Sunday 12 August 2007

ตลาดส่งออกผู้กำกับหนังโฆษณาไทยรุ่งโรจน์

ตลาดส่งออกผู้กำกับหนังโฆษณาไทยรุ่งโรจน์ แม็ทชิ่ง โฟกัสหลัก เพิ่มสัดส่วนงานต่างประเทศมากขึ้นเป็น 50% หนีวิกฤติตลาดงานในไทยลดลง มั่นใจฝีมือไดเรคเตอร์ไทยของแม็ทชิ่ง 12 คน โดดเด่นและมีเอกลักษณ์ รวมทั้งแบรนด์แม็ทชิ่งที่การันตีมาแล้วหลายรางวัล เผยตลาดไทยงบผลิตน้อยลง ทำงานยากมากขึ้น คาดปีนี้รายได้ทั้งกลุ่ม 1,000 ล้านบาท นายสมชาย ชีวสุทธานนท์ กรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท แม็ทชิ่ง สตูดิโอ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯมีแผนที่จะรุกตลาดรับงานโปรดักชั่นส์ของต่างประเทศมากขึ้น โดยตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 40-50% จากรายได้รวมของกลุ่มธุรกิจสตูดิโอหรือโปรดักชั่นเฮาส์ ที่ตั้งเป้าปีนี้ไว้ที่ 480 ล้านบาท ซึ่งได้ปรับลดลงจากเมื่อช่วงต้นปีที่ตั้งไว้ที่ 600 ล้านบาท ขณะที่รายได้ทั้งกลุ่มในปีนี้ตั้งไว้ประมาณ 1,000 ล้านบาท เนื่องจากตลาดโปรดักชั่นส์ในไทยขณะนี้ลดลงไปมากประมาณ 20% จากเดิม อันเนื่องมาจากผลกระทบทางเศรษฐกิจและปัญหาการเมืองที่ไม่ชัดเจน โดยในช่วงที่ผ่านมามีปริมาณงานที่ผลิตเพียงประมาณ 8 เรื่องเท่านั้น จากเดิมที่เคยมีมากถึง 14-15 เรื่องต่อเดือน แต่ก็เป็นบางเดือนเท่านั้น อีกทั้งมูลค่าที่ลูกค้าให้งบประมาณมาผลิตนั้นก็ต่ำลงด้วยเหลือเฉลี่ย 2 ล้านบาทต่อเรื่อง จากเดิมที่มีประมาณ 2.5 ล้านบาทต่อเรื่อง สถานการณ์ทางเศรษฐกิจเช่นนี้คาดว่าจะยังซบเซาต่อไปอีกอย่างน้อยถึงปลายปีหน้า เพราะแม้ว่าจะมีการเลือกตั้งปีนี้ก็ตาม แต่ว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทาง ก็ยังใช้เวลาอีก อีกทั้งยังมีตัวแปรอีกมาก เช่น ภาวะเศรษฐกิจ ตัวเลขจีดีพียังคลุมเครือ หรืองบประมาณแผ่นดินก็ยังไม่ชัดเจน “ปีนี้เราคงไม่มีธุรกิจใหม่ๆออกมา ในภาวะที่เศรษฐกิจยังเป็นอย่างนี้อยู่ แต่เราจะเพิ่มคุณค่าและคุณภาพกับของเดิมที่มีอยู่และสร้างมูลค่าเพิ่มเข้าไปให้กับงานกับลูกค้า โดยสัดส่วนรายได้ด้านโปรดักชั่นเฮาส์ยังมากที่สุดถึง 60% ซึ่งจะมาจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น นอกนั้นก็คละกันไปเช่น รายการทีวีมีปลดหนี้รายการเดียวแต่มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการทำอีเวนต์ให้กับลูกค้า และยังมีรายได้จากสื่อ และอื่นๆ” นายสมชายกล่าวต่อว่า ในปัจจุบันนี้ลูกค้าต่างก็ใช้งบประมาณที่น้อยลง แต่ต้องการความคุ้มค่าของงานมากขึ้น ตรงนี้คือโจทย์ที่แม็ทชิ่งจะต้องตอบสนองให้ได้ ซึ่งงบประมาณก้อนใหญ่ ที่มากๆเหมือนเมื่อก่อนนี้ก็น้อยลง มีแต่เพียงลูกค้าที่เป็นองค์กรใหญ่ๆเท่านั้นที่ใช้งบประมาณ 10 กว่าล้านบาทขึ้นไป แต่ขณะนี้โดยเฉลี่ยแล้วงบประมาณการผลิตอยู่ที่เฉลี่ย 2 ล้านกว่าบาทต่อเรื่องเท่านั้น ดังนั้นการทำงานกับลูกค้าจะต้องมีความใกล้ชิดมากขึ้น หาข้อสรุปให้เร็วที่สุดไม่ยืดยาว คิดถึงเรื่องบประมาณมากขึ้น สำหรับแนวทางการรุกรับงานต่างประเทศนั้น บริษัทฯจะใช้จุดแข็งของการที่มีผู้กำกับหรือไดเร็คเตอร์ที่ได้รับการยอมรับในตลาดรวม เป็นตัวนำเสนอให้กับลูกค้า หรือที่เรียกว่าเป็นการส่งออกผู้กำกับคนไทยไปรับงานในต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันแม็ทชิ่งมีผู้กำกับประมาณ 12 คน และส่วนใหญ่ก็มีพื้นฐานที่มาจากการเป็นครีเอทีฟมาก่อน ทำให้สามารถรู้ถึงความต้องการของลูกค้าและงานสร้างสรรค์ได้เป็นอย่างดี เพราะทั้งงานสร้างสรรค์และงานโปรดักชั่นส์ต้องเดินควบคู่กันไป อีกทั้งชื่อของแม็ทชิ่งก็เป็นที่ยอมรับเพราะที่ผ่านมากวาดรางวัลมาแล้วมากมาย ปัจจุบันแม็ทชิ่งฯ รับงานผลิตทุกรูปแบบทั้ง การส่งผู้กำกับไปผลิตงานในประเทศของลูกค้า กับการที่นำเอางานของลูกค้าต่างประเทศมาผลิตในไทย โดยต้นทุนของการที่ผลิตในไทยเมื่อพิจารณาจากมุมมองของคนต่างประเทศแล้วมักจะมองว่าของไทยมีต้นทุนที่ต่ำกว่า ดังนั้นภายใต้งบประมาณเดียวกัน เมื่อใช้ผู้กำกับไทยและถ่ายทำในไทยแล้วจะประหยัดกว่า สำหรับความต้องการงานโฆษณาและการผลิตของลูกค้าต่างประเทศจะมี 2 ทางคือ 1.ต้องการหนังที่เป็นสไตล์ของคนไทยคือ สนุก ตลก ขบขัน และขายของได้ด้วย 2.ต้องการหนังที่มีความเป็นครีเอทีฟและมีการนำเสนอไอเดียออกไป ซึ่งมีความโดดเด่นแตกต่างจากที่อื่น โดยตลาดต่างประเทศที่เป็นตลาดใหญ่และผู้กำกับไทยเป็นที่ต้องการอย่างมากเช่น ญี่ปุ่น อินโดนีเชีย จีน เวียดนาม ซึ่งในเร็วๆนี้ แม็ทชิ่งกับกลุ่มผู้ประกอบการกว่า 22 ราย ทั้งเอเจนซี่และโปรดักชั่นส์เฮาส์จะร่วมกันเดินทางไปยังประเทศเวียดนาม เพื่อเจรจาหาลู่ทางการขยายธุรกิจ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะนี้มีผู้ประกอบการด้านโปรดักชั่นเฮาส์หลายรายที่เริ่มทำตลาดส่งออกผู้กำกับหรือการรับงานกำกับหนังโฆษณาต่างประเทศมากขึ้นหลายรายเช่น แม็ทชิ่ง ฟีโนมีนา ฟิล์มแฟคตอรี่ เป็นต้น “วิกฤติตลาดในประเทศที่เกิดขึ้น เราจึงต้องปรับตัว สร้างคนรุ่นใหม่ขึ้นมา โดยเฉพาะการสร้างผู้กำกับใหม่ๆที่ได้รับการยอมรับ เราไม่ใช้วิธีไปซื้อตัวผู้กำกับจากที่อื่น และผู้กำกับของเราทุกคนทำได้ทุกแนว แต่ก็มีเอกลักษณ์และคาแรคเตอร์ที่แตกต่างกันไป ตลาดส่งออกผู้กำกับของเราในปีนี้จะชัดเจนมากยิ่งขึ้น” นายสมชายกล่าว สำหรับบรรดาผู้กำกับที่มีฝีมือของแม็ทชิ่งมีหลายคนช่น นายสุธน เพ็ชรสุวรรณ หรือ ม่ำ มีพื้นฐานเป็นครีเอทีฟมานานกว่า 6 ปี และเป็นผู้กำกับที่แม็ทชิ่งมาประมาณ 14 ปีแล้ว ได้รับรางวัลในอดีตมามากมายเช่น ปี 2005 รางวัล 12 เหรียญบรอนซ์ แอดแมนอวอร์ด, 6 เหรียญเงิน แอดแมนอวอร์ด , 4 เหรียญทอง แอดแมนอวอร์ด เป็นต้น นายมนชนก สมใจเพ็ง หรือ นก เคยเป็นผู้กำกับมิวสิควิดีโอมาก่อนที่จะเป็น ผู้กำกับที่เคยแม็ทชิ่ง เคยได้รับรางวัลใหญ่เช่น เบสท์สเปเชียลเอฟเฟ็คท์ มิวสิควิดีโอเพลงรักเธอ เบสท์อาร์ทไดเรคเตอร์ มิวสิควิดีโอเพลง น้ำลาย เป็นต้น นายทวีพล ธีระวิชิตชัยนันท์ หรือ เชียง เป็นผู้กำกับที่แม็ทชิ่งแล้วประมาณ 4 ปี ก่อนหน้านี้มีพื้นฐานมาจากการเป็นผู้กำกับฝ่ายศิลป์ ที่เอเจนซี่หลายแห่ง รางวัลที่ได้เช่น ในปี 2005 เช่น 3 เหรียญเงิน แอดแมนอวอร์ด , 1 เหรียญบรอนซ์ แอดแมนอวอร์ด นายรฐกร อภิชาติโยธิน หรือทู เป็นผู้กำกับที่แม็ทชิ่งตั้งแต่ปีที่แล้ว ก่อนหน้านี้เป็นครีเอทีฟหลายเอเจนซี่ ส่วนรางวัลที่ได้เช่น ในปี 2004 รางวัล เหรียญเงินแอดแมนอวอร์ด ทางทีวีของ หนังกระทิงแดง เป็นต้น