Sunday, 12 August 2007

Cover Story : สุธน เพชรสุวรรณ (ม่ำ) ความคิดสร้างสรรค์ ต้องแตกต่าง

Cover Story : สุธน เพชรสุวรรณ (ม่ำ) ความคิดสร้างสรรค์ ต้องแตกต่าง

“ ความคิดสร้างสรรค์มันต้องแปลก ต้องแตะตา บางทีการไม่สร้างสรรค์ก็คือการสร้างสรรค์”
นี่คือคำพูดชวนฉงนจากการให้สัมภาษณ์ของม่ำ หรือ สุธน เพชรสุวรรณ ผู้กำกับมือคานส์ (คานส์อวอร์ด) แห่ง แมชชิ่งสตูดิโอ หากภายในแววตา ที่นิ่งงันหลังกรอบแว่น กลับมีบางสิ่งที่ลึกซึ้ง เป็นแววตาที่บ่งบอกถึงการครุ่นคิด ก่อนที่เขาจะเอ่ย ประโยคต่อไปให้พวกเราได้ฟัง
“ ขณะที่ทุกคนสร้างสรรค์กันอย่างสนุก แต่ถ้าเราทำอะไรๆ แบบธรรมดา ย่อมแปลก โดดเด่นกว่าเขาแน่นอน”
ผลงานของม่ำในฐานะผู้กำกับหนังโฆษณาที่มุ่งเน้นความโดดเด่น และที่เรียกเสียงฮาครืน เชื่อว่าหลายคนคงเคยเห็น เคยประทับใจมาแล้วอย่างแน่นอน อาทิ ไอ้ฤทธิ์กินแบล็ค หรือโฆษณาชุด เต่าเรียกแม่ของมิสทีน ก็ขำกลิ้งได้ไม่แพ้กัน
ตามหลักการแล้วการสร้างความคิดสร้างสรรค์ก็คือ “ การทดลอง” อย่างหนึ่ง เพราะสิ่งที่ทุกคนเรียกว่า สร้างสรรค์ย่อม เป็นสิ่งที่ไม่เคย มีมาก่อน หรือเคยทำมาก่อน เรียกยากๆ ว่า “ นวัตกรรมด้านความคิด” และสิ่งนี้เองถือว่าเป็น “ ความเสี่ยง” ที่ผู้คนจะไม่ยอมรับ เพราะว่า “ ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าถูกต้อง” ครีเอทีฟหรือผู้กำกับบางคน จึงใช้วิธีที่เรียกว่า Play safe หรือ ทำตามเขาไปเถอะ จะได้ไม่มีปัญหา แต่กับม่ำ ไม่ใช่! เขาไม่ชอบตามใคร และไม่ชอบให้ใครตาม
ม่ำเปิดเผยที่มาของความคิดสร้างสรรค์ของเขาว่าเคล็ดลับไม่มีอะไรมาก “ อยู่ที่การเปิดกว้าง” รับฟังความคิดที่แตกต่าง ของคนอื่น สังเกตเหตุการณ์รอบๆ ตัว (เหมือนเป็นอาหารหลัก) ไม่ว่าเขาผู้นั้นจะเป็นใคร แม้จะเป็นคนที่เราไม่อยากฟังก็ตาม ซึ่งมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ภาพยนตร์โฆษณาของเขาถูก กองเซนเซอร์ สั่งปรับแก้ เขาบอกว่าครั้งนั้นทำให้เขาได้เห็นมุมมองดีๆ แค่พยายามนั่งฟัง และคิดตาม แม้จะถูกจำกัดกรอบก็ตาม แต่การมีกรอบบ้างบางครั้งก็ทำให้คิดงานได้ดีขึ้น
งานด้านการสร้างสรรค์เหมือนเป็นการการทดลองรูปแบบหนึ่ง ลองฉีกแนวไปทางโน้นบ้างทางนี้บ้าง เอาบางสิ่งที่ไม่ควรผสม กับบางสิ่งมาลองทำดู ทั้งหมดนี้เพราะไม่อยากให้ซ้ำกับความคิดเดิม เพราะหากซ้ำ สุดท้ายก็จะกลายเป็นซากของความคิด เหมือนกับการย่ำอยู่กับที่ไม่มีการก้าวไปข้างหน้า
วิธีการทำงานของม่ำในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณา ใช่ว่าเขาจะทำตามที่ครีเอทีฟกำหนดมา เพราะด้วยดีกรี ที่เคยเป็นครีเอทีฟ มาก่อน เขาจึงสามารถเข้าใจวิธีคิดที่จะขายสินค้าทางแผ่นฟิลม์ได้อย่างแยบยล แต่งโน่นเสริมนี่ และมีเหตุผลว่าทำไม เพราะอะไร เมื่องานเสร็จเป็นอันว่า ต้องดังแทบทุกชิ้น จนเหล่าครีเอทีฟมีสโลแกนบางอย่างว่า “ วางใจเมื่อใช้ม่ำ”
แม้ที่เมืองไทยทุกคนวางใจม่ำ แต่ที่ต่างประเทศต่างกัน เขาเล่าให้ฟังว่า “ โดยมากลูกค้าเขาจะมองเราในฐานะผู้กำกับ ถ้าผมจะเพิ่มเติมอะไรเข้าไปเขามองตาขวาง แต่ก็เป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับผม การแก้ปัญหาก็คือการใช้ความคิดสร้างสรรค์ ผมหาทางออกแปลกๆ ให้ตัวเองเพื่อบรรลุปลายทาง
และทุกครั้งก่อนที่ใครจะมาจ้างให้ผมทำงานให้ ผมมักจะบอกเขาก่อนว่า พร้อมจะมาร่วมผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่กับผมรึปล่าว”