Sunday, 5 August 2007

คุณภาพ-ราคา ยกชั้น

คุณภาพ-ราคา ยกชั้น

สาธิต กาลวันตวานิช ประธานกรรมการบริษัท และผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณา เปิดเผยว่าในปีนี้น่าจะได้เห็นการเซ็กเมนท์ระดับโปรดักชั่นเฮ้าส์ชัดเจนขึ้น หากไม่แข่งกันที่ราคาก็จะแข่งกันที่คุณภาพแทน ขณะที่ฟีโนมีนาเน้นจุดยืนเรื่องผลงานระดับคุณภาพ และจะยิ่งชัดเจนขึ้นในปีนี้ โดยเฉพาะจากรางวัล โปรดักชั่นเฮ้าส์ และ ผู้กำกับ (ธนญชัย ศรศรีวิชัย) ที่คว้ารางวัลมากที่สุดอันดับ 1 ของโลก ซึ่งจัดอันดับโดย The Gunn Report ประจำปี 48 ยิ่งเป็นตัวชี้วัดถึงความสำเร็จดังกล่าว
"แม้ลูกค้าส่วนใหญ่จะเริ่มหั่นงบในการผลิตโฆษณาลงแล้วกว่า 15% แต่ในความเป็นจริงยังคงมีลูกค้ารายใหญ่โดยเฉพาะลูกค้าที่เป็นบริษัทข้ามชาติ ที่ต้องการงานโฆษณาคุณภาพอยู่ ดังนั้นในส่วนของฟีโนมีนา ซึ่งมีชื่อเรื่องคุณภาพของงานโดยมีรางวัลระดับโลกเป็นการันตีอยู่แล้ว ทำให้ได้เปรียบในฐานะที่จะเป็นโปรดักชั่นเฮ้าส์อันดับแรกๆที่ลูกค้าคิดถึง"
และเพื่อรักษามาตรฐานทำให้ค่างานคุณภาพของฟีโนมีนาจึงไม่ลดราคาลงไปแข่งขัน
ฉะนั้น หากเทียบกับโปรดักชั่นเฮ้าส์ส่วนใหญ่แล้ว งานของฟีโนมีนาจะมีราคาค่อนข้างสูง โดยจะรับงานที่มีราคาตั้งแต่ 3.5 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งแม้ว่าลูกค้าระดับพรีเมียมจะลดน้อยลง แต่สิ่งที่ สาธิต มองคือ เตรียมพร้อมเพื่อขยายไปรับงานลูกค้าต่างประเทศ
ปัจจุบันลูกค้าจากต่างชาติที่ใช้บริการฟีโนมีนา ส่วนใหญ่อยู่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก อาทิ ญี่ปุ่น จีน มาเลเซีย ฮ่องกง สิงคโปร์ เวียดนาม ซึ่งในแต่ละปี บริษัทฯ มีสัดส่วนการรับงานต่างประเทศเฉลี่ยตามจำนวนชิ้นงานประมาณ 15-20% แต่สำหรับปีนี้ตั้งเป้าว่าจะขยายงานในตลาดต่างประเทศเพิ่มเป็น 20-25 %" สาธิตกล่าว
นอกจากการนำเสนอเรื่องอย่างมีความคิดสร้างสรรค์และมีอารมณ์ขัน ซึ่งเป็นจุดแข็งของฟีโนมีนาแล้ว สาธิตมองว่ายังไม่เพียงพอในสภาพการแข่งขันที่สูงขึ้น จึงได้ทำการเพิ่มโปรดักชั่น แวลู (Production Value) โดยขยายไปสู่ธุรกิจโพสท์ โปรดักชั่น เปิด บริษัท ซูโด เอฟฟเฟ็คซ์ จำกัด เพื่อรับงาน คอมพิวเตอร์ กราฟฟิก, โมชั่น กราฟฟิก, วิชวล เอฟเฟคท์ และ แอนิเมชัน เมื่อปีที่แล้วเพื่อเตรียมความพร้อมรับการแข่งขัน โดยตั้งขึ้นเพื่อรับทำงานให้บริษัทในเครือเป็นหลัก บนมาตรฐานเดียวกับฮอลลีวู้ด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า และ ยังเพิ่มรายได้ให้กับกลุ่มบริษัทอีกด้วย
สำหรับโปรดักชั่นเฮ้าส์ ในเครือฟีโนมีนา ทั้งหมด 3 บริษัท ได้แก่ ฟีโนมีนา, โปรโมเฟีย และ ต้องตาฟิล์ม มียอดบิลลิ่งรวมกันของปี 2547 คิดเป็น 400 ล้านบาท และจัดเป็นโปรดักชั่นเฮ้าส์อันดับสองของตลาด รองจากแม็ทชิ่ง สตูดิโอ อยู่ประมาณ 100 ล้านบาท ส่วนรายได้ในปี 2548 ที่ผ่านมานั้น สาธิตบอกว่ายังคำนวณตัวเลขไม่เสร็จสิ้น แต่คาดว่าน่าจะโตขึ้นประมาณ 20% และประเมินคร่าวๆ ว่า ณ วันนี้ กลุ่มฟีโนมีนา น่าจะมียอดรายได้จากงานถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณาสูสีกับแม็ทชิ่งสตูดิโอ และสำหรับรายได้ในปีนี้ ก็คาดว่าจะเติบโตขึ้นอีก 20% เช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ โปรโมโฟเบีย และ ต้องตาฟิล์ม เป็นบริษัทผลิตภาพยนตร์โฆษณาในฟีโนมีนากรุ๊ป ที่เปิดขึ้นมาเพื่อรองรับงานผลิตภาพยนตร์โฆษณาในราคาและสเกลงานที่ต่ำกว่าฟีโนมีนา
ขณะที่ฟีโนมีนารับงานที่ราคา 3.5 ล้านบาทขึ้นไป สองบริษัทนี้ จะรับงานเฉลี่ยอยู่ที่ 4 แสน -1.5 ล้านบาท โดยเป็นการรับงานที่ราคาต่ำลงมาแต่ในมาตรฐานการทำงานเดียวกันกับบริษัทแม่ ซึ่งนอกจากจะเป็นเหมือนไฟติ้ง แบรนด์ ให้กับ ฟีโนมีนาแล้วนั้น ทั้งสองแห่งนี้ยังใช้เป็นแหล่งผลิตทีมงานรุ่นใหม่ ให้ผู้กำกับหน้าใหม่ได้มีโอกาสทดลองงาน หาประสบการณ์ก่อนจะเลื่อนขั้นมาทำงานให้กับบริษัทฯ แม่ต่อไป