Sunday 5 August 2007

ต่อยอดทางธุรกิจ

ชื่อของ"แม็ทชิ่ง สตูดิโอ"เป็นที่รู้จักกันดีในวงการธุรกิจผลิตภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์ และจะยิ่งรู้จักมากขึ้นหากเอยถึง"ตี๋ แม็ทชิ่ง"หรือ"สมชาย ชีวสุทธานนท์" กรรมการผู้จัดการ บมจ.แม็ทชิ่ง ที่เวลาคิดอ่านหรือทำการใดๆ มักจะสร้างความแปลกใหม่เพื่อให้ทุกคนเกิดการจดจำ
ยิ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใหม่(MAI) บวกกับในปี 2548 "บมจ.แม็ทชิ่ง"ก็กำลังก้าวเข้าไปเป็น 1 ในบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพราะมีทุนจดทะเบียนมากกว่า 200 ล้านบาทด้วยแล้ว ก็ทำให้ "แม็ทชิ่ง"เป็นบริษัทที่ถูกกล่าวขานมากที่สุด
จากบริษัทสตูดิโอเล็ก ๆ Matching Studio ที่ “ตี๋” อดีตโปรดิวเซอร์ กับเพื่อนสนิทที่เป็นช่างภาพ-โฆษณา “ดอม” หรือนายฐนิสสพงศ์ ศศินมานพ ทุ่มทั้งแรงกายและแรงใจปลุกปั้น เพื่อมุ่งมั่นสร้างทีมงานโปรดักชันเพื่อผลิตภาพยนตร์โฆษณา ที่ในปัจจุบันนี้ทุกคนต่างยอมรับในฝีมือ
"ตี๋ แมทชิ่ง" พูดเสมอว่า การทำธุรกิจเราจะต้องสร้างความกล้าให้กับตัวเอง เราต้องมีความขยัน มีความเก่ง ที่สำคัญที่สุดคือโอกาส ซึ่งเราจะต้องสร้างโอกาสให้กับตัวเราเอง อย่ารอโอกาส และเมื่อเราได้โอกาสครั้งที่ 1 แล้ว เราจะต้องต่อยอดทางธุรกิจต่อไป ให้ไปที่ 2 ไปที่ 3 มันเหมือนกับต่อจิ๊กซอ และผมมองว่าการทำอะไรก็แล้วแต่เราไม่ควรที่จะย้ำอยู่กับที่ เพราะการย้ำอยู่กับที่มันจะทำให้เราจมไปเรื่อยๆ
"แม็ทชิ่ง สตูดิโอ" ถูกจัดเป็น1 ในหุ้นกลุ่ม บันเทิงอนาคตไกล เพราะการที่แม็ทชิ่ง มีผู้ร่วมทุนคือบริษัท บีบีทีวี โปรดัคชันส์ จำกัด เป็นบริษัทในกลุ่มของบริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด ซึ่งเป็นผู้บริหารสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ทำให้ในอนาคตบริษัทจะได้ผลิตรายการป้อนให้ช่อง 7 มากขึ้นจากปัจจุบันที่มีเพียงรายการ ‘ปลดหนี้’
นอกจากนี้เม็ดเงินที่ได้จากกลุ่มบีบีทีวีเข้ามา ส่วนหนึ่งบริษัทได้นำไปต่อยอดทางธุรกิจโดยลงทุนในโครงการสวนสนุกเคลื่อนที่กับกลุ่มธุรกิจเครื่องเล่นรายใหญ่ที่สุดในโลก จัดการแสดงของเวิล์ดคาร์นิวัล ฟันปาร์กที่บริษัทได้คอนแทร็คมา ทำให้ต่างชาติกลุ่มทำธุรกิจเครื่องเล่นรายใหญ่ที่สุดในโลก ยูเค ฟันแฟร์ คาร์นิวัลเห็นศักยภาพ
สำหรับโครงการนี้ มูลค่าอุปกรณ์เครื่องเล่นที่กลุ่มดังกล่าวมูลค่า 1,800 ล้านบาท โดยโครงการนี้บริษัทจะมีรายได้จาการบริหารจัดการ ส่วนแบ่งจากรายได้จากบริษัท และส่วนแบ่งรายได้จากสปอนเซอร์ โครงการนี้กำหนด 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน 2547-14 กุมภาพันธ์ 2548 ตั้งเป้าหมายผู้ชมจำนวน 1.2-1.5 ล้านคน บริเวณพื้นที่ร่วม 1 หมื่นตารางเมตร ของเมืองทองธานีบริเวณริมสระค่าบัตรเข้าชม 25 บาท ไม่รวมค่าเครื่องเล่น
ทิศทางอนาคตบริษัทยังสดใสจาก Connection (สายสัมพันธ์) หลังจากเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ แต่ละโปรเจ็กต์ที่ได้เข้าไปดำเนินงานล้วนใหญ่ในแง่เอ็นเตอร์เทนเมนต์ที่มีคอนเสิร์ตคุณภาพ บิ๊กอีเวนท์ ภาพยนตร์ และโฆษณาติดอันดับโลก รวมไปถึงโครงการมูฟวี่ทาวน์ในปีหน้าจะเริ่มดำเนินอย่างเต็มตัว