Cut Sleeve Boys เป็นหนังที่ตั้งคำถามแรงๆ เกี่ยวกับตัวตนหรืออัตลักษณ์ทางเพศได้อย่างแยบยล เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน และกล้าที่จะประกาศท้าทายว่า จะรักใคร ชอบใคร ก็ควรจะรัก และพอใจสิ่งที่เขาเป็น ไม่ใช่คอยปฏิเสธตัวตน และบอกให้เขาเป็นอย่างที่เราต้องการให้เป็นถ้าคุณไปดูแล้วพูดว่า “เสียดายหนุ่มรอสส์นะ ไม่น่าเลย” สงสัยต้องไปดูอีกรอบล่ะครับ เผื่อจะชินกับสิ่งที่เขาเป็น เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นในชีวิตเราแทบทุกวัน เพราะคนเรา โดยเฉพาะพ่อแม่ มักคาดหวังอยู่เสมอว่า ลูกต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ผมเลยนึกถึงจดหมายฉบับหนึ่งเร็วๆ นี้ ผู้เขียนเป็นผู้หญิง ประเมินจากเนื้อความที่เขียนแล้วพบว่า น่าจะไม่ใช่วัยรุ่นที่ยังสับสน เธอเล่าว่า มีเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งที่นับถือกันเป็นพี่สาว-น้องชาย มาเปิดเผยตัวกับเธอ หลังจากนั้น ถึงแม้ดูเขามีความสุขมากขึ้น แต่ก็มีพฤติกรรมบางอย่างที่เธอรับไม่ได้ ผมไม่ได้ข้อมูลที่ชัดเจนว่า พฤติกรรมบางอย่างที่รับไม่ได้นั้นเป็นยังไง แนวไหน แต่สิ่งที่เธอเขียนย้ำบ่อยๆ ก็คือ ตัวเธอเองไม่ได้รังเกียจคนที่เป็นเกย์หรอกนะ ไม่ได้ต่อต้านพวกเขา แต่รับไม่ได้ ผมรู้สึกงงๆ ว่า ตกลงแล้ว ทัศนคติของเธอต่อเรื่องนี้คืออะไรกัน?ความรู้สึกที่ผมได้รับจากจดหมายฉบับนั้นทำให้ผมคิดถึงความรู้สึกของ “แอช” ที่วันหนึ่งค้นพบว่า หนุ่มรอสส์ที่ตัวเองหลงชอบและมีอะไรกันไปแล้วนั้น มีความแตกต่างจากสิ่งที่เคยคิด และหากรับไม่ได้ ก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ในจุดนี้ และในอีกหลายมิติในหนัง คุณอาจจะเห็นเป็นอย่างอื่น แต่ผมรู้สึกทันทีตอนดูจบว่า ผู้กำกับหนังเรื่องนี้กำลังตบหน้าเกย์อยู่ หลังจากจับเกย์มานั่งลงแล้วเขย่าๆ ๆ ไปหลายทีก่อนหน้านั้นอาจจะถึงเวลาแล้วสำหรับเกย์ที่คลั่งไคล้ หรือติดปาร์ตี้ หลงเสพยา และคิดว่า เซ็กซ์เป็นส่วนสำคัญที่ต้องทำสถิติไว้ให้สูงๆ เข้าไว้ ควรไปดูหนังเรื่องนี้ ลองปล่อยให้เขาตบ ตบ ตบ สักสองสามที แล้วเราก็จะมีสติคืนมาส่วนนายแอส จะตัดสินใจอย่างไรกับหนุ่มรอสส์? นายทอดด์จะทำให้นายเมลคิดได้หรือไม่? แล้วไดแอนล่ะ หล่อนจะเป็นกะเทยแปลงเพศอย่างเดียวเหรอ? ไปค้นหากัน หนังเข้าวันที่ 20 ก.ค. นี้ ที่ House RCA ดูตัวอย่างหนังที่ www.cutsleeveboys.com
Monday, 13 August 2007
Cut Sleeve Boys
เลิกแอบเสียที / วิทยา แสงอรุณ Metro Life นสพ. ผู้จัดการวันเสาร์ vitadam2002@yahoo.com
7-8 July 2006ไม่ใช่หนังโหดแนวซาดิสม์ แต่เป็นหนังตลกมันส์ๆ จากผู้กำกับไฟแรงที่ตั้งคำถามเกี่ยวกับสังคมเกย์ในเมืองใหญ่ได้อย่างโหดๆ “Ray Yeung” เป็นผู้กำกับหนังโฆษณามือรางวัล เขาเริ่มหันมาจับหนังสั้น ก่อนจะได้ทำหนังยาวเรื่องนี้ ซึ่งเป็นเรื่องแรกในชีวิตเขา แถมยังเป็นผู้อำนวยการจัดงานเทศกาลหนังเกย์และเลสเบี้ยนในฮ่องกงติดต่อกันหลายปีอีกด้วย แต่ชีวิตส่วนใหญ่ของเขาอยู่ในอังกฤษพอดูจบ คุณจะพบว่า ผู้กำกับหนุ่มผู้นี้มีอะไรมากมายอยู่ในใจและอยากให้คุณเก็บไปคิดต่อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความขัดแย้งทางวัฒนธรรมตะวันออก-ตะวันตก ตัวตน และภาพลักษณ์ของเกย์ในมุมมองของเกย์กันเองและมุมมองระหว่างชาติ ซึ่งเปิดไปสู่ประเด็นอื่นๆ อีกในหลายมิตินอกเหนือไปจากการตั้งคำถามเกี่ยวกับชีวิตแบบสุขนิยมล้นเหลือผ่านตัวละครที่ชื่อ “Mel” กับ “Ash” สองเกย์เอเชี่ยนวัยกลางคนที่ไปใช้ชีวิตหลั่นล้าในลอนดอน ในงานศพเพื่อนรักคนหนึ่งซึ่งจากไปอย่างกะทันหันเพราะดันไปหาความสำราญแบบเสี่ยงๆในห้องน้ำสาธารณะ “เมล” กับ “แอช” เลยเริ่มตั้งคำถามกับชีวิตของตัวเองว่า ต้องการอะไรกันแน่ นอกจาก เซ็กซ์ สุรา ปาร์ตี้ ยา และเสื้อผ้าแบรนด์เนม?เกย์หนุ่มหุ่นเฟิร์มอย่างเมลพร่ำบอกตัวเองว่า ฉันต้องดูดีอยู่เสมอ และวิ่งตามเทรนด์แฟชั่นอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย แถมยังหงุดหงิดเวลาเจอใครแต่งตัวไม่อินเทรนด์อีก ส่วนเรื่องความรัก ไม่ต้องพูดถึง เขามักจะบอกใครๆ ว่า ชีวิตเกย์ต้องออกแบบได้ ไม่เห็นต้องทำตามใคร ขณะที่แอช เกย์แนวสาว นิสัยดีมีความคิดสร้างสรรค์เพิ่งค้นพบว่า การจะได้เจอคนที่ถูกใจสักคน ย่อมต้องแลกกับอะไรสักอย่าง ชีวิตการเป็นเกย์ “หน่วยรับ” ของเธอ จะต้องไม่เจอ “หน่วยรับ” ด้วยกันอีกต่อไป หล่อนจึงประกาศก้องว่า ฉันต้องแต่งหญิง!ความป่วนในชีวิตวุ่นของทั้งสองมาปะทุขึ้นเมื่อได้เจอกับสองหนุ่มกับอีกหนึ่งกะเทยชาวอังกฤษโดยบังเอิญ “ทอดด์” (Todd) เป็นหนุ่มชนบทเพิ่งหลงเข้าเมืองเพื่อตามหาความรัก (ถ้าคุณนึกถึงบทหนุ่มหน้าใสวัย 17 จาก Formula 17 ที่มาเจอเสือหิวในเมือง ก็ไม่ผิดกติกา) อีกคนที่น่าสนใจมากคือ “รอสส์” (Ross) หนุ่มหล่อล่ำ พูดน้อย อารมณ์ดี ภายนอกดูเงียบขรึม แต่ภายในกลับมีความลับดำมืดที่รอการค้นพบ และคนสุดท้าย แฟนของรอสส์ “ไดแอน” (Dianne ชื่อเดิมคือ แดน) สาวแปลงเพศผิวหมึกผู้มีอารมณ์ขันเหลือเฟือ แค่การแนะนำตัวเธอเองก็ไม่เบา ในฉากที่เขาพูดกับแอช“I’m Diane. He is Ross. Together we are Diana Ross.” (Diana Ross นักร้องอเมริกันผิวสี ขวัญใจของเหล่าเกย์)Cut Sleeve Boys เป็นหนังใหม่แกะกล่อง ออกฉายทั่วโลกปี 2006 นี้เอง ถ่ายด้วยกล้องดิจิตอล และฉายด้วยดีวีดี เวลาคุณดูแรกๆ จะรู้สึกแตกต่าง แต่พอดูๆ ไปสักพัก คุณจะลืมว่า นี่ไม่ใช่แผ่นฟิล์ม ฉายที่กรุงเทพฯ เมื่อต้นปี ในงานเทศกาลหนังฯ มีไม่กี่รอบ และเต็มทุกรอบ ชื่อหนังนำมาจากเสี้ยวหนึ่งของประวัติศาสตร์จีน ในสมัยนั้น สัมพันธ์ระหว่างชายกับชายเป็นเรื่องธรรมดาในราชวงศ์หนึ่ง จักรพรรดิพระองค์หนึ่งตื่นจากบรรทมแล้วพบว่า สนมหนุ่มน้อยที่อยู่เคียงข้างกำลังหลับทับชายเสื้อของพระองค์อยู่ ด้วยความรักและทะนุถนอม จักรพรรดิจึงบรรจงตัดฉลองพระองค์ส่วนนั้นออก เพื่อให้หนุ่มน้อยหลับใหลต่อไปอย่างเป็นสุขดังนั้นคำว่า “The Passion of Cut Sleeve” จึงนำมาใช้หมายถึงชายรักชาย ผู้กำกับหนุ่มยังเล่าอีกด้วยว่า ยังมีอีกคำหนึ่งที่ผู้ศึกษาเรื่องโฮโมฯ ต้องสนใจ คือคำว่า “The Half-Eaten Peach” ซึ่งมาจากเรื่องเล่าอีกเช่นกัน เมื่อจักรพรรดิจากอีกราชวงศ์หนึ่ง ได้รับลูกท้อที่ชิมแล้วว่าอร่อยจากคนรักชาย ท่านถึงกับตื้นตันที่คนรักแบ่งปันความอร่อยนั้นให้ ไม่เก็บไว้คนเดียว
Cut Sleeve Boys เป็นหนังที่ตั้งคำถามแรงๆ เกี่ยวกับตัวตนหรืออัตลักษณ์ทางเพศได้อย่างแยบยล เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน และกล้าที่จะประกาศท้าทายว่า จะรักใคร ชอบใคร ก็ควรจะรัก และพอใจสิ่งที่เขาเป็น ไม่ใช่คอยปฏิเสธตัวตน และบอกให้เขาเป็นอย่างที่เราต้องการให้เป็นถ้าคุณไปดูแล้วพูดว่า “เสียดายหนุ่มรอสส์นะ ไม่น่าเลย” สงสัยต้องไปดูอีกรอบล่ะครับ เผื่อจะชินกับสิ่งที่เขาเป็น เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นในชีวิตเราแทบทุกวัน เพราะคนเรา โดยเฉพาะพ่อแม่ มักคาดหวังอยู่เสมอว่า ลูกต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ผมเลยนึกถึงจดหมายฉบับหนึ่งเร็วๆ นี้ ผู้เขียนเป็นผู้หญิง ประเมินจากเนื้อความที่เขียนแล้วพบว่า น่าจะไม่ใช่วัยรุ่นที่ยังสับสน เธอเล่าว่า มีเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งที่นับถือกันเป็นพี่สาว-น้องชาย มาเปิดเผยตัวกับเธอ หลังจากนั้น ถึงแม้ดูเขามีความสุขมากขึ้น แต่ก็มีพฤติกรรมบางอย่างที่เธอรับไม่ได้ ผมไม่ได้ข้อมูลที่ชัดเจนว่า พฤติกรรมบางอย่างที่รับไม่ได้นั้นเป็นยังไง แนวไหน แต่สิ่งที่เธอเขียนย้ำบ่อยๆ ก็คือ ตัวเธอเองไม่ได้รังเกียจคนที่เป็นเกย์หรอกนะ ไม่ได้ต่อต้านพวกเขา แต่รับไม่ได้ ผมรู้สึกงงๆ ว่า ตกลงแล้ว ทัศนคติของเธอต่อเรื่องนี้คืออะไรกัน?ความรู้สึกที่ผมได้รับจากจดหมายฉบับนั้นทำให้ผมคิดถึงความรู้สึกของ “แอช” ที่วันหนึ่งค้นพบว่า หนุ่มรอสส์ที่ตัวเองหลงชอบและมีอะไรกันไปแล้วนั้น มีความแตกต่างจากสิ่งที่เคยคิด และหากรับไม่ได้ ก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ในจุดนี้ และในอีกหลายมิติในหนัง คุณอาจจะเห็นเป็นอย่างอื่น แต่ผมรู้สึกทันทีตอนดูจบว่า ผู้กำกับหนังเรื่องนี้กำลังตบหน้าเกย์อยู่ หลังจากจับเกย์มานั่งลงแล้วเขย่าๆ ๆ ไปหลายทีก่อนหน้านั้นอาจจะถึงเวลาแล้วสำหรับเกย์ที่คลั่งไคล้ หรือติดปาร์ตี้ หลงเสพยา และคิดว่า เซ็กซ์เป็นส่วนสำคัญที่ต้องทำสถิติไว้ให้สูงๆ เข้าไว้ ควรไปดูหนังเรื่องนี้ ลองปล่อยให้เขาตบ ตบ ตบ สักสองสามที แล้วเราก็จะมีสติคืนมาส่วนนายแอส จะตัดสินใจอย่างไรกับหนุ่มรอสส์? นายทอดด์จะทำให้นายเมลคิดได้หรือไม่? แล้วไดแอนล่ะ หล่อนจะเป็นกะเทยแปลงเพศอย่างเดียวเหรอ? ไปค้นหากัน หนังเข้าวันที่ 20 ก.ค. นี้ ที่ House RCA ดูตัวอย่างหนังที่ www.cutsleeveboys.com
Cut Sleeve Boys เป็นหนังที่ตั้งคำถามแรงๆ เกี่ยวกับตัวตนหรืออัตลักษณ์ทางเพศได้อย่างแยบยล เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน และกล้าที่จะประกาศท้าทายว่า จะรักใคร ชอบใคร ก็ควรจะรัก และพอใจสิ่งที่เขาเป็น ไม่ใช่คอยปฏิเสธตัวตน และบอกให้เขาเป็นอย่างที่เราต้องการให้เป็นถ้าคุณไปดูแล้วพูดว่า “เสียดายหนุ่มรอสส์นะ ไม่น่าเลย” สงสัยต้องไปดูอีกรอบล่ะครับ เผื่อจะชินกับสิ่งที่เขาเป็น เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นในชีวิตเราแทบทุกวัน เพราะคนเรา โดยเฉพาะพ่อแม่ มักคาดหวังอยู่เสมอว่า ลูกต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ผมเลยนึกถึงจดหมายฉบับหนึ่งเร็วๆ นี้ ผู้เขียนเป็นผู้หญิง ประเมินจากเนื้อความที่เขียนแล้วพบว่า น่าจะไม่ใช่วัยรุ่นที่ยังสับสน เธอเล่าว่า มีเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งที่นับถือกันเป็นพี่สาว-น้องชาย มาเปิดเผยตัวกับเธอ หลังจากนั้น ถึงแม้ดูเขามีความสุขมากขึ้น แต่ก็มีพฤติกรรมบางอย่างที่เธอรับไม่ได้ ผมไม่ได้ข้อมูลที่ชัดเจนว่า พฤติกรรมบางอย่างที่รับไม่ได้นั้นเป็นยังไง แนวไหน แต่สิ่งที่เธอเขียนย้ำบ่อยๆ ก็คือ ตัวเธอเองไม่ได้รังเกียจคนที่เป็นเกย์หรอกนะ ไม่ได้ต่อต้านพวกเขา แต่รับไม่ได้ ผมรู้สึกงงๆ ว่า ตกลงแล้ว ทัศนคติของเธอต่อเรื่องนี้คืออะไรกัน?ความรู้สึกที่ผมได้รับจากจดหมายฉบับนั้นทำให้ผมคิดถึงความรู้สึกของ “แอช” ที่วันหนึ่งค้นพบว่า หนุ่มรอสส์ที่ตัวเองหลงชอบและมีอะไรกันไปแล้วนั้น มีความแตกต่างจากสิ่งที่เคยคิด และหากรับไม่ได้ ก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ในจุดนี้ และในอีกหลายมิติในหนัง คุณอาจจะเห็นเป็นอย่างอื่น แต่ผมรู้สึกทันทีตอนดูจบว่า ผู้กำกับหนังเรื่องนี้กำลังตบหน้าเกย์อยู่ หลังจากจับเกย์มานั่งลงแล้วเขย่าๆ ๆ ไปหลายทีก่อนหน้านั้นอาจจะถึงเวลาแล้วสำหรับเกย์ที่คลั่งไคล้ หรือติดปาร์ตี้ หลงเสพยา และคิดว่า เซ็กซ์เป็นส่วนสำคัญที่ต้องทำสถิติไว้ให้สูงๆ เข้าไว้ ควรไปดูหนังเรื่องนี้ ลองปล่อยให้เขาตบ ตบ ตบ สักสองสามที แล้วเราก็จะมีสติคืนมาส่วนนายแอส จะตัดสินใจอย่างไรกับหนุ่มรอสส์? นายทอดด์จะทำให้นายเมลคิดได้หรือไม่? แล้วไดแอนล่ะ หล่อนจะเป็นกะเทยแปลงเพศอย่างเดียวเหรอ? ไปค้นหากัน หนังเข้าวันที่ 20 ก.ค. นี้ ที่ House RCA ดูตัวอย่างหนังที่ www.cutsleeveboys.com
แล้วอย่าเพิ่งคิดเป็นอย่างอื่น
Labels:
News : International Movie