Monday 13 August 2007

The goblet of fire: production

the goblet of fire: production
จากการถูกคุกคามด้วยฝันร้ายที่ทำให้แผลเป็นของเขาเจ็บยิ่งกว่าที่เคย แฮร์รี่ (แดเนียล แรดคลิฟฟ์) รู้สึกยิ่งกว่ายินดีที่จะได้หนีให้พ้นจากความฝันที่คอยกวนใจเขา ด้วยการไปชมการแข่งขันควิดดิชเวิลด์คัพกับรอน (รูเพิร์ท กรินท์) และเฮอร์ไมโอนี่ (เอ็มม่า วัตสัน) ผู้เป็นเพื่อนรัก
แต่ลางร้ายบางอย่างได้ปรากฏขึ้นเหนือท้องฟ้าที่ตั้งแคมพ์ผู้ชมการแข่งขันควิดดิช – ตรามาร สัญลักษณ์ของลอร์ดโวลเดอมอร์ ซึ่งถูกเสกขึ้นมาโดยผู้เสพความตาย สาวกของเขาซึ่งไม่เคยกล้าปรากฏตัวในที่สาธารณะตั้งแต่ครั้งที่มีผู้เห็นโวลเดอมอร์ (ราล์ฟ เฟนส์) เป็นครั้งสุดท้ายเมื่อสิบสามปีก่อน – ในคืนที่เขาสังหารพ่อแม่ของแฮร์รี่
แฮร์รี่ปรารถนาอย่างยิ่ง ที่จะได้กลับเข้าไปอยู่ภายในกำแพงของโรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์ ที่ซึ่งศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ (ไมเคิล แกมบอน) จะสามารถปกป้องเขาได้ แต่อะไรๆ ก็ดูจะแตกต่างไปจากเดิมเล็กน้อยในปีนี้
ดัมเบิลดอร์ประกาศว่าฮอกวอตส์จะเป็นเจ้าภาพการประลองเวทไตรภาคี การแข่งขันด้านเวทมนตร์ที่ของพวกพ่อมดแม่มดที่น่าตื่นเต้นและเป็นอันตรายยิ่ง ตัวแทนหนึ่งคนจะถูกคัดเลือกจากแต่ละโรงเรียนในสามสถาบันพ่อมดแม่มดที่ใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุด เพื่อเข้าแข่งขันในหลากหลายภารกิจที่เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต อันมีเป้าหมายในการครองถ้วยรางวัลไตรภาคี
พวกนักเรียนฮอกวอตส์เฝ้ามองอย่างหวั่นๆ เมื่อบรรดานักเรียนหญิงที่งามสง่าจากโรงเรียนเวทมนตร์คาถาโบซ์บาตง และหนุ่มๆ ที่ดูลึกลับและน่าเกรงขามจากโรงเรียนเดิร์มสแตรงก์ พากันหลั่งไหลเข้ามาในห้องโถงใหญ่ ทุกคนต่างกลั้นหายใจคอยการคัดเลือกตัวแทนของพวกเขา
เจ้าหน้าที่จากกระทรวงเวทมนตร์ บาร์ตี้ เคร้าช์ (โรเจอร์ ลอยด์ แพ็ค) และศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ เป็นประธานพิธีประชุมกลางแสงเทียนที่เต็มไปด้วยการรอคอย ในขณะที่ถ้วยอัคนีซึ่งเปี่ยมมนตร์ขลังคัดเลือกนักเรียนหนึ่งคนจากแต่ละโรงเรียนเพื่อเข้าแข่งขัน ท่ามกลางประกายและเปลวไฟที่เจิดจ้า ถ้วยอัคนีได้ขานนามวิคเตอร์ ครัม (สแตนิสลาฟ ไออาเนฟสกี้ นักกีฬาควิดดิชชื่อดังจากเดิร์มสแตรงก์ ตามมาด้วย เฟลอร์ เดอลากูร์ (เคลมองซ์ โพเอซี) ผู้งามสง่าจากโบซ์บาตง และท้ายที่สุด เซดริก เกรกอรี่ (โรเบิร์ต แพตตินสัน) หนุ่มเนื้อหอมผู้สามารถแห่งฮอกวอตส์ แต่แล้ว อย่างที่ไม่มีใครอธิบายได้ ถ้วยอัคนีก็ส่งชื่อสุดท้ายออกมา : แฮร์รี่ พอตเตอร์
ด้วยอายุ 14 ปี แฮร์รี่ยังขาดอีกสามปีจึงจะมีสิทธิเข้าร่วมการแข่งขันอันแสนยากเย็นนี้ได้ เขายืนยันว่าไม่ได้ใส่ชื่อตัวเองลงไปในถ้วย และเขาไม่อยากเข้าแข่งขัน แต่การตัดสินใจของถ้วยอัคนีนั้นถือเป็นข้อผูกพัน และเขาต้องเข้าร่วมแข่งขันด้วย
ความกังขาและริษยาเกิดขึ้นตามมาไม่หยุดหย่อน ยิ่งเมื่อนักข่าวจอมสาดโคลนอย่างริต้า สกีตเตอร์ (มิแรนด้า ริชาร์ดสัน) โหมกระพือไฟใส่สีอยู่เบื้องหลังแฮร์รี่ด้วยคอลัมน์ซุบซิบที่หวือหวาของเธอ จนแม้กระทั่งรอนเองก็ยังเริ่มที่จะเชื่อว่าเพื่อน “ที่อยากดัง” ของเขาได้ใช้อุบายหลอกให้ถ้วยเลือกชื่อเขาขึ้นมา
ด้วยความสงสัยว่าใครก็ตามที่ใส่ชื่อของแฮร์รี่ลงไปในการประลอง มีจุดมุ่งหมายที่จะทำให้เขาตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต ดัมเบิลดอร์จึงขอให้อลาสเตอร์ “แม้ด-อาย” มู้ดดี้ (เบรนแดน กลีสัน) อาจารย์สอนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดผู้แปลกประหลาด ช่วยใช้ตาวิเศษที่เฉียบคมของเขาจับตาพ่อมดวัยรุ่นไว้
แฮร์รี่เตรียมตัวรับมือกับภารกิจที่แสนท้าทายในการประลองเวทไตรภาคี – การหลบหลีกให้พ้นจากมังกรพ่นไฟ การดำดิ่งสู่ก้นบึ้งทะเลสาบใหญ่ และการหาทางเดินในเขาวงกตที่มีชีวิตของมันเอง แต่ไม่มีอะไรที่น่ากลัวยิ่งไปกว่าสิ่งที่ช่างท้าทายกว่าอะไรทั้งสิ้น – การหาคู่เต้นรำสำหรับงานฉลองคริสต์มาส
สำหรับแฮร์รี่ การรับมือกับมังกร ชาวเงือก และกรินดี้โลว์ เปรียบได้กับการเดินเล่นในสวนสาธารณะ เมื่อเทียบกับการขอนัดกับโช แชง ผู้น่ารัก (เคธี่ เหลียง) ไปงานเต้นรำ และถ้าหากว่ารอนไม่ถูกเบี่ยงเบนความสนใจมากเกินไป บางทีเขาอาจยอมรับความเปลี่ยนแปลงของความรู้สึกที่เขามีต่อเฮอร์ไมโอนี่ก็เป็นได้
เหตุการณ์ต่างๆ กลายเป็นลางร้ายเมื่อมีใครคนหนึ่งถูกฆ่าตายในบริเวณโรงเรียนฮอกวอตส์ ด้วยความหวาดกลัวและถูกหลอนด้วยความฝันเรื่องโวลเดอมอร์ แฮร์รี่จึงหันไปหาดัมเบิลดอร์ แต่แม้กระทั่งอาจารย์ใหญ่ผู้น่านับถือก็ยังยอมรับว่าไม่มีคำตอบง่ายๆ ให้อีกต่อไปแล้ว
ในขณะที่แฮร์รี่และตัวแทนคนอื่นๆ ต้องรับมือกับภารกิจสุดท้าย และกิ่งก้านสาขาที่งอกอย่างรวดเร็วของเขาวงกตที่น่ากลัว บางคนหรือบางสิ่งกำลังจับตามองอยู่ พวกเขามองเห็นชัยชนะอยู่เบื้องหน้า แต่เมื่อเข้าไปใกล้ถ้วยไตรภาคี ทุกอย่างกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น – และแฮร์รี่ก็ได้พบว่าตัวเขากำลังพุ่งตรงเข้าไปสู่การเผชิญหน้ากับมารร้ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้...
* * * * * * * * * * * * * *
วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส ภูมิใจเสนอผลงานสร้างของ เฮย์เดย์ ฟิลม์ ภาพยนตร์ของ ไมค์ นิวเวลล์ เรื่อง Harry Potter and the Goblet of Fire นำแสดงโดย แดเนียล แรดคลิฟฟ์, รูเพิร์ท กรินท์, เอ็มม่า วัตสัน, รอบบี้ โคลเทรน, ราล์ฟ เฟนน์ส, ไมเคิล แกมบอน, แบรนแดน กลีสัน, เจสัน อิซาคส์,แกรี่ โอล์ดแมน, อลัน ริคแมน, แมคกี้ สมิธ, และ ทิโมธี สปอลล์
จากการกำกับการแสดงของ ไมค์ นิวเวลล์ ภาพยนตร์เรื่องนี้อำนวยการสร้างโดย เดวิด เฮย์แมนจากบทภาพยนตร์ของ สตีฟ โกลฟส์ โดยเค้าโครงเรื่องจากนิยายของ เจ. เค. โรว์ลิ่ง ผู้อำนวยการบริหาร ได้แก่ เดวิด บาร์รอนและ ทันย่า เซกาห์ตเชน, ผู้กำกับภาพ โรเจอร์ แพรตต์, BSC; ผู้ออกแบบฝ่ายศิลป์ สจ๊วต เครก; ผู้ลำดับภาพ มิค ออดสลีย์; ผู้อำนวยการสร้างร่วม ปีเตอร์ แมคโดนัล; ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย เจนีย์ เทมไมม์; และดนตรีโดย แพททริค ดอยล์
ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกจัดอันดับเป็น “PG-13” โดย MPAA เนื่องจาก “ฉากต่างๆที่มีความรุนแรงแบบจินตนาการ และภาพต่างๆ ที่ดูน่ากลัว”
ภาพยนตร์เรื่อง Harry Potter and the Goblet of Fire มีกำหนดออกฉายทั่วโลกในเดือน พฤศจิกายน/ธันวาคม ปี 2005
Harry Potter and the Goblet of Fire จัดจำหน่ายทั่วโลก โดย วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส หนึ่งในกลุ่มบริษัท วอร์เนอร์ บราเดอร์ส เอ็นเตอร์เทนเมนท์
* * * * * * * * * * * * * *
ปีสี่ : ตัวแทน & ความท้าทาย
ช่วงเวลาที่เบิกบานใจและยากเย็นที่สุดในชีวิตของเขากำลังคอยแฮร์รี่ พอตเตอร์อยู่ ในขณะที่เขากลับมายังโรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์เป็นปีที่สี่ของการศึกษา ใน Harry Potter and the Goblet of Fire ภาพยนตร์ดัดแปลงเรื่องที่สี่จากหนังสือชุดที่โด่งดังเรื่อง Harry Potter ของเจ.เค. โรว์ลิ่งส์
แฮร์รี่ไม่เพียงแต่ต้องเข้าร่วมการแข่งขันนานาชาติที่แสนอันตราย ซึ่งทำให้เขาต้องประลองกับคู่ต่อสู้ที่มีอายุและประสบการณ์มากกว่า แต่เขายังต้องถูกบังคับให้เผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ จอมมารโวลเดอมอร์ผู้ชั่วร้าย ซึ่งตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะหวนคืนสู่อำนาจ – และกำจัดแฮร์รี่ให้พ้นทางอย่างสิ้นเชิง ดูเหมือนว่าเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่ทำให้ความกังวลของแฮร์รี่ลดน้อยลงไปจากข่าวที่สะเทือนใจนี้ได้ นั่นคือการต้องหาคู่สำหรับงานเต้นรำฉลองคริสต์มาส
การเรียนในปีนี้ยังจะนำความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มาสู่สองเพื่อนรักของแฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ ซึ่งอาจยอมรับความรู้สึกที่เปลี่ยนไประหว่างทั้งคู่ในที่สุด ในขณะที่พวกวัยรุ่นต้องรับมือกับความกังวลด้านฮอร์โมน ความรักก็ผลิบานในใจผู้ใหญ่เช่นกัน – เมื่อไฟรักปะทุในอกของที่ปรึกษาผู้ที่แฮร์รี่ไว้วางใจอย่างแฮกริด และมาดามมักซีม อาจารย์ใหญ่ผู้งามสง่าของโรงเรียนโบซ์บาตง
“เรื่องนี้เป็นหนังที่ท้าทายที่สุดของทุกเรื่อง” เดวิด เฮย์แมน ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ชุด Harry Potter กล่าว “เราต้องการคนที่จะสามารถกำกับฯ หนังระทึกขวัญที่ ทั้งมืดหม่นและตื่นเต้น ผลักดันฉากแอ็คชั่นต่างๆ ที่น่าตื่นเต้นและในเวลาเดียวกันก็ยังสามารถเข้าถึงสัญชาตญาณ และความอ่อนไหวไปจนถึงอารมณ์ขันของวัยรุ่นได้ เราควรมองหนังเหล่านี้ให้หลากหลายเช่นเดียวกับ Dance with a Stranger, Donnie Brasco และ Four Weddings and a Funeral เพื่อชื่นชมว่ามีผู้กำกับฯ เพียงไม่กี่คนที่มีทักษะและพรสวรรค์หลากหลายอย่างไมค์ นิวเวลล์”
“สำหรับผม อรรถรสของเรื่องนี้คือความระทึกขวัญ” นิวเวลล์กล่าว “มีฉากมากมายที่น่าอัศจรรย์ ตั้งแต่ความตื่นเต้นของการประลองเวทไตรภาคี ไปจนถึงอามรมณ์ขันและความสะเทือนใจของงานเต้นรำ แต่การขับเคลื่อนเรื่องราวระทึกขวัญอันยอดเยี่ยม ซึ่งมีความชั่วร้ายอย่างแท้จริงที่พยายามจัดการแฮร์รี่ – และเขาคนเดียวเท่านั้นที่มีพลังที่จะรับมือกับมันได้”
ลางบอกเหตุในตอนที่เรื่องราวเริ่มต้น แฮร์รี่ถูกคุกคามด้วยฝันร้ายที่ทำให้แผลเป็นรูปสายฟ้าของเขาต้องเจ็บปวด ความเจ็บปวดของเขากลายเป็นความหวาดกลัวเข้ากระดูก ในระหว่างการแข่งขันควิดดิชเวิลด์คัพ เมื่อเหล่าสาวกของลอร์ดโวลเดอมอร์ ผู้เสพความตาย ได้สร้างรอยไหม้บนท้องฟ้าด้วยตรามารของพ่อมดร้าย ซึ่งเป็นการประกาศถึงผู้นำของพวกเขาเป็นครั้งแรกนับแต่การหายตัวไปของเขาเมื่อสิบสามปีก่อน
แม้กระทั่งดัมเบิลดอร์อาจารย์ใหญ่ที่น่านับถือของฮอกวอตส์ก็ยังไม่แน่ใจว่าเหตุการณ์ลึกลับเหล่านี้หมายถึงอะไร ในความพยายามที่จะสร้างสัมพันธไมตรีระหว่างสามโรงเรียนเวทมนตร์คาถาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสามโรงเรียนของยุโรป ฮอกวอตส์จะเป็นเจ้าภาพการแข่งขันประลองเวทไตรภาคี การแข่งขันแสนระทึกใจที่ต้อนรับบรรดานักเรียนและอาจารย์ของสองโรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดแห่งยุโรป เพื่อมาพำนักและศึกษาในปีการศึกษาของฮอกวอตส์
“ดัมเบิลดอร์พยายามเตรียมโลกของพ่อมดแม่มดให้พร้อมสำหรับช่วงเวลามืดหม่นข้างหน้า” เฮย์แมนตั้งข้อสังเกตุ “กิริยาท่าทางของเขาเน้นถึงแกนเรื่องของหนัง ซึ่งเป็นการเรียนรู้ที่จะเข้ากับผู้อื่นซึ่งแตกต่างไปจากเรา ถ้าพวกเขาดีก็ไม่สำคัญว่าจะมาจากไหน”
เนื่องจากการเสี่ยงอันตรายที่เกิดขึ้นในการแข่งขันไตรภาคี บาร์ตี้ เคร้าช์ หัวหน้ากองความร่วมมือด้านเวทมนต์ระหว่างประเทศ จึงมีประกาศิตว่านักเรียนที่มีอายุต่ำกว่า 17 จะไม่สามารถเข้าร่วมแข่งได้ – ตัดโอกาสที่แฮร์รี่และเพื่อนๆ วัย 14 ปีจะได้ร่วมแข่งขัน แต่เมื่อถ้วยอัคนีอันศักดิ์สิทธิ์ทำการคัดเลือกหนึ่งตัวแทนจากแต่ละโรงเรียนเพื่อเข้าแข่งขัน มันได้ทำให้ทุกคนตกตะลึงเมื่อตัวแทนคนที่สี่ถูกขนานนามขึ้น : แฮร์รี่ พอตเตอร์
ไม่ว่าแฮร์รี่จะคัดค้านแค่ไหน การตัดสินของถ้วยอัคนีถือเป็นข้อผูกพัน และเขาไม่มีทางเลือกแต่ต้องเข้าแข่งขันในการประลองที่แสนทรหดกับนักเรียนที่อายุมากกว่า และมีทักษะด้านเวทมนตร์ที่เหนือชั้นกว่า
“สิ่งที่ผมชอบในตัวแฮร์รี่ก็คือเขาไม่ได้เป็นพระเอกในแง่ของเรื่องคลาสสิค หรือซูเปอร์แมนผู้พิชิตทุกสิ่ง” แดเนียล แรดคลิฟฟ์ ผู้ซึ่งดูหนังระทึกขวัญเรื่อง North by Northwest ตามคำแนะนำของนิวเวลล์ เพื่อเตรียมตัวถ่ายทำหนังเรื่องนี้ “แฮร์รี่มีความเปราะบาง เขาหวาดกลัว แม้ว่าเขาจะช่วยคนมากมาย ผมว่าเขาอยากที่จะจบเรื่องราวแต่หนหลัง และจบความเป็น ‘พระเอก’ ของเขา แต่เมื่อชื่อของเขาถูกส่งออกมาจากถ้วย เขาก็กลับเข้าไปอยู่ในแสงไฟอีกครั้งหนึ่ง เขาไม่เพียงแต่ต้องรับมือกับเสียงวิจารณ์จากทุกคน แต่ยังรู้ตัวว่าเขาไม่ได้ใส่ชื่อลงไปในถ้วยอัคนี – ใครสักคนต้องใส่มันลงไป”
เมื่อแฮร์รี่หันไปหาอาจารย์ผู้ที่เขาไว้ใจเพื่อขอคำแนะนำและการปกป้อง เขากลับต้องประหลาดใจที่ได้พบว่า ดัมเบิลดอร์เองกำลังยุ่งยากใจในการพยายามค้นหาความหมายของบรรดาเหตุการณ์ลึกลับที่เกิดขึ้น “โลกของแฮร์รี่ต้องสั่นคลอนโดยสิ้นเชิง” แรดคลิฟฟ์กล่าว “เป็นครั้งแรกที่แฮร์รี่เห็นว่าดัมเบิลดอร์เป็นชายแก่ที่ไม่มีความสามารถเต็มที่อีกต่อไป และไม่อยู่กับร่องกับรอย บางสิ่งหรือบางคนเข้ามาป่วนฮอกวอตส์และพยายามขจัดเขา แต่ดัมเบิลดอร์ไม่รู้ว่ามันคืออะไร มันมาจากไหนหรือจะหยุดมันอย่างไร”
“ดัมเบิลดอร์ควบคุมตัวไม่ได้และกำลังหวาดกลัว” ไมเคิล แกมบอนกล่าว เขากลับมารับบทเดิมอีกครั้งเป็นอาจารย์ใหญ่ผู้ที่ได้รับความนับถืออย่างสูงในเรื่อง Harry Potter and the Prisoner of Azkaban “เขาแบกภาระหนักอึ้งไว้บนสองบ่า สร้างความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยและความเป็นอยู่ที่ดีของพวกนักเรียน และเมื่อมารร้ายเข้าครอบงำฮอกวอตส์ เขาไม่รู้ว่าจะรับมือกับมันอย่างไร”
ด้วยความสงสัยว่าใครก็ตามที่ใส่ชื่อของแฮร์รี่ลงไปในการประลอง ไม่ได้ตั้งใจให้เขาชนะ ดัมเบิลดอร์จึงขอให้อลาสเตอร์ “แม้ด-อาย” มู้ดดี้ (เบรนแดน กลีสัน) อาจารย์สอนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดผู้แปลกประหลาด ช่วยใช้ตาวิเศษที่เฉียบคมของเขาจับตาพ่อมดวัยรุ่นไว้ จนกว่าพวกเขาจะรู้ถึงความหมายที่แท้จริงของบรรดาเหตุการณ์ที่เป็นลางร้าย
มู้ดดี้เป็นมือปราบมารชื่อดังแห่งตำนาน หรือผู้จับกุมพ่อมดชั่วร้าย ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เติมเต็มครึ่งหนึ่งของคุกอัซคาบันด้วยนักโทษที่เป็นสาวกของโวลเดอมอร์ แต่หลายปีของการต่อสู้กับสิ่งชั่วร้ายในแถวหน้าก็มีราคาค่างวดของมัน ร่องรอยการต่อสู้ได้ฝากรอยแผลไว้ มู้ดดี้ใช้ดวงตาเวทมนตร์สีฟ้าที่เห็นทุกอย่างทะลุปรุโปร่งของเขา เพื่อช่วยในการขัดขวางพวกชั่วร้ายที่เขาเห็นได้ในทุกเงามืด
“มู้ดดี้เป็นนักดวลปืนที่ใช้ไม้กายสิทธิ์” เบรนแดน กลีสันกล่าว เขาเป็นนักแสดงที่มากความสามารถซึ่งเป็นที่รู้จักจากการแสดงที่ทรงพลังของเขาในภาพยนตร์เรื่อง Braveheart, Cold Mountain, Troy และ The Gangs of New York “เขาเป็นคนที่ขับไล่สิ่งชั่วร้ายไปจากสิ่งดีและตัวเขาเองก็บิดเบี้ยวไปเพราะพวกมัน สิ่งหนึ่งที่ไมค์ นิวเวลล์แนะนำในตอนแรกที่เราคุยกันถึงเรื่องตัวละคร ว่าบาดแผลใหญ่ของมู้ดดี้ได้ทำลายเขาอย่างมาก นับเป็นความยิ่งใหญ่ที่ได้แสดงในบทที่สื่อถึงเขา ผู้ซึ่งมาถึงฮอกวอตส์อย่างหมดสภาพ แต่ได้กลายเป็นคนที่เด็กๆ ไว้เนื้อเชื่อใจ”
มีแบบแผนของความบ้าในตัวมู้ดดี้ แม้ว่ารูปแบบความรักที่รุนแรงของเขามักจะทำให้พวกนักเรียนหวาดผวาและเกิดเสียงครหาตามมา “สิ่งที่ทำให้ผมชอบเกี่ยวกับตัวละครนี้” กลีสันพูดอย่างครุ่นคิด “ก็คือเขาทำให้ผมนึกถึงครูเก่าๆ บางคนของผม เขาไม่มีเวลาให้ศึกษาจากตำราหรือเสียเวลากับมัน เขาอยากแสดงให้ชายหญิงรุ่นเยาว์พวกนี้รู้ว่าต้องเจอกับอะไร – พวกชั่วร้ายมีอยู่ทั่วไปและพวกเขาควรรู้ว่าจะเผชิญกับมัน เขาเป็นประเภทลุยเดี่ยว เดินบนทางที่ถูกต้อง เขาไม่เชื่อในการสั่งสอนอย่างออมมือสำหรับแฮร์รี่และนักเรียนคนอื่นๆ เพราะมันไม่ได้ช่วยให้พวกเขาเตรียมตัวเจอกับของจริง”
“มู้ดดี้เป็นตัวละครที่ซับซ้อนและท้าทาย” เฮย์แมนตั้งข้อสังเกตุ “เบรนแดนสร้างความสมดุลย์ระหว่างความโหดร้ายและอารมณ์ขันให้กับบทนี้ และทำให้เขาทั้งน่าเกรงขามและเป็นที่รัก”
“เราไม่ค่อยเห็นนักแสดงที่มีความลึกและสามาระอย่างเบรนแดน” นิวเวลล์กล่าวเสริม ก่อนหน้านี้เขาเคยร่วมงานกับกลีสันในปี 1992 กับหนังครอบครัวผจภัยเรื่อง Into the West “บางทีมันอาจเป็นจริงสำหรับคนไอริชทั้งหมด แต่เบรนแดนมีคุณสมบัติพื้นฐานที่มีส่วนหนึ่งดุร้ายและอีกส่วนใสซื่อบริสุทธิ์ ซึ่งเหมาะมากที่เขาได้รับบทของตัวละครที่มีหลายบุคลิกแบบนี้”
ตากลสีฟ้าของมู้ดดี้ถูกทำขึ้นสำหรับภาพยนตร์โดยผู้ควบคุมเอ็ฟเฟ็ค นิค ดัดแมน และผู้ควบคุมวิชวลเอ็ฟเฟ็ค จิมมี่ มิทเชล “ตากลายมาเป็นตัวละครตัวหนึ่ง” นิวเวลล์บอก “แต่การเปิดเผยอย่างหมดเปลือกว่าเราทำมันขึ้นมาอย่างไรอาจทำให้เสียอรรถรสสำหรับผู้ชมก็เป็นได้”
ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาน เจนี่ เทมิเมะได้รับแรงบันดาลใจจากสปาเกตตี้ เวสเทิร์นส์เมื่อตอนที่เธอออกแบบเสื้อคลุมสีดำอันเป็นเอกลักษณ์ของมู้ดดี้ แผ่นหนังขนาดใหญ่ที่ถูกใช้จนโทรมและหัวเข็มขัดที่ดูหมองเพราะผ่านกาลเวลามายาวนานเหมือนเจ้าของ “มู้ดดี้เป็นนักรบ ชายคนนี้ไม่มีบ้าน ไม่มีครอบครัว พูดตามจริงเขาอาศัยอยู่ในเสื้อคลุม” เทนิเมะกล่าว “เรามีทีมงานที่ใช้เวลาหนึ่งอาทิตย์ทำให้เสื้อคลุมดูเก่าและทรุดโทรมเพื่อให้เหมือนถูกใช้สวมใส่มาทั้งชีวิต”
ในขณะที่มูดดี้พยายามจะปกป้องแฮร์รี่จากพลังลึกลับทั้งหลายที่ข่มขู่เอาชีวิตเขา พ่อมดวัยรุ่นยังต้องต่อสู้กับแรงกดดันในทางร้ายอีกต่างๆนานา : นักข่าวหญิงจอมสาดโคลน ริต้า สกีตเตอร์ เธอผู้ไม่คำนึงถึงศีลธรรมจรรยาพอๆ กับความร้อนแรง สกีตเตอร์ไม่ยอมหยุดให้กับอะไรทั้งสิ้น และทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ข่าวอันโอชะสำหรับคอลัมน์ซุบซิบของเธอ
“ริต้าเขียนสิ่งที่คนอยากได้ยินและเธอคิดว่าจะทำให้พวกเขาอ่านต่อไป” นักแสดงสาวชื่อดังระดับนานาชาติ มิแรนด้า ริชาร์ดสันบอก ผลงานภาพยนตร์หลากหลายของเธอ ได้แก่ The Hours, Sleepy Hollow, Enchanted April และผลงานระทึกขวัญยอดนิยมของไมค์ นิวเวลล์เมื่อปี 1985 เรื่อง Dance With a Stranger “เธอจะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ได้เรื่องที่เธอเขียนไว้ล่วงหน้าในหัวของเธอ เมื่อใดที่อันตรายมีมากขึ้นเธอก็ยิ่งตื่นเต้นขึ้น ความคิดเกี่ยวกับความตายจวนตัวหรือการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นเป็นข่าวที่น่าสนใจ และมันทำให้เธอตื่นตัว”
“ริต้าหลักแหลมและอึด แต่เธอหว่านเสน่ห์จนเยิ้ม – นั่นเป็นวิธีหาข่าวของเธอ” นิวเวลล์อธิบาย “มิแรนด้าเป็นนักแสดงที่มีพรสวรรค์มาก เธอทิ้งช่วงอารมณ์ขันได้อย่างเหมาะเจาะ และในเวลาเดียวกันเธอก็สามารถถ่ายทอดความร้ายได้อย่างออกรส”
สกีตเตอร์โหมกระพือไฟใส่สีอยู่เบื้องหลังแฮร์รี่ ถึงความน่าสงสัยในการถูกเลือกเข้าแข่งขันประลองเวทไตรภาคีของเขา และขุดลึกถึงชีวิตส่วนตัวของเขา – และของเฮอร์ไมโอนี่ “เธอร้ายกาจมากเลยละ!” เอ็มม่า วัตสันร้องบอก “ดูเหมือนริต้าจะประกาศศึกกับเฮอร์ไมโอนี่ เธอเน้นถึงความไม่มั่นใจของเฮอร์ไมโอนี่ในการปกป้องตัวเอง เช่นในการเป็นหนอนหนังสือหรือศิษย์ของครู อย่างที่ศาสตราจารย์ทรีลอนีย์ทำในเรื่องที่สาม”
ไม่น่าแปลกใจที่รสนิยมการแต่งตัวของนักข่าวหญิงจะแปลกประหลาดหลุดโลกพอๆ กับตัวของเธอ “ริต้ารู้สึกว่าเป็นหน้าที่ของเธอที่จะต้องแต่งตัวให้เข้ากับวาระเท่าๆ กับการพูดเรื่องจริง – อย่างที่เธอเห็น – สำหรับผู้อ่านของเธอ” ริชาร์ดสันเล่า “เท่าที่เธอเข้าใจ เธอเป็นเพียงคนเดียวที่แต่งตัวดี”
“ฉันได้แรงบันดาลใจจากเสื้อผ้ายุค 1980” เจนี่ เทมิเมะกล่าวถึงการออกแบบของเธอให้กับเสื้อผ้าของริต้า สกีตเตอร์ “สีร้อนแรง แข็ง และจำเพาะเจาะจงกับเรื่องราวที่เธอกำลังสืบเสาะ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อผู้แข่งขันประลองเวทเผชิญหน้ากับความท้าทายของภารกิจแรกกับพวกมังกร เธอแต่งชุดที่เนื้อผ้าคล้ายกับลายหนังงู เมื่อเธอไปร่วมชมภารกิจดำน้ำ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ชุดของเธอเป็นสีเขียวมีพิษสงดูน่าสะอิดสะเอียน”
แฮร์รี่พยายามอย่างที่สุดที่จะไม่วอกแวกไปกับความประพฤติที่ประหลาดของมู้ดดี้ หรือคำนินทาที่ร้ายกาจของริต้า สกีตเตอร์ ในขณะที่ความหวาดกลัวการเผชิญหน้ากับลอร์ดโวลเดอมอร์ – พ่อมดร้ายที่สังหารพ่อแม่ของเขา – เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ หรือ “คุณก็รู้ว่าใคร” ที่ทำให้ทุกคนในโลกพ่อมดแม่มดที่เอ่ยถึงต้องถึงกับตัวสั่น ทั้งโหดร้าย อำมหิต และไร้ความเห็นใจใดๆ แฮร์รี่เป็นเพียงคนเดียวที่รอดมาได้จากคำสาปพิฆาตของจอมมาร – ความสามารถอันน่าตกใจที่ทิ้งบาดแผลไว้ในความรู้สึกของเขา ซึ่งเลวร้ายยิ่งไปเสียกว่ารอยแผลเป็นที่พาดเป็นรอยบนหน้าผากของเขาเสียอีก
“คำว่า ‘ศัตรู’ ไม่ได้เครื่องตัดสินความสัมพันธ์ของพวกเขา” แรดคลิฟฟ์กล่าว “แฮร์รี่เกลียดทุกอณูของโวลเดอมอร์ เขาต้องการสังหารเขาเพื่อแก้แค้นสำหรับการที่พ่อแม่ถูกฆ่า แต่เขาก็หวาดผวาไปในเวลาเดียวกันด้วย”
“มันยากที่จะแสดงเป็นใครก็ตามที่มีความชั่วร้าย” ราล์ฟ เฟนน์สยืนยัน อาชีพของทำให้ได้ผ่านงานแสดงที่หลากหลายตั้งแต่เป็นตัวละครเอก โรแมนติค และวายร้ายในภาพยนตร์อย่างเรื่องThe Constant Gardener, Red Dragon, Maid in Manhattan, The English Patient และเรื่องที่ทำให้เข้าโค้งรางวัลออสการ์อย่าง Schindler’s List “ในการหารือของผมกับไมค์เกี่ยวกับตัวละคร เราคุยกันถึงการทำให้โวลเดอมอร์มีคุณสมบัติของมนุษย์ เพราะการแสดงให้เป็น ‘ปีศาจ’ อย่างเดียวนั้นเป็นไปไม่ได้ ‘ปีศาจ’ มักถูกถ่ายทอดให้แยกเขี้ยวยิงฟันและถ่มถุย ผมอยากให้การถ่ายทอดบทโวลเดอมอร์ของผมมีความเป็นปีศาจที่ลึกล้ำและจริงจัง มันมาจากความกลัว สิ้นหวังและไร้ความสุข โวลเดอมอร์เป็นเด็กที่ไม่มีใครยอมรับ เขามีชีวิตวัยเด็กที่ไม่มีความสุขอย่างมาก และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นเพาะบ่มความโกรธ อิจฉา และเกลียดชังของเขา”
“โวลเดอมอร์เป็นคนที่ไม่รู้จักความรัก” เฮย์แมนกล่าว “เขาคิดว่าความรักเป็นข้อบกพร่อง ตัวคนของเขาเป็นปีศาจโดยแท้ คนที่มีพลังและเสน่ห์ ราล์ฟเป็นนักแสดงที่มีความลึกล้ำมาก และเขาสามารถจับเอาความซับซ้อนของเสน่ห์และมือหม่นของโวลเดอมอร์ได้อย่างยอดเยี่ยม”
ด้วยความเดือดดาลว่าตำนานของแฮร์รี่ พอตเตอร์ – เด็กชายผู้รอดชีวิต – ได้บดบังชื่อเสียงของเขา โวลเดอมอร์ใช้เวลาสิบสามปีที่ผ่านมาเพื่อหวนคืนสู่พลังที่สูญเสียไปในคืนที่พ่อแม่ของแฮร์รี่ตาย ด้วยความช่วยเหลือจากหางหนอน คนรับใช้ผู้ฟูมฟาย จอมมารได้กลับคืนสู่สภาพของมนุษย์เพื่อทำลายล้างแฮร์รี่ให้สิ้นซาก
“ไมค์เชี่ยวชาญในการค้นหาอารมณ์ที่แกว่งไกวอย่างคาดเดาไม่ได้ของโวลเดอมอร์ ความแค้นที่พลุ่งพล่านของเขา” เฟนส์กล่าว “มีช่วงเวลาที่ความโกรธของเขาปะทุใส่แฮร์รี่และช่วงอื่นๆ ที่เขาเกือบอารมณ์รื่นเริง เราไม่มีทางรู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร”
“คนเราน่ากลัวได้อย่างเหลือเชื่อในขณะเดียวกับที่มีเสนห์ แต่เราสงสัยว่าพวกเขาอาจทำสิ่งที่รุนแรงได้ในทันทีทันใด” เขากล่าวต่อ “ถ้าเรานั่งตรงข้ามใครสักคนที่ยื่นไวน์แก้วนึงกับของขวัญมาให้เรา แต่เรารู้ว่าเขาแทงเมียตัวเองตาย มันค่อนข้างเขย่าขวัญอยู่”
“ราล์ฟเป็นโวลเดอมอร์ที่ค่อนข้างน่ากลัว” นิวเวลล์ยืนยัน “(เห็นได้ว่าเขาบ้า ดูจากสายตาเขาไม่ได้อยู่ตรงนี้) ผมถูกตรึงติดกับพื้นเวลาดูเขาในจอ”
“มันเป็นประสบการณ์ที่เข้มข้นมาก” แรดคลิฟฟ์เล่าถึงการเข้าฉากของเขากับเฟนส์ “ผมได้เรียนรู้จากการดูเขา วิธีที่เขาใช้ร่างกายและมือ โดยเฉพาะในตอนที่โวลเดอมอร์คืนร่างเป็นครั้งแรก มันยอดเยี่ยมที่สุด”
“แดเนียลต้องอดทนกับผมอย่างมาก” เฟนส์เล่าอย่างขำๆ “นี่คือเด็กชายที่ผูกติดอยู่กับชายที่สร้างรอยแผลไว้บนหัวของเขา หัวเราะและดีใจกับความเจ็บปวดที่เขากำลังทำให้เกิดขึ้น เขาต้องแสดงเหมือนว่าเขาตกอยู่ในความทรมาณและหวาดกลัวโดยไม่ต้องใช้คำพูดมากมาย ผมชื่นชมเขาเป็นอย่างมาก”
ได้มีการไตร่ตรองเป็นอย่างมากสำหรับตัวตนของโวลเดอมอร์ เพราะนับเป็นครั้งแรกของการปรากฎตัวเป็นมนุษย์เต็มรูปแบบในภาพยนตร์ชุด Harry Potter “ตอนที่ราล์ฟมาร่วมทีมนักแสดง เดวิด เฮย์แมนบอกกับผมว่า คุณจะทำให้หน้าเขาเละใช่ไหม?” นิวเวลล์ทวนความจำ “ผมว่า ไม่ ไม่ ราล์ฟแสดงบทปีศาจได้ เขาขุดมันขึ้นมาจากจิตวิญญาณของเขาได้ แล้วผมก็กลับไปนอนคิดตอนสุดสัปดาห์ว่า ผมน่าจะทำให้หน้าเขาเละนะ”
“หลานสาวหลานชายผมอยากมาที่กองถ่ายแทบแย่เพื่อดูลุงราล์ฟแสดงเป็นโวลเดอมอร์” เฟนส์เล่าทบทวน “แต่ตอนที่มาถึงพวกเขากลับจำผมไม่ได้!”
นิค ดัดแมนผู้ควบคุมงานเอ็ฟเฟ็คและทีมงานได้สร้างคอนเซปท์สำหรับการใช้เมคอัพของโวลเดอมอร์ ซึ่งใช้ของเทียมปริมาณไม่มากในการสร้างสีผิวซีดเผือดให้กับเฟนส์ และเส้นเลือดที่ปูดโปนบนหนังหัว แขน และมือของเขา
“การใช้เมคอัพเป็นแบบง่ายๆ และเป็นรูปแบบที่ดูขึงขัง” เฟนส์เล่า หัว แขน และหน้าอกของเขาถูกโกนในขั้นตอนการแต่งตัว “ผมอยากใช้เมคอัพให้น้อยที่สุดเท่าที่ทำได้ เพื่อให้เป็นอิสระในการเคลื่อนไหว แนวคิดก็คือโวลเดอมอร์เพิ่งมีผิวหนังใหม่ เขาใหม่ในร่างนี้ เขากำลังทดสอบมัน อร่อยกับพลังของมัน”
ผ้าไหมเนื้อเบาถูกใช้เป็นวัสดุสำหรับเสื้อคลุมร่างของโวลเดอมอร์ สร้างภาพของเขาให้เป็นเหมือน “สัตว์เลื้อยคลานที่ล่องลอย” อย่างที่เฟนส์บรรยายถึงชุดของเขา “เมื่อเราได้เห็นโวลเดอมอร์เป็นคนที่มีรูปร่างเต็มๆ เหมือนว่าเขากำลังสวมผิวสีดำที่ลอยอยู่ ไม่สวมรองเท้า มันไม่ถูกถ้าเขาจะมีรองเท้า เขาเพิ่งออกมาจากหม้อต้ม”
“เราอยากใช้ชุดที่เรียบง่าย อะไรที่ไม่หนักอย่างที่พวกศาสตราจารย์ใส่” เฮย์แมนกล่าว “เป็นอะไรที่ประหยัด ไม่ได้หรูหรา เพราะว่าเขาเป็นคนต่อต้านความสุนทรีย์ ผู้เสพความตายอาจหลงใหลกับเพชรและของสวยงาม แต่ไม่ใช่โวลเดอมอร์”
ช่วงงานหลังการถ่ายทำ ทีมงานวิชวลเอ็ฟเห็คใช้ดิจิตอลตกแต่งจมูกของเฟนส์ใหม่ ทำให้ราบลงเพื่อสร้างภาพของงูร้ายที่เน้นถึงรากเหง้าสลิธิรีนของโวลเดอมอร์ “มันน่ากลัวจริงๆ” เฮย์แมนพูดถึงการแปลงโฉมด้วยดิจิตัลของเฟนส์ “แต่ในรูปแบบที่เงียบเชียบและไม่สงบนิ่ง”
* * * * * * * * * * * * * *
~ Preliminary Production Information ~
Harry Potter and the Goblet of Fire นับเป็นภาพยนตร์ดัดแปลงเรื่องที่ 4 ของนวนิยายชุดที่ได้รับความนิยมของ เจ.เค. โรว์ลิ่ง เรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์, แฮร์รี่ (แดเนียล แรดคลิฟฟ์) ต้องเข้าแข่งขันตามที่ถูกเลือกอย่างลึกลับ ในการประลองเวทไตรภาคีของพ่อมด การแข่งขันระดับนานาชาติอันน่าตื่นเต้น ซึ่งเขาต้องต่อสู้กับนักเรียนที่มีประสบการณ์และอายุมากกว่าจากฮอกวอตส์และคู่แข่งจาก 2 โรงเรียนเวทมนตร์คาถาของยุโรป ในระหว่างนั้น สาวกแห่งจอมมาร ลอร์ดโวลเดอมอร์ (ราล์ฟ เฟนน์ส) ปรปักษ์ของแฮร์รี่ ส่งคลื่นความกลัวปกคลุมทั่วประชาคมพ่อมดและแม่มดด้วยตรามารของเขาบนท้องฟ้าที่งานแข่งขันควิดดิช เวิลด์คัพ เป็นสัญญาณแห่งการกลับมามีอำนาจของโวลเดอมอร์ แต่สำหรับแฮร์รี่แล้ว นี่ไม่ใช่ข่าวที่รบกวนจิตใจจนทำให้เขาต้องวิตกกังวลอย่างเดียวเท่านั้น – เขายังจะต้องหาคู่ควงเพื่อไปงานเลี้ยงเต้นรำวันคริสต์มาสของฮอกวอตส์ อีกด้วย
* * * * * * * * * * * * * *
การเดินทางครั้งใหม่เริ่มต้น
ภายใต้การนำของผู้กำกับการแสดงชื่อดัง ไมค์ นิวเวลล์ (จาก Four Wedding and a Funeral , Mona Lisa Smile) ภาพยนตร์เรื่อง Harry Potter and the Goblet of Fire ของวอร์เนอร์ บราเดอร์สนี้ นับเป็นภาพยนตร์ดัดแปลงเรื่องที่ 4 จากนวนิยายชุดที่ได้รับความนิยมอย่างมากของ เจ. เค. โรว์ลิ่ง เรื่อง Harry Potter
ใน Harry Potter and the Goblet of Fire แฮร์รี่ พอตเตอร์ พ่อมดน้อยวัย 14 ปีต้องเผชิญกับการท้าทายอันยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาที่เคยพบมา: ไม่เพียงแต่เขาต้องแข่งขันในการประลองนานาชาติที่มีภยันตราย เขาต้องต่อสู้กับผู้ที่มีประสบการณ์และอายุมากกว่าเขา แฮร์รี่ก็ยังต้องเผชิญหน้ากับปรปักษ์ของเขา จอมมาร ลอร์ด โวลเดอมอร์ ผู้ซึ่งได้กลับมาเรืองอำนาจ และได้ร่างกลับคืนมาอีกด้วย ข่าวที่รบกวนจิตใจนี้ดูด้อยไปถนัดใจ เมื่อเปรียบเทียบกับความวิตกกังวลของพ่อมดน้อย ในการที่จะต้องหาคู่ควงเพื่อไปงานเลี้ยงเต้นรำวันคริสต์มาสของฮอกวอตส์ให้ได้
เดวิด เฮย์แมนซึ่งผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ ซีรี่ส์ของแฮร์รี่ พอตเตอร์ เชื่อว่านิวเวลล์นั้นเป็นผู้กำกับการแสดงที่เป็นคนที่ใช่ ในการทำให้เกิดความสมดุลของการสืบสวน ความสนุกสนาน แอ็คชั่นและความเป็นดราม่า “มีหลายคนถามว่าเราตั้งใจที่จะหาผู้กำกับการแสดงเชื้อสายอังกฤษ และนั่นมันไม่ใช่ประเด็น” เฮย์แมนกล่าว “เราต้องการคนที่เหมาะสมกับงานนี้ที่สุดและ ไมค์ นิวเวลล์ นั้นมีคุณสมบัติทุกอย่างที่เราต้องการสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งในอีกหลาย ๆ อย่างเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ท้าทายที่สุดในซีรี่ส์ของแฮร์รี่ พอตเตอร์ เราต้องการใครสักคนที่สามารถกำกับความตื่นเต้นที่มืดหม่นเต็มไปด้วยความตื่นเต้นของการค้นคว้าสืบสวน นำไปสู่ฉากแอ็คชั่นต่อเนื่องที่เร้าใจและในเวลาเดียวกันจะต้องมีความคิดสร้างสรรค์และอารมณ์ในมุขต่าง ๆ ของความเป็นวัยรุ่นคนหนึ่ง คุณต้องดูหนังหลายเรื่องอย่างเช่นเรื่อง Dance with a Stranger เรื่อง Donnie Brasco และเรื่อง Four Weddings and a Funeral เพื่อชื่นชมว่ามีผู้กำกับการแสดงเพียงไม่กี่คนที่จะมีความสามารถหลากหลายและทักษะอย่างที่ ไมค์ นิวเวลล์มี”
“ผมตื่นเต้นมากเมื่อผมได้อ่านหนังสือ” นิวเวลล์เล่า “ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ชาญฉลาด และชัดเจนเรื่องหนึ่งและจุดหลักของเรื่องคือความตื่นเต้น แน่นอนว่ามันมีฉากหลายต่อหลายฉากที่ยอดเยี่ยม – มังกรทั้งหลาย งานใต้น้ำและความเป็นคอมเมดี้มากมาย – แต่สิ่งที่ทำให้เรื่องดำเนินไปได้คือการวางแผนการในการกลับมาของ โวลเดอมอร์ ซึ่งเขาต้องการเลือดสามหยดของแฮร์รี่ โวลเดอร์มอร์วางแผนทั้งหมดทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ได้แฮร์รี่มาอยู่ภายใต้อำนาจของเขา และอาวุธเดียวที่แฮร์รี่มีเพื่อป้องกันตัวก็คือความกล้าหาญของเขาเอง และครั้งนี้เขาจะต้องช่วยเหลือตัวเอง - เพื่อเป็นวีรบุรุษที่แท้จริง”
การรวมตัวของนักแสดง Harry Potter : นักแสดงเพิ่มเติมและหน้าเก่าที่คุ้นเคย
แดเนียล แรดคลิฟฟ์หนุ่มน้อยวัย 15 ปี สาวน้อยวัย 14 ปี เอ็มม่า วัตสันและอีกหนุ่มหนึ่งคือ รูเพิร์ท กรินท์ วัย 16 ปี ได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งเพื่อรับบทบาทที่พวกเขาเคยร่วมแสดงตั้งแต่เริ่มต้นคือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์และ รอน วิสลีย์ ตามลำดับ
การกลับมาของสมาชิกนักแสดงวัยรุ่นยังรวมไปถึง ทอม เฟลตันในบทบาทของ คู่แข่งของแฮร์รี่จาก สลิธีรีน คือ เดรโก มัลฟอย; แมทธิว ลูวิสรับบทเป็น เนวิลล์ ลองบัตท่อม; เดวอน เมอร์เรย์แสดงเป็น เซมัส ฟินนิแกน; เจมี่ เวย์เล็ตต์แสดงเป็น วินเซนต์ แครบบ์; โจชัว เฮิร์ดแมนแสดงเป็นเกรกอรี่ กอยล์; อัลฟี่ อีนอคแสดงเป็น ดีน โทมัส; โอลิเวอร์ และ เจมส์ เฟล์ฟแสดงเป็น เฟร็ดและจอร์จ วีสลีย์; บอนนี่ ไรท์แสดงเป็น จินนี่ วีสลีย์; และคริส แรนกิ้นแสดงเป็นเพอร์ซี่ วีสลีย์
ผู้ที่เข้ามาร่วมกับกลุ่มนักแสดงวัยรุ่นคือ โรเบิร์ต แพตติสัน (จากเรื่อง The Ring) แสดงเป็น เซดริก ดิกกอรี่; สแตนิสลาฟ ชาวบัลแกเรีย แสดงเป็นนักกีฬาควิดดิชซุปเปอร์สตาร์คือ วิกเตอร์ ครัม ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกในอาชีพทางการแสดงของเขา; เครเมนซ์ โพแอซีย์ (จากเรื่อง Bienvenue chez les Rozes และเรื่อง Petite Soeur) แสดงเป็น สาวสวยจากโบซ์บาตง เฟลอร์ เดอลากูร์: และเคธี่ เหลียง ผู้ซึ่งสมัครเข้ารับการคัดเลือกตัวแสดงและพบว่าเธอเป็นหนึ่งในผู้สมัครสาวรุ่นกว่า 5,000 คนที่มีความหวังว่าจะได้รับบทบาทเป็นขวัญใจของแฮร์รี่ พอตเตอร์ คือ โช แชง (ไม่เลวเลยสำหรับเด็กสาวที่ไม่เคยแสดงอะไรมาก่อนเลย - แม้แต่ละครของโรงเรียน)
ในกลุ่มนักแสดงผู้ใหญ่นั้น ยังได้ต้อนรับสมาชิกใหม่สำหรับทีมงานนักแสดงที่นำทีมโดย ราล์ฟ เฟนน์ส (จากภาพยนตร์เรื่อง Maid in Manhattan เรื่อง Red Dragon และเรื่อง The English Patient) แสดงเป็น จอมมาร ลอร์ดโวลเดอมอร์ เฟนน์สเป็นนักแสดงคนแรกที่รับบทเป็นศัตรูที่กล้าแกร่งของแฮร์รี่ในจอภาพยนตร์ เพราะภาพยนตร์เรื่อง Harry Potter and the Goblet of Fire นี้เป็นเรื่องแรกที่มีการปรากฏตัวของ โวลเดอมอร์ในร่างกายของมนุษย์จากซีรี่ส์ภาพยนตร์ของ Harry Potter
นักแสดงที่มาร่วมงานกับเฟนน์สคือ เบรนด้า กลีสัน (จากเรื่อง Troy เรื่อง Cold Mountain เรื่อง Braveheart) แสดงเป็น อาจารย์สอนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดคนใหม่ของ ฮอกวอตส์ แม้ด-อาย มู้ดดี้; มิแรนด้า ริชาร์ดสัน (จากภาพยนตร์เรื่อง The Hours เรื่อง Enchanted April เรื่อง Damage) แสดงเป็นริต้า สกีตเตอร์ นักหนังสือพิมพ์ช่างขุดคุ้ย; ฟรานเชส เดอ ลา ทัวร์ (จากภาพยนตร์เรื่อง The Cherry Orchard เรื่อง Strike it Rich) รับบทเป็น มาดาม มักซีม ครูใหญ่ของโรงเรียนเวทมนตร์คาถาโบซ์บาตง; โรเจอร์ ลอยด์ แพค (จากเรื่อง Vanity Fair เรื่อง Only Fools and Horses จากโทรทัศน์ช่อง BBC) แสดงเป็น บาร์ตี้ เคร้าช์ หัวหน้ากองความร่วมมือด้านเวทมนต์ระหว่างประเทศ; เพดจา เจลเลค (จากเรื่อง Eurotrip) แสดงเป็น อิกอร์ คาร์คารอฟ ครูใหญ่ของโรงเรียนเดิร์มสแตรงก์; เจฟฟ์ รอว์ล (จากเรื่อง Inspector Calls II เรื่อง Baal เรื่อง Drop the Dead Donkey ทางโทรทัศน์ช่อง 4) แสดงเป็น เอม็อส ดิกกอรี่; และ เดวิด เทนนันท์ (จากเรื่อง Bright Young Things) แสดงเป็น บาร์ตี้ เคร้าช์ในตอนเด็ก
ทีมงานนักแสดงผู้ใหญ่ทีมเดิมยังได้รวมไปถึง รอบบี้ โคลทรานแสดงเป็น แฮกริด ซึ่งเป็นผู้เก็บรักษากุญแจและบริเวณของฮอกวอตส์; เซอร์ ไมเคิล แกมบอนแสดงเป็น อัลบัส ดัมเบิลดอร์ อาจารย์ใหญ่ของฮอกวอตส์; โรเบิร์ต ฮาร์ดี้แสดงเป็นรัฐมนตรีกระทรวงเวทมนต์ คอร์นีเลียส ฟัดจ์; เชอร์ลี่ย์ เฮนเดอร์สันแสดงเป็นเมอร์เทิลจอมคร่ำครวญ; เจสัน อิซาอัค แสดงเป็น ลูเซียส มัลฟอย ศิษย์เก่าของสลิธีริน; แกรี่ย์ โอล์ดแมน แสดงเป็นพ่อทูนหัวของแฮร์รี่ ซิเรียส แบล็ก; อลัน ริคแมนแสดงเป็นศาตราจารย์ เซเวอรัส สเนป ผู้ลึกลับ; ดาม แมคกี้ สมิธแสดงเป็นศาสตราจารย์ มิเนอร์ว่า มักกอนนากัล; ทิโมธี่ สปอลล์แสดงเป็น ปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์ ; และ มาร์ค วิลเลี่ยมส์แสดงเป็น อาเธอร์ วีสลีย์
เกี่ยวกับการสร้าง
การสร้างภาพยนตร์เรื่อง Harry Potter and the Goblet of Fire นั้นเริ่มตั้งแต่ตอนปลายฤดูใบไม้ผลิของ ปี 2004 ที่ โรงถ่ายลีฟสเดน สตูดิโอ ฮาร์ทฟอร์เชอร์ในประเทศอังกฤษ หลังจากการถ่ายทำที่ ลีฟเวสเดนและสถานที่ถ่ายทำหลายที่รวมทั้งที่มหาวิทยาลัย อ็อกซ์ฟอร์ด เวอร์จิเนีย วอร์เตอร์ในเซอร์เรย์ แอสช์ริดจ์ในฮาร์ดฟอร์ไชน์และเกลน เนวิสในสก๊อตแลนด์ ปิดกล้องในเดือนมีนาคม ปี 2005
ทีมงานการสร้างยินดีที่ได้หัวหน้าฝ่าย สเปเชี่ยล เอฟเฟคคือ จอห์น ริชาร์ดสัน กลับมาร่วมงานอีกครั้ง นิค ดั๊ดแมน หัวหน้าฝ่ายสร้างสรรค์เอ็ฟเฟคและผู้ออกแบบฉากที่ได้รับตุ๊กตาทองถึงสามครั้ง ได้แก่ สจ๊วต เครก (จากภาพยนตร์เรื่อง The English Patient เรื่อง Dangerous Liaisons และเรื่อง Gandhi) เขายังได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัลตุ๊กตาทองสำหรับงานของเขาจากภาพยนตร์เรื่อง Harry Potter and the Sorcerer’s Stone เช่นเดียวกันกับผู้เขียนบทภาพยนตร์คือ สตีฟ โคลฟส์ เครค ริชาร์ดสัน และ ดั๊ดแมน ได้ร่วมกันใช้ทักษะความเชี่ยวชาญให้กับภาพยนตร์ Harry Potter ทั้งสี่เรื่อง
และผู้ที่ได้กลับมาร่วมงานกับทีมงานสร้าง Harry Potter อีกครั้งคือผู้กำกับภาพโรเจอร์ แพร็ตต์ (Harry Potter and the Chamber of Secrets) ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย เจนี่ย์ เทมไมม์ (ภาพยนตร์เรื่อง Harry Potter and the Prisoner of Azkaban) และหัวหน้าทีม วิช่วล เอ็ฟเฟคคือ จิม มิทเชลล์ (จากภาพยนตร์เรื่อง Harry Potter and the Chamber of Secrets)
มิค ออดสลีย์ (จากภาพยนตร์เรื่อง Mona Lis Smile เรื่อง High Fidelity) รับหน้าที่เป็นผู้ลำดับภาพโดยเป็นการร่วมงานกับทีมงานเป็นครั้งแรก รวมทั้งผู้แต่งเพลงคือ แพททริค ดอยล์ (จากเรื่อง Bridget Jones’ Diary เรื่อง Gosford Park และเรื่อง Love Labour’s Lost)
สองสิ่งในสิ่งที่ท้าทายที่สุดสำหรับทีมงานสร้างคือการจัดฉากงานเลี้ยงเต้นรำวันคริสต์มาส และทำให้เหตุการณ์สามสิ่งที่น่าตื่นเต้นและเต็มไปด้วยอันตรายของการประลองเวทไตรภาคีของพ่อมด กลายมาเป็นเรื่องจริง
เพื่อการมีชีวิตอยู่ – มีเพียงหนึ่งเดียวที่ต้องชนะ – การแข่งขัน แฮร์รี่และผู้ร่วมแข่งขันที่มีประสบการณ์มากกว่าเขา อาจจะพึ่งพาอาวุธได้เพียงสองอย่าง : ไม้กายสิทธิ์และไหวพริบของตนเอง สิ่งแรกในการแข่งขันท้าประลองนั้นคือการที่แฮร์รี่จะต้องต่อสู้กับมังกรยักษ์ฮังการีหางหนาม ที่มีลมหายใจเป็นไฟ ในการเตรียมงานถ่ายทำฉากนี้ทีมงานสเปเชี่ยลเอฟเฟคได้สร้างมังกรหุ่นยนต์ที่มีความสูงถึง 30 ฟุตและตกแต่งไปด้วยอุปกรณ์ที่ใช้ในการพ่นไฟ
การแข่งขันอย่างที่สองนั้นสั่งให้พ่อมดหนุ่มน้อยและแม่มดสาวน้อยทั้งหลายดำดิ่งลงไปในทะเลสาบดำ และต่อสู้กับปีศาจน้ำที่มีชื่อว่า กรินดี้โลว์เพื่อช่วยชีวิตของเพื่อนที่รักที่สุดของพวกเขา ในขณะที่ทีมงานการสร้าง Goblet of Fire ได้สร้างแท้งค์น้ำที่ได้กลายมาเป็นแท้งค์น้ำในการถ่ายทำภาพยนตร์ที่มีความลึกที่สุดในยุโรป แดเนียล แรดคลิฟฟ์และดาราที่ร่วมแสดงคือ โรเบิร์ต แพตติสัน สแตนนิสลาฟ อิวาเนสกี้และ เครเมนซ์ โพแอซีย์ ได้ใช้เวลาหลายชั่วโมงเพื่อเรียนรู้การดำน้ำ นอกจากนี้แรดคลิฟฟ์ยังต้องฝึกฝนการกลั้นลมหายใจและแสดงโดยไม่มีเครื่องมือในการช่วยหายใจ ในขณะที่ต้องว่ายน้ำด้วยมือและเท้าที่ติดกันเป็นพืด
ทีมงานนักแสดงวัยรุ่นยังต้องเข้าเรียนการเต้นรำแบบบอลรูม ก่อนหน้าที่จะมีการถ่ายทำฉากงานเลี้ยงเต้นรำวันคริสต์มาสที่อลังการ และสำหรับฉากนี้ทีมงานแผนกศิลป์ได้เปลี่ยนหอประชุมขนาดยักษ์ให้กลายมาเป็นฉากของฤดูหนาว ในดินแดนน่ามหัศจรรย์ที่เต็มไปด้วยสีเงินและน้ำแข็งที่ออกแบบสำหรับเทศกาล ทีมงานออกแบบเครื่องแต่งกายยังได้สร้างสรรค์ชุดราตรีที่เลิศหรู – รวมไปถึง เครื่องแต่งกายล้าสมัยที่น่าเศร้าของรอน – เพื่อเป็นการเน้นให้เห็นถึงความตื่นเต้นและความเคอะเขินของนักเรียนทั้งหลาย ในตอนที่พวกเขาได้เริ่มเข้ามาในงานที่น่าตื่นตาตื่นใจครั้งหนึ่งในชีวิตของพวกเขา