Monday, 13 August 2007
ปิดอีกแห่ง คนงานกว่า5พัน จ่อตกงาน [2 ส.ค. 50 - 03:11]
เมื่อวันที่ 1 ส.ค. บริษัทยูเนี่ยนฟุทแวร์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือสหยูเนี่ยนที่รับจ้างผลิตรองเท้าชื่อดังระดับโลก อาทิ ไนกี้ อาดิดาส และทิมเบอร์แลนด์ มีพนักงานกว่า 5 พันคน มีนายอำนวย วีรวรรณ เป็นประธานกรรมการบริษัท และมีบริษัทสหยูเนี่ยน จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงเทพ จำกัด เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ รวมทั้งยังมีชื่อนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมเป็นผู้ถือหุ้นด้วยนั้น ได้ประกาศหยุดดำเนินการผลิตรองเท้าในปลายปีนี้ หลังทนแบกภาระขาดทุนอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลากว่า 3 ปีไม่ไหว โดยทางบริษัทยอมจ่ายค่าชดเชยแก่พนักงานตามกฎหมายแรงงานกำหนด นายทรงศักดิ์ ธรรมภิมุขวัฒนา กรรมการผู้จัดการบริษัทยูเนี่ยนฟุทแวร์ แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า คณะกรรมการบริษัทมีมติขอเพิกถอนหุ้นของบริษัทออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากบริษัทจะหยุดดำเนินธุรกิจรองเท้า โดยเหตุผลและข้อเท็จจริงที่ต้องหยุดกิจการ เนื่องจากอุตสาหกรรมรองเท้ามีการแข่งขันสูงจากต่างประเทศ ทำให้มีโอกาสน้อยในการเจรจาต่อรองเงื่อนไขและราคาขาย แม้บริษัทได้พัฒนาระบบการบริหารจัดการและกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง แต่ความสามารถในการทำกำไรกลับลดลงทุกปี โดยบริษัทมีผลขาดทุนติดต่อกันเกินกว่า 3 ปี กรรมการผู้จัดการบริษัทยูเนี่ยนฟุทแวร์กล่าวอีกว่า ขณะที่อุตสาหกรรมรองเท้าต้องใช้แรงงานจำนวนมาก และบริษัทมีปัญหาขาดแรงงานที่จะทำงานในอุตสาหกรรมรองเท้า ทั้งที่อัตราค่าจ้างขั้นต่ำมีการปรับเพิ่มตลอดเวลา บริษัทได้แก้ปัญหาการขาดแรงงานด้วยการให้บริษัทย่อยไปประกอบกิจการในต่างจังหวัด แต่ยังไม่สามารถแก้ ปัญหาการขาดแรงงานได้ ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการผลิต และมีต้นทุนการฝึกอบรมพนักงานสูง การส่งมอบสินค้าให้ลูกค้าก็ทำได้ไม่ตรงตามกำหนดเวลา ทำให้ บริษัทมีภาระต้องแบกรับค่าขนส่งทางอากาศที่เป็นค่าใช้จ่ายสูงอยู่ตลอดเวลา เมื่อเปรียบเทียบคู่แข่งในธุรกิจรองเท้าในจีน และเวียดนาม ซึ่งมีแรงงานมากและค่าจ้างต่ำกว่าไทย ทำให้ไม่สามารถแข่งขันในธุรกิจนี้ได้ นายทรงศักดิ์กล่าวด้วยว่า เมื่อคำนึงถึงผลตอบแทนทางธุรกิจ การแข่งขันทางการค้า ความเสี่ยงและความจำเป็นที่บริษัทจะต้องลงทุนในด้านต่างๆเพิ่มขึ้นในอนาคตแล้ว เห็นว่าธุรกิจนี้มีความเสี่ยงสูง มีโอกาสขาดทุนต่อไป ไม่คุ้มค่าการลงทุน จึงตัดสินใจเลิกการผลิต เพื่อมิให้เกิดความเสียหายมากกว่านี้ โดยบริษัทจะผลิตสินค้าเพื่อส่งมอบให้กับลูกค้าตามคำสั่งซื้อที่มีอยู่ในปี 2550 จนครบถ้วน หลังจากนั้นก็จะหยุดดำเนิน กิจการรองเท้า และยังไม่มีนโยบายจะดำเนินธุรกิจอื่นใดอีก และจะรับผิดชอบจ่ายค่าจ้างแรงงานและเงินชดเชยตามกฎหมายกำหนดต่อไป ขณะที่นายมิ่งพันธ์ ฉายาวิจิตรศิลป์ รองประธานกลุ่มอุตสาหกรรมรองเท้า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ ไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมผลิตรองเท้าในประเทศไทยขณะนี้ ยอมรับว่าค่อนข้างลำบาก จากกรณีค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง แต่ในภาพรวมก็ยังไม่ถึงกับที่จะทำให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมรองเท้า จะทยอยล้มตายลงทั้งระบบ เนื่องจากค่าเงินบาทก็มีผลต่อทุกอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นผลมาจากรัฐบาลชุดนี้แก้ไขปัญหาค่าเงินบาทล่าช้า ด้านนายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า กรณีที่ยูเนี่ยนฟุทแวร์ปิดกิจการครั้งนี้ คงไม่กระทบต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมผลิตรองเท้าทั้งระบบ เนื่องจากเป็นกิจการที่มีทั้งการปิดกิจการและเปิดกิจการใหม่เป็นระยะๆ และคำสั่งซื้อรองเท้าจากต่างชาติที่มีเข้ามาในประเทศไทย ก็มีเข้ามาเป็นระยะๆ โดยโรงงานผลิตรองเท้าในเครือสหพัฒน์ ขณะนี้มีคำสั่งซื้อเข้ามาในกลุ่มรองเท้ากีฬามากกว่า 25% ของกำลังการผลิตที่สหพัฒน์จะผลิตได้ในปีนี้
Labels:
Advertising Direction 2007