Monday 13 August 2007

ผลงานสร้างชื่อเมื่อไม่นานมานี้

ผลงานสร้างชื่อเมื่อไม่นานมานี้ของพวกเขายังรวมไปถึงภาพยนตร์ผจญภัยแนวจินตนาการเรื่อง Lemony Snicket's A Series of Unfortunate Events ซึ่งแสดงนำโดย จิม แคร์รี่ย์ เมอร์รีล สตรีปและ จูด ลอว์ภาพใต้การกำกับการแสดงโดย แบรด ซิลเบอร์ลิ่ง; และภาพยนตร์สยองขวัญภาคต่อมาคือเรื่อง The Ring Two นำแสดงโดย นาโอมี่ วัตส์ และกำกับการแสดงโดย ฮิเดโอ นากาต้า พวกเขาได้ร่วมกันอำนวยการสร้างภาพยนตร์สยองขวัญเรื่อง The Ring ซึ่งกำกับการแสดงโดย กอร์ เวอร์บินสกี้ ซึ่งได้กลายมาเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ยอดนิยมที่สุดของปี 2002 และในปีเดียวกันนั้นเอง ปาร์คสยังได้เป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง Minority Report แสดงนำโดย ทอม ครุยส์ และเรื่อง Catch Me If You Can นำแสดงโดย ลีโอนาโด ดีคาปรีโอ และ ทอม แฮงค์ ซึ่งทั้งสองเรื่องนี้กำกับการแสดงโดย สตีเว่น สปีลเบิร์ก โดย แม๊คโดนัลได้รับหน้าที่เป็น ผู้อำนวยการสร้างบริหารสำหรับภาพยนตร์เรื่องหลัง
ปาร์คสและ แม๊คโดนัลยังได้ร่วมกันอำนวยการสร้างภาพยนตร์ดราม่า คอมเมดี้ของสปีลเบิร์กเรื่อง The Terminal นำแสดงโดย ทอม แฮงค์และ แคทเธอรีน ซีต้า-โจนส์ พวกเขายังได้ร่วมอำนวยการสร้างภาพยนตร์ภาคต่อมา เรื่อง Men in Black II ซึ่งทำให้ทอมมี่ ลี โจนส์และ วิลล์ สมิธได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งหนึ่งและกำกับการแสดงโดย แบร์รี่ ซันเนนเฟลด์ ทั้งคู่ยังได้ร่วมกันกำกับการแสดงภาพยนตร์ของ บล๊อคบัสเตอร์ปี 1997 เรื่อง Men in Black ซึ่งจากเรื่องนี้ทั้งสองได้รับการกล่าวขวัญว่าเป็น Sho West Producers of the Year
ผลงานเพิ่มเติมของ ปาร์คสและแม๊คโดนัลในฐานะผู้อำนวยการสร้างบริหารและผู้อำนวยการสร้างนั้นรวมไปถึงภาพยนตร์ยอดเยี่ยมชนะเลิศรางวัลตุ๊กตาทองและลูกโลกทองคำคือเรื่อง Gladiator เรื่อง Deep Impact เรื่อง Amistad และเรื่อง The Peacemaker
นอกจากผลงานการสร้างของเขาทั้งสองแล้ว ปาร์คสและ แม๊คโดนัลยังรับหน้าที่เป็น หัวหน้าร่วมของบริษัท ดรีม เวิร์ค พิคเจอร์ จาก จุดเริ่มต้นตั้ง สตูดิโอจนกระทั่ง กลางปี 2005 ในช่วงระหว่างการรับหน้าที่ของเขานั้น พวกเขารับผิดชอบสำหรับการพัฒนาและผลิตภาพยนตร์ต่าง ๆ กันของบริษัท ซึ่งได้ประสบความสำเร็จทั้งทาง บ๊อกซ์ออฟฟิศและได้รับการกล่าวขวัญอีกด้วย ภาพยนตร์หลายเรื่องยังได้รับรางวัลต่าง ๆ รวมไปถึง — สำหรับครั้งที่สองในประวัติศาสตร์ของ Motion Picture Academy — สามรางวัลติดตามมาสำหรับภาพยนตร์ยอดเยี่ยมรางวัลตุ๊กตาทอง: เรื่อง American Beauty เรื่อง Gladiator และเรื่อง Beautiful Mind ซึ่งภาพยนตร์สองเรื่องหลังนั้นอำนวยการสร้างโดยเข้าหุ้นกับบริษัท ยูนิเวอร์แซล ผลงานที่ได้รับความสำเร็จทั้งทางรายได้และการกล่าวขวัญสำหรับการอำนวยการสร้างภายใต้การนำของพวกเขายังรวมไปถึง : ผลงงานของ คาเมร่อน ครอว์เรื่อง Almost Famous ผลงานของ บ๊อบ ซีมีคีสเรื่อง What Lies Beneath ผลงานของ อดัม แมคเคย์เรื่อง Anchorman ผลงานของ ไมเคิล แมน เรื่อง Collateral และภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัล อคาเดมี่ — และรางวัลลูกโลกทองคำสำหรับภาพยนตร์ดราม่า เรื่อง Saving Private Ryan ซึ่งทำรายได้สูงสุดสำหรับภาพยนตร์ภายในประเทศสำหรับปี 1998
ปาร์คสได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัลอคาเดมี่ถึงสามครั้ง โดยได้รับการเสนอชื่อครั้งแรกในฐานะผู้กำกับการแสดง/ผู้อำนวยการสร้างของสารคดีปี 1978 เรื่อง California Reich ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับ ความเคลื่อนไหวของพวก นีโอ-นาซีในแคลลิฟอร์เนีย เขาได้รับเกียรติเสนอชื่อเข้ารับรางวัลตุ๊กตาทองเป็นครั้งที่สอง (ร่วมกับ ลอว์เรนซ์ ลาสเกอร์) สำหรับงานเขียนบทภาพยนตร์ เรื่อง Wargames และครั้งที่สามสำหรับงานอำนวยการสร้างสำหรับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเรื่อง Awakenings ปาร์คสยังได้ร่วมเขียนและอำนวยการสร้างภาพยนตร์ตื่นเต้นเรื่อง Sneakers ซึ่งแสดงนำโดย โรเบิร์ต เรดฟอร์ด และ ซิดนีย์ ปอยเตียร์
แม๊คโดนัล เริ่มอาชีพการอำนวยการสร้างจากภาพยนตร์สารคดีและข่าวที่ KRON ซึ่งเป็นการร่วมมือของ NBC ในซานฟรานซิสโก และต่อมาไม่นานนักเธอก็ได้ร่วมงานกับ โคลัมเบีย พิคเจอร์สซึ่งเธอรับหน้าที่เป็น ผู้ช่วยประธานของฝ่ายผลิต หลังจากนั้นสี่ปี เธอเริ่มก่อตั้งบริษัทสร้างภาพยนตร์ร่วมกับ วอลเตอร์ ปาร์คส และทันทีที่เธอได้ร่วมงานกับบริษัท ดรีมเวิร์ค แม๊คโดนัลได้ดูแลการพัฒนาและการผลิตที่บริษัท แอมบลิน เอ็นเตอร์เทนเม้นท์
เอียน ไบร์ซ (ผู้อำนวยการสร้าง) เป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์แอ๊คชั่นผจญภัยผลงานของ แซม ไรมี่ เรื่อง Spider-Man นำแสดงโดย โทบีย์ แมคไกว์ รับบทเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ที่ใช้ใยแมงมุมซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ทำรายได้สูงสุดสำหรับภาพยนตร์ในประเทศของปี 2002 และในปีต่อมาเขาก็ได้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ดราม่าผลงานของ อันตวน ฟูกัว เรื่อง Tears of the Sun นำแสดงโดย บรู๊ซ วิลลิส
ไบร์ซยังได้รับรางวัล ลูกโลกทองคำและได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัล อคาเดมี่ อวอร์ดสำหรับผลงานของเขาในฐานะผู้อำนวยการสร้าง ผลงานดราม่าเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ได้รับการกล่าวขวัญเป็นแพร่หลายของ สปีลเบิร์กเรื่อง Saving Private Ryan ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากองค์กรวิจารณ์ภาพยนตร์รวมทั้ง นิวยอร์ค ลอสเองเจิ้ลลิส และ สมาคม บอร์ดคาส ฟิลม์ คริติคส์ ไบร์ซ ยังได้ร่วมรับรางวัล ผู้อำนวยการสร้าง Producer Guild of America สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ เขายังทำงานอำนวยการสร้างต่อมาอีกในผลงานดราม่า คอมเมดี้ของ คาเมร่อน โครว์ส เรื่อง Almost Famous ซึ่งได้รับรางวัลลูกโลกทองคำสำหรับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม — ดนตรีหรือ คอมเมดี้และ ได้รับการเสนอเข้ารับรางวัล BAFTA สำหรับภาพยนตร์ยอดเยี่ยมอีกด้วย
ผลงานการอำนวยการสร้างอื่น ๆ ของเขายังรวมไปถึงภาพยนตร์เรื่อง Forces of Nature แสดงนำโดย เบน เอฟเฟล็ค และ แซนดร้า บูลล๊อค; ภาพยนตร์แอ๊คชั่น ตื่นเต้น เรื่อง Hard Rain โดยร่วมงานกับ มอร์แกน ฟรีแมนและ คริสเตียน สเลเตอร์; ผลงานของ เพนเนโลป สเฟียรีส ทางจอภาพยนตร์จากซีรีส์คลาสสิคยอดนิยมทางโทรทัศน์เรื่อง The Beverly Hillbillies; และ ผลงานทางบล๊อคบัสเตอร์ของ ยาน เดอ บอนท์ เรื่อง Twister และ ผลงานเรื่องแรกของการกำกับการแสดงของเขาคือเรื่อง Speed
เขาเกิดที่ประเทศอังกฤษ และเริ่มงานในวงการโดยเป็นผู้ช่วยฝ่ายผลิตในงานสามภาคของภาพยนตร์เรื่อง Star Wars คือตอน Return of the Jedi เขาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยกำกับการแสดงที่สอง ในผลงานของ สตีเว่น สปีลเบิร์กเรื่อง Indiana Jones and the Temple of Doom และต่อมาได้รับตำแหน่ง ผู้จัดการฝ่ายการสร้างสำหรับเรื่อง Indiana Jones and the Last Crusade นอกจากนี้ ไบร์ซยังได้รับตำแหน่ง ผู้จัดการ ผู้อำนวยการสร้าง/ผลิต ในผลงานของ ฟิลิป คอฟแมน เรื่อง Rising Sun และยังได้เป็น ผู้ช่วย ผู้อำนวยการสร้าง/ผลิต สำหรับภาพยนตร์ยอดนิยมของ ทิมเบอร์ตั้นเรื่อง Batman Returns เขายังได้ทำงานเป็น ผู้จัดการฝ่ายผลิตของภาพยนตร์ผลงานของ ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปล่า เรื่อง Tucker: The Man and His Dream ผลงานของ รอน โฮเวิร์ดเรื่อง Willow และผลงานของ โจ จอห์นสตั้นเรื่อง The Rocketeer
แคสเปียน เทรดเวลล์-โอเว่น (บทภาพยนตร์/เรื่อง) เมื่อไม่นานมานี้ได้เขียนดราม่าเรื่อง Beyong Borders ซึ่งแสดงโดย เองเจิ้ลลีน่า โจลีและ คลีฟ โอเว่น ซึ่งกำกับการแสดงโดย มาร์ติน แคมป์เบล เป็นฉากในสงครามกลางเมืองในแอฟริกา ภาพยนตร์ได้รับการยกย่องจากนักวิจารณ์ภาพยนตร์และจากภายนอกวงการบันเทิง รวมทั้ง ท่านนายพล โคฟี่ แอนนัน ซึ่งเป็น Secretary —General ของ สหประชาติอีกด้วย
เขาเกิดและโตที่ บั๊คกิ้งแฮมไชร์ ประเทศอังกฤษ เทรดเวลล์-โอเว่นได้รับการศึกษาจากวิทยาลัย อีตั้น เขาได้เข้าคอร์สเพื่อศึกษาภาษาสมัยใหม่จากมหาวิทยาลัย Cambridge University และได้มีโอกาสเข้ามาให้เขาได้เริ่มทำงาน ในวงการภาพยนตร์เรื่อง Dangerous Liaisons เขาเริ่มเปลี่ยนความสนใจมาที่วงการภาพยนตร์และได้ทำงานกับบริษัท วอร์เนอร์ บราเดอร์ส สำหรับงานสร้างภาพยนตร์ทางโทรทัศน์ ซึ่งทำให้เขามาที่ลอสเองเจิ้ลลิส ในขณะที่ทำงานอยู่ที่สตูดิโอ เขาเริ่มพัฒนาความสนใจในงานเขียนบทภาพยนตร์ และเรื่อง Beyond Borders นั้นถือว่าเป็นผลงานการเขียนบทภาพยนตร์ชิ้นแรกของ เทรดเวลล์-โอเว่น
อเล็กซ์ เคิร์ซแมนและ โรเบิร์ตโต้ ออร์กี้ (บทภาพยนตร์) เป็นหนึ่งในทีมนักเขียนและเป็นที่ต้องการของวงการภาพยนตร์อย่างรวดเร็ว พวกเขาได้ร่วมกันเขียนบทภาพยนตร์ที่จะออกฉายอีกสองเรื่อง รวมทั้งผลงานแอ๊คชั่นผจญภัยของ ปาร์คส/แม๊คโดนัล เรื่อง The Legend of Zorro ซึ่งแสดงนำโดย แอนโตนิโอ แบนเดอรัสและแคทเธอรีน ซิต้า-โจนส์ ซึ่งกำกับการแสดงโดย มาร์ติน แคลป์เบล ซึ่งมีกำหนดจะออกฉายช่วยฤดูใบไม้ผลิตปี 2005 ผลงานการร่วมเขียนของเคิร์ซแมน และ ออร์กี้ ซึ่งเป็นภาพยนตร์แนวแอ๊คชั่นภาคตามมาคือ เรื่อง Mission: Impossible III นำแสดงโดย ทอม ครุยส์ ซึ่งรับบท อีธาน ฮันธ์ซึ่งเป็นนักสืบที่ไม่มีใครเทียบได้ ซึ่งมีกำหนดจะออกฉายในปี 2006 นอกจากนี้พวกเขากำลังทำงานเขียนบทภาพยนตร์สำหรับภาพยนตร์เรื่อง Transformers ซึ่งเป็นของบริษัท ดรีมเวิร์คส
ทั้งสองคนได้ร่วมงานเขียนกันมาตั้งแต่เรียนชั้นมัธยมด้วยกันในลองเองเจิ้ลลิส หลังจากจบการศึกษา เคิร์ซแมนได้ข้ามประเทศมาเรียนที่มหาวิทยาลัย New York University และหลังจากนั้นได้โอนไปเรียนที่ มหาวิทยาลัย Wesleyan University ซึ่งเขาได้รับปริญญาตรี ส่วนออร์กี้นั้นเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย University of Texas ที่ ออสติน โดยไม่เกี่ยวกับการแยกกันทางภูมิประเทศพวกเขายังคงร่วมงานกันเขียนโดยผ่านทางโทรศัพท์
เขาได้ร่วมงานกันอีกครั้งในลอสเองเจิ้ลลิส หลังจากจบจากวิทยาลัย ทั้งคู่ก็ได้เริ่มงานทางการเขียนแรกของพวกเขาโดยอยู่ในทีมงานเขียนของซีรีส์ยอดนิยม เรื่อง Hercules: The Legendary Journeys และได้เลื่อนตำแหน่งไปเป็นหัวหน้าทีมเขียน เคิร์ซแมนและ ออร์กี้ ก็ได้รับหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมเขียนของซีรีส์ยอดนิยมเรื่อง Xena: Warrior Princess ซึ่งนำแสดงโดย ลูซีย์ ลอว์เลส ในปี 2000 พวกเขาได้เป็นนักเขียนของซีรีส์เรื่อง Jack of All Trades ซึ่งพวกเขายังได้เป็นผู้อำนวยการสร้างบริหาร และนับเป็นเรื่องแรกสำหรับผลงานการอำนวยการสร้างของพวกเขา
ในปี 2001 เคิร์ซแมนและออร์กี้ได้กลายมาเป็นนักเขียนและหัวหน้า ฝ่ายอำนวยการสร้างของซีรีส์ยอดนิยมและเป็นที่กล่าวขวัญทางของ เอบีซีเรื่อง Alias แสดงนำโดย เจนนิเฟอร์ การ์เนอร์ แสดงเป็น ซิดนีย์ บริสโทว์ และในปีต่อมาพวกเขาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสร้างบริหารและดำรงตำแหน่งนี้จนกระทั่งปี 2004 เมื่อเขาออกจากโชว์ชุดนี้และมุ่งเขียนงานบทภาพยนตร์
มัวโร ฟีโอเร่ (ผู้กำกับภาพ) ได้ร่วมงานกับผู้กำกับการแสดง อังตวน ฟูกัวสำหรับภาพยนตร์ดราม่ายอดนิยมที่ได้รับการกล่าวขวัญสองเรื่องคือเรื่อง Training Day และอีกเรื่องเมื่อเร็ว ๆ นี้คือ เรื่อง Tears of the Sun
ฟีโอเร่มาอยู่ที่อเมริกาเมื่อตอนเด็กโดยตั้งครอบครัวอยู่ใกล้กับ ชิคาโก้ เขาเรียนงานปั้นที่วิทยาลัย Columbia College ซึ่งเป็นเขาได้พบเพื่อนที่ถ่ายภาพเช่นเดียวกับเขาคือ จานัสซ์ คามินสกี้ เขาทั้งสองฝึกฝนร่วมกันที่สถาบัน American Film Institute เมื่อคามินสกี้ได้เริ่มร่วมงานกับ สติเว่น สปิลเบิร์ก ฟิโอเร่ได้ช่วยเขาในหน้าที่ช่างไฟจากภาพยนตร์เรื่อง Chindler's List และจากนั้นก็ได้ทำงานในฐานะช่างภาพให้กับผลงานการกำกับการแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกของ คามินสกี้เรื่อง Lost Souls
ผลงานการกำกับภาพของฟีโอเร่ยังรวมไปถึงผลงานภาพยนตร์ของ เวน์ แวงเรื่อง The Center of the World ผลงานของ เรนนี่ ฮาร์ลิน เรื่อง Driven; เรื่อง Get Carter นำแสดงโดย ซิลเวสเตอร์ สตาล์โลน; ผลงานของ คู่แฝดโอล์เซ่น เรื่อง Billboard Dad; และเรื่อง Breaking Up นำแสดงโดย รัสเซล ครอว์ เขายังได้ถ่ายทำหนึ่งในงานภาพยนตร์สั้นของ บีเอ็มดับบริวชื่อ The Hire Ticker ภาพยนตร์เรื่อง The Island เป็นผลงานการร่วมมือครั้งแรกในฐานะช่างภาพของเขากับ ไมเคิล เบย์ ถึงแม้เขาจะเป็นผู้กำกับภาพหน่วยที่สองจากภาพยนตร์เรื่อง Armageddon และยังรวมไปถึงการถ่ายภาพจากภาพยนตร์เรื่อง The Rock
ไนเจิ้ล เฟล์ฟ (ผู้กำกับฝ่ายศิลป์) ผลงานเมื่อเร็ว ๆ นี้นั้นเขาได้สร้างโลกของกรีกโบราณสำหรับภาพยนตร์ผลงานของ วูลฟ์แกง ปีเตอร์เซ่น เรื่อง Troy เขายังได้ร่วมงานกับ ไมเคิล เบย์ในภาพยนตร์สงครามดราม่าเรื่อง Pearl Harbor ผลงานสร้างชื่อของเฟล์ฟในฐานะผู้กำกับฝ่ายศิลป์ยังรวมไปถึงผลงานของ ฟิลลิป น้อยซ์ เรื่อง The Bone Collector ผลงานภาพยนตร์ตื่นเต้นของ นีล จอร์แดน ในภาพยนตร์เรื่อง In Dreams ผลงานภาพยนตร์แนว ไซ-ไฟสยองขวัญตอนต่อมาของคือเรื่อง Alien: Resurrection และเรื่องที่นำแสดงโดย ซิลเวสเตอร์ สตาลโลนเรื่อง Judge Dredd
เฟล์ฟเริ่มงานในวงการบันเทิงโดยได้ทำงานกับ แอนตั้น เฟรส์ทผู้กำกับฝ่ายศิลป์ที่ได้รางวัลตุ๊กตาทอง โดยเริ่มต้นเป็นผู้บรรยายภาพในผลงานของ นีล จอร์แดนเรื่อง The Company of Wolves และหลังจากนั้นยังได้ทำงานเป็นผู้ช่วยผู้กำกับการแสดง่ายศิลป์ในผลงานของ สแตนลีย์ คูบริคเรื่อง Full Metal Jacket เขาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้กำกับฝ่ายศิลป์ในผลงานของ จอร์แดน เรื่อง High Spirits และผลงานทางบล๊อคบัสเตอร์ของทิม เบอร์ตั้นเรื่อง Batman เฟล์ฟยังได้เริ่มออกแบบงานให้กับภาพยนตร์มิวสิควิดีโอและภาพยนตร์โฆษณาให้กับผู้กำกับการแสดงอาทิ มาร์ค โรมาเนค อเล็กซ์ โปรยาสและ ไมเคิล เบย์ เขาได้รับการเสนอชื่อถึงสามรางวัลสำหรับ รางวัล MTV วิดีโอ อวอร์ด สำหรับผลงานของเขาจากมิวสิควิดีโอสำหรับ เลนนี่ คราวิทซ์ ออง โงคและ เดวิด โบวี่
พอล รูเบล (ผู้ลำดับภาพ) ได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัล อคาเดมี่เมื่อปีที่แล้วสำหรับงานลำดับภาพจากผลงานภาพยนตร์ดราม่า สยองขวัญของ แมนน์ เรื่อง Collateral และยังได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัลตุ๊กตาทองสำหรับผลงานการลำดับภาพภาพยนตร์ดราม่าเรื่องจริงของ แมนน์เรื่อง The Insider เพื่อนร่วมงานของรูเบลล์ ยังให้เกียรติเขาด้วยการเสนอชื่อเขาให้ได้รับรางวัล เอ็ดดี้ American Cinema Editors สำหรับผลงานของเขาสำหรับภาพยนตร์ทั้งสองเรื่อง และต่อไปเขายังจะได้ลำดับภาพเรื่อง Miami Vice ที่นำมาทำเป็นภาพยนตร์อีกด้วย
ผลงานของรูเบล ท่ามกลางผลงานอื่น ๆ ของเขารวมไปถึงภาพยนตร์ ไลฟ์แอ๊คชั่นเรื่อง ปีเตอร์ แพน เรื่อง The League of Extraordinary Gentlemen เรื่อง S1M0ne เรื่อง XXX เรื่อง The Cell เรื่อง Blade เรื่อง The Stone Boy และผลงานของ จอห์น แฟรงเก้นไฮเมอร์เรื่อง The Island of Dr. Moreau
สำหรับผลงานทางภาพยนตร์ รูเบลล์ยังได้ลำดับภาพโปรเจ็คที่ได้รับการกล่าวขวัญ เขาได้รับการเสนอเข้ารับรางวัล เอมมี่ อวอร์ดและชนะหนึ่งรางวัลเอมมี่ อวอร์ดสำหรับงานมินิซีรีส์ของเขาเรื่อง Andersonville ซึ่งได้รับการเสนอเข้ารับสองรางวัลคือรางวัลเอมมี่ และ รางวัลเอ็ดดี้สำหรับภาพยนตร์ทางโทรทัศน์เรื่อง The Burning Season ผลงานทางจอแก้วของเขายังรวมไปถึง เรื่อง David เรื่อง The Jacksons: An American Dream เรื่อง Stay the Night เรื่อง Finding the Way Home เรื่อง Challenger เรื่อง Home Fires Burning เรื่อง Echoes in the Darkness และเรื่อง Dress Gray
คริสเตียน แว๊กเนอร์ (ผู้ลำดับภาพ) เมื่อเร็ว ๆ นี้ได้ร่วมงานกับ ไมเคิล เบย์ในฐานะผู้ลำดับภาพของภาพยนตร์ที่กลับมาทำใหม่เรื่อง The Amityville Horror ซึ่งเบย์เป็นผู้อำนวยการสร้าง ก่อนหน้านี้แว๊กเนอร์ได้เป็นผู้ลำดับภาพผลงานภาพยนตร์ที่กำกับการแสดงโดยเบย์เรื่อง Bad Boys
แว๊กเนอร์ยังได้ร่วมงานกับผู้กำกับการแสดง โทนี่ สก๊อตต์ในภาพยนตร์เรื่อง Man on Fire เรื่อง Spy Game เรื่อง The Fan และเรื่อง True Romance ผลงานการลำดับภาพสร้างชื่อของเขายังรวมไปถึงภาพยนตร์แอ๊คชั่น เจมส์ บอนด์เรื่อง Die Another Day ซึ่งกำกับการแสดงโดย ลี ทามาโฮรี่; เรื่อง Mission Impossible II และเรื่อง Face/off ซึ่งทั้งสองเรื่องนั้นกำกับการแสดงโดย จอห์น วู ผลงานของ เอฟ แกรี่ เกรย์เรื่อง The Negotiator ผลงานของ แอนดรูว์ ไซเปสเรื่อง Fair Game และ ผลงานของ เดนนิส ฮอปเปอร์เรื่อง Chasers
เดบเบอร่า แอง สก๊อตต์ (ออกแบบเครื่องแต่งกาย) ได้รับเกียรติรับรางวัล อคาเดมี่ อวอร์ดสำหรับ การออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยมในปี 1998 สำหรับงานของเธอในผลงานทำลายสถิติบล๊อคบัสเตอร์เรื่อง Titanic สก๊อตต์ยังได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัล BAFTA สำหรับการออกแบบเครื่องแต่งกายในภาพยนตร์เรื่องนี้ เมื่อไม่นานมานี้เธอได้ออกแบบเครื่องแต่งกายสำหรับผลงานภาพยนตร์โรแมนติคที่เป็นที่กล่าวขวัญของ ไมค์ บินเดอร์ เรื่อง The Upside of Anger แสดงนำโดย โจแอน อันเลน และ เควิน คอสเนอร์ และภาพยนตร์ดราม่าที่กำลังจะออกฉายเรื่อง The Lost City ซึ่งกำกับการแสดงและร่วมแสดงโดย แอนดี้ การ์เซีย
ผลงานก่อนหน้านี้ของ สก๊อตต์ที่ได้ร่วมงานกับไมเคิล เบย์ในงานแอ๊คชั่น คอมเมดี้เรื่อง Bad Boys II เธอยังได้ทำงานออกแบบเครื่องแต่งกายให้กับภาพยนตร์แนวตื่นเต้นไซ-ไฟ เรื่อง Monority Report ผลงานของ โรแลนด์ เอมเมอร์ริชเรื่อง The Patriot ผลงานของแบร์รี่ ซอนเนนเฟลด์เรื่อง Wild Wild West ผลงานของ ไมเคิล แมนน์ เรื่อง Heat ผลงานของ แฟรงค์ ออซ เรื่อง The Indian in the Cupboard ผลงานของ เอ็ดเวิร์ด ซวิคเรื่อง Legend of the Fall และเรื่อง About Last Night ผลงานของ ฟิลลิป น้อยซ์ เรื่อง Silver ผลงานของ แดนนี่ เดอ วีโต้ เรื่อง Hoffa ผลงานของ อัลเบิร์ต บรู๊ค เรื่อง Defending Your Life และผลงานของ โรเบิร์ต ซีมิคิส เรื่อง Back to the Future
อีริค บริวิค (หัวหน้าวิช่วลแอฟเฟค) ได้รับเกียรติจาก Academy of Motion Picture Arts and Sciences ซึ่งเป็นรางวัล Special Achievement Award ในปี 1990 สำหรับหน้าที่หัวหน้าวิช่วลเอฟเฟคในผลงานของ พอล เวอร์โฮเว่นเรื่อง Total Recall เขายังได้ร่วมเสนอชื่อเข้ารับรางวัลตุ๊กตาทองสำหรับ วิช่วลเอฟเฟคยอดเยี่ยมซึ่งเป็นผลงานทั้งทีมสำหรับภาพยนตร์ของ สตีเว่น สปีลเบิร์กเรื่อง Hook และเมื่อไม่นานมานี้ จากผลงานของ ไมเคิล เบย์เรื่อง Pearl Harbor นอกจากนี้ บริวิคยังได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัล BAFTA สำหรับสเปเชี่ยลเอฟเฟ๊คในผลงานภาพยนตร์คอมเมดี้ไซ-ไฟยอดนิยมของ แบร์รี่ ซอนเนนเฟลด์ เรื่อง Men in Black
ผลงานสร้างชื่ออื่น ๆ ของเขาในตำแหน่งหัวหน้าวิช่วล เอฟเฟคยังรวมไปถึงผลงานของ เอ็ม ไนท์ ชยามาแลนเรื่อง The Village และเรื่อง Signs ผลงานของ โรแลน เอมเมอร์ริชเรื่อง The Day After Tomorrow ผลงานไลฟ์แอคชั่นนำมาทำใหม่ของ พี เจ โฮแกนเรื่อง Peter Pan ผลงานของ วิลเลี่ยม ฟรายกิ้นเรื่อง The Hunted ผลงานของ แบร์รี่ ซอนเนนเฟลด์เรื่อง Wild Wild West ผลงานของ ไบรอัน เดอ พาลม่าเรื่อง Snake Eyes ผลงานของ แฟรงค์ นิโคลเรื่อง Wolf และผลงานของริชาร์ด ดอนเนอร์เรื่อง Scrooged บริวิคยังได้ใช้เวลาทำงานหลายเดือนใต้น้ำเพื่อถ่ายภาพสเปเชี่ยลเอฟเฟคผลงานของ เจมส์ คาเมร่อนเรื่อง The Abyss ซึ่งได้รับรางวัล อคาเดมี่ อวอร์ดสำหรับ Best Achievement in Visual Effects ในปี 1990
นอกจากงานทางเอฟเฟคของเขาแล้ว บริวิคยังได้รับหน้าที่เป็นผู้กำกับการแสดงหน่วยที่สองของภาพยนตร์เรื่อง The Island เขายังได้รับหน้าที่เดียวกันนี้สำหรับภาพยนตร์เรื่อง Pearl Harbor เรื่อง Wild Wild West เรื่อง Men in Black และเรื่อง The Indian in the Cupboard
สตีฟ จาบลอนสกี้ (ผู้ประพันธ์เพลง) เมื่อเร็ว ๆ นี้ได้แต่งเพลงสำหรับภาพยนตร์สยองขวัญที่นำกลับมาทำใหม่เรื่อง The Texas Chainsaw Massacre และเรื่อง The Amityville Horror ซึ่งทั้งสองเรื่องนี้กำกับการแสดงโดย ไมเคิล เบย์ จาบลอนสกี้ยังได้สร้างสรรค์เพลงประกอบภาพยนตร์สำหรับภาพยนตร์การ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง Steamboy ซึ่งกำกับการแสดงโดย แคทซูชิโร่ โอโตโม่
สำหรับผลงานทางจอแก้ว เราจะได้ยินเสียงเพลงของจาบลอนสกี้ทุกอาทิตย์สำหรับผลงานยอดนิยมทางช่อง เอบีซี ซีรีส์เรื่อง Desperate Housewives เขายังได้ประพันธ์เพลงให้กับภาพยนตร์โทรทัศน์ซึ่งได้รับรางวัลเรื่อง Live From Baghdad และซีรีส์อีกหลายเรื่องรวมทั้งเรื่องล่าสุดคือ Threat Matrix และทางช่อง อีเอสพีเอ็น คือ Sport Century: The Century's Greatest Athletes
จาบลอนสกี้ได้รับปริญญาตรีทางด้านดนตรีจากมหาวิทยาลัย University of California ที่ เบิร์คลี่ย์ และได้พัฒนาอาชีพของเขามาเป็นผู้ประพันธ์เพลงภาพยนตร์โดยร่วมงานกับผู้ประพันธ์ดนตรีคือ ฮันส์ ซิมเมอร์และ แฮร์รี่ เกร็กสัน-วิลเลี่ยมส์ เขาได้เขียนดนตรีผลงานเพิ่มเติมสำหรับภาพยนตร์เรื่อง Bad Boy II เรื่อง Pirates of the Caribbean: The Curse of the Black Pearl เรื่อง Tears of the Sun เรื่อง Pearl Harbor เรื่อง Hannibal และเรื่อง Deceiver นอกจากนี้ จาบลอนสกี้ยังได้ประพันธ์ดนตรีประกอบภาพยนตร์อิสระอีกหลายเรื่อง รวมไปถึงภาพยนตร์เรื่อง Border to Border และเรื่อง Sorrow's Child
ผลงานการประพันธ์เพลงที่ผ่านมาของเขายังรวมไปถึงภาพยนตร์โฆษณาสำหรับผลิตภัณฑ์อาทิ เชฟโรเล็ต โคคา-โคล่า เดอะ ยูเอส อาร์มี่ และ บุหรี่ มาร์โบโร่ หนึ่งในงานเด่นของจาบลอนสกี้นั้นคือการประพันธ์เพลงให้กับภาพยนตร์สั้นของ บีเอ็มดับบลิวเรื่อง Hostage ซึ่งกำกับการแสดงโดย จอห์น วู
จอห์น เฟรซิเออร์ (หัวหน้าสเปเชี่ยลเอฟเฟ๊ค) ได้ทำงานสเปเชี่ยลเอฟเฟ๊คมามากกว่าง 40 ปี และเป็นหนึ่งในศิลปินด้านนี้ที่ได้รับความยกย่องของวงการ เมื่อตอนต้นปีนี้เขาได้รับรางวัล อคาเดมี่ อวอร์ดสำหรับ วิช่วลเอฟเฟคยอดเยี่ยมสำหรับผลงานภาพยนตร์บล๊อคบัสเตอร์ของ แซม ไรมี่ เรื่อง Spider-Man 2 ซึ่งเขาได้ทำงานเป็นผู้กำกับด้านสเปเชี่ยลเอฟเฟค เขาได้รับการยอมรับสำหรับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัลตุ๊กตาทองห้าครั้งสำหรับผลงานของเขาในฐานะ หัวหน้าสเปเชี่ยลเอฟเฟคจากผลงานของ ไรมี่เรื่อง Spider-Man ผลงานของ วูล์ฟแกง ปีเตอร์สันเรื่อง The Perfect Storm ผลงานของ แจน เดอ บอนด์เรื่อง Twister และผลงานภาพยนตร์ของ ไมเคิล เบย์เรื่อง Pearl Harbor และ เรื่อง Armageddon เขายังได้รับรางวัล BAFTA สำหรับภาพยนตร์เรื่อง The Perfect Storm และเรื่อง Twister และได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัล BAFTA สำหรับภาพยนตร์เรื่อง Spider-Man และเรื่อง Spider-Man 2 รวมทั้งเรื่อง Speed อีกด้วย
ในทั้งหมดนั้นเขาได้รับตำแหน่ง หัวหน้าสเปเชี่ยล เอฟเฟค และผู้ประสานงานสำหรับภาพยนตร์มากกว่า 40 เรื่อง รวมทั้งภาพยนตร์ตื่นเต้นแนวแอคชั่นที่กำลังจะออกฉายเรื่อง Domino และเรื่อง Stealth ผลงานสร้างชื่อที่ผ่านมาของเขายังรวมไปถึงเรื่อง Bad Boy II เรื่อง Tears of the Sun เรื่อง XXX เรื่อง Cast Away เรื่อง Space Cowboys เรื่อง The Haunting เรื่อง Hard Rain เรื่อง Waterworld เรื่อง Outbreak เรื่อง Unforgiven เรื่อง Basic Instinct เรื่อง Throw Momma from the Train และเรื่อง Ferris Bueller's Day Off และทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
เคนนี่ เบทส์ (ผู้ประสานงานสตั๊นท์/ผู้กำกับการแสดงหน่วยที่สอง/ผู้ช่วยผู้อำนวยการสร้าง) ได้ทำงานเป็นผู้ประสานงานด้าน สตั๊นท์และได้ทำงานด้านสตั๊นท์ให้กับภาพยนตร์มากว่า 150 เรื่อง และยังโปรเจ็คทางโทรทัศน์สำหรับงานในวงการบันเทิงมากว่า 30 ปี ในปี 1993 เขาได้รับเกียรติจาก รางวัล Scientific and Engineering Award สำหรับ Academy of Motion Picture Arts and Science สำหรับการสร้างสรรค์ของ ระบบ Bates Decelerator System ซึ่งได้เพิ่มความปลอดภัยสำหรับการตกจากที่สูงของสตั๊นท์
เขายังได้ทำงานกับ ผลงานภาพยนตร์ทั้งหมดของ ไมเคิล เบย์ และเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้รับหน้าที่เป็น ผู้ประสานงานสตั๊นท์/ผู้ช่วยผู้อำนวยการสร้างจากภาพยนตร์เรื่อง Pearl Harbor ซึ่งทำให้เบทส์ได้รับรางวัล Taurus Award จาก เวิร์ด สตั๊นท์ อคาเดมี่ เขายังได้ทำหน้าที่เป็น ผู้ประสานงานด้านสตั๊นท์/ผู้กำกับการแสดงหน่วยที่สอง/ผู้ช่วยผู้อำนวยการสร้างสำหรับภาพยนตร์เรื่อง Armageddon และเรื่อง The Rock และยังได้เป็น ผู้ประสานงานสตั๊นท์/และผู้กำกับการแสดงหน่วยที่สองสำหรับภาพยนตร์เรื่อง Bad Boys นอกจากนี้ เบทส์ยังได้ดูแลทางด้านแอ๊คชั่นของ Bad Boy II และผลงานการอำนวยการสร้างและนำมาทำใหม่เรื่อง The Texas Chainsaw Massacre และเรื่อง The Amityville Horror บริษัทของ เบทส์คือ อัลเทอเนทีฟ อินโนเวชั่นยังได้ดูแลการลากขึ้นลงเป็นพิเศษสำหรับทั้งงานสตั๊นท์และงานกล้องถ่ายภาพสำหรับงานโปรเจ็คของเบย์ทุกเรื่อง
ผลงานอื่น ๆ เมื่อเร็ว ๆ นี้ของเบทส์ ในฐานะ ผู้ประสานงาน/ผู้ช่วยผู้กำกับการแสดงหน่วยที่สองยังรวมไปถึงภาพยนตร์เรื่อง The Italian Job เรื่อง Bad Company เรื่อง Training Day และเรื่อง Con Air เขายังได้ร่วมแสดงงานสตั๊นท์ในผลงานภาพยนตร์หลายเรื่องรวมไปถึงภาพยนตร์ยอดนิยมในตอนนี้คือเรื่อง Mr. & Mrs. Smith เรื่อง The Fast and the Furious เรื่อง Batman & Robin เรื่อง Waterworld เรื่อง The Mask เรื่อง The Crow เรื่อง Demolition Man เรื่อง True Romance เรื่อง Die Hard และเรื่อง Die Hard 2 และนี่เป็นเพียงส่วนน้อย นอกจากนี้ เบทส์ยังได้รับหน้าที่เป็น ผู้กำกับการแสดงหน่วยที่สองของภาพยนตร์เรื่อง The Hours เรื่อง Bad Company และเรื่อง Changing Lanes อีกด้วย--จบ--