Wednesday 23 April 2008

Dreams : อยากเป็นผู้กำกับ : พูดมายืดยาวทั้งหมดนี้ ก็คงเพียงเพื่ออยากสรุปให้คุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครองทุกท่าน ได้มองเห็นว่า การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง

การปฐมนิเทศผู้ปกครองวันนี้คึกคักกว่าทุกรอบที่ผ่านมาคำถามจากคุณพ่อคุณแม่ในช่วงท้าย หลังการบรรยายหลั่งไหลไม่ขาดสาย สะท้อนถึงคุณภาพและการตั้งใจต่อการเลี้ยงดูแต่ด้วยเวลาที่จำกัด อาจารย์หัวหน้าฝ่ายปกครองซึ่งเป็นผู้กำกับการแสดงในเวทีนี้ จึงจำเป็นต้องแข็งใจคว้าไมโครโฟนไปตัดบทการถามของบรรดาผู้ปกครอง


“ต้องขอขอบคุณท่านผู้ปกครองที่ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี… แต่ด้วยเวลาที่ล่าช้าเกินกว่าครึ่งชั่วโมงจากคำถามที่มากมายนี้… เราจึงต้องขอยุติเวทีนี้ลงก่อน… ขอขอบคุณ… อ้าว!… ท่านผู้ปกครองด้านหน้ามีอะไรหรือครับ…”


ท้ายประโยคถูกแทรกด้วยการโบกไม้โบกมือไหวๆ จากผู้ปกครองท่านหนึ่งที่ชิ่งวิ่งมาที่ไมโครโฟนด้วยสีหน้าร้อนใจปนลังเล…


“อาจารย์คะ…ขออนุญาตรบกวนเป็นคำถามสุดท้ายเถอะค่ะ…”


สายตาคู่นั้นส่งแวววิงวอนเหลือเกิน…


คุณหมอคะ… ดิฉัน… เอ้อ… อ้า… ไม่อยากให้… เอ้อ… ไม่อยากให้ลูกช่วยตัวเองค่ะ… เอ…อ้า…จะทำไงดีคะ…”


หางเสียงของคุณแม่ท่านนี้ช่างแฝงด้วยความประหม่า…วิตกกังวล…ไม่มั่นใจ


โถ! คงติดลูกน่าดูซินะ… ไม่อยากให้ลูกพรากจากอกไป… ไม่อยากให้ลูกรู้จักช่วยตัวเอง…


“โอ๊ะโอ๋!… คุณแม่คะ… สำหรับนักเรียนมัธยมหนึ่งอย่างลูกของคุณแม่นะคะ จำเป็นต้องฝึกให้ลูกช่วยตัวเองได้อย่างเต็มที่แล้วค่ะ… ไม่ควรจะปล่อยให้ลูกเป็นเบบี๋อีกต่อไป… อะไรทำให้คุณแม่กังวลใจ กับเรื่องนี้คะ… ขอให้แก้ไขและเปลี่ยนความคิดได้ค่ะ…”


ผู้เขียนตอบสวนไปอย่างค่อนข้างทันควัน อาจจะด้วยเวลาที่ล่วงเลยไปกว่ากำหนดการมากแล้วบวกกับทุนเดิมของคติในใจที่พบเห็นพ่อแม่ซึ่งยึดติดกับการปกป้องลูกมามากมาย…


เฮ้อ! พ่อแม่สมัยนี้เป็นอะไรกัน!!!…


ก่อนหน้านั้นผู้เขียนกำลังดื่มด่ำในความชื่นชมที่พ่อแม่ ม.1 กลุ่มนี้ที่มีความตั้งใจสูงต่อการเลี้ยงดู… แต่แล้ว ก็ต้องเสียอารมณ์เพราะคุณแม่ที่ไม่ยอมปล่อยให้ลูกเติบโต… นี่หล่อนจะสังเกตไหมเนี่ย ว่าจิตแพทย์กำลังยัวะเล็กๆ แล้วนะ…


หลังคำตอบจากจิตแพทย์ คุณแม่ท่านนั้นกลับวิ่งผลุนผลันมาอีกครั้ง... ความเงอะงะหายไป และดูออกจะเป็นความหงุดหงิดมากกว่า…


“คุณหมอคะ… ขอแก้ความเข้าใจค่ะ… ดิฉันช่วยตัวเองแบบว่า… มาสเตอร์เบทน่ะค่ะ…สำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองน่ะค่ะ…”


สิ้นสุดประโยคพร้อมกับเสียงหัวเราะครืนลั่นไปทั่วหอประชุมพร้อมกับเสียงเพล้ง… จากอาการหน้าแตกกระจัดกระจายที่ดังก้องกระหน่ำในใจผู้เขียน…


อายเค้าไหมล่ะ… ด้วยความเร่งรีบ..ฟังไม่ได้ศัพท์ จับเอาไปกระเดียด… พาลรู้สึกฉุนเฉียวแกมโกรธภาษาไทยที่บางครั้งก็ชั่งชวนให้สับสนเข้าใจผิดได้…


“โอ๊ะ..โอ! …หมอต้องขอโทษคุณแม่อย่างยิ่งนะคะกับความเข้าใจผิดนี้… แต่อันที่จริงอันนี้เป็นมุขตลกนะคะ… แยกแยะให้ได้ค่ะ…แฮ่ะๆ …”


ด้นไปเรื่อยล่ะค่ะ… จะปล่อยให้เขาเข้าใจว่าจิตแพทย์หน้าตาฉลาดๆ อย่างเราเป็นคนที่ขาดความเฉลียวได้อย่างไร…


“ต้องขอเวลาอีกสิบนาทีสำหรับเรื่องนี้นะคะ …ท่านหัวหน้าฝ่ายปกครองค่ะ…หมอคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญยิ่งสำหรับยุคนี้…”


ท่านหัวหน้าฝ่ายปกครองจะอนุญาตไหม…ผู้เขียนก็ไม่สนแล้วค่ะ… ขอโซโลต่อชุดใหญ่กลบความขัดเขินอับอายไปเลยดีกว่า


“คุณพ่อคุณแม่คะ…สำหรับยุคปัจจุบันนี้… เราจะสังเกตเห็นได้ว่าเด็กๆ ของเรามีพัฒนาการทางเพศที่รวดเร็วขึ้น เมื่อเทียบกับคนยุคเราๆ ที่ผ่านมา… เป็นเพราะอะไรคะ…


“…อะไรนะคะ…เพราะสื่อและสิ่งแวดล้อมเหรอคะ…ใช่ค่ะ…แต่คงไม่ใช่ทั้งหมด… เพราะถ้าสังเกต จะเห็นว่าเด็กๆ มีพัฒนาทางเพศทั้งในแง่ความสนใจทางเพศที่เร็วขึ้น… และก็มีการเปลี่ยนแปลงในเชิงสรีระร่างกายที่เกิดจากฮอร์โมนเพศเร็วขึ้นด้วย… เช่น…เด็กผู้ชายเสียงแตกเร็วขึ้น… เด็กผู้หญิงมีประจำเดือนที่อายุน้อยลง… อันนี้คงไม่สามารถอธิบายด้วยสื่อและสิ่งแวดล้อมนะคะ… คงเป็นไปไม่ได้ที่เด็กผู้หญิงได้ยินโฆษณาจากสื่อและสิ่งแวดล้อมถึงผ้าอนามัยชนิดมีปีกหรือมีกลิ่นรสชาเขียวจนกระทั่งทำให้ประจำเดือนมาเร็วขึ้น…เป็นไปไม่ได้ค่ะ…


…ดังนั้น ปัจจัยที่เราต้องมองให้ออกด้วย คือ เด็กๆ มีพัฒนาการทางเพศเร็วขึ้นจากการมีโภชนาการที่สมบูรณ์ขึ้น …ในภาพรวมๆ เราจึงเริ่มสังเกตเห็นว่า เด็กๆ เป็นวัยรุ่นขึ้นและสนใจเรื่องเพศเร็วขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงนี้ …และการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองที่คุณแม่ได้ถามมาจนหมอสับสนไปเล็กน้อยนั้น…ก็เป็นส่วนหนึ่งของความสนใจทางเพศที่เกิดจากฮอร์โมนและสิ่งแวดล้อมมาออกฤทธิ์ร่วมกันค่ะ…


“…ทั้งในแง่มุมด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์และด้านจิตวิทยา ณ ปัจจุบันนี้เราต่างก็ยอมรับว่า การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองเป็นพฤติกรรมปกติที่เหมาะสมในเชิงความปลอดภัย สำหรับการปลดปล่อยอารมณ์ทางเพศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความรู้สึกของมนุษย์ที่เริ่มก้าวเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์…


“…การเรียนรู้วิธีสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองนั้น มีโอกาสเกิดขึ้นได้ทั้งโดยบังเอิญด้วยประสบการณ์ของตัวเองเพียงลำพัง หรือโดยการบอกกล่าวชี้แนะของเพื่อนฝูง…พี่น้อง…หรือแม้แต่สื่อลามกมหัศจรรย์ที่มีอยู่เกลื่อนบ้านเมือง…


“…สำหรับความห่วงใยของคุณแม่…หมอเองในฐานะแม่คนหนึ่งก็แสนจะเข้าใจ…นึกออกเลยค่ะว่า…วันหนึ่งเมื่อลูกชายสุดที่รักของเราที่เคยเล่นดินเล่นทราย เล่นหุ่นยนต์ ได้เปลี่ยนสิ่งสนใจมาหมกมุ่นใช้เวลาเล่นกับอวัยวะเพศแทน…เหวอ! …มันเหมือนฝันร้ายนะคะ…


“…แต่ถ้าจะคิดให้ดี…ชีวิตของคนเรา ก็มักจะมีฝันร้ายแทรกในฝันดีเสมอ…และครั้งนี้…เรา แปลความฝันแบบนี้ว่าเป็นฝันร้าย…เพราะกรอบแนวคิดค่านิยมของตัวเราเอง…


“…การสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง แม้จะเป็นเรื่องปกติในมุมมองวิทยาศาสตร์การแพทย์และมุมมองจิตวิทยา…แต่ก็อาจไม่ใช่สิ่งที่ปกติในมุมมองทางสังคม… และหมอก็มิได้คาดหวังที่จะเชิญชวนให้ทุกท่านช่วยกันเปลี่ยนให้สังคมมาเชียร์ผู้คนให้ออกมาสำเร็จความใคร่กันให้จ้าละหวั่น… ดูซิคะ…แม้แต่หนังสือ “คู่มือวัยใส” ที่หมอชื่นชมนักหนา ได้มีการเขียนบรรยายถึงการสำเร็จความใคร่นี้เพียงเล็กๆ น้อยๆ ก็ถูกสังคมตบตีฟาดฟันเสียกระเจิง ต้องเก็บออกไปให้พ้นหูพ้นตาวัยรุ่น พานทำให้หนังสือตลาดมืดกลายเป็นที่พึ่งของวัยรุ่นต่อไป… อ้าว! …เผลอเหน็บแนมชาวบ้านแล้ว…กลับมาเรื่องเดิมดีกว่า…


“…พูดมายืดยาวทั้งหมดนี้ ก็คงเพียงเพื่ออยากสรุปให้คุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครองทุกท่าน ได้มองเห็นว่า การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองนั้น…เป็นเรื่องปกติค่ะ… และการที่ลูกจะทำหรือไม่ทำ… ก็เป็นเพราะความสนใจหรือปัจจัยรอบตัวของเขา ไม่ใช่เพราะความไม่ชอบของพ่อแม่… การที่พ่อแม่เข้าใจเรื่องพรรค์นี้ของลูกและมีท่าทีในการตอบสนองดูแลเหมาะสม สามารถเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พ่อแม่พัฒนาตนเองเป็นผู้ให้ความรู้เรื่องเพศที่ดีแก่ลูกได้… ในทางตรงข้าม พ่อแม่ที่จริงจัง ฉุนเฉียวและยึดมั่นกับกรอบค่านิยมของตนเอง สถานการณ์เช่นนี้อาจกลายเป็นตัวผลักดันให้ลูกย่างวัยรุ่นมองเห็นช่องว่างกว้างใหญ่ระหว่างเขากับเรา …ซึ่งหมายความว่า เขาจะหลบหลีกต่อการเจรจาความข้องใจหรือบอกเล่าความสนใจของเขาในเรื่องเช่นนี้กับเรา… แล้วเขาจะหันไปหาใคร… คำถามนี้คงไม่ต้องมีคำตอบ… นะคะ…


“…น่าเสียดายค่ะ หมอใช้เวลาสิบนาทีที่สัญญาไว้กับอาจารย์หัวหน้าฝ่ายปกครองแล้ว…ทั้งที่อยากบอกเล่าเหลือเกินว่า…หากเราเห็นหรือสงสัยว่าลูกกำลังสนใจทุ่มเทเวลากับกิจกรรมแบบนี้อยู่… เราพยายามทำใจยอมรับให้ได้แล้ว…อย่างที่หมอบอกไป…หลังจากนั้น…เราควรทำอย่างไรต่อไป เพราะเราก็ไม่อยากให้ลูกหมกมุ่นอยู่กับพัฒนาการด้านนี้เท่านั้น…เรื่องนี้คงต้องพูดคุยกันอีกยาว…ขออุบไว้ในเวทีต่อไป ซึ่งหมายความว่า ทางโรงเรียนต้องเผชิญหมออีกนะคะ…ฮิๆ …สวัสดีค่ะ…”


และสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังอ่านอยู่ก็เช่นกัน…ผู้เขียนหมายความว่า…ท่านจะต้องติดตามรออ่านในเล่มต่อไปนะคะ…ฮิๆ …สวัสดี (อีกครั้ง…) ค่ะ….

LINK: http://www.kachon.com/article/detail.asp?id=853