Monday, 13 August 2007
ครีเอทีฟ จูซ จีวัน ประวัติศาสตร์หน้าใหม่เอเยนซีไทย
'ครีเอทีฟ จูซ\จีวัน' ประวัติศาสตร์หน้าใหม่เอเยนซีไทย
ที่ผ่านมากำเนิดบริษัทแอดเวอร์ไทซิ่ง เอเยนซี หรือเอเยนซีโฆษณา ในบ้านเรา มักเป็นบริษัทที่เปิดจากการขยายสาขา เพิ่มเน็ตเวิร์คจากเอเยนซี่ในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น โอกิลวี่ แอนด์ เมเธอร์, แมคแคน อิริคสัน, ทีบีดับลิวเอ, วายแอนด์อาร์ แต่สำหรับบริษัท ครีเอทีฟ จูซจีวัน ถือเป็นผู้พลิกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการเอเยนซีไทย เพราะครีเอทีฟ จูซจีวัน ถือเป็นเอเยนซีโฆษณาที่กำเนิดในประเทศไทย และขณะนี้ได้ขยายเน็ตเวิร์คไปยังฟิลิปปินส์แล้วเป็นสาขาแรก "ฐานเศรษฐกิจ" จึงได้พูดคุยกับ "วิทวัส ชัยปาณี" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ครีเอทีฟ จูซจีวัน ถึงสาเหตุและความพร้อมในการที่ ครีเอทีฟ จูซจีวัน ในเมืองไทย กำลังจะกลายเป็น Head Office ของครีเอทีฟ จูซจีวัน ทั่วโลก
เอเยนซีอันดับ 1 ของประเทศ
นับจากวันที่ครีเอทีฟ จูซจีวัน เปิดให้บริการเมื่อปี 2545 ด้วยเวลาเพียง 3 ปี ชื่อเสียงของเอเยนซีโฆษณาบริษัทนี้ ก็เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ จากผลงานโฆษณา ที่สร้างทั้งชื่อเสียง และยอดขายให้กับเจ้าของสินค้า และงานโฆษณาของครีเอทีฟ จูซจีวัน ยังเป็นงานที่คว้ารางวัลจากการประกวดงานโฆษณาระดับโลกอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2548 นิตยสาร SHOTS GrandPrix จัดให้ครีเอทีฟ จูซ จีวัน เป็นเอเยนซี่อันดับ 7 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคและประเทศไทย จากการส่งผลงานเข้าประกวดจนได้รับรางวัลในเวทีระดับโลกหลายเวที
"วิทวัส" บอกว่า ปีนี้เป็นอีกปีหนึ่งที่งานโฆษณาของบริษัทได้คว้ารางวัลจากเวทีหลักๆ อาทิ งานประกวดโฆษณา Clio Awards ที่สหรัฐอเมริกา และ Cannes Lion ที่ประเทศฝรั่งเศส จากผลงานโฆษณาโทรทัศน์ของ กรุงเทพประกันภัย ชุด ปล้น, ล้อหลุด และพายุหมุน ซึ่งได้รับรางวัล Gold ทั้ง 2 เวที รวมทั้งงานโฆษณาพริ้นแอด กางเกงยีนส์แรงเล่อร์ และโฆษณา Minery Footcare-Baby โดยงานโฆษณาที่ได้รางวัลอย่างกรุงทพประกันภัย ไม่ใช่งานที่บริษัททำขึ้นมาเพื่อให้ได้รางวัลเพียงอย่างเดียว แต่เป็นงานที่สามารถสร้างแบรนด์และสร้างรายได้ให้กับกรุงเทพประกันภัยอย่างชัดเจน โดยกรุงเทพประกันภัย กลายเป็นแบรนด์ที่คนรู้จักจากเดิมที่เคยอยู่อันดับ 9 ขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ในปัจจุบัน และยังทำให้ยอดขายเติบโตจากเดิม 8% มาเป็น 13% นอกจากนี้ยังทำให้เกิดการแข่งขันในตลาดประกันภัยมากขึ้น ทำให้แบรนด์อื่นๆ เริ่มลุกขึ้นมาสร้างแบรนด์ผ่านภาพยนตร์โฆษณามากขึ้นด้วย
จากการนำผลงานของบริษัทเข้าประกวดทุกปี ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ครีเอทีฟ จูซจีวัน ต้องการสร้างผลงานเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับบริษัทเพียงอย่างเดียวหรือไม่นั้น เรื่องนี้ผู้บริหารของครีเอทีฟ จูซจีวัน ชี้แจงว่า การสร้างชื่อเสียงให้กับบริษัทด้วยผลงานที่เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับ ถือเป็นผลดีที่ทำให้บริษัทได้รับการคัดเลือกในอันดับต้นๆ ของลูกค้าที่ต้องการเลือกใช้บริการจากเอเยนซีโฆษณา
ส่วนผลพลอยได้อีกประการหนึ่ง ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการเติบโตของบริษัท และการเป็นที่ยอมรับของบริษัทแม่ ซึ่งครีเอทีฟ จูซจีวัน เป็นบริษัทที่ร่วมทุนกับ บริษัท ทีบีดับบลิวเอ (ประเทศไทย) จำกัด ในเครือออมนิคอม กรุ๊ป จนเป็นที่มาของการพัฒนาให้ครีเอทีฟ จูซจีวัน เป็นเครือข่ายที่ 2 ในเอเยนซีโฆษณา ต่อจากทีบีดับบลิวเอ ที่จะขยายออกไปทั่วโลก โดยเริ่มต้นจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ซึ่งเริ่มจากฟิลิปปินส์ก่อนเป็นประเทศแรก โดยเปิดทำการครีเอทีฟ จูซจีวัน มาแล้วตั้งแต่ มีนาคมที่ผ่านมา และยังมีแผนที่จะขยายต่อไปยังเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และมาเลเซีย
สำหรับครีเอทีฟ จูซจีวัน ในประเทศต่างๆ จะใช้ Tool ในการบริหารงานเดียวกับในประะเทศ โดยผู้บริหารตั้งแต่วิทวัส, ธีรศักดิ์ ธนพัฒนากุล ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายสร้างสรรค์ และพงษ์สุรีย์ กรรมการบริหาร เดินทางไปให้ข้อมูลเกี่ยวเครื่องมือในการบริหารแบรนด์ให้กับลูกค้า
คั้นเครื่องมือการทำงานและความคิด
ที่ผ่านมา ผลงานหลายๆ ชิ้นของครีเอทีฟ จูซจีวัน ได้รับการกล่าวขวัญถึง ซึ่งทั้งหมดเป็นผลมาจากการกลั่นความคิด และการสร้างเครื่องมือในการทำงานที่มีประสิทธิภาพ เครื่องมือชิ้นแรกในการสร้างแบรนด์และสร้างรายได้ให้กับลูกค้า คือ 4-ดี แพลนนิ่ง สำหรับปีนี้ เพื่อรักษาความเข้มในการทำงาน ครีเอทีฟ จูซจีวัน ได้คิดและออกแบบเครื่องมือตัวใหม่ ชื่อ สควีซ (Squeeze) ซึ่งเป็นการกลั้น คั้น และกรอง ความคิด ตั้งแต่วัตถุประสงค์ในการในการทำงานโฆษณา เนื่องจากจุดประสงค์บางอย่างไม่สามารถสร้างเป็นงานโฆษณาได้
ส่วนไอเดีย จะมีการกรอกเอาไอเดียที่เวิร์คที่สุด สร้างผลประโยชน์ทางการตลาดใหัมากที่สุด เกิด Impact สูงสุดทั้งยอดขาย และการสร้างแบรนด์ให้กับลูกค้า รวมทั้งไอเดียที่ได้มา ต้องเป็นไอเดียที่มีความลึกทาง Consumer Insight โดยจะคั้นให้เหลือไอเดียที่เข้มข้นที่สุด
"เนื่องจากเป้าหมายหลักของเราคือการสร้างยอดขายและสร้างแบรนด์ให้กับลูกค้า เพิ่มประสิทธิผลทางการตลาดสูงสุดกับแบรนด์ของสินค้า ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น 100% ดังนั้นลูกค้าที่เห็นผลทางการตลาดตรงนี้ จึงอยู่กับเราไม่ขยับไปไหน" นายวิทวัสกล่าว
สำหรับปัจจุบัน ครีเอทีฟ จูซจีวัน มีลูกค้าอยู่ประมาณ 45 ราย โดยเพิ่งรับลูกค้าใหม่อีก 5-6 รายตั้งแต่ต้นปี ได้แก่ ปูนซีเมนต์ไทย ในเครือผลิตภัณฑ์กระดาษ กรุงเทพประกันชีวิต ธนาคารทหารไทย ประชาชาติธุรกิจ น้ำผลไม้มาลี และห้างสรรพสินค้าโรบินสัน โดยลูกค้าจะใช้บริการ ทั้งการสร้างงานโฆษณา การเป็นที่ปรึกษาให้กับแบรนด์ และบางรายจะใช้บริการทั้ง 2 ด้าน ซึ่งในส่วนของการเป็นที่ปรึกษาด้านการตลาดให้กับแบรนด์ มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 60% ของรายได้ทั้งหมด และตั้งเป้าว่าในปีนี้จะสามารถเพิ่มรายได้ทั้งจากลูกคค้าใหม่ ที่จะรับเพิ่มได้อีก 2-3 รายในปีนี้ รวมทั้งการใช้เงินของลูกค้าเดิมอีกประมาณ 15% ครีเอทีฟจูซจีวันครึ่งปีหลังไม่กระทบ
จากภาพรวมของเศรษฐกิจปัจจุบัน ทำให้มองว่าอุตสาหกรรมโฆษณาจะเป็นธุรกิจที่ได้ รับผลกระทบอย่างหนัก แต่ในส่วนของครีเอทีฟ จูซจีวันนั้น ในครึ่งปีหลังคาดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบ เพราะที่ผ่านมา ลูกค้ายังคงใช้งบการตลาดกันเป็นปกติ เพียงแต่ปีหน้าซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจจะทรุดตัวมากกว่านี้ ซึ่งบริษัทได้เตรียมพร้อมที่จะรองรับภาวะดังกล่าวแล้ว ด้วยการสร้างงานที่ประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
ส่วนกลุ่มธุรกิจที่มองว่าเริ่มมีปัญหาแล้วขณะนี้ คือ กลุ่มเรียลเอสเตท และในปีหน้ากลุ่มธุรกิจรถยนต์เป็นอีกกลุ่มที่น่าเป็นห่วง รวมทั้งสินค้าฟุ่มเฟือยทั้งหลาย ส่วนธุรกิจโทรศัพท์มือถือยังเป็นธุรกิจที่ใช้เงินต่อเนื่อง ทุกค่ายยังคงมองที่จะหาแคมเปญมาสร้างยอดขาย และเพิ่มฐานสมาชิกต่อไป
ที่ผ่านมากำเนิดบริษัทแอดเวอร์ไทซิ่ง เอเยนซี หรือเอเยนซีโฆษณา ในบ้านเรา มักเป็นบริษัทที่เปิดจากการขยายสาขา เพิ่มเน็ตเวิร์คจากเอเยนซี่ในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น โอกิลวี่ แอนด์ เมเธอร์, แมคแคน อิริคสัน, ทีบีดับลิวเอ, วายแอนด์อาร์ แต่สำหรับบริษัท ครีเอทีฟ จูซจีวัน ถือเป็นผู้พลิกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการเอเยนซีไทย เพราะครีเอทีฟ จูซจีวัน ถือเป็นเอเยนซีโฆษณาที่กำเนิดในประเทศไทย และขณะนี้ได้ขยายเน็ตเวิร์คไปยังฟิลิปปินส์แล้วเป็นสาขาแรก "ฐานเศรษฐกิจ" จึงได้พูดคุยกับ "วิทวัส ชัยปาณี" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ครีเอทีฟ จูซจีวัน ถึงสาเหตุและความพร้อมในการที่ ครีเอทีฟ จูซจีวัน ในเมืองไทย กำลังจะกลายเป็น Head Office ของครีเอทีฟ จูซจีวัน ทั่วโลก
เอเยนซีอันดับ 1 ของประเทศ
นับจากวันที่ครีเอทีฟ จูซจีวัน เปิดให้บริการเมื่อปี 2545 ด้วยเวลาเพียง 3 ปี ชื่อเสียงของเอเยนซีโฆษณาบริษัทนี้ ก็เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ จากผลงานโฆษณา ที่สร้างทั้งชื่อเสียง และยอดขายให้กับเจ้าของสินค้า และงานโฆษณาของครีเอทีฟ จูซจีวัน ยังเป็นงานที่คว้ารางวัลจากการประกวดงานโฆษณาระดับโลกอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2548 นิตยสาร SHOTS GrandPrix จัดให้ครีเอทีฟ จูซ จีวัน เป็นเอเยนซี่อันดับ 7 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคและประเทศไทย จากการส่งผลงานเข้าประกวดจนได้รับรางวัลในเวทีระดับโลกหลายเวที
"วิทวัส" บอกว่า ปีนี้เป็นอีกปีหนึ่งที่งานโฆษณาของบริษัทได้คว้ารางวัลจากเวทีหลักๆ อาทิ งานประกวดโฆษณา Clio Awards ที่สหรัฐอเมริกา และ Cannes Lion ที่ประเทศฝรั่งเศส จากผลงานโฆษณาโทรทัศน์ของ กรุงเทพประกันภัย ชุด ปล้น, ล้อหลุด และพายุหมุน ซึ่งได้รับรางวัล Gold ทั้ง 2 เวที รวมทั้งงานโฆษณาพริ้นแอด กางเกงยีนส์แรงเล่อร์ และโฆษณา Minery Footcare-Baby โดยงานโฆษณาที่ได้รางวัลอย่างกรุงทพประกันภัย ไม่ใช่งานที่บริษัททำขึ้นมาเพื่อให้ได้รางวัลเพียงอย่างเดียว แต่เป็นงานที่สามารถสร้างแบรนด์และสร้างรายได้ให้กับกรุงเทพประกันภัยอย่างชัดเจน โดยกรุงเทพประกันภัย กลายเป็นแบรนด์ที่คนรู้จักจากเดิมที่เคยอยู่อันดับ 9 ขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ในปัจจุบัน และยังทำให้ยอดขายเติบโตจากเดิม 8% มาเป็น 13% นอกจากนี้ยังทำให้เกิดการแข่งขันในตลาดประกันภัยมากขึ้น ทำให้แบรนด์อื่นๆ เริ่มลุกขึ้นมาสร้างแบรนด์ผ่านภาพยนตร์โฆษณามากขึ้นด้วย
จากการนำผลงานของบริษัทเข้าประกวดทุกปี ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ครีเอทีฟ จูซจีวัน ต้องการสร้างผลงานเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับบริษัทเพียงอย่างเดียวหรือไม่นั้น เรื่องนี้ผู้บริหารของครีเอทีฟ จูซจีวัน ชี้แจงว่า การสร้างชื่อเสียงให้กับบริษัทด้วยผลงานที่เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับ ถือเป็นผลดีที่ทำให้บริษัทได้รับการคัดเลือกในอันดับต้นๆ ของลูกค้าที่ต้องการเลือกใช้บริการจากเอเยนซีโฆษณา
ส่วนผลพลอยได้อีกประการหนึ่ง ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการเติบโตของบริษัท และการเป็นที่ยอมรับของบริษัทแม่ ซึ่งครีเอทีฟ จูซจีวัน เป็นบริษัทที่ร่วมทุนกับ บริษัท ทีบีดับบลิวเอ (ประเทศไทย) จำกัด ในเครือออมนิคอม กรุ๊ป จนเป็นที่มาของการพัฒนาให้ครีเอทีฟ จูซจีวัน เป็นเครือข่ายที่ 2 ในเอเยนซีโฆษณา ต่อจากทีบีดับบลิวเอ ที่จะขยายออกไปทั่วโลก โดยเริ่มต้นจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ซึ่งเริ่มจากฟิลิปปินส์ก่อนเป็นประเทศแรก โดยเปิดทำการครีเอทีฟ จูซจีวัน มาแล้วตั้งแต่ มีนาคมที่ผ่านมา และยังมีแผนที่จะขยายต่อไปยังเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และมาเลเซีย
สำหรับครีเอทีฟ จูซจีวัน ในประเทศต่างๆ จะใช้ Tool ในการบริหารงานเดียวกับในประะเทศ โดยผู้บริหารตั้งแต่วิทวัส, ธีรศักดิ์ ธนพัฒนากุล ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายสร้างสรรค์ และพงษ์สุรีย์ กรรมการบริหาร เดินทางไปให้ข้อมูลเกี่ยวเครื่องมือในการบริหารแบรนด์ให้กับลูกค้า
คั้นเครื่องมือการทำงานและความคิด
ที่ผ่านมา ผลงานหลายๆ ชิ้นของครีเอทีฟ จูซจีวัน ได้รับการกล่าวขวัญถึง ซึ่งทั้งหมดเป็นผลมาจากการกลั่นความคิด และการสร้างเครื่องมือในการทำงานที่มีประสิทธิภาพ เครื่องมือชิ้นแรกในการสร้างแบรนด์และสร้างรายได้ให้กับลูกค้า คือ 4-ดี แพลนนิ่ง สำหรับปีนี้ เพื่อรักษาความเข้มในการทำงาน ครีเอทีฟ จูซจีวัน ได้คิดและออกแบบเครื่องมือตัวใหม่ ชื่อ สควีซ (Squeeze) ซึ่งเป็นการกลั้น คั้น และกรอง ความคิด ตั้งแต่วัตถุประสงค์ในการในการทำงานโฆษณา เนื่องจากจุดประสงค์บางอย่างไม่สามารถสร้างเป็นงานโฆษณาได้
ส่วนไอเดีย จะมีการกรอกเอาไอเดียที่เวิร์คที่สุด สร้างผลประโยชน์ทางการตลาดใหัมากที่สุด เกิด Impact สูงสุดทั้งยอดขาย และการสร้างแบรนด์ให้กับลูกค้า รวมทั้งไอเดียที่ได้มา ต้องเป็นไอเดียที่มีความลึกทาง Consumer Insight โดยจะคั้นให้เหลือไอเดียที่เข้มข้นที่สุด
"เนื่องจากเป้าหมายหลักของเราคือการสร้างยอดขายและสร้างแบรนด์ให้กับลูกค้า เพิ่มประสิทธิผลทางการตลาดสูงสุดกับแบรนด์ของสินค้า ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น 100% ดังนั้นลูกค้าที่เห็นผลทางการตลาดตรงนี้ จึงอยู่กับเราไม่ขยับไปไหน" นายวิทวัสกล่าว
สำหรับปัจจุบัน ครีเอทีฟ จูซจีวัน มีลูกค้าอยู่ประมาณ 45 ราย โดยเพิ่งรับลูกค้าใหม่อีก 5-6 รายตั้งแต่ต้นปี ได้แก่ ปูนซีเมนต์ไทย ในเครือผลิตภัณฑ์กระดาษ กรุงเทพประกันชีวิต ธนาคารทหารไทย ประชาชาติธุรกิจ น้ำผลไม้มาลี และห้างสรรพสินค้าโรบินสัน โดยลูกค้าจะใช้บริการ ทั้งการสร้างงานโฆษณา การเป็นที่ปรึกษาให้กับแบรนด์ และบางรายจะใช้บริการทั้ง 2 ด้าน ซึ่งในส่วนของการเป็นที่ปรึกษาด้านการตลาดให้กับแบรนด์ มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 60% ของรายได้ทั้งหมด และตั้งเป้าว่าในปีนี้จะสามารถเพิ่มรายได้ทั้งจากลูกคค้าใหม่ ที่จะรับเพิ่มได้อีก 2-3 รายในปีนี้ รวมทั้งการใช้เงินของลูกค้าเดิมอีกประมาณ 15% ครีเอทีฟจูซจีวันครึ่งปีหลังไม่กระทบ
จากภาพรวมของเศรษฐกิจปัจจุบัน ทำให้มองว่าอุตสาหกรรมโฆษณาจะเป็นธุรกิจที่ได้ รับผลกระทบอย่างหนัก แต่ในส่วนของครีเอทีฟ จูซจีวันนั้น ในครึ่งปีหลังคาดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบ เพราะที่ผ่านมา ลูกค้ายังคงใช้งบการตลาดกันเป็นปกติ เพียงแต่ปีหน้าซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจจะทรุดตัวมากกว่านี้ ซึ่งบริษัทได้เตรียมพร้อมที่จะรองรับภาวะดังกล่าวแล้ว ด้วยการสร้างงานที่ประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
ส่วนกลุ่มธุรกิจที่มองว่าเริ่มมีปัญหาแล้วขณะนี้ คือ กลุ่มเรียลเอสเตท และในปีหน้ากลุ่มธุรกิจรถยนต์เป็นอีกกลุ่มที่น่าเป็นห่วง รวมทั้งสินค้าฟุ่มเฟือยทั้งหลาย ส่วนธุรกิจโทรศัพท์มือถือยังเป็นธุรกิจที่ใช้เงินต่อเนื่อง ทุกค่ายยังคงมองที่จะหาแคมเปญมาสร้างยอดขาย และเพิ่มฐานสมาชิกต่อไป