Sunday, 5 August 2007
นำเสนอธุรกิจในส่วนของงาน Production House
คอลัมน์ Brand Communication ฉบับนี้ขอเปลี่ยนบรรยากาศการสนทนาไปจากเดิมที่เคยนำเสนอธุรกิจเอเยนซีโฆษณามานำเสนอธุรกิจในส่วนของงาน Production House ซึ่งถือเป็นอีกส่วนเติมเต็มของวงการโฆษณาที่จะขาดเสียมิได้ ทั้งนี้ก็เพื่อความหลากหลายของเนื้อหา และเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้อ่านที่จะได้รับ ทางทีมงานได้เลือกเอาบริษัท MATCHING STUDIO เป็น Production House ที่มาแรงอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยได้รับเกียรติอย่างสูงจาก คุณสมชาย ชีวสุทธานนท์ Director & Chief Executive Officer MATCHING STUDIO PUBLIC COMPANY LIMITED ที่จะมาถ่ายทอดประสบการณ์ ตลอดจนแนวทางในการดำเนินธุรกิจในช่วงที่ผ่านมาให้ฟังMATCHINGMATCHING STUDIO นั้นถือกำเนิดขึ้นมาจากความร่วมมือของคุณสมชาย ชีวสุทธานนท์ หรือที่คนในวงการเรียกขานกันว่า ตี๋ กับคุณฐนิสสพงศ์ ศศินมานพ หรือ ดอม ในปี 2535 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะสร้างทีมงานโปรดักชั่นสำหรับผลิตภาพยนตร์โฆษณาที่มีคุณภาพในเวลานั้น MATCHING STUDIO ถือเป็น Production House น้องใหม่ที่มีจุดขายคือ มีผลงานที่โดดเด่นและไม่เหมือนใคร ตอนที่เราเปิดบริษัท MATCHING เมื่อ 10 ปีก่อน ผมเป็นผู้กำกับเองแล้วมีคุณดอมเป็นตากล้อง ตอนนั้นเรารู้สึกว่า MATCHING STUDIO จะต้องทำอะไรให้โดดเด่นกว่าคนอื่น ก็คือ หนังโฆษณาของเราต้องมีรูปแบบที่ชัดเจน แล้วต้องแตกต่างจากคนอื่น โดยส่วนตัวผมเป็นคนสนุกสนาน ผมก็เลยเอาไปใส่กับหนังโฆษณาก็เลยทำให้คนเริ่มรู้จัก แต่ตอนนั้น MATCHING STUDIO ยังไม่ถือว่าดัง คุณสมชาย เล่าถึงที่มา เมื่อเวลาผ่านไปงานผลิตภาพยนตร์โฆษณาของ MATCHING STUDIO ก็เริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ จึงทำให้คุณสมชายจำเป็นต้องลดบทบาททางด้านงานกำกับภาพยนตร์ เพื่อไปรับผิดชอบงานทางด้านการบริหารมากขึ้น พอเปิดบริษัทมาได้ 2 ปีกว่า งานก็เริ่มเข้ามามากขึ้น ถ้าผมจะต้องมาทำงานกำกับภาพยนตร์และรับผิดชอบงานบริหารไปพร้อมๆ กัน จะกลายเป็นว่างานออกมาไม่ดีทั้งสองอย่าง ผมจึงตัดสินใจมารับผิดชอบงานทางด้าน Management เป็นหลัก คุณสมชาย กล่าว การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารภายในนี้เอง ที่ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ และทำให้ทาง MATCHING STUDIO เติบโตแบบก้าวกระโดด และกล่าวได้ว่าความสำเร็จของ MATCHING มาจากการ Match ระหว่างการทำงานของคุณตี๋กับคุณดอมที่ลงตัว คือ การผลิตที่ดีของคุณฐนิสสพงศ์ กับการคิดนอกกรอบในส่วนของ Concept และ Marketing จากคุณสมชาย ปัจจุบัน MATCHING STUDIO ได้มีการแตกบริษัทลูกออกเป็นบริษัทย่อยอีก 5 บริษัท ภายใต้บริษัทแม่ คือ MATCHING ประกอบด้วย บริษัท GEAR HEAD ที่ให้บริการเช่าอุปกรณ์การถ่ายทำภาพยนตร์ บริษัท MATCHING ENTERTAINMENT เป็นบริษัทผลิตงานทางด้าน Marketing Event Concert ฯลฯ บริษัท MATCHING BROADCAST ผลิตรายการปลดหนี้, รายการจานเด็ดเจ็ดย่านน้ำ โดยเป็นเจ้าของเวลาเอง บริษัท FAT MAN & LITTLE BOY ที่รับผิดชอบทางด้านการผลิตงานโฆษณาสำหรับลูกค้าที่มีงบประมาณที่จำกัด และสุดท้ายคือ บริษัท MATCHING MOTION PICTURE ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับงานผลิตภาพยนตร์ (Feature Film)DIFFERENTกล่าวได้ว่าที่ MATCHING ก้าวมายืนตรงจุดนี้ได้นั้น เบื้องหลังความสำเร็จนั้นมาจากการที่ทีมงานส่วนใหญ่มีแนวความคิดในการทำงานที่เรียกได้ว่านอกกรอบ ไม่เหมือนคนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของผลงานที่ออกมา รวมไปถึงทีมงานที่มีการดึงคนที่ทำงานครีเอทีฟมาเป็นผู้กำกับ แทนที่จะเลือกดึงคนมาจากทางผู้กำกับภาพยนตร์ จุดนี้เองที่ถือเป็นจุดขายที่สำคัญของทาง MATCHING มาตลอด ในอดีตที่ผ่านมาผู้กำกับส่วนมากจะมาทางด้านฟิล์มหรือเคยอยู่ในวงการบันเทิงมาก่อน วงการหนังไทย วงการละครหรือมิวสิกวิดีโอ แล้วเราจึงมีแนวคิดว่าเราน่าจะหา Director ที่มีครีเอทีฟอยู่ในตัว เพราะครีเอทีฟจะมีความเข้าใจลึกซึ้งต่องานโฆษณา และโจทย์การตลาด คุณสมชาย อธิบาย ดังนั้น การสร้างทีมงานของ MATCHING ในส่วนของผู้กำกับ ทางคุณตี๋ และคุณดอม จึงใช้วิธีการปั้นคนจากทางฝั่งเอเยนซีขึ้นมา และก็ถือว่าได้ผลมาตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการปั้นผู้กำกับชื่อดังในทศวรรษนี้ อย่างคุณม่ำ สุธน เพ็ชรสุวรรณ ในยุคนั้นคุณม่ำมาแรงมากในเรื่องของงาน Creative ม่ำอยู่ Lintas และได้เป็น Best Creative ติดต่อกัน 3 ปี ซึ่งไม่เคยมีใครทำได้ เราก็เลยไปทาบทามมาเป็นผู้กำกับ การนำเอาคนครีเอทีฟมานั่งเป็นผู้กำกับคือสาเหตุที่ทำให้เราได้หนังโฆษณาที่แตกต่าง จนในที่สุดคุณสุธนก็กำกับผลงานชุด "ไอ้ฤทธิ์กินแบล็ค" ออกมาและเป็น Talk of the town สนั่นเมือง ก็เลยทำให้ MATCHING แจ้งเกิดอย่างเต็มตัว ทางเราก็เลยเริ่ม Recruit Director ที่มาจากเอเยนซีและก็ได้ผลมาตลอด คุณสมชาย กล่าว ปัจจุบัน MATCHING มีผู้กำกับทั้งสิ้น 9 คน คือ คุณสุธน เพ็ชรสุวรรณ คุณสุรัสวดี เชื้อชาติ คุณชาญชัย ชวานนท์ คุณประจิตพล ตั้งศรีตระกูล คุณสรพันธ์ กิ่งพะโยม คุณบุรินทร์ รัมมณีย์ คุณอภิชัย ภัคดีบุตร คุณพันทิพย์ ลิมป์รุ่งโรจน์ และคุณสาลินี เขมจรัส โดยที่แต่ละคนก็มีความสามารถและความชำนาญในการผลิตงานภาพยนตร์โฆษณาใน Tone การนำเสนอที่แตกต่างกันออกไป ล่าสุดทาง MATCHING ได้รับผู้กำกับเพิ่มเติมอีก 3 คน ได้แก่ คุณสมชาย เกียรติลัคนาชัย จาก BBDO Bangkok Limited คุณธนชัย ศาสตร์สาระ จาก Star Reachers Group Company Limited และ คุณศุภวิชญ์ มีเปรมวัฒนา จาก Dentsu Young & Rubicam Company Limited PARTNERนอกเหนือจากความคิดในการทำงานที่ค่อนข้างจะแตกต่างไปจาก Production House รายอื่นๆ แล้ว MATCHING มีรูปแบบในการทำงานที่นิยมทำงานกันเป็นพาร์ทเนอร์มากกว่าเป็นซัพพลายเออร์ ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่สร้างความสำเร็จให้กับ MATCHING มาตลอด ผมเชื่อว่า Storyboard จะดีหรือไม่ดีไม่ได้อยู่ที่ Creative เพราะบางครั้งมันมีตัวแปรหลายอย่างที่ทำให้คิด Board ออกมาไม่ดีอย่างที่ต้องการแต่เมื่อ Board มาถึงเราแล้ว เราจะทำให้ดีขึ้นไปอีกโดยพยายามคิดต่อแล้ว Added Value เข้าไป เราจะนั่ง Develop Storyboard กับ Creative ซึ่ง Board ที่เอเยนซีไปเสนอลูกค้าบางครั้งมีปัญหาตอนต้น แล้ว Creative อยากให้งานออกมาดีกว่านี้ ก็จะให้เราช่วยในการพัฒนา แล้วไป Fight กับลูกค้าเพื่อให้งานดี เราเป็นคนทำงานที่ดื้อ ดื้อในการที่จะทำงานดี คุณสมชาย กล่าว และอธิบายเพิ่มเติมว่า ลูกค้าต้องการที่ ดีที่สุด คือ ในแง่ของคุณภาพงานต้องได้มาตรฐานและต้องขายสินค้าได้ ต่อมาคือ Value ที่ได้กลับไป ลูกค้าจ่าย 10 บาท ต้องได้กลับไปไม่ต่ำกว่า 10 บาท บางครั้งเรารับทำหนัง 30 วินาที แต่เราทำ 45 วินาที แล้วไม่คิดเงินเพิ่ม เพราะเราบอกลูกค้าว่า งานจะต้องดีและจะดีกว่าถ้าคุณทำ 45 วินาที ตรงนี้ก็ถือเป็นการช่วยลูกค้า เพราะเรา Absorb Cost ตรงนี้ได้ เนื่องจากเป็น Cost ที่เราผลิตไปแล้ว ในขณะเดียวกันบางทีเราก็ดีไซน์ 15 วินาที ในขั้นตอนการ Cut Down ให้ออกมาเป็นหนังอีกรูปแบบหนึ่งที่ Variety ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเขาได้มากขึ้น สิ่งที่เราให้ลูกค้าเราให้ในสิ่งที่ดีขึ้นและพัฒนาขึ้น ไม่ใช่ Just แค่รับ Brief มาแค่ 30 วินาที ก็ทำแค่ 30 วินาที ทั้งนี้ผมหมายถึงว่าต้องไม่ทำให้ลูกค้าเดือดร้อนในการจัดผังมีเดียใหม่ พูดง่ายๆต้องเห็นด้วยกัน 3 ฝ่ายคือ เอเยนซี, เจ้าของสินค้า แล้วก็ Production House ด้วยความสามารถและความลงตัวของทีมงานจึงทำให้ MATCHING STUDIO จากการรายงานของ The Gunn Report ซึ่งตีพิมพ์ลงในนิตยสาร Creative Review ฉบับเดือนมกราคม ปี 2001 MATCHING STUDIO สามารถก้าวขึ้นไปติดอันดับ 5 ของโลก ในฐานะโปรดักชั่นเฮ้าส์ที่ได้รับรางวัลมากที่สุด และ คุณสุธน เพ็ชรสุวรรณ ก็ยังได้เป็นผู้กำกับอันดับ 4 ของโลกที่ได้รับรางวัลมากที่สุดอีกด้วย และในปีล่าสุด MATCHING เป็นบริษัทเดียวในแถบเอเชียที่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก ในขณะที่คุณสุธนก็ยังติด 1 ใน 5 อีกเช่นกันPUBLICจากผลประกอบการที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาตลอดในช่วงที่ผ่านมา ล่าสุดทาง MATCHING ก็ได้ตัดสินใจจดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชนเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในนามของ MATCHING STUDIO PUBLIC COMPANY LIMITED เป็นที่เรียบร้อย การที่เราตัดสินใจเข้าตลาดฯ ทำให้เรา Firm บางคนคิดว่าเข้าแล้วต้องถูกตรวจสอบ แต่เรากลับมั่นคงขึ้น เพราะมันมีการ Secure ในแง่ของบัญชี มันมี Secure ตรวจสอบทุกขั้นตอนการทำงาน ละเอียดยิบ ทำให้เรามีเวลามาทำ Production ให้ได้ดีที่สุด ไม่ต้องมานั่งปวดหัวทางด้าน Finance ข้อดีต่อมาคือ เรากำลังขยายการผลิต ซึ่งต้องใช้เม็ดเงินมหาศาล ไม่ว่าในเรื่องของอุปกรณ์เครื่องมือ บุคลากร ทุกวันนี้เราเสียค่าใช้จ่ายมากที่สุด คือ ในเรื่องของดอกเบี้ย ถ้าเรามัวแต่ทำงานไปจ่ายค่าดอกเบี้ยแล้วเราจะพัฒนาอะไรทัน เราจึงตัดสินใจเข้าไประดมทุนในตลาดฯ เพื่อนำเงินมาชำระหนี้ที่มีอยู่ แล้วนำเงินส่วนที่เหลือมาพัฒนาต่อ คุณสมชาย กล่าว กับอีกวัตถุประสงค์ที่สำคัญในการเข้าตลาดฯ ก็คือ ความต้องการขยายตลาดออกไปยังต่างประเทศ เพราะทุกวันนี้ MATCHING มีความพร้อมในเรื่องของบุคลากร ยังขาดก็เพียงในเรื่องของสายป่านในการทำธุรกิจระดับอินเตอร์ MATCHING เรากำลังก้าวไปสู่ตลาดอินเตอร์ ฉะนั้นการระดมทุนจะทำให้เราไปได้เร็ว เพราะตลาดภาพยนตร์โฆษณาต่างประเทศใหญ่มาก แค่ประเทศจีน กับญี่ปุ่นนี่ก็มหาศาล ทุกวันนี้เราเข้าไปในตลาดญี่ปุ่น Value มหาศาล การเข้าบริษัทมหาชนก็เหมือนกับว่าเงินของประชาชนที่เข้ามาจะเป็นกระสุนให้ผม เพราะผมกำลังจะออกรบยึดดินแดน ถ้าเราไม่มั่นใจว่ากระสุนพอก็อันตรายนะ แต่นักรบเราพร้อม เรามั่นใจเรื่องบุคลากรเราว่าสุดยอดจริง ๆ และก็ได้ผลแต่พอเราประชาสัมพันธ์ว่าเราเป็นบริษัทมหาชน ลูกค้าจากญี่ปุ่นทยอยกันมาแบบคิวเต็มถึงเดือนมิถุนายนแล้ว คุณสมชาย กล่าวGOALในปีนี้เรียกได้ว่าเป็นปีทองสำหรับทาง MATCHING เลยก็ว่าได้ แต่สำหรับเป้าหมายต่อไปของทาง MATCHING นั้น คุณสมชาย เปิดเผยให้ฟังว่าอีก 3 ปีข้างหน้าเราต้องการจะทำธุรกิจตรงนี้ให้เป็นจุดศูนย์กลางของทางแถบเอเชียนี้ให้ได้ คืออย่างที่เราบอกว่า เราต้องการเป็นเจ้าแห่งวงการภาพยนตร์โฆษณา ไม่ใช่มาโม้ว่าเราเก่ง แต่คำนี้หมายความว่าเรามีศักยภาพ มีบุคลากรที่ดี มีเครื่องมือในการรองรับการถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณาที่ทันสมัย จากนี้ต่อไปเราจะประกาศความพร้อมในการเป็นศูนย์กลาง เราจะบอกลูกค้าโดยเฉพาะแถบเอเชียด้วยกันว่า ไม่ต้องไปถึงยุโรปหรอก ที่เมืองไทยเราก็มีพร้อมทุกด้าน โดยคำว่าศูนย์กลางนี้ยังรวมไปถึงการผลิตภาพยนตร์ทั่วไปที่ไม่ใช่เฉพาะแค่วงการโฆษณาเพียงอย่างเดียว ผมหมายถึง Mini Series, Future Film ที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน ใครจะไปรู้อีก 3 ปีข้างหน้า สปีลเบิร์ก อาจมาลงทุนทำหนังไทยก็ได้ คุณสมชาย กล่าวทิ้ง