Sunday, 5 August 2007
โฆษณาตลก" กระตุ้นยอดขายจริงหรือ???
"โฆษณาตลก" กระตุ้นยอดขายจริงหรือ???
ช่วงนี้...หากใครเปิดทีวีดูเป็นประจำ จะสังเกตเห็นได้ว่า โฆษณาผ่านจอทีวี ล้วนแต่เป็นภาพยนตร์โฆษณาที่มีเรื่องราวขำขัน มุกแพรวพราว ชวนหัวเราะทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์โฆษณาบัตร "สมาร์ท เพิร์ส" ของร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ซึ่งนำเสนอเรื่องราวระหว่างหญิงชราเจ้าของร้านค้าแบบเก่ากับลูกค้าหนุ่มที่ปวดท้องอย่างหนัก
โฆษณาสมุดรายชื่อผู้ใช้บริการโทรศัพท์ "เยลโล่ เพจเจส" ซึ่งนำเสนอเรื่องราวของครอบครัวครอบครัวหนึ่งที่จะเดินทางไปเที่ยวกัน แต่กลับหาลูกน้อยไม่เจอ ทั้งที่ความจริงคุณพ่ออุ้มลูกน้อยอยู่บนหลังแท้ๆ เลยนำมาเปรียบเทียบว่า หาเบอร์โทรศัพท์ยังง่ายกว่า
โฆษณาขายประกันอย่าง "สินมั่นคงประกันภัย" ซึ่งนำเสนอเรื่องราวความรวดเร็วของการให้บริการ ผ่านชายหนุ่มที่ขับรถมากับหญิงสาวเปรี้ยวปรี๊ด แล้วเผอิญรถไปชนเข้ากับสามีของหญิงคนนั้น แต่ยังไม่ทันจะได้ทะเลาะกัน ก็เครมประกันเสร็จเรียบร้อย
หรือแม้แต่ที่เพิ่งไปคว้ารางวัล "สิงโตทองคำ" ในเทศกาลโฆษณาเมืองคานส์ อย่างภาพยนตร์โฆษณากรุงเทพประกันภัย ชุด "พายุ" ซึ่งเนื้อหาเป็นเรื่องราวที่พายุพัดบ้าน จนบ้านกระจุยกระจาย เมื่อพายุหายไป ลมจะค่อยๆ พัดบ้านให้มาประกอบเหมือนเดิม จากนั้นภาพบนจอจะขึ้นข้อความว่า "โอกาสเช่นนี้จะเกิดขึ้น 0.0000001 เปอร์เซ็นต์"
อีกชุดหนึ่งคือ ไทร์ (Tyre) หรือรถยนต์ เป็นเรื่องของผู้ขับรถ แล้วเกิดอุบัติเหตุ ล้อรถหลุดออกมาจากตัวรถ จากนั้นล้อก็กระเด้งไปชนเสาไฟฟ้าบ้าง กระเด้งไปชนฟุตบาทบ้าง สุดท้ายก็กระเด้งกลับมาติดกับตัวรถเช่นเดิม
ชุดสุดท้ายคือ ร็อบเบอรี่ (Robbery) หรือ โจรปล้น เรื่องราวเกี่ยวกับโจรปล้นร้านทอง แต่สุดท้ายไม่ได้ปล้น เนื่องจากเกิดจากความผิดพลาดของตัวเอง ขณะควักปืนออกมาจะยิงเจ้าของร้าน แต่ลูกกระสุนกลับกระเด้งไปมารอบๆ ร้าน แล้วก็กระเด้งกลับมาโดนเท้าของโจร ล้วนแต่เป็นภาพยนตร์โฆษณาที่แฝงไว้ด้วยมุกตลกขำขันทั้งสิ้น
ภาพยนตร์โฆษณาขำขันเหล่านี้ ได้รับความสนใจจากคนดูมากกว่าภาพยนตร์โฆษณาเรื่องราวเรียบง่าย รวมถึงช่วยกระตุ้นยอดขายให้สินค้า จริงหรือ...??? ลองมาค้นหาคำตอบกัน
อัศนีย์ อักษรนุกูล เอ็กเซ็กคูทีฟ ครีเอทีฟ ไดเรกเตอร์ บริษัท บีบีดีโอ แบงค็อก จำกัด เจ้าของแนวคิดภาพยนตร์โฆษณา "สมาร์ทเพิร์ส" ซึ่งคร่ำหวอดในวงการโฆษณามากว่า 20 ปี ฟันธง ว่าภาพยนตร์โฆษณาขำขันมักจะโดนใจคนดู และส่งผลทางการตลาดมากกว่าภาพยนตร์โฆษณาที่เป็นการเดินเรื่องทั่วๆ ไป
"จริงๆ จะเลือกทำโฆษณาขำหรือไม่ขำ ขึ้นอยู่กับสินค้าด้วย ตัวลูกค้าเองก็มีส่วน ซึ่งหากลูกค้าต้องการให้งานออกมาแรงๆ เราก็จะเสนองานแบบขำขันให้เขา
ตัวผมผ่านงานมาเยอะ จะรู้เลยว่า ถ้าโฆษณาตลกคนจะพูดถึงเยอะ เรียกว่า ได้ผลทางการตลาดอย่างมหาศาล เพราะโฆษณาตลกจะทำให้คนดูสนุก และพูดถึงมาก เหมือนเป็นงานที่จับต้องได้ ทำให้คนดูรู้สึกสนิทกับสินค้า จึงส่งผลโดยตรงกับยอดขายอย่างเห็นได้ชัด"
นักโฆษณาคนเดิม บอกด้วยว่า การคิดมุกตลกในโฆษณานั้น ต้องคิดมาจากตัวสินค้าเป็นหลัก จึงจะทำให้กลมกลืน และส่งผลดีต่อยอดขาย
"โฆษณาในเมืองนอกที่ประสบความสำเร็จ ก็เป็นโฆษณาขำขันนะ แต่จะไม่ค่อยขำเท่าเมืองไทย ตลกไทยรุนแรงและแซบกว่า ที่ผ่านมา ในเมืองไทย 70-80 เปอร์เซ็นต์ ภาพยนตร์โฆษณาที่ได้รางวัล ก็จะเป็นโฆษณาตลก" ผู้คว่ำหวอดในวงการโฆษณาคนเดิม กล่าว
ด้าน "ต่อ" ธนญชัย ศรศรีวิชัย ผู้กำกับภาพยนตร์ บริษัท ฟีโนมีน่า จำกัด จัดเป็นผู้กำกับที่สามารถคว้ารางวัลได้มากที่สุดในโลก ให้ความเห็นว่า โดยปกติปฏิเสธไม่ได้ ว่าคนทั่วไปไม่ชอบดูโฆษณาเป็นทุนเดิม ฉะนั้นวิธีการที่จะทำให้คนหันมาสนใจดูโฆษณาก็คือ การทำภาพยนตร์โฆษณาออกมาให้น่าสนใจ ซึ่งก็มีหลายแบบ ภาพยนตร์โฆษณาแนวตลกถือเป็นแบบหนึ่ง
"เมื่อทำภาพยนตร์โฆษณาออกมาน่าสนใจ อย่างน้อยก็ช่วยให้คนหันมาดู แล้วค่อยขายสินค้า หลายครั้งที่เราเห็นโฆษณาที่ขายของตรงๆ ไม่ว่าจะเป็น ครีมทาผิว ครีมนวดผม น่าเบื่อ ไม่น่าดู เพราะเป็นโฆษณาที่ตั้งหน้าตั้งตาขายของ เอาเงินจากผู้บริโภคอย่างเดียว ไม่สนใจว่าคนดูจะชอบหรือไม่
โฆษณาทำให้คนหันมามองสินค้าได้ แต่สินค้าจะขายดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการจัดจำหน่าย ซึ่งมีรายละเอียดมากมาย โฆษณาไม่ใช่การแก้ปัญหาทางการตลาด บริษัทจะขายของได้หรือไม่ได้นั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ถ้าคุณผลิตของที่คนใช้แล้วไม่ถูกใจ ของไม่ดี โฆษณาเท่าไรก็ไม่เป็นผล ฉะนั้นต้องกลับไปมองทุกส่วน"
ผู้กำกับมือรางวัล ยอมรับว่า ภาพยนตร์โฆษณาที่มีเรื่องราวตลกขบขัน ภาพยนตร์โฆษณาจัดเป็นงานที่มักได้รับรางวัลในลำดับต้นๆ แต่ทั้งนี้ภาพยนตร์โฆษณาที่ได้รางวัลไม่ใช่ว่าจะตลกอย่างเดียว แต่ต้องมีเนื้อหาที่น่าสนใจ กระตุ้นให้คิดด้วย
"โฆษณาควรทำหน้าที่มากกว่าการขายของ ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสาร ทัศนคติที่ดีต่อคนดู หรือร่วมวิพากษ์สังคม แม้จะเป็นโฆษณาตลก ก็สามารถร่วมวิพากษ์สังคมได้ หน้าที่หลักของโฆษณา คือขายของ แต่ขายอย่างเดียวไม่พอ" ผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณา กล่าว
ศรินรัตน์ ดำรงสินศักดิ์ แม่บ้าน วัย 36 ปี บอกว่า ชอบดูโฆษณาที่มีเรื่องราวตลกขบขัน แต่โฆษณาตลกบางเรื่องก็ดูไม่ตลก แถมยังหยาบคายอีกด้วย
ช่วงนี้...หากใครเปิดทีวีดูเป็นประจำ จะสังเกตเห็นได้ว่า โฆษณาผ่านจอทีวี ล้วนแต่เป็นภาพยนตร์โฆษณาที่มีเรื่องราวขำขัน มุกแพรวพราว ชวนหัวเราะทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์โฆษณาบัตร "สมาร์ท เพิร์ส" ของร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ซึ่งนำเสนอเรื่องราวระหว่างหญิงชราเจ้าของร้านค้าแบบเก่ากับลูกค้าหนุ่มที่ปวดท้องอย่างหนัก
โฆษณาสมุดรายชื่อผู้ใช้บริการโทรศัพท์ "เยลโล่ เพจเจส" ซึ่งนำเสนอเรื่องราวของครอบครัวครอบครัวหนึ่งที่จะเดินทางไปเที่ยวกัน แต่กลับหาลูกน้อยไม่เจอ ทั้งที่ความจริงคุณพ่ออุ้มลูกน้อยอยู่บนหลังแท้ๆ เลยนำมาเปรียบเทียบว่า หาเบอร์โทรศัพท์ยังง่ายกว่า
โฆษณาขายประกันอย่าง "สินมั่นคงประกันภัย" ซึ่งนำเสนอเรื่องราวความรวดเร็วของการให้บริการ ผ่านชายหนุ่มที่ขับรถมากับหญิงสาวเปรี้ยวปรี๊ด แล้วเผอิญรถไปชนเข้ากับสามีของหญิงคนนั้น แต่ยังไม่ทันจะได้ทะเลาะกัน ก็เครมประกันเสร็จเรียบร้อย
หรือแม้แต่ที่เพิ่งไปคว้ารางวัล "สิงโตทองคำ" ในเทศกาลโฆษณาเมืองคานส์ อย่างภาพยนตร์โฆษณากรุงเทพประกันภัย ชุด "พายุ" ซึ่งเนื้อหาเป็นเรื่องราวที่พายุพัดบ้าน จนบ้านกระจุยกระจาย เมื่อพายุหายไป ลมจะค่อยๆ พัดบ้านให้มาประกอบเหมือนเดิม จากนั้นภาพบนจอจะขึ้นข้อความว่า "โอกาสเช่นนี้จะเกิดขึ้น 0.0000001 เปอร์เซ็นต์"
อีกชุดหนึ่งคือ ไทร์ (Tyre) หรือรถยนต์ เป็นเรื่องของผู้ขับรถ แล้วเกิดอุบัติเหตุ ล้อรถหลุดออกมาจากตัวรถ จากนั้นล้อก็กระเด้งไปชนเสาไฟฟ้าบ้าง กระเด้งไปชนฟุตบาทบ้าง สุดท้ายก็กระเด้งกลับมาติดกับตัวรถเช่นเดิม
ชุดสุดท้ายคือ ร็อบเบอรี่ (Robbery) หรือ โจรปล้น เรื่องราวเกี่ยวกับโจรปล้นร้านทอง แต่สุดท้ายไม่ได้ปล้น เนื่องจากเกิดจากความผิดพลาดของตัวเอง ขณะควักปืนออกมาจะยิงเจ้าของร้าน แต่ลูกกระสุนกลับกระเด้งไปมารอบๆ ร้าน แล้วก็กระเด้งกลับมาโดนเท้าของโจร ล้วนแต่เป็นภาพยนตร์โฆษณาที่แฝงไว้ด้วยมุกตลกขำขันทั้งสิ้น
ภาพยนตร์โฆษณาขำขันเหล่านี้ ได้รับความสนใจจากคนดูมากกว่าภาพยนตร์โฆษณาเรื่องราวเรียบง่าย รวมถึงช่วยกระตุ้นยอดขายให้สินค้า จริงหรือ...??? ลองมาค้นหาคำตอบกัน
อัศนีย์ อักษรนุกูล เอ็กเซ็กคูทีฟ ครีเอทีฟ ไดเรกเตอร์ บริษัท บีบีดีโอ แบงค็อก จำกัด เจ้าของแนวคิดภาพยนตร์โฆษณา "สมาร์ทเพิร์ส" ซึ่งคร่ำหวอดในวงการโฆษณามากว่า 20 ปี ฟันธง ว่าภาพยนตร์โฆษณาขำขันมักจะโดนใจคนดู และส่งผลทางการตลาดมากกว่าภาพยนตร์โฆษณาที่เป็นการเดินเรื่องทั่วๆ ไป
"จริงๆ จะเลือกทำโฆษณาขำหรือไม่ขำ ขึ้นอยู่กับสินค้าด้วย ตัวลูกค้าเองก็มีส่วน ซึ่งหากลูกค้าต้องการให้งานออกมาแรงๆ เราก็จะเสนองานแบบขำขันให้เขา
ตัวผมผ่านงานมาเยอะ จะรู้เลยว่า ถ้าโฆษณาตลกคนจะพูดถึงเยอะ เรียกว่า ได้ผลทางการตลาดอย่างมหาศาล เพราะโฆษณาตลกจะทำให้คนดูสนุก และพูดถึงมาก เหมือนเป็นงานที่จับต้องได้ ทำให้คนดูรู้สึกสนิทกับสินค้า จึงส่งผลโดยตรงกับยอดขายอย่างเห็นได้ชัด"
นักโฆษณาคนเดิม บอกด้วยว่า การคิดมุกตลกในโฆษณานั้น ต้องคิดมาจากตัวสินค้าเป็นหลัก จึงจะทำให้กลมกลืน และส่งผลดีต่อยอดขาย
"โฆษณาในเมืองนอกที่ประสบความสำเร็จ ก็เป็นโฆษณาขำขันนะ แต่จะไม่ค่อยขำเท่าเมืองไทย ตลกไทยรุนแรงและแซบกว่า ที่ผ่านมา ในเมืองไทย 70-80 เปอร์เซ็นต์ ภาพยนตร์โฆษณาที่ได้รางวัล ก็จะเป็นโฆษณาตลก" ผู้คว่ำหวอดในวงการโฆษณาคนเดิม กล่าว
ด้าน "ต่อ" ธนญชัย ศรศรีวิชัย ผู้กำกับภาพยนตร์ บริษัท ฟีโนมีน่า จำกัด จัดเป็นผู้กำกับที่สามารถคว้ารางวัลได้มากที่สุดในโลก ให้ความเห็นว่า โดยปกติปฏิเสธไม่ได้ ว่าคนทั่วไปไม่ชอบดูโฆษณาเป็นทุนเดิม ฉะนั้นวิธีการที่จะทำให้คนหันมาสนใจดูโฆษณาก็คือ การทำภาพยนตร์โฆษณาออกมาให้น่าสนใจ ซึ่งก็มีหลายแบบ ภาพยนตร์โฆษณาแนวตลกถือเป็นแบบหนึ่ง
"เมื่อทำภาพยนตร์โฆษณาออกมาน่าสนใจ อย่างน้อยก็ช่วยให้คนหันมาดู แล้วค่อยขายสินค้า หลายครั้งที่เราเห็นโฆษณาที่ขายของตรงๆ ไม่ว่าจะเป็น ครีมทาผิว ครีมนวดผม น่าเบื่อ ไม่น่าดู เพราะเป็นโฆษณาที่ตั้งหน้าตั้งตาขายของ เอาเงินจากผู้บริโภคอย่างเดียว ไม่สนใจว่าคนดูจะชอบหรือไม่
โฆษณาทำให้คนหันมามองสินค้าได้ แต่สินค้าจะขายดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการจัดจำหน่าย ซึ่งมีรายละเอียดมากมาย โฆษณาไม่ใช่การแก้ปัญหาทางการตลาด บริษัทจะขายของได้หรือไม่ได้นั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ถ้าคุณผลิตของที่คนใช้แล้วไม่ถูกใจ ของไม่ดี โฆษณาเท่าไรก็ไม่เป็นผล ฉะนั้นต้องกลับไปมองทุกส่วน"
ผู้กำกับมือรางวัล ยอมรับว่า ภาพยนตร์โฆษณาที่มีเรื่องราวตลกขบขัน ภาพยนตร์โฆษณาจัดเป็นงานที่มักได้รับรางวัลในลำดับต้นๆ แต่ทั้งนี้ภาพยนตร์โฆษณาที่ได้รางวัลไม่ใช่ว่าจะตลกอย่างเดียว แต่ต้องมีเนื้อหาที่น่าสนใจ กระตุ้นให้คิดด้วย
"โฆษณาควรทำหน้าที่มากกว่าการขายของ ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสาร ทัศนคติที่ดีต่อคนดู หรือร่วมวิพากษ์สังคม แม้จะเป็นโฆษณาตลก ก็สามารถร่วมวิพากษ์สังคมได้ หน้าที่หลักของโฆษณา คือขายของ แต่ขายอย่างเดียวไม่พอ" ผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณา กล่าว
ศรินรัตน์ ดำรงสินศักดิ์ แม่บ้าน วัย 36 ปี บอกว่า ชอบดูโฆษณาที่มีเรื่องราวตลกขบขัน แต่โฆษณาตลกบางเรื่องก็ดูไม่ตลก แถมยังหยาบคายอีกด้วย