท์ ดิสนีย์ สตูดิโอ คือภาพโคลสอัพหัวกะโหลก และธงหัวกะโหลกไขว้ในภาพยนตร์ปี 1950 ที่สร้างจาก “Treasure Island” ของโรเบิร์ต หลุยส์ สตีเวนสัน 53 ปีให้หลัง ผลงาน “Pirates of the Caribbean: The Curse of the Black Pearl” จากสตูดิโอเจ้าเก่าได้ฟื้นคืนชีพและคืนชีวิตชีวาให้แก่แนวหนังที่ครั้งหนึ่งเคยสร้างความบันเทิงให้ผู้คนนับล้าน เรื่องราวน่าตื่นเต้นของเหล่าผู้กล้าแห่งท้องสมุทร ทั้งฝ่ายเลวและฝ่ายดีดูเหมือนจะไม่มีวันจบสิ้นPirates of the Caribbean: The Curse of the Black Pearl” กลายเป็นภาพยนตร์ฮิตในทุกแห่งที่มันลงโรง โดยมันทำรายได้ในสหรัฐฯ ไปได้ 305,413,918 ล้านเหรียญและมันก็สร้างสถิติด้วยการกวาดรายได้ทั่วโลกไปถึง 653,913,918 ล้านเหรียญ ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังได้รับการเสนอชื่อชิงห้ารางวัลอคาเดมี อวอร์ด ซึ่งรวมถึงในสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมสำหรับจอห์นนี่ เด็ปป์ …โจรสลัดในแบบที่ผู้ชมไม่เคยพบเจอมาก่อน ภายใต้การสร้างสรรค์ที่เป็นแบบฉบับของเขาเองโดยแท้ กัปตันแจ็ค สแปร์โรว์เป็นตัวละครจากภาพยนตร์ที่เป็นไอคอนเพียงหนึ่งเดียวที่เกิดขึ้นในสหัสวรรษใหม่นี้ ตัวละครที่แปลกใหม่และพิลึกพิลั่นซึ่งเกิดขึ้นจากการแสดงของมนุษย์พันหน้า จอห์นนี่ เด็ปป์ กัปตันเรือโจรสลัดผู้มีลำตัวไหวเอนอยู่ตลอดเวลา เชื่อในเรื่องโชคลาง ผู้มีศีลธรรมและนิสัยในการรักษาความสะอาดที่น่าสงสัยพอๆ กัน เขากลายเป็นแอนตีฮีโรแห่งโลกภาพยนตร์เพียงหนึ่งเดียวในศตวรรษใหม่ ด้วยผมทรงเดรดล็อค หนวดเคราที่ประดับประดาไปด้วยลูกปัดและหินสี เครื่องรางของขลังมากมายที่แขวนตามเสื้อผ้าเขา และฟันที่ฝังทองและเงิน ซึ่งเป็นที่ถูกอกถูกใจผู้ชมโดยไม่ถูกจำกัดในเรื่องของอายุ เพศหรือเชื้อชาติ เช่นเดียวกับตัวหนัง เมื่อเร็วๆ นี้ การแสดงของเด็ปป์ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งใน 100 การแสดงที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลจากนิตยสารพรีเมียร์ ฉบับเดือนพฤษภาคม ปี 2006 ซึ่งนำเสนอภาพของพ่อกัปตันคนดีนี้บนหน้าปกชนิดโดดเด่นกว่าเพื่อน (เด็ปป์ติดลิสต์นี้เป็นครั้งที่สอง โดยครั้งแรกจาก “Edward Scissorhands”)สำหรับ เด็ปป์ แล้ว เขาเผยถึงงานครั้งยิ่งใหญ่นี้ว่า “ผมคิดไม่ถึงเลยว่าตัวละครตัวนี้จะฝังรากลึกในหัวใจของผู้ชมได้มากขนาดนี้ ผมยังอึ้ง _!!! อยู่เลยนะเนี่ย ผมได้รับโอกาสที่จะดึงเอาบางสิ่งบางอย่างออกมาจากตัวละครตัวนี้มา และผมก็มีไอเดียที่ค่อนข้างแน่นปึ้กทีเดียวว่าเขาเป็นใคร และเขาน่าจะเป็นยังไง หลายคนคิดว่าผมบ้าไปแล้วด้วยซ้ำครับ แต่ผมก็ยึดติดอยู่กับเขา และผมคิดว่านั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับผม ในแง่ของการค้นหาตัวละครครับ “สิ่งที่ผมตั้งใจจะทำ” คือพยายามทำให้กัปตันแจ็คถูกใจเด็กเล็กๆ พอๆ กับที่ถูกใจพวกผู้ใหญ่ที่เป็นปัญญาชนครับ”
ส่วน ออร์แลนโด้ บลูม กล่าวว่า “ผมอยากให้วิลล์เป็นหนุ่มน้อยที่รักความยุติธรรม ซื่อตรงจริงใจแบบในหนังภาคแรกน้อยลงหน่อย และให้เขาเผยแง่มุมด้านมืดมากขึ้นครับ การเดินทางที่แท้จริงของวิลล์ในภาคที่สองนี้คือความกังวลที่มีต่อ บู๊ทสแตร็ป บิลล์ พ่อของเขาที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในภาคแรกทั้งๆ ที่ไม่มีใครได้เห็นเขาด้วยซ้ำไป วิลล์ต้องการจะช่วยเหลือพ่อของเขาจากชะตากรรมที่ต้องอาศัยอยู่ในเรือฟลายอิ้ง ดัทช์แมนกับเดวี โจนส์และลูกเรือที่น่าสะพรึงกลัวของเขา ดังนั้น จุดมุ่งหมายของวิลล์ก็คือการสานสัมพันธ์กับพ่อของเขา ไปพร้อมๆ กับการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเอลิซาเบธไปด้วย ตัวละครหลักแต่ละตัวใน ‘Dead Man’s Chest’ ต่างก็มีจุดมุ่งหมายของตัวเองทั้งนั้น ซึ่งบางครั้งจุดมุ่งหมายของพวกเขาก็ขัดแย้งกันเอง มันมีความตึงเครียดของคู่รักหนุ่มสาวระหว่างวิลล์และเอลิซาเบธให้เห็นด้วยครับ”
เช่นเดียวกับผู้ชมทั่วโลก เคียรา ไนต์ลี่ย์ ต่างก็ยินดีปนแปลกใจกับความสำเร็จยิ่งใหญ่ของภาคแรก “เราสร้างหนังที่มีที่มาจากเครื่องเล่นในสวนสนุกดิสนีย์ ซึ่งเป็นหนังแบบที่ไม่เคยประสบความสำเร็จมาซัก 50 ปีเห็นจะได้ค่ะ แต่เรามีกอร์ เวอร์บินสกี้ ผู้มีวิสัยทัศน์ที่เหลือเชื่อ และจอห์นนี่ เด็ปป์ เจ้าของบทแจ็ค สแปร์โรว์ที่ทำให้หนังเรื่องนี้ก้าวสู่ความเป็นปรากฏการณ์ที่แปลกใหม่ค่ะ สิ่งที่เยี่ยมเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ ก็คือตัวละครมีการพัฒนาขึ้น เอลิซาเบธตอนเริ่มเรื่อง เธอกำลังจะแต่งงานกับวิลล์อยู่รอมร่อ แต่แผนการสวยหรูนั้นก็พังทลายเป็นเสี่ยงๆ วิลล์ถูกจับในข้อหาเป็นโจรสลัดและเอลิซาเบธในข้อหาช่วยเหลือการหลบหนีของกัปตันแจ็ค สแปร์โรว์ เอลิซาเบธกลายเป็นหญิงสาวที่มีภารกิจค่ะ และมันก็มีความนัยบางอย่างในความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับวิลล์ล์ และแจ็คสแปร์โรว์…ซึ่งพัฒนาไปเป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ เลยค่ะ”
2005 (และ 2006) : ตำนานการผจญภัยของโจรสลัดถ่าย “Pirates of the Caribbean: The Curse of the Black Pearl” เป็นอีพิคเรื่องเยี่ยม การพูดถึงการถ่ายทำ “Pirates of the Caribbean: Dead Man’s Chest” คงใช้ได้แค่คำว่าตำนานการผจญภัย ด้วยการเดินทางจากสถานที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง จากเกาะหนึ่งไปยังอีกเกาะหนึ่ง การถ่ายทำครั้งนี้เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่เกินจริง ที่เพียบพร้อมไปด้วยการผจญภัยน่าอัศจรรย์ ความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่ การเตรียมงานสำหรับ “Pirates of the Caribbean: Dead Man’s Chest” และ “Pirates of the Caribbean III” เริ่มต้นขึ้นในเดือนมิถุนายน ปี 2004 จากสคริปต์ที่เขียนโดยเอเลียตต์และรอสซิโอ ทีมงานสร้างรู้ดีว่า การใช้เกาะแห่งเดียวเป็นโลเกชัน เช่นเดียวกับในภาคแรกไม่เพียงพอเสียแล้ว พอร์ต รอยัลและทอร์ทูกา แหล่งพักพิงของโจรสลัด ได้รับการออกแบบใหม่โดย ริค ไฮน์ริคส์ ในอ่าววัลลิลาบูในเกาะเซนต์วินเซนต์ ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำภาคแรกด้วยเช่นกัน โดมินิกา สรวงสวรรค์สีเขียวชอุ่มที่ไร้มลทินแปดเปื้อนด้วยนโยบายการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ กลายเป็นสถานที่ถ่ายทำสำคัญด้วยโลเกชันที่งดงามมากมาย ตั้งแต่ชายหาดที่เต็มไปด้วยต้นปาล์ม ป่า ป่าเขตร้อนไปจนถึงที่ราบสูง และในหมู่เกาะบาฮามา พวกเขาได้ถ่ายทำในทั้งเกาะเอ็กซ์มัสและในสิ่งก่อสร้างริมทะเลที่อยู่บนเกาะแกรนด์ บาฮามา ไอแลนด์ เมื่อการเตรียมงานเดินหน้าถึงขีดสุด ทีมงานเกือบ 1,000 ชีวิตในแผนกต่างๆ ต่างก็กำลังทำงานในช่วงพรีโปรดักชันของ “Pirates of the Caribbean: Dead Man’s Chest” ในสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก ตั้งแต่ลอสแองเจลิสไปจนถึงลอนดอนและทะเลแคริบเบียน นี่คือ “ความร่วมแรงร่วมใจ” กันอย่างแท้จริง ส่วนทีมงานสร้างสิ่งที่สำคัญยิ่งก็คือการสร้างเรือแบล็คเพิร์ลลำใหม่ขึ้นจากเรือเดอะ ซันเซ็ต ขนาด 109 ฟุต ที่เป็นเรือเรียบๆ ธรรมดา ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเรือบรรทุกน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก การสร้างเรือแบล็คเพิร์ลลำใหม่จากซันเซ็ตใช้เวลานานแปดเดือน และเมื่อการทำงานสิ้นสุดลง บางสิ่งบางอย่างที่แปลกใหม่แต่คุ้นตาก็เสร็จสมบูรณ์ “ผลที่ได้ก็คือจากแนวน้ำขึ้นมา คุณก็จะได้เรือโจรสลัดแบล็คเพิร์ลลำงาม” ส่วนเรือที่จะนำไปใช้ในการถ่ายทำในโดมินิกาและหมู่เกาะบาฮามาก็คือ ฟลายอิ้ง ดัทช์แมน ที่แสนน่าประทับใจ เรือลำนี้มีขนาดความยาว 170 ฟุต น้ำหนักระวาง 420 ตัน ดาดฟ้าเรือที่ผุพังฝังแน่นไปด้วยเพรียง หอยแมลงภู่ และซากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ แห่งน่านน้ำทั้งเจ็ด โครงกระดูกที่มีลักษณะเหมือนจระเข้ ซึ่งเป็นสัตว์ล่าเหยื่อผู้น่าสะพรึงกลัวนั้น ถูกแขวนอยู่บนเสากระโดงเรือ ใบเรือขาดวิ่นเป็นริ้ว ทางเดินเรือถูกปกคลุมไปด้วยสาหร่ายทะเล ปืนใหญ่ 36 กระบอกที่แม้จะฝังไปด้วยร่างของสิ่งมีชีวิตในท้องทะเล แต่ก็ยังคงใช้งานได้เป็นอย่างดีตั้งอยู่ที่กราบเรือทั้งสองด้านและปืนใหญ่ขนาดมหึมาสองกระบอกที่โผล่พ้นช่องปืนออกมาก็เป็นเครื่องข่มขวัญผู้ใดก็ตามที่หาญกล้ามาขวางทางเรือลำนี้ได้เป็นอย่างดี เรือแบล็คเพิร์ลและฟลายอิ้ง ดัทช์แมนต่างก็ถูกสร้างขึ้นมาโดยมีใบเรือสี่ชุดครบสมบูรณ์ ส่วนเสากระโดงและใบเรือที่เหลือจะถูกใส่เข้ามาทีหลังด้วยฝีมือของทีมงานจากอินดัสเทรียล ไลท์ แอนด์ เมจิค การเสาะหาผ้าและวัตถุดิบจากทั่วโลก เพื่อนำมาสร้างสรรค์ชุดคอสตูมกว่า 8,000 ชุด เพื่อใช้ใน “Dead Man’s Chest” และ “Pirates III” เป็นเรื่องที่ต้องใช้พลังอย่างสูง รวมทั้งทีมงานช่างตัด ช่างเย็บ ช่างย้อม ผู้หาวัตถุดิบ ช่างทาสี ช่างทำหนังและผู้ช่วยงานอีกมากมาย สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งยวดก็คือคอสตูมเหล่านี้จะต้องดูราวกับถูกตัดเย็บขึ้นมาในศตวรรษที่ 18 ในทุกรายละเอียด เสื้อผ้าเหล่านี้จะต้องดูเหมือนกับว่า มันถูกสวมใส่จริงๆ มาเป็นเวลานาน การเพิ่มอายุและย้อมสีเป็นกระบวนการที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับหนังพีเรียด สำหรับทีมนักแสดงและทีมงาน ความท้าทายสูงสุดคือการท้าทายต่อสภาพอากาศที่คาดเดาไม่ได้ของเกาะแห่งนี้ ที่มาพร้อมกับอากาศร้อนจัด ความชื้น และฝนตกฟ้าผ่าที่สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกวินาที, การต้องเดินทางไปตามถนนบนเขาที่แคบและอันตราย ที่กว้างในระดับแค่ให้รถเก๋งคันกะทัดรัดสองคันวิ่งสวนกัน หรือปล่อยให้รถขนอุปกรณ์ 16 ล้อวิ่งได้คันเดียวเท่านั้น, ต้องคอยเลี่ยงงูเหลือมงูหลาม (เป็นงูไม่มีพิษ แต่ใช้วิธีรัดด้วยพละกำลัง) และพืชและสัตว์ท้องถิ่นที่แปลกประหลาด ทีมงานยังต้องบุกเบิกงานสร้างสาธารณูปโภคต่างๆ ให้กับทีมงานและนักแสดงของภาพยนตร์เรื่อง “Dead Man’s Chest” ซึ่งรวมถึงเสาโทรศัพท์มือถือและอินเตอร์เน็ตไร้สาย ทีมงานมากกว่า 600 ชีวิตของ “Pirates” เดินหน้าเข้าสู่เมืองโดมินิก้าที่ให้การต้อนรับพวกเขา ทำให้คนงานกว่า 400 คนได้ทำงานในกองถ่ายโดยแบ่งแยกกันไปตามแผนกหลังกล้องต่างๆ รวมไปถึงตำแหน่งหน้ากล้องด้วย และถ้าคำพูดที่ว่ากองทัพเดินด้วยท้องเป็นความจริง กองถ่ายภาพยนตร์ก็คงจะเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน ในวันที่ถ่ายฉากที่ใหญ่ที่สุดหลายวันในโดมินิก้า พอล คูซมิช ผู้จัดหาอาหารประจำกองถ่าย และทีมงานที่ขยันขันแข็งของเขา ต้องทำอาหารเลี้ยงคนจำนวน 780 ถึง 840 คน แค่อาหารมื้อเช้ามื้อเดียว ทีมงานที่หิวโหยบริโภคไข่ 1100 ถึง 1500 ฟอง, เบคอน 100 ถึง 160 ปอนด์, ขนมปัง 80 ก้อน, ไส้กรอก 50 ปอนด์, ขนมปังแข็ง 400 ก้อน และผลไม้ 10-12 ตะกร้า ยกเว้นของกินที่หาได้ในพื้นที่แล้ว ทุกอย่างต้องถูกส่งมาจากอเมริกา ขณะเดียวกันนั้น เท็ด โยเนนากะ ผู้เชี่ยวชาญในการขนส่ง และลีอา แอนเดอร์สัน ผู้ช่วยที่มีความกระตือรือร้นไม่แพ้กันของเขา ต้องขนส่งรถอาหารไปยังพื้นที่ที่ยากลำบากเพื่อส่งน้ำให้กับทีมงานและนักแสดง ระหว่างรออาหารมื้อสำคัญของคูซมิช การถ่ายทำในโดมินิก้าเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ 18 เมษายน ที่หาดแฮมป์สตีดของเกาะแห่งนี้ ซึ่งเป็นชายหาดกว้างที่มองออกไปเห็นน้ำทะเลสีฟ้าเป็นประกายระยิบระยับ บนชายฝั่งด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะ ในขณะที่ด้านหลังเป็นป่าและสวนมะพร้าว อันที่จริง ต้นไม้บางส่วนเป็นฝีมือการสร้างของทีมงานเพื่อใช้ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้โดยผู้กำกับศิลป์ วิลเลี่ยม แล็ดด์ สกินเนอร์ได้นำต้นไม้ 7000 ต้นเข้ามา หลายต่อหลายฉากถ่ายทำกันบริเวณในและรอบๆ หาดแฮมป์สตีด ซึ่งรวมถึงฉากการต่อสู้ระหว่างแจ็ค สแปร์โรว์, วิลล์ เทอร์เนอร์ และเจมส์ นอร์ริงตันบนวงล้อใหญ่ยักษ์ที่กำลังหมุนอยู่ ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในฉากที่ซับซ้อนที่สุดที่เคยเห็นกันมาในภาพยนตร์ ในบรรดาอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ในฉากนี้ก็คือความจริงที่ว่าบางครั้งลูกมะพร้าวที่ทั้งใหญ่ทั้งหนัก มักหล่นลงมาจากต้นมะพร้าวที่มีความสูงถึง 100 ฟุตขณะที่กองถ่ายปักหลักถ่ายทำอยู่ จนทีมงานต้องพากันสวมหมวกป้องกันศีรษะ และกอร์ เวอร์บินสกี้ต้องใส่หมวกกันน็อคแบบโบราณ
ส่วนหนึ่งของฉากแอ็คชั่นปนตลกที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านแห่งนี้ ซึ่งวิลล์ เทอร์เนอร์ และโจรสลัดของเรือแบล็คเพิร์ลคนอื่นๆ โดนขังอยู่ในกรงทรงกลมขนาดใหญ่ที่ทำจากกระดูกมนุษย์ (ซึ่งอันที่จริงทำจากลาเท็กซ์และโฟม) ถ่ายทำกันที่ติตู กอร์จที่โด่งดังของโดมินิก้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติมอร์น ทรอยส์ พิตันส์ ที่ตั้งอยู่ใจกลางโดมินิก้าทางด้านใต้ น้ำที่เย็นจัดจนเป็นน้ำแข็งทำให้ทีมงานต้องสวมใส่ชุดเว็ตสูท แต่พวกเขาทำอะไรไม่ได้มากนักเมื่อเกิดพายุฝนกระหน่ำทำให้การถ่ายทำของวันนั้นต้องล่าช้าออกไป...แต่ก็อย่างที่หลายคนบอก เฮ้ นี่มันป่าฝนนะ! “ตอนที่ผมคิดว่าผมคงลืมไปแล้วว่าอากาศหนาวในโดมินิก้าที่ร้อนแสนร้อนเป็นยังไง ‘Pirates of the Caribbean’ ก็มีหนทางที่จะทำทุกความปรารถนาของคุณให้เป็นจริง” เควิน อาร์ แม็คนัลลี่บอก “สำหรับฉากที่กรงซึ่งทำจากกระดูกตกลงสู่ลำธารลึก พวกเขาต้องเจอกับน้ำที่เย็นที่สุดในโดมินิก้า และเราต้องอยู่ที่นั่นนานถึงสองวัน! แต่ติตู กอร์จเป็นสถานที่ที่อัศจรรย์มาก มันกว้างเพียงแค่ 10 ฟุต แค่ตกมาจากหน้าผาก็จะต้องเจอกับน้ำเย็น ใส สวยที่เราเจอกันอยู่นี่”ฉากกรงกระดูกเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญจากแผนกต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่าต้องรวมถึงผู้ประสานงานสตั๊นต์อย่างจอร์จ มาร์แชลล์ รัจด้วย “ความเป็นจริงที่เราต้องจับคนใส่ลงไปในกรงนี้ กลิ้งมันลงไปตามเขา ตกไปจากหน้าผา และแกว่งไปมาระหว่างกำแพงหิน กลายเป็นปัญหาไม่น้อย เราสร้างกรงที่เบาพอจะให้คนแบกมันขึ้นมาได้อย่างไร มีการค้นคว้าและทดลองเยอะมาก เราลงเอยด้วยกรงหลายเวอร์ชั่น มีกรงอันหนึ่งที่ทำจากโฟมน้ำหนักเบา ส่วนกรงอีกกรงหนึ่งทำจากวัสดุที่มีน้ำหนักมากขึ้น จะเอาไว้ใช้สำหรับฉากที่ต้องกลิ้งลงจากเขา” .....“ฉากกรงกระดูกมันบ้ามาก” บลูมเล่า “ครั้งแรกที่พวกเขาปล่อยเราจากเครน ไม่มีใครรู้ว่าจะเจอกับอะไร มันให้ความรู้สึกเหมือนกำลังกระโดดบันจี้จัมป์...ท้องคุณจะเบาหวิว เชื่อผมเถอะ คุณไม่มีทางลืมวินาทีแบบนั้นแน่” “ฉากกรงกระดูกมันบ้ามาก” บลูมเล่า “ครั้งแรกที่พวกเขาปล่อยเราจากเครน ไม่มีใครรู้ว่าจะเจอกับอะไร มันให้ความรู้สึกเหมือนกำลังกระโดดบันจี้จัมป์ ...ท้องคุณจะเบาหวิว เชื่อผมเถอะ คุณไม่มีทางลืมวินาทีแบบนั้นแน่” ...ยังมีฉากที่กัปตันแจ็ค สแปร์โรว์ต้องวิ่งหนีไปตามชายหาดเพื่อหลบให้พ้นจากกลุ่มชาวเกาะที่กำลังโกรธแค้น ซึ่งถ่ายทำกันที่ชายหาดแฮมป์สตีด “ฉากนั้นเหนื่อยมาก” จอห์นนี่ เด๊ปป์ยอมรับ “คนสองร้อยคนแต่งตัวเป็นชาวเกาะวิ่งไล่ตามผมมาตามชายหาดในขณะที่ผมแต่งตัวเป็นแจ็ค สแปร์โรว์แบบเต็มยศ แม้จะเหน็ดเหนื่อยเท่าไหร่ แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็คุ้มค่ามาก” “Dead Man’s Chest” ที่ใช้เวลาในการถ่ายทำนานเกือบหนึ่งปีเต็มนับแต่ที่เริ่มต้นถ่ายทำกันในเบอร์แบงก์ ได้ปิดกล้องลงแล้ว ในวันสุดท้ายของการถ่ายทำ ณ โลเกชั่นในแคริบเบี้ยน ทีมงานทุกคนได้มารวมตัวกันในเต้นท์อาหารที่แค้มป์ในแกรนด์บาฮาม่า โดยบรัคไฮเมอร์, เวอร์บินสกี้ และทีมงานของเขา ได้สรุปรายละเอียดข้อมูลสำคัญๆ เอาไว้ดังต่อไปนี้:
ผู้ประสานงานการเดินทางของกองถ่ายได้จองตั๋วเครื่องบินแบบเดินทางเที่ยวเดียวจำนวน 10,000 ใบ นี่ยังไม่รวมถึงการเช่าเครื่องบินเหมาลำ
มีการซื้อโทรศัพท์ในโดมินิก้าไป 475 เครื่อง
ถังน้ำมันจำนวน 550 ถังถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ตกแต่งฉาก
ควันจำนวน 178 บาร์เรลถูกใช้ไปโดยแผนกสเปเชียลเอฟเฟ็กต์
ถ่านจำนวน 6,000 ก้อนถูกใช้ไปโดยแผนกเสียง
ในฉากหนึ่ง ทุกแผนกในกองถ่ายใช้วอล์กกี้ทอล์กกี้สูงถึง 200 ตัว
เชือกบนเรือ การตกแต่งฉาก และอุปกรณ์แต่งฉาก ทำให้ทีมงานใช้เชือกไปกว่า 463,000 ฟุต...ซึ่งเท่ากับระยะทางยาว 87 ไมล์!
รวมการถ่ายทำของกองถ่ายที่ 1, 2 และหน่วยงานอื่นๆ ภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้ฟิล์มในการถ่ายทำรวมความยาวได้ 335 ไมล์... เพียงพอที่จะทอดตัวจากลอสแอนเจลิสไปถึงซาคราเมนโต้
แผนกอาหารต้องประกอบอาหารไปทั้งหมด 200,000 มื้อและก็ถึงเวลาแล้วที่ทั้งนักแสดงและทีมงานจะได้กลับบ้านไปหาคนที่พวกเขารัก และชื่นชมกับความทรงจำที่คุ้มค่าในหนึ่งปีที่ผ่านไป “มันน่าทึ่งในทุกระดับเลยนะ” จอห์นนี่ เด๊ปป์ กล่าว “คุณแทบจะกลายเป็นครอบครัวเร่ร่อนที่แสนแปลกประหลาด เป็นเหมือนคณะละครสัตว์ร่อนเร่”
“การต้องจากครอบครัวและเพื่อนๆ ไปเป็นเวลานานขนาดนั้นต้องเป็นเรื่องลำบากใจอยู่แล้ว แต่เราได้สร้างสภาพแวดล้อมที่เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันขึ้นมา และในกองถ่ายยังมีบรรยากาศที่ดีอีกด้วย” ออร์แลนโด้ บลูมกล่าว “เวลาหลายชั่วโมงอาจดูยาวนานและการทำงานก็แสนจะท้าทาย แต่พวกเราทุกคนรู้ดีว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั้นคือโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิต เป็นความบันเทิงที่มีคุณภาพ เป็นความสนุกสนานของทั้งครอบครัว มีเรื่องที่ดีที่ทุกคนสามารถสนุกสนานได้ เนื้อเรื่องไม่จริงจังเกินไป และให้อิสระกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ควรจะเป็นในภาพยนตร์สักเรื่อง และที่มากไปกว่านั้น ผมรู้สึกราวกับว่าผมกำลังมีชีวิตอยู่ในความฝันมากมายในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการโหนตัวอยู่กับเชือก การกลิ้งไปในกรงกระดูก การสไลด์ตัวไปตามใบเรือ หรือการได้จูบกับผู้หญิงสวย อันที่จริงงานนี้เป็นงานยาก แต่มันถูกทำให้ดูเหมือนง่ายมากเมื่ออยู่บนจอ แต่การได้แสดงสิ่งเหล่านี้ก็มีความสนุก ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากเพราะนี่คือกลุ่มคนเก่งๆ มีความคิดมากมายและความใส่ใจที่ถูกใส่ลงไปในกระบวนการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ทั้งหมด” “ผมยังนึกไม่ออกเลยว่าจะมีใครสร้างภาพยนตร์แบบนี้อีก” บลูมสรุป “มันให้ความรู้สึกเหมือนเป็นจุดสิ้นสุดของยุคๆ หนึ่งในแง่ของการสร้างภาพยนตร์แบบนี้ ผมคิดว่าพวกเราทุกคนรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้”“ผมมีความนับถืออย่างลึกซึ้งต่อกอร์ และยังคงมีความนับถือเขาเสมอมานับแต่ที่เราได้ร่วมงานกันในภาพยนตร์ภาคแรก” จอห์นนี่ เด๊ปป์กำลังพูดถึงผู้กำกับของเขา “แต่กับภาพยนตร์เรื่องนี้ การได้เห็นสิ่งที่เขาต้องเจอในการทำงานแต่ละวันถือว่ามหัศจรรย์มาก กับความกดดันที่เขาต้องเจอ ผมไม่เคยเห็นเขาหลุดไปจากความใจเย็นหรือจินตนาการของเขาเลย เขาสามารถรับมือและต่อสู้ในแบบของเขา เป็นภาพที่มหัศจรรย์ที่ได้มาเห็น กอร์เป็นหนึ่งในผู้กำกับที่คุณในฐานะที่เป็นนักแสดง สามารถที่จะทิ้งบทไปโดยไม่ต้องอ่านมันเลย และไว้วางใจในความรู้ของเขาที่มีต่อเรื่องนี้ เขารู้จักมันเป็นอย่างดี”“กอร์คือผู้กำกับที่เป็นปรากฏการณ์” ออร์แลนโด้ บลูมกล่าวเสริม “ตอนที่ผมได้ดูภาพยนตร์ภาคแรก ผมประทับใจมากกับวิธีที่เขายังคงรักษาความเป็นหนึ่งทั้งกับเรื่องและตัวละครไว้ได้ กอร์มีความสามารถที่จะกระตุ้นทีมงาน และมีจิตวิญญาณและพลังกระชุ่มกระชวยที่จะตีฉากทุกฉากให้แตกกระจุย ไม่ว่ามันจะมีความซับซ้อนสักแค่ไหนก็ตาม”คีร่า ไนต์ลี่ย์เห็นด้วยกับเพื่อนร่วมจอของเธอ “ฉันไม่รู้หรอกว่าสมองของกอร์คิดพิจารณาถึงทุกเรื่องในเวลาเดียวกันแบบนี้ได้ไง แต่มันน่าประทับใจมาก ฉันคิดว่ามันสำคัญนะที่ในภาพยนตร์แบบเรื่องนี้ ซึ่งวางเหตุการณ์ให้เกิดขึ้นในดินแดนแห่งจินตนาการและความฝัน จะต้องมีแก่นอารมณ์ที่ให้ความรู้สึกสมจริง และนั่นก็คือสิ่งที่ฉันคิดว่ากอร์ทำ...เขาทำให้มันดูเหมือนจริงได้เสมอ”ทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกัน ไม่ว่าจะเป็นคนที่เคยร่วมงานกันเป็นประจำหรือจะเป็นพวกทีมงานหน้าใหม่ว่าไม่มีอะไรจะเหมือนกับการได้มาอยู่ในกองถ่ายภาพยนตร์ของเจอร์รี่ บรัคไฮเมอร์อีกแล้ว “ภาพยนตร์ภาคแรกให้ความรู้สึกใกล้ชิดสนิทสนม และนับวันจะยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป” เด๊ปป์บอก “ภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีความเป็นเจอร์รี่ บรัคไฮเมอร์แท้ๆ ซึ่งหมายความว่าทุกอย่างจะยิ่งใหญ่ แต่ก็ถูกสร้างออกมาอย่างมีรสนิยม เจอร์รี่ใช้คนเก่งที่สุดในวงการ และมันน่าประทับใจมาก”“เจอร์รี่มีทีมงานรอบตัวที่มีความสามารถรับมือกับทุกอย่างที่กอร์และทีมเขียนบทต้องการ” ออร์แลนโด้ บลูมกล่าวเสริม “มักจะมีความรู้สึกที่ว่า ‘เราจะทำให้ดีกว่านี้ได้อย่างไร’ นั่นคือทัศนคติที่เจอร์รี่มีต่อชีวิตและงานสร้างภาพยนตร์ ไม่มีอะไรที่คุณทำไม่ได้ มันคือวิธีการสร้างภาพยนตร์ที่มีความกล้าหาญ ไร้ความหวาดกลัว และบางครั้งมันก็น่าปลาบปลื้มอย่างมาก” “ตอนนี้ ฉันแสดงภาพยนตร์ของเจอร์รี่มาแล้วสามเรื่อง” คีร่า ไนต์ลี่ย์บอก “และมันน่าทึ่งมาก พวกมันยิ่งใหญ่จริงๆ! สเกลของภาพยนตร์เหล่านี้ยิ่งใหญ่มาก เจอร์รี่สร้างโลกโจรสลัดขึ้นมาทั้งโลก และเราทุกคนต่างเป็นส่วนหนึ่งของมัน สุดยอดจริงๆ”
แต่การทำงานยังไม่จบสิ้น พวกเขาต้องหยุดพักจากการถ่ายทำภาพยนตร์ “Pirates of the Caribbean III” เพื่อที่บรัคไฮเมอร์และเวอร์บินสกี้จะสามารถเริ่มต้นงานโพสต์โปรดักชั่น พวกเขากระโดดเข้าห้องตัดต่อกับทีมผู้ลำดับภาพเคร็ก วู้ด และสตีเฟ่น ริฟกิ้น รวมไปถึงยังต้องจัดการงานวิชวลเอฟเฟ็กต์, ซาวน์เอฟเฟ็กต์, การแต่งดนตรีประกอบ และรายละเอียดอีกนับพันที่ต้องทำให้เสร็จเพื่อให้ภาพยนตร์เรื่อง “Dead Man’s Chest” เสร็จสิ้นได้ทันเวลาฉายในวันที่ 7 กรกฎาคม วอลท์ดิสนีย์ อิมเมจิเนียริ่งต้องปรับปรุงเครื่องเล่น “Pirates of the Caribbean” ซึ่งมีกำหนดจะต้องเปิดให้บริการในเวลาเดียวกันกับที่มีการเปิดฉายรอบปฐมทัศน์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ เจอร์รี่ บรัคไฮเมอร์อธิบายว่า “พวกเขาเพิ่มตัวละครเด่นๆ เข้าไปในเครื่องเล่น ซึ่งจะต้องเป็นความตื่นเต้นสำหรับพวกเราที่จะได้เห็นตัวละครที่พวกเราสร้างขึ้นมา กลายเป็นส่วนหนึ่งของโลกของดิสนีย์”และ ใช่แล้ว...หลังจากเปิดตัวฉายภาพยนตร์เรื่อง “Pirates of the Caribbean: Dead Man’s Chest” แล้ว บรัคไฮเมอร์, เวอร์บินสกี้ และทีมงานจะต้องกลับไปยังฉาก โรงถ่าย และท้องทะเลเพื่อสร้างภาพยนตร์ “Pirates of the Caribbean III” ที่ขณะนี้ยังไม่มีชื่อตอน เรือแบล็คเพิร์ลจะได้กลับลงทะเลอีกครั้ง...และการผจญภัยของ “Pirates of the Caribbean” จะดำเนินต่อไป!