Wednesday, 16 April 2008

Dreams : ตั้งใจตั้งแต่เด็กแล้วว่า อยากเป็นผู้กำกับเหมือนท่านพ่อ

ตั้งใจตั้งแต่เด็กแล้วว่า อยากเป็นผู้กำกับเหมือนท่านพ่อ แต่พอช่วงเรียนมัธยมปลาย ชักไม่แน่ใจ อาจเพราะเริ่มโตขึ้น เริ่มคิดกับการที่เราจะทำอะไร จะเลือกเรียนคณะอะไร รู้อยู่ว่าตัวเองชอบด้านนี้ เพียงแต่ไม่รู้ว่า ชอบเพราะอะไร จะด้วยจากการที่ได้เห็นมาตั้งแต่เด็ก หรือเพราะครอบครัวเราอยู่ในวงการนี้ หรืออย่างไร”

หม่อมราชวงศ์ ศรีคำรุ้ง ยุคล หรือ “คุณหญิงแมงมุม” ธิดาสาวคนโตของ หม่อมเจ้า ชาตรีเฉลิม ยุคล และหม่อม กมลา ยุคล ณ อยุธยา ผู้กำกับและผู้อำนวยการสร้าง ภาพยนตร์แห่งเกียรติยศของคนไทย “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช”ที่กำลังฮือฮาไปทั่วผืนฟ้าแห่งนี้ เธอมีน้องชาย 1 คน ซึ่งแม้ในวัยเด็กจะโตมากับกองถ่าย มีความฝันที่อยากจะเดินไปในเส้นทางเดียวกับบุพการี แต่ด้วยวัย 23 ปีในวันนี้ที่เพิ่งจบจากมหาวิทยาลัยมาหมาด ๆ ก้าวแรกเธอขอมุ่งตรงจับธุรกิจแรกของชีวิต ในฐานะประชาสัมพันธ์ของร้านเสื้อ ฟลามิงโก (Flamingo) ทีหุ้นกับ พี่สาวคือ ม.ร.ว.จันทรลดา ยุคล หรือ “คุณหญิงแอร์” รวมทั้งเครือญาติสกุล ยุคลอีก 2 คนและเพื่อนอีก 1 คน รวมเป็น 5 หุ้น ซึ่งเป็นเสื้อผ้า Vintage New Look หรือแนวการผสมผสานยุคเก่าและใหม่เข้าด้วยกัน ให้บุคลิกที่เหมาะกับผู้หญิงยุคใหม่ มีสไตล์ และชวนมองในแบบฉบับของตนเอง

“3 เดือนที่ได้มาทำธุรกิจนี้ เรียนรู้เยอะมาก ด้านการเงิน การบริหาร และงานด้านพีอาร์ ซึ่งไม่เคยทำมาก่อน ก็สนุกเหมือนกันงานนี้ อีกทั้งเป็นสิ่งที่สนใจอยู่แล้ว และได้โอกาสพอดีค่ะ”

เธอเล่าว่า ปกติก็เป็นคนรักสวยรักงาม และชอบแต่งตัวเป็นทุน กอปรกับนี่เป็นอีกหนึ่งความฝันที่อยากลอง จังหวะเดียวกับมีโอกาสได้คุยกับพี่สาวจึงตกลงที่จะทำร้านนี้ขึ้นมา

“พอกลับมาก็ไปทำงานที่ บริษัท ดอท ดอท ดอท ลิมิเต็ท ฯ ก่อนค่ะ เป็นโปรดักชั่น เฮาส์ สนุกมาก ต่อมานั่งคุยกับพี่หญิงแอร์ พอรู้ว่าชอบเหมือนกัน เพราะเขาก็เป็นดีไซเนอร์ และทำด้านแฟชั่นอยู่ จึงเอ้า! มาทำด้วยกัน ซึ่งเป็นแนวที่สามารถนำมาปรับใช้ให้เข้ากับผู้หญิงในยุคปัจจุบัน เราสั่งตัดเอง ตามรูปแบบที่เราต้องการ ลูกค้าก็ได้จากสื่อมากหน่อย ช่วงหลังก็มีขาจร และปากต่อปาก ต่อมาจึงต้องออกจากงานแรก เพราะอยากทำที่ร้านให้เต็มที่

ตอนเด็กยังหาสไตล์ตัวเองไม่เจอ (ยิ้ม) เปลี่ยนไปเรื่อย ฮิบฮอบ พั้งค์ ก็เคยแต่งมาแล้ว หวาน ฮิปปี้ มีหมด พอช่วงที่ไปออสเตรเลีย ค้นพบว่า จริง ๆ แล้ว เราชอบหนังเก่า ๆ ชอบดูการแต่งตัวสวย ๆ ของ คุณแม่ คุณย่า เพราะพวกท่านแต่งตัวสวยทุกวัน จึงออกมาเป็นตัวเองในวันนี้ ส่วนใหญ่ตอนนี้ก็ใส่เสื้อผ้าที่ร้านแทบทุกวัน และชอบด้วย ไม่จำเป็นต้องแบรนด์เนม จตุจักรก็ใส่ได้ แหล่งช็อปได้หมด ไม่เจาะจงค่ะ”

คุณหญิงจบการศึกษาชั้นอนุบาลที่โรงเรียนยุคลธร, มัธยมต้น โรงเรียนมาแตร์เดอี, มัธยมปลาย เซนต์จอช ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และปริญญาตรี ด้านฟิล์มและทีวี มหาวิทยาลัยบอนด์ ประเทศออสเตรเลีย

“กับน้องชายตอนแรกไม่ค่อยสนิทกัน แม้จะไปอยู่สวิสฯ เหมือนกัน แต่อยู่คนละเมือง แต่พอไปอยู่ออสเตรเลีย เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน คณะเดียวกัน อยู่บ้านเดียวกัน จึงสนิทกันมากยิ่งขึ้น และมีความฝันใกล้เคียงกัน ส่วนการเลี้ยงดู ไม่ถูกตามใจนะคะ แต่ตอนเด็กจะเข้มงวดมากกว่านี้ ท่านจะสอนว่า อะไรถูกผิด ควรไม่ควรมากกว่า ท่านไม่ค่อยห้าม แต่สอนให้คิดมากกว่า ก็ไม่ค่อยซนนะคะ มีซ่า ๆ บ้างนิดหน่อย แต่ก็ตั้งใจตั้งแต่เด็กแล้วว่า อยากเป็นผู้กำกับเหมือนท่านพ่อ แต่พอช่วงเรียนมัธยมปลาย ชักไม่แน่ใจ อาจเพราะเริ่มโตขึ้น เริ่มคิดกับการที่เราจะทำอะไร จะเลือกเรียนคณะอะไร รู้อยู่ว่าตัวเองชอบด้านนี้ เพียงแต่ไม่รู้ว่า ชอบเพราะอะไร จะด้วยจากการที่ได้เห็นมาตั้งแต่เด็ก หรือเพราะครอบครัวเราอยู่ในวงการนี้ หรืออย่างไร

พอได้ไปเรียนมหาวิทยาลัย ลงวิชาแรก ก็ได้ทำงานเลย จึงทำให้รู้ว่า เราชอบจริง ๆ ถ้าชอบโดยเป็นอิทธิพล (influence)จากคนอื่น เราจะไม่มีความสุข ไม่ใช่ตัวของเรา แต่เราอยากมีความสุขกับงานที่ทำมากกว่า ไม่ใช่เพราะคนอื่น ยังมีคนแซวด้วยซ้ำว่า “ยูเป็นลูกผู้กำกับแล้วนี่ คงไม่ต้องเรียนแล้วมั้ง” แต่นั่นคือ สิ่งที่เราต้องพิสูจน์ เพราะเราก็ยังไม่รู้อะไรเลย แล้วก็ได้ทำหนังสั้น 10 กว่าเรื่อง โฆษณา มิวสิควิดีโอด้วย

ชื่อ ‘แมงมุม’ ท่านพ่อตั้งให้ ไม่ได้มีความหมายอะไรด้วยค่ะ (หัวเราะ) ก็โตและถูกเขาเลี้ยงมากับกองถ่าย ไม่เคยเล่นหนังของท่านพ่ออย่างจริงจัง มีแต่หาตัวประกอบเดินผ่านหน้ากล้อง ท่านบอก “วันนี้เด็กไม่มา แมงมุมเดินผ่านหน่อย” (หัวเราะ) ท่านไม่เคยบังคับ และไม่อยากให้ทำหนังหรอก เพราะเป็นงานที่เหนื่อยมาก แต่เราชอบเอง ตอนอยู่ออสเตรเลีย จึงเรียนรู้การทำงานด้านนี้อย่างเดียว ความแตกต่างลิบลับกับงานของที่บ้าน เพราะเป็นงานนักศึกษา ต้นทุนต่ำ อุปกรณ์ก็ไม่มี แต่ได้ประสบการณ์ที่ต้องช่วยเหลือตัวเองมาก ถ้าให้เล่นหนังคงไม่ ขอเขียนบท และกำกับดีกว่าค่ะ

สิ่งที่เรียนรู้จากท่านพ่อคือ เวลาทำงานต้องตั้งใจมาก ทุ่มเทมาก และก็อดทน ส่วนคุณแม่บอกว่า ต้องอดทน และตั้งใจให้ดีที่สุด นั่นแหละทำให้เรา เวลาทำอะไร ก็ต้องทำให้ดีที่สุด”

เธอยอมรับว่า เรื่องราวประวัติศาสตร์นั้นค่อนข้างรู้น้อยมาก เพราะเรียนที่เมืองนอกเป็นส่วนใหญ่ แต่ทุกครั้งที่ปิดเทอมกลับมา ก็มีโอกาสได้เรียนรู้จากหนังที่บิดาทำ

“ภูมิใจไปกับท่านพ่อ เพราะเรื่องนเรศวรนี้ใหญ่กว่า สุริโยไทอีก แต่ต่างเป็นหนังประวัติศาสตร์ย้อนยุค แต่เรื่องนี้ มีการใส่บทบาทของตัวละครให้ดูเป็นดราม่ามากขึ้น เป็นตำนานมากกว่า ซึ่งหนังแบบนี้ทำให้เด็ก หรือคนไทย ได้เรียนรู้กับประวัติศาสตร์ของตนเองมากขึ้น รวมทั้งเราเองด้วย เพราะมีภาพ มีการดำเนินเรื่อง ทำให้เราจำง่ายขึ้น ชอบทุกอย่างไม่ว่า เสื้อผ้าโปรดักชั่น สเปเชียล เอ็ฟเฟ็ค แกรนด์มากขึ้นค่ะ”

โดยส่วนตัว คุณหญิงเล่าว่า หากจะทำเองขอเป็นแนวดราม่าจากเรื่องใกล้ตัวที่สัมผัสดีกว่า จะทำให้ถ่ายทอดได้ดี ซึ่งตอนนี้ก็มีเขียนบทไว้บ้าง

“นักแสดงในดวงใจก็ต้อง ลุงเอกค่ะ (สรพงษ์ ชาตรี) เก่งมาก เห็นมาตั้งแต่เด็กแล้ว เหมือนครอบครัวเดียวกัน หนังและผู้กำกับที่ชอบคือ ของท่านพ่อ และของคุณต้อม (เป็นเอก รัตนเรือง) วันหยุดก็อยู่ร้าน กินข้าวกับเพื่อนบ้าง ดูหนัง อยู่กับครอบครัว และอยู่ในกองถ่าย ไม่ค่อยได้ใส่ใจตัวเองนัก นาน ๆ จะไปนวดตัวบ้าง มีทำอาหารบ้าง เพราะตอนอยู่ อยู่สวิสฯ ช่วงปิดเทอมก็เข้าคอร์ส ทำอาหาร จัดดอกไม้ วาดรูปด้วย”

สิ่งที่น่ากลัวสำหรับการใช้ชีวิต เธอตอบว่าคือ ทุกก้าวแรกที่ต้องเจอสิ่งใหม่ ๆ เช่น ทำหนังครั้งแรก แต่ความกลัว ความกดดัน ช่วยทำให้เราพัฒนาตัวเอง และตั้งใจมากขึ้น ส่วนสิ่งที่ไม่ทำตอนนี้คือ ขับรถ เพราะหลายปีก่อนเคยประสบอุบัติเหตุติดกัน 2 ครั้งในเมืองไทยและเมืองนอก

“เรื่องเพื่อนชายหรือคะ ส่วนใหญ่ก็เป็นเพื่อนกัน หัวใจตอนนี้ก็เรื่อย ๆ กับความรักต้องเข้าใจกันมาก ๆ ต้อง จริงใจ ไม่โกหก คำโกหกทำให้มันหายยาก แต่ถ้าเราต่างจริงใจต่อกันตั้งแต่แรก ใครเป็นอย่างไร ก็จะยอมรับกันได้ตั้งแต่แรก ตัวเองเป็นคนพูดตรง ที่จริงขี้อาย เขินกล้อง แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว เราต้องฝึกตนเองกับการออกสังคม พบสื่อมวลชน ก็มีอ่อนไหวบ้าง คิดมาก ขี้น้อยใจ ส่วนใหญ่เป็นกับเพื่อนมากกว่าค่ะ แผนชีวิตตอนนี้คือ รอน้องชายจบก็จะไปเรียนต่อ ป.โทด้วยกัน และคงหาประสบการณ์ก่อนลงมือทำหนังเอง อาจทำกับน้องชายนี่แหละ

สำหรับคนที่มีความฝันก็ฝากให้ตั้งใจเข้าไว้ และอย่าลืมไปดูหนังนเรศวร จะทำให้เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทยมากขึ้น พาลูกพาหลานไปด้วยนะคะ”

คุณหญิงแมงมุม ลูกไม้ที่หล่นไม่ไกลต้น เพียงแต่ต้องถักทอเส้นใยแห่งความฝันด้วยตัวเอง และนี่จึงทำให้เธอกลายเป็นหญิงยุคใหม่ที่ถูกจับตามองอีกคนหนึ่ง แล้วที่สุด เวลา ระยะทาง และประสบการณ์ จะทำให้เราได้เห็นผลงานของเธอไม่ช้าก็เร็วนี้

Link: http://www.siamturakij.com/home/news/display_news.php?news_id=648