Thursday 17 April 2008

Dreams : ความพยายามของคนอยากเป็นผู้กำกับ

วันที่สอง
วันนี้ก็ตื่นสายกว่าเมื่อวาน อาจจะเป็นเพราะว่าเมื่อคืนพยายามอ่านวิทยาศาสตร์ไปจนดึก
วันนี้เลยตื่นสาย ไม่ใช่เพราะตื่นเต้น แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะว่ารู้อาคารสอบแล้ว พอรถมาส่งที่หน้าโรงเรียน
ก็วิ่งเข้าไปที่ตีได้เลย ฮ่าๆๆ วันนี้ข้อสอบวิทยาศาสตร์ยากมาก แต่ว่าทำไมเพื่อนเรามันบอกว่าง่าย??
เมื่อส่งข้อสอบไปก็รู้ว่า เมื่อว่านน่าจะเอาเวลาไปนั่งอ่านภาษาไทยวะมากกว่าเพราะว่้ามันง่าย
วิทยาศาสตร์ถึงจะพยายามแค่ไหน แต่ระยะเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงก่อนสอบก็ไม่มีประโยชน์
รู้อย่างนี้น่าจะอ่านหนังสือตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่น่าชะล่าใจเลย เพราะว่าข้อสอบมันง่ายมากถ้าอ่านไปน่าจะทำได้T-T
แต่ว่าฉันก็ไม่ได้เสียใจอะไรมากมายนะค่ะ เพราะว่ามันผ่านไปแล้ว อาทิตหน้าสอบเอเน็ทอีกยก

เวลาผ่านไป ฉันก็ยังใช้มันไปอย่างฟุ่มเฟือย คนเรามักจะไม่ค่อยรู้คุณค่ากับอะไรที่ได้มาง่ายๆ เมื่อมันมาง่ายๆมันก็ไปง่ายๆเช่นกัน ^^

เขียนเมื่อ 25-02-2007 16:37:17 ไดอารี่ที่ : 13



วันนี้ไม่สบายอีกแล้ว
เชื่อแล้วค่ะ...ที่โบราณบอกไว้ว่า ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ จริงๆ
วันนี้ก็ไม่สบายอีกแล้ว อาจจะเป้นเพราะว่ากินข้าวไม่ตรงเวลา หรือนอนไม่พอ หรือทั้งสองอย่างก็ไม่รู้
แต่ว่่าเราก็จะสู้ต่อไปนะ อิอิ วันนี้ได้เจอเพื่อนคนนึงตอนไปหาหมอนะค่ะ ตอนนี้มันดูดีขึ้นเยอะเลย
ด้วยความอิจฉาที่มันหน้าตาดีกว่าเรา วันนี้เลยขอระบายอารมณ์ในไดอะรี่ด้วยการนินทามันให้กับ
ทุกท่านที่ผ่านเข้ามาได้อ่านนะค่ะ อ้อ...ลืมบอกไปค่ะว่ามันเป็นผู้ชาย หล่อมากกกกกกก.....
แต่ก็อย่างว่าอ่ะค่ะ ด้วยความที่เป็นเพื่อนกันก็เลยไม่เกิดความรู้สึกชอบมันแบบแฟนเลย...
วันนี้เอจมัน ซึ่งปกติคนที่ดูดีอยู่แล้วกลับกลายเป็นว่าดูดีขึ้นไปอีก แต่ว่าไอ้นิสัยเถื่อนๆ ขี้แกล้ง ปากจัด
ก็ยังคงเส้นคงวาเสมอเหมือนตอนที่เรียนสมัยประถมด้วยกัน ช่วงหลังฉันกับมันก็ห่างๆกันไป อาจจะเป็นเพราะว่า
ฉันโดนจับไปเรียนโรงเรียนหญิงล้วน แล้วมันโดนจับไปเรียนชายล้วนมั้งค่ะ เราเลยไม่ได้ค่อยจะได้เจอกันซักเท่าไหร่ จะมีแว็บๆกันบ้างก็ตามสถาบันกวดวิชาที่เรียนละแวกเดียวกัน...
แต่ว่าก็ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่ เพราะว่าต่างคนก็ต่างรีบเพราะตื่นสาย หรือว่ารีับกลับบ้านเพราะมันดึกแล้ว
จึงได้แต่ยักคิ้วให้กันแล้วก็แยกย้ายกันไป วันี้เจอมันเพราะว่ามันดันไม่สบายเหมือนกับเรา แล้วมาหาหมอคนเดียวกัน อาจจะเป็นเพราะว่าัมันนอนดึกก็ได้ค่ะช่วงนี้สอบโอเน็ท เอเน็ท มันเป็นธรรมดาที่เด็กม.ปลายอย่างเราๆ จะพร้อมใจกันแปลงร่างเป็น"หมีแพนด้า"เพราะอ่านหนังสือดึก
บวกกับความเครียดกลัวไม่มีที่เรียน ยิ่งบันทอนสุขภาพเข้ไปใหญ่ มาเข้าเรื่องกันต่อดีกว่าค่ะ เรื่องแรกที่ทำให้ฉันแปลกใจก็คือว่า เพื่อนฉันคนนี้มันกำลังจะไปแคสงานโฆษณาชิ้นหนึ่ง แล้วก็อยู่สังกัดโมเดลลิ่ง แห่งหนึ่งอยู่ และนอกจากว่ามันจะต้องรีบกระหืดกระหอบไปเรียนกวดวิชาแล้ว
มันยังต้องเรียนการแสดงอีก ถ้าเอามันมาเปรียบเทียบกับฉันแล้ว ทำไมชีวิตเราช่างห่างไกลกันนักล่ะค่ะ
เริ่มต้นมาจากรร.อนุบาลเดียวกัน ประถมก็อยู่ห้องเดียวกัน เป็นเพื่อนกันมาหลายปี ห่างกันไปไม่นาน
วัฏจักรชีวิตของมันดูช่างมีจุดมุ่งหมายที่แน่นอน และก็มีความพากเพียรมากกว่าฉันอยู่หลายเท่า
มันเล่าว่ามันอยากเป็นผู้กำกับ แต่ว่าเลือกเรียนต่อสถาปัตย์?? มันพล่ามอธิบายว่าเพราะอะไร?
ฉันก็พอจะเข้าใจมันอยู่บ้างล่ะค่ะ แต่ว่ามันรู้สึกลึกๆในใจว่าทำไมฉันถึงได้....อย่างนี้เนี่ย
ทุกวันนี้ฉันยังไม่รู้เลยว่าตัวเองชอบอะไรกัยนแน่ โตไปอยากจะเป็นอะไร แล้วทำไมถึงเลือกเรียนคณะนี้
เรียนตามเพื่อนเหรอ? หรือเรียนตามแฟน เรียนตามแฟนเพื่อน หรือเรียนตามเพื่อนแฟน.....มึน!!
บางทีเราอาจจะให้เวลากับคนอื่นมากไปจบลืมไปที่จะให้เวลากับตัวเอง นานมากแล้วล่ะค่ะ
ที่ฉันไม่ได้นั่งมองใจตัวเอง นั่งสังเกตุตัวเอง ว่าที่จริงแล้วฉันต้องการอะไรกันแน่ แล้วที่สำคัญฉันชอบอะไร
คิดแต่ว่าเรียนๆไปก่อน จบแล้วค่อยว่ากัน แล้วฉันจะเรียนไปเพื่อ??

ความสับสนกลับมาครอบงำจิตใจฉันอีกแล้ว วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะึ่ค่ะ ^^

เขียนเมื่อ 26-02-2007 16:32:03 ไดอารี่ที่ : 14



วันนี้ที่ว่างเปล่า
กว่าจะได้มาอัพไดอะรี่ก็ปาเข้าไปหลายวันแล้ว ต้องขอโทษด้วยนะเจ้าค่ะ คอมพิวเตอร์ที่บ้านมันติดไวรัสนะค่ะ กว่าจะผ่านมือหมอมาถึงมือเจ้าของก็ปาเข้าไปหลายวันอยู่ คิดถึงไดมากมาย เวลาเจตอเรื่องอะไรก็อยากจะเล่าๆๆๆ
แต่มาวันนี้มันก็ยังมีเรื่องบ้างเรื่องที่อยากจะบอกเล่าให้ฟังนะค่ะ
เรื่องมันก็คือวันนี้หลังจากได้คอมพิวเตอร์มาก็จัดการประกอให้เข้าที่เรียบร้อย
แต่ว่าพอเช็คข้อมูลข้างในก็เหลือแต่กล่องเปล่าๆนะค่ะ สงสัยจะเป็นเพราะเจ้าไวรัสตัวร้ายแน่ๆเลย ไม่ว่าจะเป็นรูปกิจกรรมที่เคยทำมา รูปไปเที่ยว รูปทัศนศึกษา รูปถ่ายกับเพื่อนๆ รูปที่ถ่ายกับนักร้องขวัญใจ ทั้งพี่ป๊อด พี่บอย พี่หลายๆพี่ที่สู้อุตส่าห์สะสมมาแรมปี รูปที่ถ่ายกับเพื่อนๆในห้องเรียน ตอนกินเลี้ยงและก็หลายๆช่วงเวลาที่ทำให้เรานึกถึงกัน หายเกลี้ยงเรยยยย มันก็น่าหัวเสียอยู่นะค่ะ แต่ว่าพอมานึกๆดูอีกทีนึง ถึงรูปมันจะหายไปแต่มันก็ม่ได้หายไปจากความทรงจำของเรานี่นา ปล่าวประโยชน์ที่จะมานั่งรำพึงรำพันถึงมัน เพราะว่ามันก็หายไปแล้วนี่นา มันก็แค่นั้น ยังมีรูปดีๆสวยๆ เพลงที่เพราะกว่าที่เคยมี รอให้เราเซฟเก็บไว้อีกตั้งเยอะแยะ แล้วก็รอที่ให้เราจะทำมันหายอีก ฮ่าๆๆๆ คิดได้อย่างนี้ก็สบายใจ(ในระดับหนึ่ง อิอิ)
ชีวิตของคนเรามันยังต้องเจอเรื่องอะไรที่เลวร้ายอีกมากมาย นี่มันอาจจะเป็นเพียงแค่เศษฝุ่นที่เข้ามาปะทะผิวของเรา มันอาจจะทำให้เราเป็นสิวบ้าง แต่ว่าไม่กี่วันมันก็หายแล้ว เรายังคงต้องเดินต่อไป ยังต้องเจออะไรอีกเยอะแยะ อย่าให้เรื่องเล็กๆน้อยๆมาทำให้เราอารมณ์เสีย อย่าให้เรื่องขี้ผงมาทำให้เราลืมที่จะ เสพย์ความสุขที่อยู่รายรอบตัวเรา ชีวิตของคนเราไม่แน่ไม่นอน หน้าที่ของเราก็คือ ควรจะทำให้คนที่อยู่ตรงหนาเรามีความสุข ยากใช่มั้ยที่จะทำแบบนั้น ฉันก็คิดว่ามันยากเหมือนกัน แต่ฉันคิดว่าฉันทำได้นะ ฉันว่ามันง่ายกว่าการทำให้เวลาที่ปผ่านไปแล้วกลับคืนมา ฉันคงจะเสียใจมากหากทำร้ายๆกับคนที่ฉันรักไม่ว่ากรณีใดก็ตาม โดนไม่มีโอกาสที่จะได้ขอโทษ หรือ อธิบายการกระทำที่ได้ทำไป หากว่าโลกนี้ทุกคนทำดีต่อกันหมด มันคงจะสวยงามน่าอยู่กว่านี้มากๆๆๆๆๆ แต่ว่ามันคงเป็นไปไม่ได้หรอก ขอแค่ซัก 10 % ก็ยังดี โลกนี้มีคนแบบนี้ซัก10% ก็พอแล้ว แค่นี้ก็พอที่จะทำให้เรามองโลกนี้น่าอยู่ขึ้นแล้วล่ะค่ะ

วันนี้ขอให้คุณทุกๆคนมีความกล้าที่จะทำดีนะค่ะ บ้าย...บายค่ะ ^ ^

เขียนเมื่อ 02-03-2007 17:00:27 ไดอารี่ที่ : 15



Be Glade.................
วันนี้ทะเลาะกับเพื่อนคนหนึ่งเพราะว่า เรื่องฟุตบอล อาจจะดูเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่ว่าวันนี้เลยรู้สึกเหงาๆเพราะว่าไม่มีใครคุยด้วย เป็นเพราะเราหรือเปล่านะที่ผิด
แล้วเราจะขอโทษเค้าได้ยังไงล่ะ ในเมื่อเค้าไม่ยอมคุยกับเรา ทำไมล่ะ เราผิดขนาดนั้นเลยเหรอ? แล้วทำไมเราจะต้องแค่ร์เค้าด้วยล่ะ ไม่มีเค้าเราก็อยู่ได้นี่นา แต่เหงา -*- เห็นมั้ยล่ะค่ะว่าเรื่องไม่เป็นเรื่องเล็ๆน้อยๆ แต่ว่ามันก็กลายมาเป็นเรื่องจนได้ ดังนั้นเราควรที่จะหันมาให้ความสำคัญกับรายละเอียดบ้าง คนไทยเป็นคนละเอียดอ่อน ที่สำคัญให้ความสำคัญในเรื่องขงอความรู้สึกมากๆๆๆ ฉันเคยเสียเพื่อนไปคนหนึ่งแล้ว เพราะว่าความแต่กต่างกันของวัฒนธรรม ถ้าคิดอย่างเข้าข้างตัวเอง ฉันก็ดันไปโทดความเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน เพราะว่าบางทีการคุยกันได้ทุกเรื่องอย่างเปิดเผย สบายใจ แต่แรกๆรู้สึกแปลกๆนิดหน่อย แต่ว่าคนเราต้องรู้จักปรับตัว ในเมื่อเราอยู่เมืองไทยมันก็ต้องปรับเปลี่ยนอะไรบางอย่างบ้าง แคร์คนรอบข้างซักนิด สังเตเค้าสักหน่อย บางทีเราอาจจะได้เห็นบางแง่มุมที่น่ารักๆในตัวเค้าก็ได้ อย่าทะเลาะกันนักเลยนะค่ะ เพราะว่าชีวิตของคนเราคงจะอยู่มองหน้ากันไม่นานนักหรอก......ทำดีกับคนที่อยู่ตรงหน้าเรา นี่ละคือหน้าที่ของเราในตอนนี้

วันนี้พูดจาเพี้ยนๆอีกแล้ว หายไปหลายวัน แต่วันนี้ไอ้เจ้ากล้าหาญก็ยังเพี้ยนเหมือนเดิม ขอเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังทะเลาะกันอยู่นะค่ะ สู้ๆ คำว่าขอโทษมันไม่ได้ยากอย่างที่คิดค่ะ ไม่เสียตังค์ด้วยล่ะ เชื่อสิ อิอิ^^

เขียนเมื่อ 06-03-2007 23:24:21 ไดอารี่ที่ : 16

LINK: http://www.baanjomyut.com/cgi-bin/diary/032/001.cgi?display&mode=4&revdis=rdis