Thursday 17 April 2008

Dreams : อยากเป็นผู้กำกับกับเค้าบ้าง


ดาวอารมณ์ดี "ณัฏฐพงษ์ ชาติพงศ์"
โดย พิมวาด
ฉบับที่ 2778 ปีที่ 54 ประจำวัน อังคาร ที่ 15 มกราคม 2551



ดาวอารมณ์ดี "ณัฏฐพงษ์ ชาติพงศ์"

เอ่ยชื่อ "ณัฏฐพงษ์ ชาติพงศ์" หรือ "ฟรอยด์" บางคนอาจไม่ค่อยคุ้นหูเท่าใดนัก แต่ถ้าหากขยายความต่อไปว่า เขาคือนักแสดงหนุ่มอารมณ์ดีที่แจ้งเกิดในวงการบันเทิงอย่างเต็มตัวด้วยบท "ลิงค์" น้องเล็กจอมกวนแห่งละคร "บ้านนี้มีรัก" ซึ่งออกอากาศเป็นประจำทุกวันอาทิตย์ เวลา ๑๘.๐๐ น. ทางโมเดิร์นไนน์ทีวีแล้วละก็ เชื่อว่าหลายคนคงถึงบางอ้อ
ก่อนที่จะผันตัวเองมาเป็นนักแสดง โลกมายาไม่ได้อยู่ในความสนใจของหนุ่มคนนี้มากเท่าใดนัก หากเมื่อวันหนึ่งมีโอกาสได้ก้าวเข้ามาสัมผัส งานดังกล่าวก็ได้กลับกลายมาเป็นอาชีพที่เขาเลือกทำควบคู่ไปกับการเรียนคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
"จำได้ว่าตอนที่ผมเรียนอยู่ ม.ต้น ไปเดินซื้อของที่สยามกับคุณแม่ แล้วมีคนให้นามบัตร ชวนไปแคสติ้งงานโฆษณาครับ ตอนนั้นก็กลัวนะ เพราะด้วยภาพลักษณ์ของวงการนี้ ในความรู้สึกของเราเท่าที่เห็นมามันน่ากลัว ดูเหมือนจะหลอกลวง อีกอย่างคนที่เข้ามาหาผมไม่ใช่ผู้ชายแท้ๆด้วย เลยกลัวๆครับ (หัวเราะ) แต่พอดีญาติผมเห็นนามบัตร แล้วบอกว่าคนนี้ชื่อเหมือนเพื่อนเขา คุยไปคุยมาปรากฏว่ารู้จักกัน เราก็ค่อยสบายใจหน่อย อย่างน้อยพี่เราก็รู้จัก พอเขาติดต่อกลับมาก็ไปแคสฯโฆษณาครับ ก็เริ่มสนใจและถ่ายโฆษณามาเรื่อยๆครับ จนช่วงก่อนเข้ามหาวิทยาลัยซึ่งงานโฆษณาผมเยอะมาก เอ็นฯก็ติดวารสารฯ ธรรมศาสตร์แน่ะ คะแนนสูงนะ แล้วมีการประกวดหนุ่มสาวหน้าใสของที ทรี
หลังจากนั้นทางเอ็กแซ็กท์ก็ติดต่อมา บอกว่าอยากได้นักแสดงหน้าใหม่ มารับบทกวนๆ ทะลึ่งๆ ผมก็ลองไปแคสฯซึ่งวันนั้นเขาถ่ายละครเรื่อง 'เป็นต่อ' กันอยู่ แล้ว พี่นก (จิรศักดิ์ โยจิ้ว) ผู้กำกับฯเขามาดู ก็อัดเทปวิดีโอเล็กๆไว้ เห็นว่าเราเล่นซิทคอมได้เพราะผมชอบดูละครซิทคอมอยู่แล้วครับ เวลาเล่นมันเป๊ะๆ มีจังหวะจะโคน ดูมีเสน่ห์ดี เลยศึกษาก่อนเขาเรียกเข้าไปอีก พอพี่เกลือ (กิตติ เชี่ยววงศ์กุล) ผู้กำกับฯ บ้านนี้มีรัก กับ พี่บอย (ถกลเกียรติ วีรวรรณ) เรียกเข้าไปเขาก็โอ.เค.ครับ เห็นว่าดูมีอะไรดี ไม่ใช่แบบวัยรุ่นทั่วไปที่ห่วงหล่อห่วงสวย คือผมเป็นคนเล่นแล้วใส่เต็มไงครับ ไม่ห่วงหล่อ มาถึงทุกวันนี้ผมคิดว่าผมเกิดได้เพราะที ทรี กับบ้านนี้มีรักนะครับ มันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คนรู้จักผมมากขึ้นครับ"
ก็เลยมีงานเข้ามามากขึ้นด้วย?
"อาจจะเป็นเพราะความเป็นตัวเราด้วยมั้งครับ คือความกล้า ความหน้าด้านที่จะเล่น ความสนุกที่จะทำงาน ความรักกับงานที่เราทำ ไม่ใช่คิดว่าเป็นงานที่เราต้องทำ คิดว่าเป็นสิ่งที่เรารักแล้วก็ทำให้ดีที่สุดอย่างนั้นมากกว่า แต่จริงๆแล้วผมสนใจเบื้องหลังมากกว่านะ"
น่าสนใจยังไงคะ
"คือจริงๆแล้วผมเรียนโฆษณาไงครับ แล้วผมชอบงานครีเอทีฟ ชอบงานศิลปะ ชอบอะไรเกี่ยวกับการออกแบบความคิดใหม่ๆ ชอบอย่างนั้นมากกว่า การที่จะได้แสดงไอเดียของเราออกมาให้คนเห็นและเข้าใจว่าเราคิดอย่างไร ผมว่ามันน่าท้าทายกว่านะครับ"
อยากทำตำแหน่งไหนในงานเบื้องหลังคะ?
"อยากเป็นครีเอทีฟ ไดเร็คเตอร์ครับ ดูมันสูงส่งนะ แต่ก็ต้องไขว่คว้าที่จะได้ คือ ผู้กำกับฯที่จริงผมก็อยากเป็นนะครับ แต่เห็นว่าเพื่อนทุกคนอยากเป็นผู้กำกับฯหมดเลย แล้วทุกคนเก่งหมด ก็คิดว่ามันคงยากนะ ถ้าอย่างนั้นเป็นลูกน้องเขาหน่อยแล้วกัน ครีเอทีฟ ไดเร็คเตอร์ ก็ดูเท่ดีครับ"
งานเบื้องหน้าตอนนี้ที่ทำอยู่ มีอะไรบ้างคะ?
"ผมเรียนประมาณ ๔ วันนะครับ จริงๆก็ไม่ค่อยได้เข้าเรียนหรอก แต่จะคอยตามงานตลอด เพราะตอนนี้มีถ่ายหนังเรื่อง 'ฮะเก๋า' เป็นพิธีกรรายการ 'เลิฟไลฟ์ไอดอล' ทางยูบีซี แล้วก็มีละครซิทคอม บ้านนี้มีรัก โฆษณาก็มีบ้าง อย่าง พิซซ่าเนี่ย ผมเล่นมา ๖ ตัวแล้วนะ ตั้งแต่ ม.๕ แล้ว คือเขาชอบใจครับ เล่นแรงดี หน้าตาทะเล้นดี"
เป็นเพราะบทที่ได้รับค่อนข้างใกล้เคียงกับบุคลิกจริงๆด้วยหรือเปล่า?
"ครับ เพื่อนๆผมถามเลยว่า นี่แสดงแล้วเหรอ ยังต้องแสดงอีกเหรอ ทำงานสบายนะเนี่ย ไม่ต้องพลิกคาแร็คเตอร์เลย ไปถึงก็เล่นเป็นตัวเองได้เลย จริงๆแล้วตัวลิงค์กับฟรอยด์ก็แตกต่างกันอยู่นะครับ บางทีคาแร็คเตอร์กวนก็ไม่ได้กวนเหมือนกันหมด มีกวนแบบน่ารัก กวนสุดสุด อย่างลิงค์ก็จะเป็นแบบน่ารำคาญหน่อยครับ"
ทำไมลิงค์ต้องกรี๊ดเสียงสูงขนาดนั้นด้วย?
"จริงๆกรี๊ดนั่นไม่ได้มาจากการออกแบบมาก่อนนะครับ คือตอนแรกบทเขาเขียนมาประมาณว่า ลิงค์โดนประตูหนีบแล้วกรี๊ด ปกติก็ต้องร้อง โอ้ย ใช่ไหมครับ แต่ผมคิดว่าถ้าเรากรี๊ดแบบไม่ปกติ ให้ดูมีมิตินิดหนึ่งในการเล่นก็จะแปลกออกไป ทุกวันนี้เวลาเดินไปไหนมาไหน คนก็จะเข้ามาบอกว่า กรี๊ดให้ฟังหน่อย ใช่เสียงจริงๆหรือเปล่า ใส่ซาวน์ด์เอ็ฟเฟ็คท์หรือเปล่า อย่างตอนที่แสดงละครเวทีเรื่อง ลูกคุณหลวง คนก็นึกว่าเล่นเอ็ฟเฟ็คท์แน่ๆ แต่ไม่ใช่ เป็นเสียงผมจริงๆครับ"
จริงๆแล้วมีอารมณ์แบบอยากอยู่เงียบๆบ้างหรือเปล่า?
"มีนะครับ เมื่อก่อนผมเป็นคนกระโตกกระตากนะ แต่ตั้งแต่ทำงานด้านนี้มา เพื่อนบอกว่า ผมนิ่งขึ้นนะ ดูโตขึ้นนะ ไม่ค่อยเล่นอะไรมากมาย เพราะเราเหนื่อยกับการเล่นในละครแล้วไงครับเลยอยากอยู่เงียบๆบ้าง แต่ถ้าได้พักผ่อนเพียงพอก็เป็นคนสนุกสนานเหมือนเดิมครับ"
ละครเวทีเรื่อง ลูกคุณหลวง ก็เป็นอีกประสบการณ์หนึ่ง?
"ใช่ครับ ละครเวทียากมากเพราะต้องสด เวลาเล่นเราอยู่เฉยๆไม่ได้ มีสายตาเป็นพันๆมองมาที่เวทีซึ่งก็ไม่รู้ว่าเขาจะมองใครบ้าง บางทีเขาอาจจะหันมามองเราว่าเล่นอะไรอยู่ เขาก็จะเห็นแล้วว่าเรามีความเป็นมืออาชีพขนาดไหน คือจริงๆผมว่ายากทุกอย่างนะครับงานในวงการนี้ อย่างหนัง เวลาเล่นเราต้องใช้ความรู้สึกจริงๆ ส่วนละครต้องแสดงภาษากายออกมาให้คนเห็นมากกว่า เพราะหนังมันจอใหญ่ เราเล่นด้วยสายตาคนดูก็เห็นแล้ว แต่ละครซิทคอมเราต้องเล่นหน้าเล่นตาให้ดูมีอะไรนิดหนึ่ง จะได้ดูบันเทิงเริงใจกับคนดูหน่อยครับ"
การร่วมงานกับนักแสดงรุ่นใหญ่อย่าง "คุณโฉมฉาย ฉัตรวิไล" หรือ "คุณสุประวัติ ปัทมสูต" เป็นอย่างไรบ้างคะ?
"ก็ทำงานอ่อนน้อมถ่อมตนเข้าไว้ครับ เพราะเขาอยู่ในวงการกันมานาน อย่าง แม่แอ๊ด นี่อยู่มานานมาก ก่อนผมเกิดอีกนะ ฉะนั้น ก่อนจะเล่นอะไรผมก็ต้อง แม่ครับ ขอโทษครับ บางทีแค่จับมือยังขอโทษเขาเลยนะครับ กับพ่ออี๊ด ผมก็เล่นมาแล้วในลูกคุณหลวง เขาเป็นนักแสดง ผู้กำกับฯที่ทุกคนรู้จักหมด หรือ พี่แหม่ม (จินตหรา สุขพัฒน์) ดาราใหญ่ทั้งนั้นเลย ก็รู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้ร่วมงานกับเขาครับ คืออยู่ในวงการนี้ ผมว่าต้องอ่อนน้อมถ่อมตน เนื่องจากมีคนที่เราไม่รู้จักเยอะ ถ้าไปทำเป็นรู้ดีกับเขา เขาอาจจะมองว่า เด็กคนนี้ก้าวร้าว ลามปาม ปีนเกลียว ผมก็อยู่แบบเงียบๆนี่ละครับ จะดูว่าคนไหนเล่นได้ แหย่ได้ ไม่ใช่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่แล้วไปเล่นด้วย ก็ต้องลองคุยกันก่อนสักพักหนึ่ง ร่วมงานกันวันแรกผมคงยังไม่เล่นเลย ดูท่าทีก่อน อย่างพี่กัปตัน (ภูธเนศ หงษ์มานพ) ตอนแรกผมก็กลัวเขานะ เพราะเห็นว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว ทำงานมานาน ประสบการณ์เยอะมาก เราเป็นเด็กกว่า ถ้าไปเล่นมากๆเขาจะคิดว่าลามปามหรือเปล่า เพราะดาราบางคนเราก็ไม่รู้ว่าเขาถือตัวขนาดไหนไงครับ แต่พี่กัปตันคุยด้วยแป๊บเดียวก็เล่นกันเข้าขามาก ทุกคนในกองถ่ายบ้านนี้มีรักน่ารักหมดครับ"
จากที่เคยรู้สึกว่าวงการนี้น่ากลัว จนถึงวันนี้ที่เข้ามาเป็นนักแสดงเต็มตัวและดูมีความสุขกับงานดี อย่างนี้ก็น่าจะเข้าใจได้ว่าชอบงานตรงนี้แล้วใช่หรือเปล่าคะ?
"เป็นประสบการณ์ที่ดีครับเพราะเราก็เรียนทางด้านนี้ ถือว่าได้กำไรมากกว่าเพื่อน ได้เจออะไรที่เพื่อนยังไม่เคยเจอ เพื่อนอาจต้องไปหาที่ฝึกงานในกองถ่ายหรือเบื้องหลังโฆษณา แต่เราได้เห็นทุกอย่างแล้ว ได้เห็นว่าโฆษณา ละครเวที หนัง ละคร ทำอย่างไร รูปแบบ กระบวนการ ก็รู้มากกว่าคนอื่น เวลาทำข้อสอบหรืออาจารย์สอนในห้องก็เข้าใจมากกว่าคนอื่นครับ"
วงการบันเทิงสมัยนี้เป็นข่าวได้ค่อนข้างง่ายนะคะ กลัวไหม?
"จริงๆแล้วผมไม่ค่อยกลัวนะครับ ไม่ว่าจะเป็นข่าวหรือปาปาราซซี่ เพราะผมคิดว่าเราก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง มีสิทธิ์ที่จะใช้ชีวิตอิสระ อีกอย่างถ้าเราไม่ทำอะไรที่ไม่ดี ก็ไม่เห็นจะต้องกลัวอะไรเลย ก็ใช้ชีวิตปกติครับ"
ตอนนี้มีอะไรที่อยากทำต่อไปอีก?
"อยากเป็นพิธีกรแบบจริงจังเลยครับ ไปเที่ยวต่างจังหวัด ต่างประเทศ คือผมมีฮีโร่ในดวงใจที่เป็นพิธีกร คือ เรย์ แมคโดนัล ครับ ผมว่าเขาเท่นะ"
ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นไอดอลของเด็กรุ่นใหม่เลยนะ?
"ใช่ครับ เขาเป็นผู้ชายแรงๆลุยๆ ปาร์ตี้หน่อย เขาเคยมาสัมภาษณ์ผมออกรายการ พุด ต้าร์ เรย์ ของเขาครั้งหนึ่งนะ แค่นั้นก็ภูมิใจครับ คิดว่าถ้าได้เป็นพิธีกรเต็มตัวนะ ผมจะออกแบบการเป็นพิธีกรของผมให้ออกมาในรูปแบบหนึ่ง ไม่ได้หมายความว่าอยากจะเป็นไอดอลของคนอื่นนะ แต่เราอยากจะทำให้มันแปลกใหม่ ฉีกแนวออกไปจากพิธีกรคนอื่นๆครับ"
เรื่องความรักล่ะคะเป็นอย่างไร ตอนนี้มีแฟนหรือยัง?
"ตอนนี้ยังไม่มีครับ คุยไปเรื่อยๆ ก็มีเพื่อนๆกันนี่ละครับ แต่ไม่ได้ผูกมัดอะไรมากมาย ผมทำงาน ไม่ค่อยมีเวลาให้ใครสักเท่าไร คิดว่าคุยเป็นเพื่อนกันไปก่อนดีกว่า มีอะไรปรึกษากันได้ ตอนนี้เพิ่งอายุ ๒๑ เอง เรียนให้จบก่อนดีกว่า แล้วค่อยคิดอีกขั้น ทำงานเก็บเกี่ยวประสบการณ์ กอบโกยรายได้ไปก่อน (หัวเราะ) เลี้ยงดูพ่อ แม่ และทำตัวเองให้ดีที่สุดก็พอแล้วครับ"
เรื่องราวเหล่านี้ น่าจะสะท้อนตัวตนของนักแสดงผู้สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้ใครต่อใครได้มากมายกันมากขึ้น ส่วนฝีไม้ลายมือในการทำงานของเขาจะโดดเด่นเป็นที่ประทับใจมากน้อยแค่ไหน คงต้องลองติดตามและวัดระดับความชื่นชอบกันต่อไป กับดาวอารมณ์ดีดวงนี้ "ณัฏฐพงษ์ ชาติพงศ์"