แฟนพันธุ์แท้หนังไทย
บทสัมภาษณ์ย้อนหลัง - น้องสา ที่ 1 Ent'ภาษาไทย มีนา 47 - น้องกุล DJ & VJ สยามสแควร์ - โบว์ เชียร์ลีดเดอร์ รัฐศาสตร์ จุฬาฯ - มีมี่ พิธีกรรายการ U School - น้องออม พิธีกร Five Live - น้องเมษ์ เจ้าของคำพูด "ควาย เซ็นเตอร์" - น้องไอยรา แฟนพันธุ์แท้หนังไทย - น้องอัยย์ แชมป์ขี่ม้าโปโล - น้องไทร ที่ 1 ภาษาไทย ตค.45 - น้องบีม ที่ 1 Hotwave award - น้องดำดอทคอม อักษรจุฬา - น้องแชมป์ ที่ 1 ภาษาไทย มีค.46
ช่วงระยะหลังๆรู้สึกว่าวงการหนังบ้านเราค่อนข้างจะคึกคักอย่างมาก โดยเฉพาะหนังไทย มีหนังลงโรงฉายไม่เว้นแต่ละอาทิตย์ น่าจะเป็นเพราะคนไทยหันมาให้ความสนใจหนังไทยกันมากขึ้น ดีแล้วล่ะเงินทองจะได้ไม่รั่วไหล คนทำก็มีกำลังใจด้วย แต่ๆๆ ใครจะไปคิดว่าคนที่ติดตามตามติดหนังไทย มาทุกยุคทุกสมัย รู้จักหมดแทบทุกเรื่อง จะเป็นเด็กอายุแค่ 17 ปี ชื่อว่า "ไอยรา"
พี่บี : แนะนำตัวเองได้เลยว่าเป็นใครมาจากไหน
ไอยรา : ชื่อไอยรา แค่นี้แหละ
พี่บี : ไอยรานี่เป็นชื่อจริงหรอกเหรอ พี่นึกว่าเป็นฉายาที่อาจารย์ปิงตั้งให้ แล้วทำไมชื่อไอยรา
ไอยรา : ไม่บอกๆ ไม่ได้ๆ ก็บอกแล้วถ้าจะให้แนะนำตัวเอง ถ้าเกิดบอกมันก็ไม่เป็นความลับใช่มะ
พี่บี : สรุป...ยังไม่พร้อมที่จะเปิดเผยตอนนี้ เอาล่ะ ไอยรานี่สะกดยังไง
ไอยรา : ไอยราก็ช้างเลย
พี่บี : งั้นแสดงว่าชื่อเล่นชื่อช้าง
ไอยรา : ไม่ใช่ (หัวเราะ) น่าเกลียดจริงๆเลย
พี่บี : แล้วชื่ออะไร
ไอยรา : เอาจริงๆหรือเอาเล่นๆ
พี่บี : อย่ามาลีลา สำบัดสำนวน เดี๋ยวจะโดน
ไอยรา : ชื่อเล่นที่ใช้ในวงการชื่อว่าไอย แต่ที่บ้านจะเรียกว่าม้ง
พี่บี : ทำไมต้องม้ง
ไอยรา : เพราะพี่ชื่อแม้ว
พี่บี : ก็เป็นชนเผ่าด้วยกันทั้งคู่ จริงๆแล้วมีพี่น้องกี่คน
ไอยรา : ถ้าพี่น้องจริงๆเลย มีสองคน คือมีน้องหนึ่งคน
พี่บี : เป็นผู้ชาย ?
ไอยรา : เป็นผู้ชาย เป็นนักบอลด้วยล่ะ
พี่บี : ถ้าเดาไม่ผิด น้องน่าจะได้แบบอย่างมาจากพี่
ไอยรา : (หัวเราะ) พี่เป็นนักวอลเล่ย์จ้ะ
พี่บี : ตอนนี้เรียนที่ไหน
ไอยรา : คือคุณพ่ออยากให้เรียนโรงเรียนไทย ก็เลยเรียนสวนกุหลาบ
พี่บี : เป็นคนกรุงรึเปล่า
ไอยรา : ไม่..ไม่ใช่คนกทม.
พี่บี : ว่าแล้วเชียว ก็พอจะดูออก
ไอยรา : ใช่มะๆ เป็นคนบ้านนอก เป็นคนนครปฐม แต่ว่าพื้นเพเดิมเนี่ยะ คลอดที่แอลเอ ลอสแองเจิลลิส แล้วก็ย้ายไปอยู่ที่โรม อิแทลี่ (อิตาลี) แล้วคุณพ่อก็ไปเป็นทูตอยู่ที่แพรีส (ปารีส)
พี่บี : แล้วสุดท้ายไอ้ตัวลูกก็โดนเนรเทศมาอยู่ที่เมืองไทย…จบ
ไอยรา : (หัวเราะ)
พี่บี : เป็นคนเรียนเก่งมั้ย
ไอยรา : พอสมควร อย่าเรียกว่าเก่งเลย คนเก่งมีอีกเยอะในประเทศ เหนือฟ้าย่อมมีฟ้า
พี่บี : เหนือหลังคา ย่อมมีขี้แมว / วิชาที่ถนัดที่สุดล่ะ
ไอยรา : พลศึกษา
พี่บี : วอลเล่ย์บอล ?
ไอยรา : ใช่ เป็นมือตบด้วยนะ
พี่บี : ขนาดนั้นเลยนะ มาเข้าเรื่องแฟนพันธุ์แท้หนังไทยกันดีกว่า
ไอยรา : อู๊ย..! รู้ได้ไงอ่ะ นั่นแน่..เหมือนดารามั้ย (ทำท่าตกใจ)
พี่บี : ไปออกรายการนี้กับเค้าได้ยังไง
ไอยรา : ก็ตอนแรกกะทิ้งทวน เพราะว่าตอนม.5 ทำละครเวทีที่โรงเรียนด้วย เป็นผู้กำกับ คือตอนนั้นบ้าออสการ์มาก
พี่บี : อ้าว..นึกว่าดูแต่หนังไทย หนังเทศก็ชอบด้วยเหรอ
ไอยรา : ดูหมดเลย..ย แต่ออสการ์เนี่ยะ บ้าจริงๆ บ้าสุดๆ แต่ว่าช่วงนั้นมันไม่มีแฟนพันธุ์แท้ออสการ์ มีแต่แฟนพันธุ์แท้หนังไทย เราก็เลยสมัคร ตอนแรกมีคนสมัครสี่สิบกว่าคน แล้วเราก็เด็กสุดด้วยนะ ก็คัดเหลือสามสิบคน ยี่สิบคน สิบคน แล้วก็มาเหลือห้าคน ตอนนั้นตื่นเต้นมากเหมือนนางงามเลย เค้าก็ยื่นมือมาแล้วบอกว่า ยินดีด้วยน้องคือหนึ่งในสุดยอดห้าคนของแฟนพันธุ์แท้หนังไทย แล้วพออีกวันปรากฏว่ามีแชมป์เก่ามาแข่งด้วย เราก็เลยฝ่อ
พี่บี : แล้วตอนแข่งเป็นยังไงบ้าง
ไอยรา : รอบแรกใช่มะ 3 วิตื่นเต้นมาก เพราะว่า..พี่คิดดูสิ มีห้าคน แล้วคนแรกก็ต้องตื่นเต้นมากๆ ถูกมะ แล้วเราก็ดันไปจับได้เบอร์หนึ่งพอดีเลยอ่ะ แล้วก็มีเพื่อนไปเชียร์แค่คนเดียวเอง วันนั้นแข่งกันจนเหลือโปสเตอร์ห้าแผ่นสุดท้าย คือแข่งกันนานมากๆ ปรากฏมีอยู่คนนึงเค้าตอบผิดพอดี เราก็เลยได้เข้ารอบสอง พอเข้ารอบสองเราก็ได้แข่งกับรุ่นพี่ของเรา เป็นรุ่นพี่ที่สวนกุหลาบ ช่วงนี้เค้าก็จะให้ดูหนังนิดนึงแล้วตอบว่าเป็นหนังเรื่องอะไร มันก็ผลัดกันทำแต้มนะพี่ เราหนึ่ง เค้าหนึ่ง แล้วแบบว่าโชคดีข้อสุดท้ายเป็นเรื่องอะไรรู้มั้ย…สตรีเหล็ก (หัวเราะ) เลยรีบกดก่อนเลย พอดีเห็นเปียนังโหน่ง เลยจำได้ เค้าก็ถามนะว่ามั่นใจแค่ไหน ก็เลยบอกไปว่ามั่นใจมากเรื่องนี้ แล้วก็มารอบที่เหลือสองคน ก็เป็นลุงอายุมากแล้วล่ะ เค้าก็ใช้การจับฉลาก พอลุงเค้าตอบผิดก็ถึงตาเราตอบ จริงๆเรารู้ว่าข้อนี้เราได้แฟนพันธุ์แท้แน่นอน แต่คิดในใจว่า เอ๊ะ..แกล้งตอบผิดดีมั้ย ให้มันดูแบบว่ามีศักดิ์ศรีหน่อย แต่คิดไปคิดมา ไม่เอาดีกว่าเดี๋ยวพลาดขึ้นมา กลัวไม่ได้แชมป์ ก็เลยตอบไปเลย ก็เลยได้แชมป์แฟนพันธุ์แท้ แต่จะมีข้อสุดท้ายชิงตั๋วดูหนังฟรีตลอดชีวิต เราไม่ได้เพราะเราตอบผิด ก็เลยได้แค่ถ้วยแล้วก็ใบประกาศ
พี่บี : ไม่ได้ตังค์เลยเหรอ
ไอยรา : หมื่นนึง หักภาษีไปห้าเปอร์เซ็นต์ เหลือเก้าพันห้า
พี่บี : ก็ยังดี ปกติดูหนังบ่อยแค่ไหน
ไอยรา : เคยมากสุด วันนึงห้าเรื่อง แต่ทุกอาทิตย์อย่างน้อยต้องมีหนึ่งเรื่อง
พี่บี : แล้วตั้งแต่ดูมา ชอบเรื่องไหนมากที่สุด
ไอยรา : Driving Miss Daisy เป็นหนังปี 1989 ซึ้งมาก เป็นเรื่องของคนแก่คนนึง เรานึกถึงยายเลยว่า เราตอนแก่จะเป็นยังไง และเป็นภาพยนตร์ยอดเยี่ยมรางวัลออสการ์ปี 1989 คว้าไปสี่รางวัลออสการ์
พี่บี : ใครเล่น
ไอยรา : เจสสิก้า แทนดี้ กับมอร์แกน ฟรีแมน แต่ถ้าเป็นหนังไทยเรื่องที่ชอบมากที่สุดคือ O Negative รักออกแบบไม่ได้ มันหักมุมดี
พี่บี : หนังแนวไหนที่ชอบดู
ไอยรา : ดราม่า
พี่บี : เรื่องล่าสุดที่ดู
ไอยรา : จำไม่ได้อ่ะ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ดู ใกล้เอนท์ อ๋อ..นึกออกแล้วล่าสุดที่ดูเป็นหนัง VCD เรื่อง Lilo & Stich แต่ในโรงจำไม่ได้
พี่บี : พระเอก นางเอกที่ชอบ
ไอยรา : นางเอกก่อนนะ ชอบอยู่สามคน คนแรกคือแจสสิก้า แทนดี้ คนที่สองนิโคล คิดแมน สุดท้ายจูเลีย โรเบิร์ต ส่วนผู้ชายนี่ชอบ โคลิน ฟาเรล แล้วก็เกรกอรี่ เป๊ก เป็นดารารุ่นเก่าแล้ว เค้าเล่นหนังปี 1958 เรื่อง To Kill A Mocking Bird
พี่บี : ไปขุดหนังเก่าๆนี้มาจากไหนเหรอ
ไอยรา : อู๊ย..คลองถมเยอะแยะ ก็ไปหามาดู เพราะติดตามออสการ์ไง ก็อ่านหนังสือ เราก็คุ้ยๆมาดู
พี่บี : แล้วตัวร้ายล่ะ
ไอยรา : ชอบดี้ ชนานา นุตาคม เพราะว่าเค้าพูดได้ตรงใจเรามาก เค้าพูดว่า ทำไมนางร้ายไม่เคยได้ดีเลย คิดดูนะอีนังร้ายรักพระเอกแทบตาย ดันไม่ได้พระเอก แต่นางเอกดูสิ ไม่เห็นจะรักพระเอกเลย ตอนจบมันก็ต้องได้กัน
พี่บี : ใครบอกเหรอว่านางเอกไม่ได้รักพระเอก เค้ารักแหละ แต่จะให้ออกอาการแบบนางร้ายได้ยังไง เข้าใจมะว่าต้องสงวนท่าที แล้วบทตลกล่ะชอบใคร
ไอยรา : ชอบวู้ปี้ โกเบิร์ก ส่วนของไทยไม่ได้ชอบมากเป็นพิเศษ แต่ถ้าเกิดดูจริงๆ ก็คือจะเป็นพี่ตุ๊ยตุ่ย (น้องpop) เค้าเรียนนิเทศ จุฬาฯไง เป็นคณะที่เราใฝ่ฝัน
พี่บี : นี่ถ้าพี่เค้าไม่ได้เรียนนิเทศ จุฬาฯ ก็คงไม่ชอบล่ะสิ แล้วใครที่เซ็กซี่ที่สุด
ไอยรา : เอาในโลกเลยใช่มะ นาโอมิ แคมเบล กับ นิโคล คิดแมน
พี่บี : อย่างนี้ก็ต้องดู The Hours ที่นิโคลเล่น
ไอยรา : ชอบมากๆ คนอื่นดูแล้วหลับกันทั้งประเทศ เราดูแล้วเข้าใจมากๆ เพราะว่าชอบ เมอรีล สตรีพ ด้วยจริงๆอ่ะ ชอบวิธีการสร้างหนังของสตีเฟ่น ดัลดรี่ ที่เอาสามเรื่องมาปนกันในเรื่องเดียว
พี่บี : คนนี้ก็เลยเป็นผู้กำกับที่ชอบมากที่สุดด้วยรึเปล่า
ไอยรา : ใช่ แล้วก็มีแซม เมนเดส อีกคน
พี่บี : Sound Track ล่ะ
ไอยรา : ชอบ "Under The Sea" จาก Little Mermaid แล้วก็ "แค่เธอรักฉัน" กับ "คงสักวัน" จาก O Negative
พี่บี : พูดถึงอุตสาหกรรมหนังไทยหน่อยสิ
ไอยรา : พูดตรงๆเลยว่า ตอนนี้คนดูไม่หลากหลาย อุ๊ย..ดราม่าไม่อยากดู อย่างที่อเมริกาคนเค้าเยอะมาก เค้าแตกต่างทางด้านเชื้อชาติและวัฒนธรรม เพราะฉะนั้นอย่างคนไทยทำหนังเพลงจะไม่มีใครดู แต่ถ้าเกิดเมืองนอกเค้าทำ เค้าดู รายได้เค้าถึง เรื่องของรางวัล เรื่องของเงินทุน เค้ามีอยู่แล้ว เพราะว่าคนดูเค้าหลากหลาย เค้าทำมาก็มีคนตอบสนอง เค้าทำหนังหลากหลายและมีคุณภาพ แต่คนไทยมีคุณภาพก็จริง แต่คนดูไม่ตอบสนอง อย่าง "มนต์รักทรานซิสเตอร์" หนังมันดี มันให้ข้อคิดแก่ชีวิต แต่คนไทยดูไม่ได้ คนไทยจะชอบพวกหนังผีหนังตลกอะไรยังเงี้ย
พี่บี : คิดว่าเสน่ห์ของหนังไทยอยู่ตรงไหน
ไอยรา : ต้องบอกตามตรงว่ามีเฉพาะบางเรื่องเท่านั้น นี่คือเหตุผลว่าทำไมหนังไทยไม่เคยได้ไปออสการ์ สาเหตุก็คือว่าคนไทยทำหนังเลียนแบบฝรั่ง ทำด้วยวิธีฝรั่ง หนังจีนอย่าง "Hero" เห็นมั้ยว่ามีลักษณะของจีนโดยแท้ ฝรั่งอยากเห็นอะไรที่เป็นจีนโดยแท้ ฝรั่งอยากดูสุริโยทัย เพราะมันเป็นอะไรที่ไทยโดยแท้ เพราะฉะนั้นเสน่ห์ของหนังไทยที่ชอบจริงๆคือ "ขวัญเรียม" มันเป็นเสน่ห์ของหนังไทย คือเป็นรักของคนไทยจริงๆ "อำแดงเหมือนกับนายริด" ยังเงี้ย อย่างสุริโยทัย ฝรั่งเค้าตื่นตาตื่นใจ โอ้โห..เคยวิจารณ์ให้เพื่อนฟัง แล้วไปอ่านบทวิจารณ์ของต่างประเทศ คือวิจารณ์เหมือนกับเราเลย รู้สึกดีใจมาก คือสุริโยทัยเนี่ยะ ไปดูวันแรกของการเข้าฉายเลยพี่ ดูเสร็จเราก็พูดเลยว่าตัวละครมันมากเกินไป ใช้ซะจนพร่ำเพรื่อ แล้วทำให้การแสดงดูอ่อนที่สุด คือหนังควรจะเปลี่ยนชื่อเป็นท้าวศรีสุดาจันทร์มากกว่า เพราะถ้าดูทั้งเรื่องจะเห็นว่าท้าวศรีสุดาจันทร์จะมีบทบาทมากๆ บางตอนสุริโยทัยหายไปเกลี้ยงเลย แต่ยอมรับเรื่ององค์ประกอบงานสร้าง เรื่องของเสื้อผ้า แล้วก็เรื่องของคน ฝรั่งตอนนี้เค้าใช้ CG (computer graphic) หมดแต่บ้านเรายังใช้คน
พี่บี : อยากทำหนังมั้ย
ไอยรา : อยากเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ อยากได้รางวัลออสการ์ นี่คือความฝันอันสูงสุด
พี่บี : จำได้มั้ยว่าหนังไทยเรื่องแรกที่ดูคือเรื่องอะไร
ไอยรา : เรือนมยุรา จำได้เพราะแม่พาไปดูที่โรงหนังเพชรเกษม
พี่บี : คิดว่าราคาตั๋วหนังทุกวันนี้…
ไอยรา : แพงเกินไป
พี่บี : ยังถามไม่ทันจบเลย
ไอยรา : มันเป็นการค้าแบบผูกขาด เพราะว่าอะไร SF ,Major ,EGV มีอยู่แค่เนี่ยะ ถ้าไม่ดูสามที่นี้จะไปดูที่ไหน ถูกมั้ยพี่ จะไปดูวงเวียนใหญ่เงี้ยเหรอ มันก็ดูไม่ได้
พี่บี : แต่พี่ว่าสามที่นี้รวมๆกันก็มีหลายที่เหมือนกันนะ ยังไม่พออีกเหรอ
ไอยรา : แหม..พี่ คิดดูนะถ้าเกิดเค้ารวมตัวกันขึ้นราคาไปเรื่อยๆ ธุรกิจหนังไทยจบแน่ แต่จะว่าไปก็โทษโรงหนังอย่างเดียวก็ไม่ได้ เพราะว่าโรงหนังเค้าก็ต้องซื้อมาจากผู้สร้างหนังอีกที เค้าจะโดนหักครึ่งนึงอะไรยังเงี้ย แต่พี่ลองคิดดูว่า ถ้าหนังมันดีจริง คนก็ดูเยอะอยู่แล้ว มันไม่เกี่ยวกับว่า เค้าจะมาเก็บเงินอะไรเราเพิ่มเลยอ่ะ ทุกวันนี้มัน 120, 140 แล้วศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ลดก็ไม่ได้ เคยอ่านเจอเค้าบอกว่าการที่ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ลดไม่ได้เพราะว่า บริษัทหนังขอ คือสมมุติว่าทุกวันนี้ 120 เค้าจะเอา 60 ถูกมั้ย แต่ถ้าเกิดศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ช่วงสามวันแรก 120 เค้าจะเอา 90 อะไรยังเงี้ย เค้าก็เลยไม่ลดให้เรา
พี่บี : คิดว่าตลาดหนังในกรุงเทพกับต่างจังหวัดต่างกันมั้ย
ไอยรา : ตลาดต่างจังหวัดเค้าดูเค้าจะไม่เน้น Sound Track นะ เค้าจะดูเป็นแบบพากย์ไทย ซึ่งเราจะทนไม่ได้ พี่คิดดู จูเลีย โรเบิร์ต พูดอีสานอ่ะ "อั้นนี่ข้อยซิเว่าให้ฟั้ง เรื่องมันเป็นจั๊งซี่"
พี่บี : จริงเหรอ
ไอยรา : มันพูดยังงี้จริงๆ
พี่บี : เจ้าของหนังเค้าไม่ว่าเหรอ
ไอยรา : ก็ไม่ได้พากย์เสียๆหายๆ เค้าพากย์ไทย แต่พากย์แบบไทยอีสาน
พี่บี : เค้าต้องคุมด้วยรึเปล่าเวลาเอาหนังไปพากย์
ไอยรา : ไม่ ก็เหมือนเราซื้อลิขสิทธิ์ไปแล้ว เคยดูอย่าง Matrix คีอานู รีฟ พูดว่า "ฮ้อนแต้ๆ" มันมีจริงๆ ธุรกิจหนัง เอส วีซีดี มันเป็นธุรกิจหนังตัวใหม่ของเมืองไทย ที่เค้าจะเอาไปแปลเป็นภาษาเหนือ ใต้ อีสาน
พี่บี : อือ..เป็นความรู้ใหม่เลยนะเนี่ย / ของสะสมเกี่ยวกับหนังเยอะมั้ย
ไอยรา : เยอะ ส่วนใหญ่จะเป็นวีซีดีกับวิดีโอภาพยนตร์ แต่ของสะสมที่ชอบที่สุดคือวิดีโอเทปงานประกาศผลรางวัลออสการ์
พี่บี : มาคุยเรื่องออสการ์บ้างดีกว่า
ไอยรา : อ๋อ..จะให้พูดเรื่องออสการ์ใช้มั้ย ได้เลย..ย ออสการ์ตั้งขึ้นในปี 1927 โดยสถาบันศิลปวิทยาการแห่งภาพยนตร์ของอเมริกา และมีชื่อเต็มๆว่า Academy Award แต่ว่าพอมาออสการ์ประมาณปี 1930:1932 มีคนนึงเค้าเป็นบรรณาธิการของหนังสือ Academy Award เค้าเห็นรูปปั้นออสการ์ เค้าก็บอกว่าหน้าเหมือนลุงเค้าที่ชื่อออสการ์ เค้าก็เลยเรียกมาตลอดเลยว่าออสการ์ แต่มาแพร่หลายตอนที่วอลท์ดิสนีย์ ขึ้นไปรับรางวัลแล้วพูดว่า Thank You Oscar คือวอลท์ดิสนีย์เป็นคนที่ทำให้คำว่าออสการ์แพร่หลาย ปี1935 เป็นต้นมา คำว่าออสการ์ก็เลยแพร่หลายมาจนถึงปัจจุบัน
พี่บี : อ๋อ..จริงๆแล้วรางวัลชื่อว่า Academy Awards
ไอยรา : ก็เหมือนบ้านเราที่มีรางวัลพระสุรัสวดี แต่ก็เรียกกันว่าตุ๊กตาทอง
พี่บี : เออใช่ ลืมคิดไปเลย มันคงเรียกง่ายดีเนอะ ใครจะมานั่งพูดว่ารางวัลพระสุรัสวดี ออกจะยาวเชียว เหมือน Academy Awards แหละ / ทดสอบความรู้กันบ้างดีกว่า หนังเรื่องไหนที่เข้าชิงรางวัลออสการ์มากที่สุด
ไอยรา : มีสองเรื่องคือ All About Eve กับ Titanic เข้าชิง 14 รางวัล แต่ที่ได้รับรางวัลมากที่สุดคือ Benhur กับ Titanic คือ 11 รางวัล
พี่บี : แล้วดาราที่ได้ออสการ์มากที่สุดล่ะ
ไอยรา : แคทเธอรีน เฮพเบิร์น คว้าทั้งหมด 4 รางวัล ครั้งแรกปี 1931:1932 จากเรื่อง Morning Glory จาก12 ครั้งที่เค้าเข้าชิงทั้งหมดไม่มีครั้งไหนที่เค้าเข้าชิงจากบทสมทบเลย จะเข้าชิงจากดารานำทั้งหมด ครั้งที่สองปี 1967 จาก Guess Who's Coming To Dinner ครั้งที่สามปี 1968 เค้าได้ร่วมกับ บาบาร่า สตรัยเซ่น คือบาบาร่าได้จาก Funny Girl แต่เค้าได้จาก The Lion In Winter ครั้งที่ 4 ปี1981 จาก On Golden Pond เล่นคู่กับเฮนรี่ ฟอนด้า พ่อของเจน ฟอนด้า แล้วปีนี้ก็เป็นปีที่ดาราฮอลลี่วู้ดตายเยอะมาก
พี่บี : ไม่อยากเล่นหนังบ้างเหรอ
ไอยรา : ไม่อยาก อยากทำงานเบื้องหลัง มีความรู้สึกว่าตัวเองชอบวาดฝันจินตนาการ ตัวเองเป็นคนมีจินตนาการสูง
พี่บี : อยากเป็นผู้กำกับใช่มะ อยากกำกับดาราคนไหนมากที่สุด
ไอยรา : เอาจริงๆเลยนะ อยากกำกับมาริลีน มอนโร ถ้าเค้ายังไม่ตายนะ เพราะว่า…censor…ตอนที่เค้าเซ็นสัญญากับ MGM เค้าบอกว่าถ้าจะให้ฉันเซ็นสัญญา ฉันต้องได้เล่นกับผู้กำกับห้าคนนี้นะ ก็เลยอยากเปลี่ยนทัศนคติเค้าไง คือมันน่าจะยอมรับคนอื่นบ้าง แล้วถ้าเกิดเป็นดาราไทยอยากกำกับทาทา เพราะอยากรู้ว่า…censor… ขนาดไหนแล้วก็อยากกำกับมะหมี่ เพราะว่าเค้าเป็นคนที่มีความเป็นไทยมากๆ ไทยจริงๆ
พี่บี : แล้วถ้าให้เราเล่นหนัง คิดว่าจะเหมาะกับเรื่องไหนมากที่สุด
ไอยรา : Ghost ไม่ได้เป็นนางเอกนะ เป็นวู้ปี้ โกเบิร์ก
พี่บี : แล้วไป..ตกใจหมดเลย
ไอยรา : ทำไมล่ะ เป็นนางเอกไม่ได้รึไง
พี่บี : เป็นได้..ว่าแต่เป็นคนผิวแห้ง รึผิวมัน
ไอยรา : ผิวมัน ดูหน้าสิ
พี่บี : คติประจำใจ
ไอยรา : มันมีหลายสิ่งที่เข้ามาในชีวิตเรา แต่มีบางสิ่งเท่านั้นที่สร้างความประทับใจให้แก่เรามากมาย
พี่บี : มีคนฝากมาถามว่าวันนั้นเห็นไอยราทำท่าหว่านข้าวในห้อง ที่บ้านทำนาเหรอ
ไอยรา : เปล่า ทำนากุ้ง
พี่บี : รวยนะ ทำนากุ้ง ญาติๆพี่ก็ทำกันเยอะ เทกุ้งทีนึง รับเละเลย
ไอยรา : ขาดทุนทีนึงก็เละเหมือนกันนะ
พี่บี : ถือว่าถูก เพราะว่าเลี้ยงกุ้งเนี่ยะจุกจิกมาก ต้องเฝ้า 24 ชั่วโมงเลยนะ ถ้ากุ้งเกิดเป็นโรค เจ๊งบ้งเลย / เรียนดาว้องก์กี่คอร์สแล้วไอยรา เรียก "ไอยราวี" ได้มะ
ไอยรา : น่าเกลียดพี่ ก็เรียน Intensive กับ Turbo ซื้อคอร์สต่อจากเพื่อนหมดเลย
พี่บี : นั่นแน่..แสดงว่าชอบซื้อของต่อจากชาวบ้านเค้า
ไอยรา : แต่ก็ราคาเท่ากันนะ
พี่บี : แล้วคุณภาพล่ะ
ไอยรา : โอเคเลย ไม่ต้องอ่านมากมาย ชอบ เรียนแล้วมันเข้าหัวไปเลย
พี่บี : คิดว่าจะเอนท์ติดมั้ย
ไอยรา : คิดว่าเชียงใหม่ได้แน่ๆ แต่จุฬาฯนี่ไม่ชัวร์
พี่บี : พร้อมกี่เปอร์เซ็นต์แล้ว
ไอยรา : 80 เปอร์เซ็นต์
พี่บี : แล้วก็จะเพิ่มขึ้นอีกวันละ5 ก็พอดีเลย ครบร้อย / ขออะไรนายกก็ได้หนึ่งข้อ อยากขออะไร
ไอยรา : ขอไปนอนบ้านท่านหนึ่งวัน
พี่บี : เพื่ออะไร
ไอยรา : ขโมยของ (หัวเราะ)
พี่บี : เล็งอะไรไว้เหรอ
ไอยรา : ไม่รู้ อันนี้พูดตามความรู้สึก..อึ้งมั้ยล่ะ ไม่เหมือนนางงามหรอก พอถามว่าถ้าได้ตำแหน่งแล้วอยากทำอะไร ก็ตอบโน่นตอบนี่ แต่ถ้าเป็นเราก็จะตอบว่าขอกลับไปนอนเที่ยงคืนกว่าแล้ว
พี่บี : เออ..คุยกันมาตั้งนาน มีฉายาอะไรบ้างรึเปล่า
ไอยรา : น้องเฟิร์น
พี่บี : ฉายาอะไรจะเพราะเสนาะหูเช่นนี้
ไอยรา : เฟินหยันนะพี่
พี่บี : เฟินหยัน ฟันเหยิน ใครตั้งให้เหรอ อยากให้รางวัลจังเลย เข้าใจดึงเอาจุดเด่นมานำเสนอ
ไอยรา : ไปป์น้องพี่เป๊กไง
พี่บี : อ๋อ..พี่เป๊ก หนุ่มป๊อบของเรานี่เอง เอาล่ะฝากถึงเพื่อนๆนิดนึง
ไอยรา : ตั้งใจอ่านหนังสือแล้วกัน เดี๋ยวจะเอนท์ไม่ติด
พี่บี : ง่ายๆแค่นี้เลยนะ โอเค ขอบคุณน้องเฟิร์นมาก บ๊าย บาย
***หนังไทยอาจจะได้ไปออสการ์ ถ้าได้ไอยรามาเป็นผู้กำกับ*