Thursday 17 April 2008

Dreams : ฝันที่จะเป็นผู้กำกับหนังตั้งแต่เด็ก

หนังจอกว้าง: มือปืนเก๋าเจ๋ง ความเก๋า! ที่เปล่าสูญ
สัปดาห์นี้ ใครที่เป็นแฟนหนังไทย คงต้องชอบอกชอบใจเป็นแน่แท้ เพราะมีหนังไทยเข้าฉายให้ได้ชมกันถึง 4 เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นหนังเข้าใหม่อย่าง "วัยอลวน 4 ตั้ม-โอ๋ รีเทิร์น", หนังค้างโปรแกรมที่ยืนโรงฉายต่อมาอีกเป็นสัปดาห์ที่ 3 สำหรับ "พยัคฆ์ร้ายส่ายหน้า" และก็มีทีท่าว่าจะกลายเป็นหนังทำเงินอีกเรื่องของปี เพราะล่าสุด หนังตลกฮาแตกเรื่องนี้ก็ทำรายได้เข้าสู่ 70 ล้านบาทไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนที่ยังยืนโรงเป็นสัปดาห์ที่ 2 พร้อมด้วยจำนวนโรงฉายที่ลดลงฮวบฮาบ ก็เห็นจะเป็น "เสือร้องไห้" และ "มือปืนเก๋าเจ๋ง" ที่กำลังตกอยู่ในภาวะหน้าสิ่วหน้าขวาน เพราะเท่าที่สังเกตหนังทั้ง 2 เรื่องคนดูน้อยอย่างน่าใจหาย.สาเหตุของหนังเรื่องแรก น่าจะเป็นเพราะคนดูหนังบ้านเราอาจจะยังไม่คุ้นชินกับการดูหนังสารคดี ถึงแม้สารคดีเรื่องนี้จะเปี่ยมไปด้วยอรรถรสเทียบเท่ากับหนังที่ปรุงแต่งเรื่องราวในแบบทั่วๆ ไปก็ตาม แต่สำหรับหนังอีกเรื่องอย่าง "มือปืนเก๋าเจ๋ง" ซึ่งดูเหมือนว่าจะยืนอยู่คนละฟากกับ "เสือร้องไห้" แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าหนังเรื่องนี้ จะกลายเป็นด้านที่อยู่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ในฐานะของหนังที่ประกาศตัวเองอย่างชัดเจนว่ามุ่งขายความบันเทิงเป็นหลัก ทั้งนี้ก็เพราะ "มือปืนเก๋าเจ๋ง" แทบจะเป็นหนังที่ไร้ซึ่งความบันเทิงเอาเสียเลยก็ว่าได้.ผมเองรู้สึกทะแม่งๆ ตั้งแต่เห็นตัวอย่างที่ออกฉายในโรงก่อนหน้านี้แล้ว โดยเฉพาะความไม่ชัดเจนของหน้าหนังว่า กำลังพูดถึงเรื่องอะไร.ปกติเวลาเราดูตัวอย่างหนังที่ฉายในโรง นอกเหนือจากภาพเด็ดๆ หรือที่เรียกกันตามภาษาคนทำหนังว่า "ฉากขาย" ที่ตัดต่อมาให้ดูเป็นการเรียกน้ำย่อยแล้ว คนทำหนังตัวอย่างก็มักจะเพิ่มเทคนิครายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ลงไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการใช้คอมพิวเตอร์กราฟฟิกหรือแคปชั่น (ตัวหนังสือบรรยาย) เพื่อเป็นการให้ข้อมูลคร่าวๆ เกี่ยวกับหนังเรื่องนั้นแก่ผู้ชมภายในเวลาไม่กี่นาที.แต่เชื่อมั้ยครับว่า เมื่อผมได้ดูหนังตัวอย่างของ "มือปืนเก๋าเจ๋ง" ที่ฉายในโรงไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ก็ยังรู้สึกงงๆ ไม่รู้ว่าหนังเรื่องนี้กำลังจะพูดถึงอะไร นอกจากฉากแอ็คชั่นธรรมดาๆ ที่ไม่ได้หวือหวา หรือมุกตลกแบบงั้นๆ ที่จะเปล่งเสียงหัวเราะก็แค่ หึหึ ในลำคอ.จนกระทั่งตัดสินใจลองซื้อตั๋วเข้าไปดูในโรง แล้วก็พบคำตอบว่า หากใครต้องรับหน้าที่ตัดต่อหนังตัวอย่างเรื่องนี้ คงเป็นภาระที่หนักหนาสาหัสเสียเหลือเกิน สำหรับการเลือกเฟ้นหาสิ่งที่น่าสนใจที่สุดในหนังความยาวกว่าชั่วโมงครึ่งเรื่องนี้ออกมาให้ได้

ผมจะลองพยายามอธิบายเรื่องย่อพอคร่าวๆ ให้ได้ทราบกันก่อนนะครับ ลองดูว่าจะเข้าใจกันมั้ย."มือปืนเก๋าเจ๋ง" เป็นเรื่องราวของ สง (อนันต์ บุนนาค) และ เคี้ยบ (ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ) 2 มือปืนที่มาเจอกันในคุก ทั้งคู่ถูกคอกัน ก็เพราะคนหนึ่งบังเอิญหน้าตาไปเหมือนพ่อของอีกคนหนึ่งเข้า สง เป็นนักฆ่ามือหนึ่ง ส่วนเคี้ยบ ไม่ได้เป็นนักฆ่า แต่เพราะสถานการณ์จับพลัดจับผลูบางประการ ทำให้เขาต้องกลายเป็นฆาตกรไปโดยปริยาย เมื่อทั้งคู่ออกมาจากคุก สง ก็ได้รับการว่าจ้างให้ไปฆ่าเจ้าพ่อปื๊ด (กลศ อัทธเสรี) ขาใหญ่ในวงนักเลง แต่ยังไม่ทันได้ลงมือ ก็มีเหตุบังเอิญต้องเจอโจทย์เก่าตามล้างแค้น จนบาดเจ็บสาหัสไม่สามารถปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ได้ ร้อนถึงเพื่อนซี้อย่างเคี้ยบ ต้องมารับหน้าที่แทน โดยมีข้อแม้ว่า ภารกิจสังหารเจ้าพ่อใหญ่ครั้งนี้ ต้องเสร็จสิ้นก่อนคืนวันเพ็ญเดือนสิบสอง ตามฤกษ์ยามที่หมอดูทำนายไว้ ทั้งคู่ได้ แปะยิ้ง (ชัยชาญ นิ่มพูลสวัสดิ์) เด็กหนุ่มจอมลามก ที่ฝันอยากเป็นผู้กำกับหนัง มารับหน้าที่ผู้ช่วยปฏิบัติการสังหาร นอกจากนี้ครอบครัวของเคี้ยบ ยังมีศิ (ณัฐวรรณ วรวิทย์) ภรรยาหน้าตาไทยจ๋า แต่ลูกออกมาดันหน้าตาเหมือนลูกครึ่ง จนผู้เป็นแม่ต้องส่งเข้าโรงเรียนนานาชาติ อันเป็นเหตุผลสำคัญที่ เคี้ยบ ต้องรับหน้าที่มือสังหารครั้งนี้ ก็เพราะต้องการหาเงินไปเป็นค่าเทอมลูกนั่นเอง ทอมบอย (สิริรัตน์ ยนต์โยธินกุล) ที่เข้ามาติดพันภรรยาของเคี้ยบ ผู้ต้องเปลี่ยวเหงาเอกาเพราะสามีติดคุกนานถึง 8 ปี แต่ก็ไม่ได้มีความสลักสำคัญอะไรกับเรื่องแม้แต่น้อย ยิ่งกับบทของแม่ ซึ่งนานๆ ทีเราจะมีโอกาสเห็นดารารุ่นใหญ่อย่างคุณเดือนเต็ม สาลิตุล ออกมาปล่อยฝีมือการแสดงให้ได้ชมกัน แต่ก็ต้องผิดหวัง เมื่อหนังแทบไม่เปิดโอกาสให้เธอได้โชว์ความสามารถอันล้นเหลือที่มีแม้แต่น้อย แต่บทบาทน้อยนิดที่มีอยู่ ก็ได้กลายเป็นการแสดงอันยอดเยี่ยม ซึ่งดูเป็นธรรมชาติที่สุดในบรรดานักแสดงในหนังทั้งหมด.ผมคงอรรถาธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้พอเข้าใจได้เพียงเท่านี้ล่ะครับ เพราะหลังจากนั้น หนังก็เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย จับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ความบังเอิญต่างๆ มากมาย ที่จงใจใส่เข้ามาเพื่อสร้างเงื่อนไขให้ตัวละครลุกขึ้นกระทำการบางอย่าง ล้วนแต่ดูอ่อนด้อยด้วยเหตุผลและที่มาที่ไปอย่างสิ้นเชิง.ครั้นจะมองข้ามความบกพร่องเหล่านี้ไป ด้วยการมองให้เป็นเพียงหนังบู๊ตลกเรื่องหนึ่ง ตัวหนังเองก็ไม่สามารถทำหน้าที่ของมันในแนวทางที่คนทำตั้งใจให้เป็นได้เลยแม้แต่น้อย.น่าเสียดายที่หนังได้ดาราระดับยอดฝีมืออย่าง อนันต์ บุนนาค ที่เคยมีผลงานการแสดงอันยอดเยี่ยมในหนังอย่าง ฝันติดไฟหัวใจติดดิน (2540), 18-80 เพื่อนซี้ไม่มีซั้ว (2540) และ "ต๊อก" ศุกรณ์ กิจสุวรรณ กับฝีไม้ลายมือซึ่งยังเป็นที่จดจำจนถึงทุกวันนี้จากหนังอย่าง 2499 อันธพาลครองเมือง (2540) และ มนต์รักทรานซิสเตอร์ (2544) แต่เมื่อทั้งสองคนไปอยู่ในหนังที่มีบทอ่อนปวกเปียกแบบนี้ ต่อให้เป็นดาราฝีมือดีแค่ไหน ก็ไม่มีทางทำให้สถานการณ์ของหนังดีขึ้นไปได้ ยิ่งพอมาทราบทีหลังว่าผู้กำกับ กีรติ เจนเปรมกิจ เป็นคนที่ทำงานเบื้องหลังมานานในวงการหนังไทยและเป็นอดีตนักแสดงละครเวทีฝีมือดี ยิ่งรู้สึกผิดหวังกับงานที่ออกมาเข้าไปใหญ่.หลังหนังจบ ผมเดินออกจากโรง แล้วเข้าไปซื้อตั๋วดู "เสือร้องไห้" อีกรอบ ด้วยเพราะกลัวว่ารอยหยักในสมองน้อยๆ ของผม อาจจะตื้นเขินขึ้นมาซะก่อน จากนั้นก็หันไปตีอกชกหัวตัวเองแรงๆ อีกหน ด้วย เพราะไม่เชื่อคำเตือนของเพื่อนๆ หลายคนที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ว่า "ระวังให้ดีเหอะ หนังจากค่ายเนี้ย!."

LINK: http://www.komchadluek.net/news/2005/07-28/ent-18151577.html