Monday 13 August 2007
หมุนเวียนมานำเสนอเรื่องราวของบริษัททางด้าน Production House
หมุนเวียนมานำเสนอเรื่องราวของบริษัททางด้าน Production House กันบ้าง
โดยทางนิตยสาร BrandAge ได้เข้าไปเยี่ยมเยียนและพูดคุยกับ Production House ชั้นแนวหน้าในเมืองไทย นั่นก็คือ PHENOMENA ซึ่งเฉพาะในปีที่ผ่านมาผลิตภาพยนตร์โฆษณาไปถึง 100 เรื่อง....ยิ่งไปกว่านั้นทาง The GUNN Report ที่ตีพิมพ์ลงในนิตยสาร Creative Review ประเทศอังกฤษ ยังได้จัดอันดับให้ผู้กำกับคนดังของ PHENOMENA คือคุณธนญชัย ศรศรีวิชัย เป็นอันดับ 1 ของโลกในแง่ปริมาณรางวัลที่ได้รับ และ PHENOMENA เป็น Production House อันดับที่ 3 ทางนิตยสารของเราได้รับเกียรติให้พูดคุยกับคุณยอดเพชร สุดสวาท Managing Director ของ PHENOMENA ถึงความเป็นมาและที่จะเป็นไปในอนาคต PHENOMENA คุณยอดเพชร สุดสวาท เล่าถึงแรกเริ่ม ที่ก่อกำเนิด PHENOMENA ว่า “...ตอนแรกก็มี คุณสาธิต กาลวันตวานิช ซึ่งเป็นหุ้นส่วนอีกคนหนึ่งและก็เป็นประธานบริษัท เริ่มแรกคุณสาธิต เป็นอาร์ตไดเร็กเตอร์อยู่ที่บริษัทลีโอ เบอร์เนทท์ และดิฉันก็ทำงานอยู่ที่ลีโอ เบอร์เนทท์ ต่อจากนั้นคุณสาธิตก็ไปทำงานที่บริษัทสามหน่อเป็นกราฟิกดีไซน์และดิฉันก็มาทำรายการทีวีและโปรดิวเซอร์ ที่ครีเอเทียในเครือสามหน่อ คุณสาธิตก็มาช่วยกำกับ เพื่อนๆ ด้วยกันก็ชวนกันมาทำหนังโฆษณา ... ก็เลยลองดูเพราะเราก็อยู่วงการโฆษณา คุณสาธิตก็ไปกำกับหนังโฆษณาที่อังกฤษและ ดิฉันก็เป็นโปรดิวเซอร์ เราก็ไปอังกฤษเป็นการทำหนังโฆษณาเรื่องแรกก็ไปอยู่อังกฤษสองเดือน ตอนนั้นเป็นหนังโฆษณาสก๊อตซุปไก่เมื่อ 13 ปีก่อน พอกลับมาก็เลยคุยกับคุณสาธิตว่า เอาอย่างนี้ก็แล้วกันเราเปิดโปรดักชั่นเฮ้าส์กันดีไหม ก็เลยเปิดและลงมือทำเลยในปี 2534 ได้รับงานมา สองงาน งานแรกที่ทำก็คือกระเบื้องโอฬาร และ โนเบิ้ล เป็นหนังของโนเบิ้ลที่เปิดตัวเรื่องแรก และก็มีน้ำยาดับกลิ่นกาย มัม ...เริ่มแรกที่ออฟฟิศปัจจุบันนี้ก็มาเช่า ต่อมาก็ซื้อแล้วก็ซื้อขยายไปเรื่อยๆยังไม่ย้ายไปไหน ตอนนี้เรากำลังสร้างตึก อยู่ แต่ยังใช้เวลาค่อนข้างนาน แต่ที่ที่เราอยู่ตรงนี้เราก็ทำธุรกิจดีรุ่งเรืองมาเรื่อยๆ ก็เลยทำมา ตอนนี้ก็มีดิฉัน คุณสาธิต และก็คุณบุญเกียรติ กอสนาน ซึ่งจะดูทางด้านการเงิน ในช่วงครึ่งปีแรก ดิฉัน ออกมาเต็มตัวคนเดียว อีก 2 คนคือคุณสาธิตและ คุณบุญเกียรติยังไม่เต็มตัว” หลังจากนั้นมา PHENOMENA ก็เจริญเติบโตมาเรื่อยๆ เริ่มมีงานได้รับรางวัล มีผู้กำกับคือคุณธนญชัย ศรศรีวิชัย เข้ามาร่วมงานด้วยในปีที่ 2 ถัดมาก่อตั้งบริษัทในเครือทางด้าน Design Firm คือ PROPAGANDA จนถึงปัจจุบันมีผู้กำกับระดับคุณภาพคับแก้วอยู่ถึง 10 คน มี Production House ในเครือของบริษัทเพิ่มเติมในการรองรับงานอีก 2 บริษัท คือ PROMOPHOBIA และ ต้องตาฟิล์ม ไปจนถึง PHENOMENA MOTION PICTURE ที่ร่วมทุนกับทาง GMM Picture ในการสร้างภาพยนตร์ไทย (ดูแผนผัง PHENOMENA GROUP) DIRECTORในธุรกิจ Production House ทีมงานและโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้กำกับนั้นเปรียบเสมือนโปรดักต์ขององค์กรเลยทีเดียว จากการเริ่มต้นที่ 1 คน คือคุณสาธิต กาลวันตวานิช มาถึง คุณธนญชัย ศรศรีวิชัย และเพิ่มเติมมาจนมีถึง 10 คนในปัจจุบันนั้น ผ่านการสร้างและฝึกหัดมาด้วยความพากเพียรในการสร้างบุคลากรจนทาง PHENOMENA เปรียบเสมือนโรงเรียนที่ผลิต ผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณาและภาพยนตร์เพื่อ ความบันเทิงโดยมีกระบวนการสร้างที่เป็นขั้นเป็นตอนอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง คุณยอดเพชรเล่าให้ฟังว่า “วิธีเทรนนิ่งก็เริ่มจากผู้ช่วยผู้กำกับซึ่งผู้กำกับจะสอนให้คิดงานแบบผู้กำกับ เพราะผู้กำกับก็จะมอบหมายให้ไปหาข้อมูลหาสิ่งต่างๆ มา ดังนั้นพวกผู้ช่วยหรือแม้แต่กระทั่งอาร์ตไดหรือทีมงานอื่นๆ ก็จะคิดในแนวของผู้กำกับเป็น... ปลูกฝังครีเอทิวิตี้มาตั้งแต่เริ่มทำงานและคนพวกนี้ต่อไปก็จะขึ้นมาเป็นผู้กำกับที่มีคุณภาพ มีวิธีคิดและเข้าใจครีเอทิวิตี้ของลูกค้า นี่เป็นวิธีการเทรนของเรา และยังมีวิธีการเทรนเรื่องการออกกองถ่ายเพราะทุกๆ ครั้งที่ออกกองถ่ายมันก็เหมือนเผาแบงก์ 500 ทุกๆ นาที เพราะฉะนั้นเขาก็ต้องรู้ว่าทำอย่างไรให้มันกระชับให้ไวบริหารกองอย่างไร จะซึมซับจากหน้างานจริงในการแก้ปัญหา ก่อนที่เราจะสกรีนขึ้นมาเป็นผู้กำกับ มีการตั้งเป้า 1234 ว่าถ้าได้แบบนี้ก็จะขึ้นมาเป็น ผู้กำกับได้ถ้าผ่านเทสต์ของเราได้ก็จึงขึ้นมาเป็น ผู้กำกับเพราะงานที่ออกไปเป็นของ PHENOMENA ซึ่งต้องมีมาตรฐาน คุณสาธิต และคุณธนญชัยจะคอยเช็คคุณภาพตลอด ต้องทำงานที่ดีออกมาได้โดยที่ต้องก้าวข้ามข้อจำกัดต่างๆ เช่น งบประมาณ หรือเวลา ฯลฯ ให้ได้ เป็นวิธีเทรนนิ่งที่เข้มข้นมาก” ผู้กำกับอื่นๆ นอกจากทั้งสองท่านที่กล่าวมาแล้วนั้น ยังมีอีกคือ คุณน้ำทอง ทองใหญ่ ณ อยุธยา ผลงานเด่นๆ ก็เช่น ซิตร้า บอดี้โลชั่น, ซันซิล, เบียร์สิงห์ และเทสโต้ คุณเขตชัย ประพนศิลป์ กับงาน เช่น Dprompt, โอโม, ใกล้ชิด และ Exit คุณธัญรักษญ์ พรรณวิไล กับงาน เช่น Mistine Pink Magic, เครื่องซักผ้าซัมซุง และเขาช่อง คอฟฟี่มิกซ์ คุณประเสริฐสุข ถวิลเวชกุล กับงาน เช่น เปา ซอฟต์, OLAY, Sofe, Clairol Herbal Essence คุณคณิณ จันทรสมา กับงานเช่น ทีเอ เอ็กซ์เพรส, เทสโก้ โลตัส คุณนวจุล บุญพรรคนาวิน กับงานเช่น อี-โฟน คุณบิน กิจขจรพงศ์ กับงานเช่น ไดสตาร์, มาม่า, โอโมพลัส, การไฟฟ้าฝ่ายผลิต และสุดท้ายคุณกฤตินนท์ นพคุณ กับงานเช่น ลักส์ บิวตี้ คุณยอดเพชรเสริมว่า “สิ่งหนึ่งที่ทำให้เราอยู่ได้กับผู้กำกับทั้ง 10 คนคือ โปรดักต์มันไม่ใช่นาย 1 ถึงนาย 10 เท่านั้นแต่มันจะเป็นตัวทีมงาน และ Reliability (ความไว้วางใจ, ความน่าเชื่อถือ) ของบริษัทด้วย คือถ้าเราบอกว่าคุณภาพจะออกมาแบบนี้หรือวันนั้นวันนี้เราจะพรีโปรดักชั่น อะไรก็ตามที่เราสัญญาไปคือได้ ..ลูกค้าจะเข้าใจบางกรณีถ้าลูกค้าบางสตอรี่บอร์ดเจาะจงมาหา คุณเอ คุณบี เราก็จะบอกว่าคุณซีหรือคุณดี ก็ทำได้นะและเดี๋ยวคุณเอคุณบีก็จะลงมาดูด้วยเพราะเราทำงานเป็นทีม คือผู้กำกับทุกคนไม่ใช่ว่าได้งานแล้วไปทำคนเดียวเราก็จะมีผู้กำกับคุณเอคุณบีเหมือนเป็น Tools ของผู้กำกับคนอื่นๆ เพราะฉะนั้นลูกค้าจะเห็นเลยว่าเวลาเขาเข้าไปดู เวลาตัดหนังนั้นเหมือนซื้อ 1 ได้ 2 เลยเพราะจะมีผู้กำกับคนอื่นเข้ามาดูด้วยมีการแชร์ไอเดียกัน และพองานเสร็จออกมามันก็ได้งานและคุณภาพในระดับที่ลูกค้าอยากได้จริงๆ เพราะสินค้าบางอย่างโทนของหนังอาจจะเหมาะกับผู้กำกับไม่เหมือนกันเป็นเรื่องของบอร์ดเข้าทางของผู้กำกับคนไหน” “สำหรับเรา 10 คน เราว่ามีมากแล้วเพราะเราก็ต้องมีโครงสร้างรองรับที่ดี ถามว่าในอนาคตจะเพิ่มไหมเราก็ต้องเพิ่มผู้กำกับ เรามีแพลนว่าจะต้องเพิ่มเท่าไหร่ในปีถัดๆ ไปแต่เราก็ต้องแน่ใจว่าคนที่อยู่หรือตัวโปรดักต์ที่มีเนี่ยเขาต้องเติบโตคือตัวเขาเองต้องเติบโต งานคุณภาพต้องดีขึ้นลูกค้าติดตลาดมากขึ้น มีตลาดของตัวเอง มีลูกค้าของตัวเองในกลุ่มที่ขยายกว้างขึ้นในขณะเดียวกันงานต้องดีขึ้นไม่ใช่นิ่งอยู่เฉยๆ ดังนั้นเราจะต้องดูแลทั้งโปรดักต์ที่อยู่ข้างใน เพราะที่นี่มันเหมือนโรงเรียน ไม่ได้ซื้อตัว เป็นเหมือนครอบครัวที่เราจะเป็นลักษณะซื้อใจ ก็เลยทำตัวเหมือนกับเป็นโรงเรียนมากกว่า เป็นที่เทรนนิ่ง เพราะว่าถ้าเราเป็นคนเทรนให้คุณแล้วทีนี้สัญญาอะไรก็จะไม่มีแล้ว เทรนให้แล้วทุกคนแฮปปี้ เพราะคนที่อยู่กันได้นานๆ ก็จะต้องเป็นน้ำเดียวกันและเขาก็จะรู้สึกเป็นสุขที่จะได้อยู่ตรงนี้ เพราะมันจะต้องทำงานกันอยู่กับทีมงานของเขามากกว่า 8 ชม.ต่อวัน ดังนั้นถ้าทำงานแล้วรู้สึกมีความสุขที่จะอยู่อันนี้จะเป็นหลักยึด และความสุขอย่างเดียวก็ไม่ได้ต้องมีสตางค์ด้วยต้องมีความก้าวหน้าของคุณภาพชีวิตต้องสมดุลให้ได้ “เรตราคาจะมาจากขนาดของโปรดักชั่นซึ่งราคาพวกนี้เป็นราคาฟิกซ์ แต่ราคาที่ไม่ฟิกซ์คือค่าตัวผู้กำกับ กับเซอร์วิสชาร์จของบริษัทที่จะให้ไป เพราะว่าตัว PHENOMENA นั้นมีเครือบริษัทเล็กบริษัทน้อยซึ่งมีผู้กำกับทำงานอยู่ในบริษัทที่เล็กลงไป คือ PROMOPHOBIA กับ ต้องตา อยู่ที่ว่าลูกค้าจะต้องการสร้างหนังแบบไหนขนาดไหน คือหนังที่ได้รางวัลหรือสร้างสรรค์มากๆนั้นมักจะเป็นหนังเอาท์สแตนดิ้ง แต่ก็ยังมีหนังอีกประเภทของ คอนซูเมอร์โปรดักต์ที่ลูกค้าต้องการจะขายของและก็เน้นที่มาร์เก็ตติ้ง มีไบเบิ้ลมาว่าต้องทำแบบนั้นแบบนี้ตายตัวแต่คุณภาพต้องได้ ซึ่งหนังประมาณนี้ผู้กำกับของเราทุกคนทำได้หมด แต่หนังพวกนี้จะไม่ได้รับรางวัลในเวทีครีเอทีฟ ....จุดแข็งของเรานอกจากที่จะมีไดเร็กเตอร์คุณภาพแล้ว เรายังมีจุดแข็งในเรื่องของอาร์ตไดเร็กชั่น ไม่ว่าลูกค้าจะนำบอร์ดอะไรมาให้ทำ ไม่ว่าจะบอร์ดแบบพื้นๆ ไอเดียเรียบหรือแบบไหนๆ รับรองว่าจะออกมาสวยและมีคลาส ไม่ว่าจะใช้ผู้กำกับคนไหน เราจะทำออกมาให้สวยให้ได้ตามมาตรฐาน” QUALITYคุณภาพของภาพยนตร์โฆษณาที่ออกสู่สายตาทางสื่อโทรทัศน์นั้นเป็นสิ่งที่ทาง PHENOMENA ให้ความสำคัญมากซึ่งคุณภาพของงานนั้นมีส่วนมาจากคุณภาพของบุคลากรเป็นสำคัญ คุณยอดเพชรกล่าวว่า “ผลิตผู้กำกับมันผลิตยาก เป็นธรรมชาติของโปรดักชั่นเฮ้าส์ เพราะโปรดักชั่นเฮ้าส์นั้น แก่นแกนที่แข็งมันจะอยู่ที่คน ผู้กำกับคือโปรดักต์ เราก็ต้องคิวซีโปรดักต์ คือผู้กำกับ และไม่ใช่แค่ตัว ผู้กำกับเท่านั้นตัวทีมงานต้องพร้อมทุกอย่างให้เขาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสามารถที่จะ Push คุณภาพและความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ ได้ เพราะฉะนั้นตัวทีมก็สำคัญแต่ละส่วนจะเป็นนอตที่ขันแต่ละยูนิตของการทำงานซึ่งฮิวเมนรีสอร์ซจะเป็นเรื่องสำคัญมาก บางทีคุณมีแบรนด์แข็งแต่คุณไม่มีคนที่จะรองรับ มันก็ไม่ได้แล้วเพราะมันจะส่งผลกระทบกับแบรนด์ของคุณทันที...ถ้าจะเพิ่มคนไปเรื่อยๆแต่โครงสร้างภายในหรือแบ็คออฟฟิศไม่มี มันก็จบ ตอนนี้ที่เรามองคือการสร้างและพัฒนาในเรื่องของ Quality ทางด้านโปรดักชั่น เนื่องจากว่าในเมืองไทยขณะนี้เรามีความเก่งมากทางด้าน Creativity โปรดักชั่นเฮ้าส์แค่ทำตาม Creativity ให้มันดีขึ้น แต่ไทยเราจะอ่อนในเรื่องคุณภาพของรายละเอียดและดีเทล ในคุณภาพของงานที่เราจะไปสู้กับฝรั่ง ตรงนี้คือสิ่งที่เราอยากจะขยายให้มันสู้กับฝรั่งได้ แต่ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการไปซื้อเครื่องไม้เครื่องมือหรือเทคโนโลยีล้ำยุคแพงมหาศาลแต่มันอยู่ที่คนที่ใช้เครื่องมือนั้น เช่นต่อให้ซื้อรถเฟอร์รารี่ให้คนที่ขับรถไม่ดีมันก็ไม่ได้ทำให้การขับรถดีขึ้นมาได้ สิ่งที่เราต้องทำให้ได้คือ คนที่จะสามารถทำงานได้ สร้างงานได้แบบมีคุณภาพ เวลาน้อย ใช้เงินน้อย แต่ได้ผลงานที่ดีตามมาตรฐานเป็นประโยชน์กับลูกค้าในการขายสินค้าให้ลูกค้า นี่เป็นโจทย์ที่เราจะต้องพัฒนาทำต่อไป เพื่อวงการโปรดักชั่นในบ้านเราและรอบๆ บ้านเราให้เขาทึ่งว่าเราทำได้ขนาดนี้เลยเหรอ นี่คือการขยายในแบบของเราไม่ใช่งานเราเยอะเพิ่มผู้กำกับอีก 5 คน 10 คนเพื่อจะได้บิลลิ่งมากขึ้นแบบนี้ไม่ใช่โตในลักษณะแบบยั่งยืนไปข้างหน้า” Growthจากมาตรฐานการผลิตผลงานที่ดีออกมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัท ทำให้อัตราการเติบโตของ PHENOMENA เติบโตขึ้นโดยตลอดแม้ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งคุณยอดเพชรเล่าว่า “ช่วงที่ฟองสบู่แตกเราแทบไม่กระทบเลยเพราะเป็นแค่ปีเดียวที่การเติบโตนั้นคงที่ ค่ายคอนซูเมอร์ ยักษ์ๆ ใช้เป็นโอกาสในการใช้โฆษณามากในการทำตลาดทำให้เราไม่ตกและหลังจากนั้นพอเศรษฐกิจนิ่งและโตเราก็โตขึ้นมามาก ช่วงฟองสบู่มีการล้มไปของโปรดักชั่นเฮ้าส์ค่อนข้างสูงแต่ทางเรายืนอยู่ได้เพราะเรามีผลงานที่มีคุณภาพ ลูกค้าเวลาต้องใช้เงินอย่างมีคุณค่าและชัวร์นั้น ลูกค้าก็ต้องเลือกใช้โปรดักชั่นที่ควอลิตี้แน่นอน เราจึงยืนอยู่ได้เพราะเราคือของจริง เนื้อในมันแข็ง อัตราการเติบโตของเรา ตกประมาณ 20% ต่อปี แม้ว่าปีนี้อุตสาหกรรมโฆษณาจะโตขึ้นตามเศรษฐกิจแต่ว่าทางด้าน ผู้กำกับหรือโปรดักต์ของเรามันมีแค่ 10 คน มันยังผลิตผู้กำกับออกมาทีละมากๆ ไม่ได้ มันก็ต้องล้นไปที่อื่นคือไม่ได้มาโตที่เรามากๆ แต่ไปโตในอุตสาหกรรมโปรดักชั่นเฮ้าส์อื่นๆ แต่เราก็ไม่ได้โลภ เราต้องกลับมายึดหลักการ รักษาคุณภาพเอาไว้ให้ได้ ไม่ใช่โลภเอาแต่จะตักน้ำเวลาน้ำขึ้น เราก็จะขยายแต่ก็จะขยายในสิ่งที่เราเอื้อมถึงและเราบริหารมันได้ โครงสร้างภายในมันต้องขยายตามทัน ...ไปขยายในไลน์อื่นๆเช่นการร่วมทุนกับ GMM ทางด้านหนังใหญ่ ส่วนของหนังใหญ่จะออกฉายปีนี้เป็นปีแรกและปลายปีก็จะทำโปรดักชั่นอีก 2 เรื่องพร้อมกันและปีถัดไปก็น่าจะเป็น 3 เรื่อง ผู้กำกับก็เคยเป็นผู้ช่วยผู้กำกับอยู่ที่ PHENOMENA และก็ลองให้ทำหนังสั้น และก็ได้รางวัลมา เช่น ที่กรีซ ที่ลอนดอน ฯลฯ เป็นผู้กำกับดูโอคือ 2 คน เขียนบทได้แน่นเราก็เลยทำเลย คุณสาธิต กับ คุณธนญชัย ก็จะเข้ามาดูคอยแนะนำด้วยและมี ส่วนของโค-โปรดักชั่นของหนังต่างประเทศที่เราไม่ต้องใช้ผู้กำกับใช้แค่ทีมงานถ่ายทำ....เราอยากโตทางสูงไม่ได้โตตามกว้าง คนอยู่มีความสุข มีเงิน และมีงานดี เป็นหลักการที่เรายึด ต้องรักษาสมดุลทั้ง 3 สิ่งนี้ให้ลงตัว ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็ไม่ดี” และที่ท่านผู้อ่านได้อ่านผ่านตามาทั้งหมดนั้นคือภาพรวมของ Production House ชั้นแนวหน้าของเมืองไทย “PHENOMENA” ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลยที่จะคว้าอันดับ 3 ของโลกมาได้ด้วยการยึดมั่นในคุณภาพของงานและคุณภาพของคนเพื่อการเติบโตไปแบบยั่งยืน ส่งผลให้แวดวง Production House บ้านเราไม่น้อยหน้าใครในโลกนี้...
โดยทางนิตยสาร BrandAge ได้เข้าไปเยี่ยมเยียนและพูดคุยกับ Production House ชั้นแนวหน้าในเมืองไทย นั่นก็คือ PHENOMENA ซึ่งเฉพาะในปีที่ผ่านมาผลิตภาพยนตร์โฆษณาไปถึง 100 เรื่อง....ยิ่งไปกว่านั้นทาง The GUNN Report ที่ตีพิมพ์ลงในนิตยสาร Creative Review ประเทศอังกฤษ ยังได้จัดอันดับให้ผู้กำกับคนดังของ PHENOMENA คือคุณธนญชัย ศรศรีวิชัย เป็นอันดับ 1 ของโลกในแง่ปริมาณรางวัลที่ได้รับ และ PHENOMENA เป็น Production House อันดับที่ 3 ทางนิตยสารของเราได้รับเกียรติให้พูดคุยกับคุณยอดเพชร สุดสวาท Managing Director ของ PHENOMENA ถึงความเป็นมาและที่จะเป็นไปในอนาคต PHENOMENA คุณยอดเพชร สุดสวาท เล่าถึงแรกเริ่ม ที่ก่อกำเนิด PHENOMENA ว่า “...ตอนแรกก็มี คุณสาธิต กาลวันตวานิช ซึ่งเป็นหุ้นส่วนอีกคนหนึ่งและก็เป็นประธานบริษัท เริ่มแรกคุณสาธิต เป็นอาร์ตไดเร็กเตอร์อยู่ที่บริษัทลีโอ เบอร์เนทท์ และดิฉันก็ทำงานอยู่ที่ลีโอ เบอร์เนทท์ ต่อจากนั้นคุณสาธิตก็ไปทำงานที่บริษัทสามหน่อเป็นกราฟิกดีไซน์และดิฉันก็มาทำรายการทีวีและโปรดิวเซอร์ ที่ครีเอเทียในเครือสามหน่อ คุณสาธิตก็มาช่วยกำกับ เพื่อนๆ ด้วยกันก็ชวนกันมาทำหนังโฆษณา ... ก็เลยลองดูเพราะเราก็อยู่วงการโฆษณา คุณสาธิตก็ไปกำกับหนังโฆษณาที่อังกฤษและ ดิฉันก็เป็นโปรดิวเซอร์ เราก็ไปอังกฤษเป็นการทำหนังโฆษณาเรื่องแรกก็ไปอยู่อังกฤษสองเดือน ตอนนั้นเป็นหนังโฆษณาสก๊อตซุปไก่เมื่อ 13 ปีก่อน พอกลับมาก็เลยคุยกับคุณสาธิตว่า เอาอย่างนี้ก็แล้วกันเราเปิดโปรดักชั่นเฮ้าส์กันดีไหม ก็เลยเปิดและลงมือทำเลยในปี 2534 ได้รับงานมา สองงาน งานแรกที่ทำก็คือกระเบื้องโอฬาร และ โนเบิ้ล เป็นหนังของโนเบิ้ลที่เปิดตัวเรื่องแรก และก็มีน้ำยาดับกลิ่นกาย มัม ...เริ่มแรกที่ออฟฟิศปัจจุบันนี้ก็มาเช่า ต่อมาก็ซื้อแล้วก็ซื้อขยายไปเรื่อยๆยังไม่ย้ายไปไหน ตอนนี้เรากำลังสร้างตึก อยู่ แต่ยังใช้เวลาค่อนข้างนาน แต่ที่ที่เราอยู่ตรงนี้เราก็ทำธุรกิจดีรุ่งเรืองมาเรื่อยๆ ก็เลยทำมา ตอนนี้ก็มีดิฉัน คุณสาธิต และก็คุณบุญเกียรติ กอสนาน ซึ่งจะดูทางด้านการเงิน ในช่วงครึ่งปีแรก ดิฉัน ออกมาเต็มตัวคนเดียว อีก 2 คนคือคุณสาธิตและ คุณบุญเกียรติยังไม่เต็มตัว” หลังจากนั้นมา PHENOMENA ก็เจริญเติบโตมาเรื่อยๆ เริ่มมีงานได้รับรางวัล มีผู้กำกับคือคุณธนญชัย ศรศรีวิชัย เข้ามาร่วมงานด้วยในปีที่ 2 ถัดมาก่อตั้งบริษัทในเครือทางด้าน Design Firm คือ PROPAGANDA จนถึงปัจจุบันมีผู้กำกับระดับคุณภาพคับแก้วอยู่ถึง 10 คน มี Production House ในเครือของบริษัทเพิ่มเติมในการรองรับงานอีก 2 บริษัท คือ PROMOPHOBIA และ ต้องตาฟิล์ม ไปจนถึง PHENOMENA MOTION PICTURE ที่ร่วมทุนกับทาง GMM Picture ในการสร้างภาพยนตร์ไทย (ดูแผนผัง PHENOMENA GROUP) DIRECTORในธุรกิจ Production House ทีมงานและโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้กำกับนั้นเปรียบเสมือนโปรดักต์ขององค์กรเลยทีเดียว จากการเริ่มต้นที่ 1 คน คือคุณสาธิต กาลวันตวานิช มาถึง คุณธนญชัย ศรศรีวิชัย และเพิ่มเติมมาจนมีถึง 10 คนในปัจจุบันนั้น ผ่านการสร้างและฝึกหัดมาด้วยความพากเพียรในการสร้างบุคลากรจนทาง PHENOMENA เปรียบเสมือนโรงเรียนที่ผลิต ผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณาและภาพยนตร์เพื่อ ความบันเทิงโดยมีกระบวนการสร้างที่เป็นขั้นเป็นตอนอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง คุณยอดเพชรเล่าให้ฟังว่า “วิธีเทรนนิ่งก็เริ่มจากผู้ช่วยผู้กำกับซึ่งผู้กำกับจะสอนให้คิดงานแบบผู้กำกับ เพราะผู้กำกับก็จะมอบหมายให้ไปหาข้อมูลหาสิ่งต่างๆ มา ดังนั้นพวกผู้ช่วยหรือแม้แต่กระทั่งอาร์ตไดหรือทีมงานอื่นๆ ก็จะคิดในแนวของผู้กำกับเป็น... ปลูกฝังครีเอทิวิตี้มาตั้งแต่เริ่มทำงานและคนพวกนี้ต่อไปก็จะขึ้นมาเป็นผู้กำกับที่มีคุณภาพ มีวิธีคิดและเข้าใจครีเอทิวิตี้ของลูกค้า นี่เป็นวิธีการเทรนของเรา และยังมีวิธีการเทรนเรื่องการออกกองถ่ายเพราะทุกๆ ครั้งที่ออกกองถ่ายมันก็เหมือนเผาแบงก์ 500 ทุกๆ นาที เพราะฉะนั้นเขาก็ต้องรู้ว่าทำอย่างไรให้มันกระชับให้ไวบริหารกองอย่างไร จะซึมซับจากหน้างานจริงในการแก้ปัญหา ก่อนที่เราจะสกรีนขึ้นมาเป็นผู้กำกับ มีการตั้งเป้า 1234 ว่าถ้าได้แบบนี้ก็จะขึ้นมาเป็น ผู้กำกับได้ถ้าผ่านเทสต์ของเราได้ก็จึงขึ้นมาเป็น ผู้กำกับเพราะงานที่ออกไปเป็นของ PHENOMENA ซึ่งต้องมีมาตรฐาน คุณสาธิต และคุณธนญชัยจะคอยเช็คคุณภาพตลอด ต้องทำงานที่ดีออกมาได้โดยที่ต้องก้าวข้ามข้อจำกัดต่างๆ เช่น งบประมาณ หรือเวลา ฯลฯ ให้ได้ เป็นวิธีเทรนนิ่งที่เข้มข้นมาก” ผู้กำกับอื่นๆ นอกจากทั้งสองท่านที่กล่าวมาแล้วนั้น ยังมีอีกคือ คุณน้ำทอง ทองใหญ่ ณ อยุธยา ผลงานเด่นๆ ก็เช่น ซิตร้า บอดี้โลชั่น, ซันซิล, เบียร์สิงห์ และเทสโต้ คุณเขตชัย ประพนศิลป์ กับงาน เช่น Dprompt, โอโม, ใกล้ชิด และ Exit คุณธัญรักษญ์ พรรณวิไล กับงาน เช่น Mistine Pink Magic, เครื่องซักผ้าซัมซุง และเขาช่อง คอฟฟี่มิกซ์ คุณประเสริฐสุข ถวิลเวชกุล กับงาน เช่น เปา ซอฟต์, OLAY, Sofe, Clairol Herbal Essence คุณคณิณ จันทรสมา กับงานเช่น ทีเอ เอ็กซ์เพรส, เทสโก้ โลตัส คุณนวจุล บุญพรรคนาวิน กับงานเช่น อี-โฟน คุณบิน กิจขจรพงศ์ กับงานเช่น ไดสตาร์, มาม่า, โอโมพลัส, การไฟฟ้าฝ่ายผลิต และสุดท้ายคุณกฤตินนท์ นพคุณ กับงานเช่น ลักส์ บิวตี้ คุณยอดเพชรเสริมว่า “สิ่งหนึ่งที่ทำให้เราอยู่ได้กับผู้กำกับทั้ง 10 คนคือ โปรดักต์มันไม่ใช่นาย 1 ถึงนาย 10 เท่านั้นแต่มันจะเป็นตัวทีมงาน และ Reliability (ความไว้วางใจ, ความน่าเชื่อถือ) ของบริษัทด้วย คือถ้าเราบอกว่าคุณภาพจะออกมาแบบนี้หรือวันนั้นวันนี้เราจะพรีโปรดักชั่น อะไรก็ตามที่เราสัญญาไปคือได้ ..ลูกค้าจะเข้าใจบางกรณีถ้าลูกค้าบางสตอรี่บอร์ดเจาะจงมาหา คุณเอ คุณบี เราก็จะบอกว่าคุณซีหรือคุณดี ก็ทำได้นะและเดี๋ยวคุณเอคุณบีก็จะลงมาดูด้วยเพราะเราทำงานเป็นทีม คือผู้กำกับทุกคนไม่ใช่ว่าได้งานแล้วไปทำคนเดียวเราก็จะมีผู้กำกับคุณเอคุณบีเหมือนเป็น Tools ของผู้กำกับคนอื่นๆ เพราะฉะนั้นลูกค้าจะเห็นเลยว่าเวลาเขาเข้าไปดู เวลาตัดหนังนั้นเหมือนซื้อ 1 ได้ 2 เลยเพราะจะมีผู้กำกับคนอื่นเข้ามาดูด้วยมีการแชร์ไอเดียกัน และพองานเสร็จออกมามันก็ได้งานและคุณภาพในระดับที่ลูกค้าอยากได้จริงๆ เพราะสินค้าบางอย่างโทนของหนังอาจจะเหมาะกับผู้กำกับไม่เหมือนกันเป็นเรื่องของบอร์ดเข้าทางของผู้กำกับคนไหน” “สำหรับเรา 10 คน เราว่ามีมากแล้วเพราะเราก็ต้องมีโครงสร้างรองรับที่ดี ถามว่าในอนาคตจะเพิ่มไหมเราก็ต้องเพิ่มผู้กำกับ เรามีแพลนว่าจะต้องเพิ่มเท่าไหร่ในปีถัดๆ ไปแต่เราก็ต้องแน่ใจว่าคนที่อยู่หรือตัวโปรดักต์ที่มีเนี่ยเขาต้องเติบโตคือตัวเขาเองต้องเติบโต งานคุณภาพต้องดีขึ้นลูกค้าติดตลาดมากขึ้น มีตลาดของตัวเอง มีลูกค้าของตัวเองในกลุ่มที่ขยายกว้างขึ้นในขณะเดียวกันงานต้องดีขึ้นไม่ใช่นิ่งอยู่เฉยๆ ดังนั้นเราจะต้องดูแลทั้งโปรดักต์ที่อยู่ข้างใน เพราะที่นี่มันเหมือนโรงเรียน ไม่ได้ซื้อตัว เป็นเหมือนครอบครัวที่เราจะเป็นลักษณะซื้อใจ ก็เลยทำตัวเหมือนกับเป็นโรงเรียนมากกว่า เป็นที่เทรนนิ่ง เพราะว่าถ้าเราเป็นคนเทรนให้คุณแล้วทีนี้สัญญาอะไรก็จะไม่มีแล้ว เทรนให้แล้วทุกคนแฮปปี้ เพราะคนที่อยู่กันได้นานๆ ก็จะต้องเป็นน้ำเดียวกันและเขาก็จะรู้สึกเป็นสุขที่จะได้อยู่ตรงนี้ เพราะมันจะต้องทำงานกันอยู่กับทีมงานของเขามากกว่า 8 ชม.ต่อวัน ดังนั้นถ้าทำงานแล้วรู้สึกมีความสุขที่จะอยู่อันนี้จะเป็นหลักยึด และความสุขอย่างเดียวก็ไม่ได้ต้องมีสตางค์ด้วยต้องมีความก้าวหน้าของคุณภาพชีวิตต้องสมดุลให้ได้ “เรตราคาจะมาจากขนาดของโปรดักชั่นซึ่งราคาพวกนี้เป็นราคาฟิกซ์ แต่ราคาที่ไม่ฟิกซ์คือค่าตัวผู้กำกับ กับเซอร์วิสชาร์จของบริษัทที่จะให้ไป เพราะว่าตัว PHENOMENA นั้นมีเครือบริษัทเล็กบริษัทน้อยซึ่งมีผู้กำกับทำงานอยู่ในบริษัทที่เล็กลงไป คือ PROMOPHOBIA กับ ต้องตา อยู่ที่ว่าลูกค้าจะต้องการสร้างหนังแบบไหนขนาดไหน คือหนังที่ได้รางวัลหรือสร้างสรรค์มากๆนั้นมักจะเป็นหนังเอาท์สแตนดิ้ง แต่ก็ยังมีหนังอีกประเภทของ คอนซูเมอร์โปรดักต์ที่ลูกค้าต้องการจะขายของและก็เน้นที่มาร์เก็ตติ้ง มีไบเบิ้ลมาว่าต้องทำแบบนั้นแบบนี้ตายตัวแต่คุณภาพต้องได้ ซึ่งหนังประมาณนี้ผู้กำกับของเราทุกคนทำได้หมด แต่หนังพวกนี้จะไม่ได้รับรางวัลในเวทีครีเอทีฟ ....จุดแข็งของเรานอกจากที่จะมีไดเร็กเตอร์คุณภาพแล้ว เรายังมีจุดแข็งในเรื่องของอาร์ตไดเร็กชั่น ไม่ว่าลูกค้าจะนำบอร์ดอะไรมาให้ทำ ไม่ว่าจะบอร์ดแบบพื้นๆ ไอเดียเรียบหรือแบบไหนๆ รับรองว่าจะออกมาสวยและมีคลาส ไม่ว่าจะใช้ผู้กำกับคนไหน เราจะทำออกมาให้สวยให้ได้ตามมาตรฐาน” QUALITYคุณภาพของภาพยนตร์โฆษณาที่ออกสู่สายตาทางสื่อโทรทัศน์นั้นเป็นสิ่งที่ทาง PHENOMENA ให้ความสำคัญมากซึ่งคุณภาพของงานนั้นมีส่วนมาจากคุณภาพของบุคลากรเป็นสำคัญ คุณยอดเพชรกล่าวว่า “ผลิตผู้กำกับมันผลิตยาก เป็นธรรมชาติของโปรดักชั่นเฮ้าส์ เพราะโปรดักชั่นเฮ้าส์นั้น แก่นแกนที่แข็งมันจะอยู่ที่คน ผู้กำกับคือโปรดักต์ เราก็ต้องคิวซีโปรดักต์ คือผู้กำกับ และไม่ใช่แค่ตัว ผู้กำกับเท่านั้นตัวทีมงานต้องพร้อมทุกอย่างให้เขาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสามารถที่จะ Push คุณภาพและความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ ได้ เพราะฉะนั้นตัวทีมก็สำคัญแต่ละส่วนจะเป็นนอตที่ขันแต่ละยูนิตของการทำงานซึ่งฮิวเมนรีสอร์ซจะเป็นเรื่องสำคัญมาก บางทีคุณมีแบรนด์แข็งแต่คุณไม่มีคนที่จะรองรับ มันก็ไม่ได้แล้วเพราะมันจะส่งผลกระทบกับแบรนด์ของคุณทันที...ถ้าจะเพิ่มคนไปเรื่อยๆแต่โครงสร้างภายในหรือแบ็คออฟฟิศไม่มี มันก็จบ ตอนนี้ที่เรามองคือการสร้างและพัฒนาในเรื่องของ Quality ทางด้านโปรดักชั่น เนื่องจากว่าในเมืองไทยขณะนี้เรามีความเก่งมากทางด้าน Creativity โปรดักชั่นเฮ้าส์แค่ทำตาม Creativity ให้มันดีขึ้น แต่ไทยเราจะอ่อนในเรื่องคุณภาพของรายละเอียดและดีเทล ในคุณภาพของงานที่เราจะไปสู้กับฝรั่ง ตรงนี้คือสิ่งที่เราอยากจะขยายให้มันสู้กับฝรั่งได้ แต่ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการไปซื้อเครื่องไม้เครื่องมือหรือเทคโนโลยีล้ำยุคแพงมหาศาลแต่มันอยู่ที่คนที่ใช้เครื่องมือนั้น เช่นต่อให้ซื้อรถเฟอร์รารี่ให้คนที่ขับรถไม่ดีมันก็ไม่ได้ทำให้การขับรถดีขึ้นมาได้ สิ่งที่เราต้องทำให้ได้คือ คนที่จะสามารถทำงานได้ สร้างงานได้แบบมีคุณภาพ เวลาน้อย ใช้เงินน้อย แต่ได้ผลงานที่ดีตามมาตรฐานเป็นประโยชน์กับลูกค้าในการขายสินค้าให้ลูกค้า นี่เป็นโจทย์ที่เราจะต้องพัฒนาทำต่อไป เพื่อวงการโปรดักชั่นในบ้านเราและรอบๆ บ้านเราให้เขาทึ่งว่าเราทำได้ขนาดนี้เลยเหรอ นี่คือการขยายในแบบของเราไม่ใช่งานเราเยอะเพิ่มผู้กำกับอีก 5 คน 10 คนเพื่อจะได้บิลลิ่งมากขึ้นแบบนี้ไม่ใช่โตในลักษณะแบบยั่งยืนไปข้างหน้า” Growthจากมาตรฐานการผลิตผลงานที่ดีออกมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัท ทำให้อัตราการเติบโตของ PHENOMENA เติบโตขึ้นโดยตลอดแม้ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งคุณยอดเพชรเล่าว่า “ช่วงที่ฟองสบู่แตกเราแทบไม่กระทบเลยเพราะเป็นแค่ปีเดียวที่การเติบโตนั้นคงที่ ค่ายคอนซูเมอร์ ยักษ์ๆ ใช้เป็นโอกาสในการใช้โฆษณามากในการทำตลาดทำให้เราไม่ตกและหลังจากนั้นพอเศรษฐกิจนิ่งและโตเราก็โตขึ้นมามาก ช่วงฟองสบู่มีการล้มไปของโปรดักชั่นเฮ้าส์ค่อนข้างสูงแต่ทางเรายืนอยู่ได้เพราะเรามีผลงานที่มีคุณภาพ ลูกค้าเวลาต้องใช้เงินอย่างมีคุณค่าและชัวร์นั้น ลูกค้าก็ต้องเลือกใช้โปรดักชั่นที่ควอลิตี้แน่นอน เราจึงยืนอยู่ได้เพราะเราคือของจริง เนื้อในมันแข็ง อัตราการเติบโตของเรา ตกประมาณ 20% ต่อปี แม้ว่าปีนี้อุตสาหกรรมโฆษณาจะโตขึ้นตามเศรษฐกิจแต่ว่าทางด้าน ผู้กำกับหรือโปรดักต์ของเรามันมีแค่ 10 คน มันยังผลิตผู้กำกับออกมาทีละมากๆ ไม่ได้ มันก็ต้องล้นไปที่อื่นคือไม่ได้มาโตที่เรามากๆ แต่ไปโตในอุตสาหกรรมโปรดักชั่นเฮ้าส์อื่นๆ แต่เราก็ไม่ได้โลภ เราต้องกลับมายึดหลักการ รักษาคุณภาพเอาไว้ให้ได้ ไม่ใช่โลภเอาแต่จะตักน้ำเวลาน้ำขึ้น เราก็จะขยายแต่ก็จะขยายในสิ่งที่เราเอื้อมถึงและเราบริหารมันได้ โครงสร้างภายในมันต้องขยายตามทัน ...ไปขยายในไลน์อื่นๆเช่นการร่วมทุนกับ GMM ทางด้านหนังใหญ่ ส่วนของหนังใหญ่จะออกฉายปีนี้เป็นปีแรกและปลายปีก็จะทำโปรดักชั่นอีก 2 เรื่องพร้อมกันและปีถัดไปก็น่าจะเป็น 3 เรื่อง ผู้กำกับก็เคยเป็นผู้ช่วยผู้กำกับอยู่ที่ PHENOMENA และก็ลองให้ทำหนังสั้น และก็ได้รางวัลมา เช่น ที่กรีซ ที่ลอนดอน ฯลฯ เป็นผู้กำกับดูโอคือ 2 คน เขียนบทได้แน่นเราก็เลยทำเลย คุณสาธิต กับ คุณธนญชัย ก็จะเข้ามาดูคอยแนะนำด้วยและมี ส่วนของโค-โปรดักชั่นของหนังต่างประเทศที่เราไม่ต้องใช้ผู้กำกับใช้แค่ทีมงานถ่ายทำ....เราอยากโตทางสูงไม่ได้โตตามกว้าง คนอยู่มีความสุข มีเงิน และมีงานดี เป็นหลักการที่เรายึด ต้องรักษาสมดุลทั้ง 3 สิ่งนี้ให้ลงตัว ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็ไม่ดี” และที่ท่านผู้อ่านได้อ่านผ่านตามาทั้งหมดนั้นคือภาพรวมของ Production House ชั้นแนวหน้าของเมืองไทย “PHENOMENA” ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลยที่จะคว้าอันดับ 3 ของโลกมาได้ด้วยการยึดมั่นในคุณภาพของงานและคุณภาพของคนเพื่อการเติบโตไปแบบยั่งยืน ส่งผลให้แวดวง Production House บ้านเราไม่น้อยหน้าใครในโลกนี้...
Labels:
News : Production House 2007