Monday 3 September 2007

ทักษิณเปิดใจผ่านหนังสือ”ทักษิณ WHERE ARE YOU? ชีวิตหลังปฏิวัติ”

ทักษิณเปิดใจผ่านหนังสือ”ทักษิณ WHERE ARE YOU? ชีวิตหลังปฏิวัติ”
Wednesday, August 1st, 2007 in Thaksin post-coup interviews by ThaksinTheBest
รหัสหนังสือ : 9789747512540
จำนวน : 240 หน้า
ผู้แต่ง : สุณิสา

หนังสือเล่มนี้จะพาคุณผู้อ่านไปสัมผัสกับความรู้สึก...พร้อมแนวคิด...ของอดีตนายกฯ หลังเหตุการณ์ปฏิวัติ และกรณียุบพรรคไทยรักไทย ณ วันนี้ท่านใช้ชีวิตอยู่ที่ไหน? ดำเนินชีวิตในแต่ละวันอย่างไร? มุมมองการเมืองและเศรษฐกิจในปัจจุบันนั้นท่านมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง? และจะทำอะไรต่อไปในอนาคตที่เหลืออยู่? ถ่ายทอดด้วยสำนวนภาษาอ่านง่าย สนุกสนาน พร้อมภาพประกอบสวยงาม ชวนติดตามทั้งเล่ม หลายเรื่องราวคงให้คำตอบที่ดีแก่ผู้อ่านที่มีความสงสัยใครรู้ว่าขณะนี้..."ทักษิณ : Where are you?"

ขนาดรูปเล่ม : 145 x 208 x 13 มม.
เนื้อในพิมพ์ : ขาว-ดำ (สีเดียว) / สี
ชนิดของปก : ปกอ่อน
เดือน/ปีที่พิมพ์ : 8/2007

ราคาปก 185.00 บาท

Part I กว่าจะเจอ "ทักษิณ"
ตอนที่ 1 จากกรุงเทพฯ สู่เมืองผู้ดี
ตอนที่ 2 ตามล่า "ทักษิณ" ในลอนดอน

Part II ชีวิต "ทักษิณ" ในต่างแดน
ตอนที่ 3 บ้านใหม่ในลอนดอน
ตอนที่ 4 "โอ๊ค" เล่าเรื่องพ่อ
ตอนที่ 5 เหตุเกิดที่แฮรอดด์
ตอนที่ 6 ทักษินาตร้า ณ.แมนซิตี้
ตอนที่ 7 ทรงผมใหม่ของ "ทักกี้"
ตอนที่ 8 ชิมไวน์ เมืองน้ำหอม
ตอนที่ 9 เช็ควงสวิง เมืองลุงแซม
ตอนที่ 10 "ลิเดีย" สะใภ้ในฝัน
ฯลฯ

Part III วันพรุ่งนี้ของ "ทักษิณ"
Part IV ความลับของคนเขียน
เนื้อหาบางส่วนในหนังสือชื่อ ทักษิณ Where are you? จากสำนักพิมพ์นอกโลก ซึ่งเขียนโดย ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต นักข่าวสายทหาร แก่งสถานีโทรทัศน์ช่อง5 ซึ่งบินไปเปิดใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ทุกแง่ทุกมุมที่อังกฤษ




ชีวิตในต่างแดน มหาเศรษฐี ‘ทักษิณ’
พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้ชีวิตในลอนดอน ด้วยการอาศัยอยู่ที่ serviced apartment ชื่อดังที่คนดังนิยมไปพัก ที่ต้องมีค่าใช้จ่าย ราว 1.2 พันปอนด์ ต่อสัปดาห์ (8.4 หมื่นบาท) โดยชีวิตแต่ละวัน หมดไปกับการพักผ่อน การเดินห้าง Harrods ไปจิบกาแฟ กินวาฟเฟิล กิน fish&chips การนั่งรถแท็กซี่ไปที่ต่างๆ สลับกับการเดินทางไปต่างประเทศ
“อู้หู หลายตังค์ เดือนหนึ่งก็หลายล้านนะ 2-3 ล้านมั้ง ค่าใช้จ่ายที่นี่สูง เอางี้ดีกว่า เฉพาะค่าใช้จ่ายที่ผมนั่งรถไปมาเนี่ยนะ วันหนึ่งเนี่ย ค่าเติมน้ำมัน 25 ปอนด์ ค่าที่จอดรถ 18 ปอนด์ เป็น 43 ปอนด์แล้วนะ แล้วค่า Congestion Charge ซึ่งเป็นค่าวิ่งเข้าเมืองอีก 8 ปอนด์ รวมเป็น 51 ปอนด์ แล้วค่าประกันภัยอีกวันละ 30 ปอนด์ รวมทั้งหมด 81 ปอนด์ต่อวัน นี่ยังไม่นับค่าสึกหรอ ค่าซ่อมรถ ค่าคนขับรถเลยนะ แค่ค่าใช้รถเนี่ย 81 ปอนด์ คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 5.6 พันบาทต่อวันนะ แล้วนี่เป็นค่าใช้จ่ายของรถแค่คันเดียวนะ”
นอกจากนี้ เขายังซื้อคฤหาสน์เก่า สไตล์อังกฤษ ยุคกลางๆ 2 ชั้น 5 ห้องนอน บนเนื้อที่ 3 ไร่ ย่านนอกเมือง ที่เวย์บริดจ์ กว่า 4 ล้านปอนด์ หรือราคาราว 280 ล้านบาท
“ผมซื้อบ้านอยู่นอกเมือง อยู่ที่เวย์บริดจ์ด้วย เป็นหมู่บ้านจัดสรรเก่าแก่เป็นร้อยปีแล้ว เมื่อก่อนนี้พวกบีทเทิล คลิฟ ริชาร์ด ไดนา รอส ก็อยู่แถวนี้ เจ้าของเดิมเป็นพวกกัปตันอาวุโสของสายการบินที่นี่ เขาเป็นพวกสะสมบ้าน แล้วก็ให้พวกผู้บริหารสถาบันการเงินเช่า ผู้บริหารสถาบันการเงินที่นี่จะชอบอยู่ทางนั้น”
“แพงสิ เพราะที่นี่ถือว่าเป็นหมู่บ้านจัดสรรที่เก่าแก่ ทั้งหมู่บ้าน มีบ้านไม่ถึง 500 หลัง เนื้อที่ทั้งหมู่บ้าน ก็ประมาณ 1 พันเอเคอร์ มีสนามกอล์ฟด้วย บ้านหลังหนึ่งจะมีขนาด 1 เอเคอร์กว่าๆ อย่างบ้านผมนี่ก็ขนาดประมาณ 3 ไร่ ของบ้านเรา เป็นบ้าน 2 ชั้น มี 5 ห้องนอน แล้วก็มีห้องใต้หลังคาด้วย เอามาทำเป็นห้องนอนได้”
ทักษิณยังเล่าถึงเรื่องการตัดผม แรกๆ ก็ลำบาก เพราะต้องให้ช่างตัดผมขาประจำจากเมืองไทยบินมาตัดให้ โดยอาศัยจังหวะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ แวะไปฮ่องกงหรือสิงคโปร์ จะใกล้กว่ามาอังกฤษ แต่ต่อมา พ.ต.ท.ทักษิณได้ช่างสเปนคนหนึ่งในร้านโทนี่ แอนด์ กายส์ ที่ลอนดอน เป็นคนตัดให้ เพราะเขาเอาผมทรงที่ช่างไทยตัดให้ไปให้ช่างคนนี้จำ แล้วลองตัดดูทั้งทรงและความยาว เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ กลัวที่สุดคือ กลัวสั้นเกินไป หลังจากที่ลองได้ 2-3 ครั้ง ก็โอเคยิ่งเมื่อช่างสเปนคนนี้มารู้ทีหลังว่า เขาคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ซื้อทีมแมนฯ ซิตี ก็ยิ่งปลื้ม

แม้ค่าใช้จ่ายจะสูงลิ่ว แต่กระนั้น พ.ต.ท.ทักษิณก็ยังใช้จ่ายตามประสาเศรษฐีไฮโซ เพราะเขายังเดินซื้อกระเป๋ายี่ห้อดัง ราคาเรือนหมื่นเรือนแสนให้คุณหญิงพจมาน ชินวัตร และลูกสาวทั้ง 2 คนเป็นประจำ “ทักษิณ” บอกว่า คุณหญิงพจมาน ชอบกระเป๋าแอร์เมสมากที่สุด แต่ที่เขาเคยซื้อให้ก็ราคาอย่างมากก็แสนกว่าบาท ส่วนของลูกจะใช้ยี่ห้อวัยรุ่นขึ้นมานิดหนึ่ง ก็พวกมัลเบอร์รี่ โคลเอ้ บาเลนเชียก้า มิวมิว อะไรแบบนี้
นอกจากนี้ เขายังใช้โทรศัพท์มือถือเยอะมาก คือ 8 เครื่อง 20 ซิม โดยเครื่องหนึ่งใส่หลายซิม รวมทั้งการดื่มไวน์ที่ พ.ต.ท.ทักษิณรู้สึกติดใจจากการไปตระเวนชิมไวน์ตาม cave ต่างๆ ในฝรั่งเศส ที่เจาะภูเขาเก็บไวน์ไว้ในถ้ำ ที่ทำให้เย็นตลอด โดยไม่ต้องใช้ไฟฟ้า
ไม่แค่นั้น พ.ต.ท.ทักษิณยังไปเรียนเล่นกอล์ฟ ถึงไมอามี สหรัฐอเมริกา แต่เขาเรียกว่าไป “เช็กวงสวิง” โดยได้เลือกโรงเรียนที่ดีสุดของ ไมอามี ชื่อ Jim McLean
“ทักษิณ” เขียนหนังสือชีวิตตัวเอง
พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่า ตอนนี้ใช้เวลาว่างในการเขียนบันทึก เขียนหนังสือเรื่องราวชีวิตของตัวเอง และในอนาคต เมื่อถึงเวลาคงจะมีการ ตีพิมพ์ออกมาอย่างแน่นอน เป็นเรื่องราวในชีวิตที่มีสีสันเยอะ ชีวิตเนี่ย ก็นึกไม่ถึงนะว่าชีวิตของคนคนหนึ่งจะมีสีสันเยอะขนาดนี้
แม้ชีวิตจะเต็มไปด้วยหลายสี แต่ พ.ต.ท.ทักษิณก็ระบุว่า “สีที่เขาป้ายให้ก็เยอะ สีที่ เราบรรจงเขียนเองก็เยอะ แต่สีที่เขาป้ายมันหนักกว่า”
“ชีวิตมันก็มี Good and Bad ทั้งนั้น ทุกmoment น่าจะหมายถึง ทุกช่วงชีวิต มีทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดีเกิดขึ้นสลับกันไป ขนาดอยู่เฉยๆ ยังถูกนำไปโยงกับเรื่องระเบิด เมื่อคืน 31 ธ.ค. 2549 เสียอีก ที่ทำให้เขา ฉุนเฉียว ระเบิดภาคใต้เกิดขึ้นมาเป็นปีๆ ยังจับกันไม่ได้เลย แล้วพอมีระเบิดเกิดขึ้นคืนเดียว กลับมาหาว่าเป็นผม ไม่รู้ว่าคิดได้ยังไง”
ประกาศสู้คดีถูกอายัดทรัพย์
พ.ต.ท.ทักษิณยังระบายความรู้สึกเมื่อถูกอายัดทรัพย์ว่า คตส.เขาไม่มีอำนาจตามกฎหมาย และขั้นตอนที่อายัดมันไม่ใช่ขั้นตอนนี้ แต่ขั้นตอนนี้มันเป็นขั้นตอนการเมือง มันไม่ใช่ขั้นตอนที่ถูกต้องตามกฎหมาย การกระทำครั้งนี้ เป็นการกระทำของคนที่ขาดความเข้าใจเรื่องของโลก เรื่องของความเสียหายที่จะเกิดขึ้น จากการที่ไม่ยึดหลักกฎหมายที่ถูกต้อง
“โอ้โห…แน่นอน ต้องต่อสู้ ต้องฟ้องกันทั้งทางแพ่ง ทางอาญาไปอีกนาน แล้วเมื่อถึงเวลาก็จะเดินทางกลับไปชี้แจงที่ประเทศไทยแน่นอน แต่ยังบอกไม่ได้ว่าเมื่อไหร่”
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า การอายัดทรัพย์เขานั้น มีการตีฆ้องร้องป่าวกันตั้งแต่เช้า คือ พนักงานสอบสวน เขาถือว่าผู้ต้องหาเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่ากระทำความผิด เขาจะต้องให้ความเป็นธรรม
“แต่นี่ พนักงานสอบสวนตีฆ้องร้องป่าวทุกวันนะ มันเป็นการเล่นการเมือง มันไม่ใช่เป็นพนักงานสอบสวน ไม่ใช่พนักงานที่ให้ความยุติธรรมกับคน พนักงานที่ให้ความยุติธรรม เขาไม่มาตีฆ้อง ร้องป่าว เขาจะนิ่ง จะสุขุม จะว่าตามพยานหลักฐาน แต่นี่มันไม่ใช่ เขาเรียกเจ้าพนักงานแก้แค้นทางการเมือง ไม่ใช่พนักงานยุติธรรม”
รู้สึกอย่างไรที่มีคนพูดว่า นี่เป็นเงินที่คุณทักษิณโกงมา
ก็รู้สึกทุเรศ (เขาสวนขึ้นมาทันที และเน้นเสียง) ก็รู้สึกว่าคนที่กล่าวหาเนี่ยผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงทำอะไรอย่างนี้ได้ ซึ่งมันทุเรศมากนะ
ได้ข่าวว่ามันเป็นเงินที่คุณทักษิณใช้เป็นท่อน้ำเลี้ยง
ก็แล้วแต่จะกล่าวหานะ มันกล่าวหาท่อน้ำเลี้ยงตั้งแต่ตอนใหม่ๆ แล้วตั้งแต่ตอนปฏิวัติใหม่ๆ เดี๋ยวก็ท่อ ก็ท่อ ไม่รู้ท่ออะไรของเขา ไม่รู้บิดาใครชื่อท่อก็ไม่รู้
มีข่าวว่ามาตลอดว่าคุณทักษิณสนับสนุนคลื่นใต้น้ำ
รู้อะไรไหม วันนี้เขาก็บอกว่าผมจะถ่ายทอดสดออกไป ก็เต้นกันไปทั้งเมืองเลย การข่าวห่วยไง การข่าวดีจะเป็นยังงี้ได้ยังไง ไม่ต้องอะไร มีอยู่วัน มีคนปล่อยข่าวว่า ผมจะเข้าทางเชียงราย คนอย่างผมจะเดินเข้าเชียงรายทำไม จะเข้าประเทศทำไมไม่เข้าทางสุวรรณภูมิ ทำไมต้องไปเข้าที่เชียงราย เสร็จแล้วส่งทหารไปเป็นกองพันไปยันชายแดน ไม่รู้สิ มันอ่อนเหลือเกินในเรื่องพวกนี้ โห…น่าสงสาร
อัดยุบ ทรท.‘คนไม่ปกติ’ แทรกแซงศาล
แต่เมื่อถูกถามถึงความมั่นใจเกี่ยวกับความยุติธรรมที่จะได้รับจากศาลนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า “เราก็หวังอย่างยิ่งว่า ศาลจะไม่ถูกแทรกแซง เพราะอย่างเรื่องคดียุบพรรค ตุลาการรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา ก็ถูกแทรกแซง เรียกว่า คนที่มีปัญหาเพียงครึ่งเดียว แข็งครึ่ง อ่อนครึ่ง ก็ยังเข้าใจว่าแทรกแซง
แล้วคิดว่าใครแทรกแซง
ก็มีคนเดียวนี่แหละ ที่ไม่ปกติ
ไม่ปกติยังไง
เป็นคนไม่ปกติมานานแล้ว เราเรียกร้องหาความยุติธรรม
“ความยุติธรรมก็คือว่า ผิดคือผิด ถูกคือถูกไง หลายคนผิดคือถูก หลายคนถูกคือผิด ก็เห็นคำพิพากษาไหมล่ะ พรรคประชาธิปัตย์นี่เป็นพรรคที่ดีเลิศประเสริฐศรี พรรคไทยรักไทยเป็นพรรคที่ชั่วช้าไม่มีเหลือเลย อ่านคำพิพากษาแล้วผมบอกว่า นี่ไม่ต้องเอาคนฟังเลย ให้ใครฟังก็รับไม่ได้นะ ว่าวิธีการมันแย่”
การตัดสินยุบพรรคนั้น มันก็เหมือนกับบอกว่า เอ่อ ประชาชนนะ คราวหน้า ผมจะเอาพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลแล้วล่ะ เพราะฉะนั้น ประชาธิปไตยที่ผมต้องการก็คือว่า ให้เลือกประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล
ระลึกถึง ‘สนธิ’
พ.ต.ท.ทักษิณ แสดงความรู้สึกต่อแกนนำ คมช.หลายคน โดยเริ่มจาก พล.อ.สนธิ บุญย รัตกลิน ผบ.ทบ.และประธาน คมช. โดยเขาเชื่อ พล.อ.สนธิ จะเล่นการเมือง แน่นอน
แล้วคุณทักษิณละคะ เปลี่ยนใจรึยัง ที่บอกว่าจะไม่เล่นการเมือง
ก็คงไม่เล่นนะ ก็ทุกวันนี้เขาถึงขนาดยอมเอาชาติพังทั้งชาตินะ เพราะต้องการขจัดผมออกจากการเมืองอย่างเดียว ถ้าผมขืนอยู่ต่อ ชาติมันจะพังมากกว่านี้ เพราะว่าเขาต้องการขจัดผม โดยที่ไม่คำนึงเลยว่าชาติจะแย่
กรณีที่ พล.อ.สนธิ ให้สัมภาษณ์ว่า ตอนที่ไปพม่ากับ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น กลัวจะถูกคุณทักษิณจับตัว จนต้องเอามือจับปืนตลอดเวลานั้น
ปัดโธ่ สร้างนิยาย สร้างนิยาย นิยายเรื่องอะไรก็ไม่รู้
เคยคิดจะทำอย่างนั้นไหม
ผมไม่เห็นจะอะไรเลย ผมไม่ได้ให้ความสำคัญเลย คือ ที่ให้ไปเนี่ย ก็เพราะว่า เออ จะได้ไปรู้จักกับทหารด้วยกัน เพราะว่าเขาเป็นรัฐบาลทหารจะได้รู้จักกัน วันนี้ก็เป็นเพื่อนกันได้ดีแล้วนี่
ส่วนความรู้สึกที่มีต่อ พล.อ.สนธินั้น พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ก็ไม่ได้คิดอะไร ผมเป็นคนที่ชอบมองไปข้างหน้า ผมก็ยังถือว่าเขาเป็นรุ่นพี่ของผมอยู่ เพียงแต่อยากจะบอกเขาว่า ในเมื่อเขาตัดสินใจเข้ามาตรงนี้แล้ว ก็ขอให้ทำให้ดี ทำให้เป็นก็แล้วกัน
พ.ต.ท.ทักษิณ ยอมรับว่า ช่วงแรกๆ หลังการเกิดเหตุการณ์ 19 กันยา ได้เคยโทรศัพท์ไปคุยกับ พล.อ.สนธิ
“ช่วงแรกก็เคย โทร.ไปคุยกันนะ แต่ตอนหลังๆ ไม่ได้คุยแล้ว เพราะผมพยายามคุยกับเขาเรื่องสมานฉันท์ แต่เขาทำเฉยๆ ก็เลย ไม่ได้ โทร.ไปแล้ว”
เพื่อนทหารรุ่น 10 ที่ชื่อ ‘อนุพงษ์’
ส่วนเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 10 ที่เป็นแกนนำ คมช.อย่าง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผช.ผบ.ทบ.และ ผช.เลขาธิการ คมช.นั้น มีปัญหาอะไรกันหรือไม่
“ไปถามเขา ไม่ต้องถามผม” พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบห้วนๆ ก่อนจะบอกว่า ตอนเรียนเตรียมทหารก็ไม่ได้สนิทกัน เพราะนักเรียนเตรียมทหารมันมีตั้ง 12 ห้อง ไม่เคยอยู่ห้องเดียวกัน ผมไม่มีปัญหาอะไรกับเขา ผมเป็นคนดูแลเขาด้วยซ้ำ ตอนเขาเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ.จะไปเป็น ผบ.พล.1 รอ. เนี่ย ผมเป็นคนขยับเขาไปเป็น ผบ.พล.1 รอ. นะ เพราะว่าถูกไล่ที่ ผบ.พล.ร. 2 รอ. ผมก็เลยคิดว่า เอ๊ะ ถ้าเขาจะออกจาก ผบ.พล.ร.2 รอ. เนี่ย เขาก็ควรจะต้องได้ดีกว่านั้น ก็เลยให้มาอยู่ ผบ.พล.1 รอ.
ที่มา: โพสต์ทูเดย์
“ทักษิณ”อินพ็อคเก็ตบุ๊ก เปิดใจถึง “ป๋า”-เตือน “คมช.”
“มีตุลาการรัฐธรรมนูญบางคนถูกแทรกแซง คนที่แทรกแซงเป็นคนที่มีปัญหาครึ่งเดียว เป็นคนแข็งครึ่ง อ่อนครึ่ง”
หมายเหตุ : คัดมาจากพ็อคเก็ตบุ๊กชื่อ “ทักษิณ : Where are you?” ของ ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต อดีตผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 และนักเขียนอิสระ ที่เดินทางไปสัมภาษณ์พิเศษ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เมื่อเดือนมิถุนายน 2550
@ มองการทำงานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.)
มันไม่ได้เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย แต่เป็นขั้นตอนการเมือง การกระทำครั้งนี้เป็นการกระทำของคนที่ขาดความเข้าใจเรื่องโลก มันเป็นเงินของเรา เงินของผมนะ ผมจะไปอะไร จะมายุ่งกับของผมได้ไง ตราบใดที่ผมใช้สิ่งนั้นถูกกฎหมายภายใต้ระเบียบของกระทรวงพาณิชย์ และธนาคารแห่งประเทศไทย คุณยุ่งกับผมไม่ได้ นี่คุณยุ่งกับผมนะ ก็คงต้องต่อสู้ ฟ้องกันทางแพ่ง และทางอาญาอีกต่อไป คนที่ทำคือพนักงานแก้แค้นทางการเมือง ไม่ใช่พนักงานยุติธรรม
ผมไม่ได้มีความขัดแย้งกับคุณกล้านรงค์ จันทิก หรือคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา คตส.เป็นการส่วนตัว แต่มองว่าเป็นบุคคลที่เห็นตรงข้ามกันทางการเมือง แต่เชื่อว่าในที่สุดจะได้รับความยุติธรรมและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าศาลจะไม่ถูกแทรกแซง เพราะในคดียุบพรรคไทยรักไทยที่ผ่านมานั้น มีตุลาการรัฐธรรมนูญบางคนที่ถูกแทรกแซง ซึ่งคนที่แทรกแซงเป็นคนที่มีปัญหาครึ่งเดียว เป็นคนแข็งครึ่ง อ่อนครึ่ง
@ ใครแทรกแซง
ก็มีคนเดียวที่ไม่ปกติ
@ ไม่ปกติอย่างไร
เป็นคนไม่ปกติมานานแล้ว
@ ขอให้เล่าเหตุการณ์วันโดนยึดอำนาจ
เมื่อทราบว่าคณะปฏิวัติยึดสถานีโทรทัศน์ได้ทุกช่อง และได้มีการเข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ก็ถือว่าทุกอย่างจบ และไม่ได้คิดจะสู้เลย หลังจากนั้นก็กลับไปนอนต่อ และหลับสบายด้วยในคืนนั้น การที่ผมสั่งตั้ง บก.ควบคุมสถานการณ์ที่กองบัญชาการทหารสูงสุดก็เป็นช่วงก่อนหน้าซึ่งผมได้ประกาศภาวะฉุกเฉินไปก่อน แต่หลังจากนั้นเมื่อเข้าเฝ้าฯทุกอย่างก็จบ ก็ยุติ ส่วนข่าวที่ว่าส่งกำลังไปบล็อค พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ที่บ้านพักนั้น ก็ไม่จริง และไม่ได้สั่งเลย
@ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร เข้าไปพบ พล.อ.เปรม ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ หลังจากมีการยึดอำนาจใหม่ๆ ได้พูดคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร
ก็คงต้องถาม พูดให้เคลียร์ให้แจ่มแจ้ง เพราะป๋าคือ super power อย่างไรก็ดี เนื้อหาการสนทนาก็เป็นเพียงการสอบถามสารทุกข์สุกดิบกันเท่านั้น
@ กับข้อกล่าวหาต่อท่อน้ำเลี้ยงต่อต้านคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.)
รู้สึกทุเรศที่มีคนมาพูดว่าเงินและทรัพย์สินที่มีอยู่ได้จากการโกงมา หรือแม้กระทั่งบอกว่าใช้เงินเพื่อไปต่อท่อน้ำเลี้ยงในการต่อต้าน คมช.นั้นก็เป็นเรื่องที่คนกล่าวหากันไป หรือแม้กระทั่งเว็บไซต์ “ไฮ-ทักษิณ” ก็เป็นคนที่ชอบและสนับสนุนผมทำขึ้นมา จะมีบางครั้งเท่านั้นที่มีการติดต่อผ่าน ส.ส.หรือสื่อมวลชนที่สนิทเพื่อขอให้ผมถ่ายคลิปไปลง ซึ่งก็ทำให้แค่นั้น
กล่าวหาผมตั้งแต่ปฏิวัติใหม่ๆ แล้ว เดี๋ยวก็ท่อนั้น ท่อนี้ ไม่รู้ท่ออะไรของเขา ไม่รู้บิดาใครชื่อท่อ
สำหรับเงินที่ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม “พีทีวี” ใช้ไม่ใช่เงินของเขา กลุ่มแกนนำเขาจะใช้เงินกี่ตังค์กันเชียว พวกนี้เขาก็มีเงิน พวกนั้นพยายามหาเรื่องว่าเงินหายไป 2 หมื่นล้านเพราะเอาไปใช้อย่างนี้ ปัดโธ่…เงินตรงนี้ หมื่นล้านอยู่เมืองไทย เอาไปลงทุนในบริษัท ลงทุนในหุ้น ซื้อที่ดิน ใครจะมาเก็บเงินสดเอาไว้ อีกส่วนก็ลงทุนในอังกฤษ ก็ขออนุญาตแบงก์ชาติถูกต้อง
@ มีข่าว พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ประธาน คมช.จะเล่นการเมืองหลังจากเกษียณอายุราชการ
แน่นอน ลองดูต่อไปซิ แต่ผมไม่ได้คิดอะไรกับ พล.อ.สนธิเลย ชอบมองไปข้างหน้า ตอนหลังปฏิวัติใหม่ๆ ก็โทรศัพท์มาคุยกับเขานะ ตอนหลังไม่ได้คุยแล้ว เพราะผมพยายามคุยกับเขาเรื่องสมานฉันท์ แต่เขาเฉยๆ ก็เลยไม่ได้โทร.ไป แต่ผมยังถือว่าเขาเป็นรุ่นพี่ของผม เพียงแต่อยากบอกเขาว่าในเมื่อเขาตัดสินใจเข้ามาตรงนี้แล้วก็ขอทำให้ดี ทำให้เป็นเท่านั้นเอง
อยากเล่าถึงการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารก่อนการยึดอำนาจ ในบัญชีรายชื่อโยกย้ายมีการร้องเรียนเข้ามามาก จึงขอกลับมาดูข้อเท็จจริงก่อนขึ้นทูลเกล้าฯ และยืนยันว่า ไม่มีการเปลี่ยน ผบ.ทบ. พล.อ.สนธิ ยังอยู่ที่เดิม พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ เป็น ผบ.สส. และ พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช เป็นปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งเสนอมาอย่างไรก็ทูลเกล้าฯไปตามนั้น ไม่ได้คิดจะขยับรุ่นน้องไปข้ามหัวรุ่นพี่
@ ความสัมพันธ์กับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผช.ผบ.ทบ. ผู้ช่วยเลขาธิการ คมช. เพื่อนเตรียมทหารรุ่น 10 เป็นอย่างไร
ไม่ได้มีอะไรกัน และไม่ได้สนิทมาก เรียนกันคนละห้อง ผมเป็นคนดูแลเขาด้วยซ้ำ ตอนที่เขาเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ.ขยับไปเป็น ผบ.พล.1 รอ. ผมเป็นคนขยับให้เขาเป็น ผบ.พล.1 รอ.เพราะโดนไล่ที่ พล.2 รอ. ผมเลยเสนอว่า ถ้าขยับจาก พล.2 รอ. ควรจะต้องดีกว่านี้ สำหรับ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผช.ผบ.ทบ.จำได้ว่าโผที่เสนอมาขึ้นมาเป็น พล.อ.ประจำ แต่ก่อนหน้านี้ โผโยกย้ายครั้งก่อน เคยเสนอให้เป็นแม่ทัพภาคที่ 4
ผมไม่ได้รู้จักกับ พล.อ.สพรั่งเป็นการส่วนตัว จะว่าไปผมก็ชื่นชมเขาด้วยซ้ำ ยังเคยให้เขาเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 เลย เพราะเห็นว่าเป็นนักรบ บู๊ดี แต่ตอนนั้นมีคนในกองทัพเบรกไว้ สพรั่งก็เลยไม่ได้
ผมเองคงไม่สามารถยืนยันได้ว่า จะมีการปฏิวัติเกิดขึ้นในประเทศไทยอีกหรือไม่ เพราะตอนนี้มันศตวรรษที่ 21 ใครจะเชื่อว่าประเทศไทยซึ่งศิวิไลซ์มันยังเกิด แต่มันจะเป็นชนักติดหลังประเทศยาวไปเลย ผู้นำคนต่อไปจะไปพูดเชิญชวนให้มาลงทุนก็หนักใจ เดี๋ยวจะถูกเหน็บกลับว่าคุณจะได้กลับบ้านเมืองทักษิณหรือเปล่า
สำหรับรัฐบาลของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์นั้น วันนี้ถือว่าเป็นเผด็จการ ลองไปประเทศในยุโรป จะมีใครรับบ้าง เขาถือเรื่องประชาธิปไตย ในประเทศต่างๆ ของสหภาพยุโรปมีระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ ตอนนี้รัฐมนตรีของเราไปพบรัฐมนตรีของเขา ทางเขาก็ไม่ให้พบ
ผมเองคงไม่เล่นการเมืองแล้ว เพราะทุกวันนี้ขนาดยอมให้ชาติพังทั้งชาติ เพราะต้องการขจัดผมออกจากการเมืองอย่างเดียว โดยไม่คำนึงว่าชาติจะแย่ ถ้าขืนผมอยู่ต่อชาติก็จะพังแน่ เขาบอกว่าไม่ได้มองย้อนไปในชีวิตของการเป็นนักการเมือง เพราะได้แต่มองไปข้างหน้า พอมองข้างหน้าถึงบอกว่าไม่เอาอีกแล้ว ภรรยา บุตรชาย และบุตรสาวก็ไม่ต้องการให้เล่น ถึงขนาดที่ภรรยาขู่ว่าหากเล่นการเมืองก็จะหย่า
แต่อย่าต้อนให้ผมเข้ามุมสิ หมาจนตรอกมันยังสู้เลย ถ้าไม่กลั่นแกล้งกัน เราก็เลิก ก็ไปพักผ่อน ใช้ชีวิตแบบเป็นปกติ ถ้ากลั่นแกล้งทางการเมืองก็ต้องต่อสู้กันทางการเมือง
@ เคยมีข่าวว่าคุณหญิงพจมานจะมาดูแลพรรคไทยรักไทยแทน
ความจริงคุณหญิงไม่ชอบการเมือง ยกเว้นต้องบังคับเพราะถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง ส่วนคุณบุญคลี ปลั่งศิริ อดีตประธานชินคอร์ปฯ ถือเป็นคนที่มีฝีมือเป็นมืออาชีพ แต่ไม่ชอบการเมือง เช่นเดียวกับ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ก็ไม่ชอบ แต่ผมบังคับให้มาเล่น
@ มองอย่างไรกรณี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อาจตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่
ท่านยังแอคทีฟทางการเมืองอยู่ ก็เป็นไปได้ที่ท่านอาจจะตั้งพรรคการเมืองของท่าน แต่ผมคงไม่ไปสนับสนุน ส่วนในแง่การบริจาคเงินก็มีกฎหมายอยู่ มันเป็นเรื่องทางการอยู่แล้ว
@ รู้สึกว่าเป็นห่วงครอบครัวมาก
เชื่อเถอะ ผมผ่านชีวิตมาหมดทุกอย่าง ในที่สุดความสุขที่แท้จริงอยู่ที่บ้าน ทุกอย่างมันเป็นสมมุติทั้งนั้น ของปลอมทั้งนั้น อำนาจ วาสนา เงินทองมันเป็นสิ่งที่เมื่อถึงจุดหนึ่งมันก็ธรรมดา
@ รู้สึกอย่างไรที่เห็นภรรยา และลูกต้องขึ้นศาล
ก็ต้องท่องโคลงศรีปราชญ์
@ อนาคตทางการเมืองต่อไป
ไม่เอาแล้วท่องเที่ยวดีกว่า และอยากจะกลับไปสอนหนังสือ ผมจะกลับเมืองไทยเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ไม่อยากให้วุ่นวาย ไม่อยากให้เขาทะเลาะกันเพราะผม ทั้งนี้ ผมเกิดที่ไทยก็ต้องตายที่ไทย
ชีวิต”คนจน”ในต่างแดน
ในบทส่งท้ายของพ็อคเก็ตบุ๊ค ผู้เขียนบรรยายวิถีชีวิตของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเอาไว้โดยเคร่าๆ สรุปว่า
ตลอด 1 เดือนหลังจากเกิดเหตุการณ์รัฐประหาร พ.ต.ท.ทักษิณ จะใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยพักอาศัยอยู่ที่ “เซอร์วิส อพาร์ตเม้นท์” ใจกลางเมืองลอนดอน และบ้านพักนอกเมืองย่าน “เวย์บริดจ์” มูลค่าราว 280 ล้านบาท
นอกจากนั้น ยังไปท่องเที่ยวที่ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง และมัลดีฟ ใช้เวลาในต่างแดนในการตีกอล์ฟ ดำน้ำ ช็อปปิ้ง ร้องคาราโอเกะ กับ “ลิเดีย” ศรัณญ์รัชต์ วิสุทธิธาดา นักร้องค่ายอาร์เอส เพื่อนใหม่ต่างวัย และครอบครัวของเธอ ซึ่งสนิทสนมกับเขา เช่นเดียวกับใหม่ เจริญปุระ ดารานักร้องชื่อดัง ที่แวะไปเยี่ยม สืบเนื่องมาจากเขารู้จักกับ รุจน์ รณภพ ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง บิดาของใหม่ ตั้งแต่ทำธุรกิจหนัง
นักร้องทั้งคู่จะร่วมร้องเพลงในงานเปิดสโมสรแมนฯซิตี้ ซึ่งเขาเป็นเจ้าของในวันที่ 4 สิงหาคมนี้ด้วย

"แม้ว"แง้มหัวใจ-แจง สาว"ลีเดีย" แค่เพื่อนซี้ต่างวัย

พาร้องโอเกะ-ตีกอล์ฟ ชมเปาะนักร้องสาวโจ๋ "ผู้หญิงเก่ง-เป็นเด็กดี" ตรงสเป๊ก"สะใภ้ในฝัน"



เพื่อนซี้- ภาพถ่ายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คู่กับนักร้องสาว "ลีเดีย"ศรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา ที่ปรากฏในพ็อกเกตบุ๊กทักษิณแวร์อาร์ยู ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณเปิดใจว่าลีเดียเป็นแค่เพื่อนซี้ต่างวัย สนิทกันมากช่วงที่ใช้ชีวิตในต่างประเทศ
เปิดช่วงชีวิต"ทักษิณ อิน ลอนดอน "หลังถูกทหารปฏิวัติ "แม้ว"เปิดโอกาสให้นักข่าวทีวีทหารสัมภาษณ์ละเอียดยิบ ระบุตกทุกข์ในต่างแดนได้นักร้องสาว"ลีเดีย"เป็นเพื่อนซี้ต่างวัย ทั้งออกรอบตีกอล์ฟ และร้องคาราโอเกะ ชมฝีมือกอล์ฟเข้าขั้นโปร เผยเคยหิ้วก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำในเมืองไทยไปฝากถึงลอนดอน ยอมรับเคยเชียร์ให้พานทองแท้จีบ แต่"โอ๊ค"อ้างเป็นเพื่อนสนิทกันมากจนไม่คิดจะจีบมาเป็นเพื่อน แถมยกให้เป็นลูกสาวอีกคนด้วย องค์กรสิทธิมนุษยชนยื่นผู้บริหารพรีเมียร์ลีกต้านทักษิณเป็นเจ้าของสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ อ้างละเมิดสิทธิมนุษยชนช่วงทำสงครามยาเสพติด

เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯและอดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่พ้นจากอำนาจหลังรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 และพำนักที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ได้เปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์จากประเทศไทย เข้าสัมภาษณ์พิเศษ และได้จัดพิมพ์เป็นหนังสือพ็อกเกตบุ๊กวางจำหน่ายในประเทศไทย ในชื่อ"ทักษิณ WHERE ARE YOU? ชีวิตหลังปฏิวัติ"

หนังสือดังกล่าว ได้เปิดเผยถึงรายละเอียดการใช้ชีวิตในอังกฤษ และเบื้องหลังของเหตุการณ์ต่างๆ โดยตอนหนึ่ง ได้กล่าวถึงข่าวที่มีนักร้องสาว ลีเดีย-ศรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา เดินทางมาเยี่ยมที่ประเทศอังกฤษว่าพ่อของลีเดียรู้จักกับนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล และในช่วงที่พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่อเมริกา ในคืนก่อนการปฏิวัติ ครอบครัวของลีเดีย มานั่งกินข้าวอยู่ด้วยและอยู่ในช่วงเกิดปฏิวัติ จึงเหมือนอยู่ในช่วงลำบากด้วยกัน

พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่าฝีมือตีกอล์ฟของลีเดียนั้นร้ายกาจเข้าขั้นโปรทีเดียว เพราะเป็นลูกสาวเจ้าของสนามกอล์ฟ เป็นทั้งเพื่อนตีกอล์ฟ เพื่อนร้องคาราโอเกะ จึงกลายเป็นคู่ซี้ต่างวัยกันได้ไม่ยาก แต่ไม่ได้สนิทสนมเฉพาะลีเดียเท่านั้นยังสนิททั้งพ่อ แม่ และน้องสาวคือดิ๊กกี้ ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ ยังบอกด้วยว่าเมื่อคราวไปเที่ยวมัลดีฟ ลีเดียยังไปดำน้ำด้วยกัน แถมเวลาบินมาจากเมืองไทย จะเดินถือถุงก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำมาฝากด้วย สำหรับลีเดีย สนิทกับโอ๊คและอุ๊งอิ๊ง(แพทองธาร) ถึงขั้นโทรศัพท์นัดกันบินมาเยี่ยมพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ต่างประเทศบ่อยๆ ซึ่งพอถามว่าลุ้นอยากให้ลีเดียเป็นแฟนโอ๊คหรือเปล่า ก็ได้รับคำตอบว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเด็กๆเพราะเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยบังคับใจลูกในเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว

นอกจากนี้ ยังมีคำให้สัมภาษณ์ของโอ๊ค-พานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายเล่าถึงความสนิทสนมระหว่างพ.ต.ท.ทักษิณกับลีเดียว่า ปกติพ.ต.ท.ทักษิณ จะสนิทกับคนยาก แต่ลีเดียเขาเป็นเด็กดี เหมือนเขาจะดูแลพ่อ คอยถามว่าพ่อจะเอาอะไรไหมคะ ส่วนเรื่องลีเดียว่าพ่อเชียร์ให้จีบหรือไม่ โอ๊คก็บอกว่าเป็นเด็กดี ฉลาด เป็นลูกรักของพ่อคนหนึ่ง แต่ให้จีบเป็นแฟคนคงไม่ได้ เพราะซี้กันมาก เหมือนพี่น้อง นอกจากนี้ลีเดียยังเคยไปเที่ยวญี่ปุ่นกับพ.ต.ท.ทักษิณ โอ๊คและคุณแม่ของลีเดียด้วย ส่วนค่าใช้จ่ายนั้นก็มีทั้งครอบครัวลีเดียออกเอง และที่พ.ต.ท.ทักษิณ ออกให้ ซึ่งตอนนั้นลีเดียจะออกเทปชุดใหม่คืออัลบั้ม Inside Out พ.ต.ท.ทักษิณจึงชวนลีเดียไปซื้อเสื้อผ้าที่ฮาราจูกุ ซึ่งก็ช่วยเลือกให้เหมือนกัน และยอมรับว่าเคยซื้อเสื้อผ้าให้ลีเดียด้วย

เพื่อนต่างวัย- ภาพถ่ายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายพานทองแท้ ลูกชาย และนักร้องสาว "ลีเดีย"ศรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา ที่ปรากฏในพ็อกเกตบุ๊กทักษิณแวร์อาร์ยู ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณเปิดใจว่าลีเดียเป็นเพื่อนซี้ต่างวัย สนิทกันมากในช่วงอยู่ต่างประเทศ


ด้านร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต ผู้เขียนหนังสือเล่มดังกล่าว และเป็นผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ปัจจุบันย้ายเป็นนายทหารประจำกองทัพบก เปิดเผย "ข่าวสด" ถึงจุดมุ่งหมายในการเขียนหนังสือเล่มนี้ว่า ไม่ได้ทำเพื่อเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ทำหนังสือด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ไม่ได้เล่นการเมืองหรือต้องการโจมตีใคร เพราะตอนที่ตัดสินใจเดินทางไปอังกฤษนั้น ถ้าเป็นนักข่าวคนอื่นก็คงตัดสินใจเช่นเดียวกัน ในเมื่อเรามีโอกาสแล้วปล่อยโอกาสนั้นไป คงรู้สึกเสียใจไปตลอดชีวิต

ร.ท.หญิงสุณิสา กล่าวว่า ตอนแรกทราบจากนายนพดล ปัทมะ ทนายความตระกูลชินวัตรว่าจะเชิญนักข่าวไปทำข่าวพ.ต.ท.ทักษิณที่ประเทศอังกฤษ ก็สนใจและอยากไป ซึ่งได้ติดต่อนายนพดลไปบอกว่าอยากทำพ็อกเกตบุ๊ก แต่สุดท้ายก็เงียบ ไม่ได้รับการติดต่อกลับ แต่ในช่วงนั้นคดียุบพรรคใกล้จะตัดสินแล้ว จึงตัดสินใจเดินทางไปเอง สืบจนแน่ใจว่าพ.ต.ท.ทักษิณ พักอยู่ที่ไหน จากนั้นไปขอวีซ่า จองตั๋ว เดินทางไปเมื่อกลางดึกวันที่ 29 พ.ค. เมื่อไปถึงสนามบินฮีทโทรว์ตอนหกโมงเช้า จึงต่อรถเมล์เข้าไปในเมือง ระหว่างทางพยายามมองหาบ้าน จนกระทั่งเห็น โอ๊ค นายพานทองแท้ ชินวัตร ยืนอยู่ จึงรีบลงจากรถเมล์ แต่พอเดินไปถึงหน้าบ้านดังกล่าว โอ๊ค หายไปแล้ว แต่แน่ใจว่าบ้านอยู่ในนี้ จึงเข้าไปติดต่อที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์โดยแจ้งว่ามาพบพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนักข่าวพ็อกเกตบุ๊ก แต่ไม่ได้พบโดยขอเบอร์แล้วบอกว่าจะโทร.กลับ

ร.ท.หญิงสุณิสา กล่าวต่อว่า จากนั้นจึงไปหาที่พักก่อนจะกลับมาในวันรุ่งขึ้น โดยไปยืนหลบอยู่ตรงเสาโรงแรมซึ่งอยู่ข้างๆกับอพาร์ตเมนต์ดังกล่าว ช่วงนั้นก็พยายามเช็กข่าวจากเมืองไทยว่าเป็นอย่างไรบ้าง ระหว่างที่ยืนหลบอยู่นั้นเห็นรถตู้สีขาวมาจอดซึ่งมองไปก็จำคนติดตามที่ฝากเบอร์โทรศัพท์ไว้ได้และเห็นพ.ต.ท.ทักษิณ จึงคว้ากล้องวิ่งออกไป พอถึงตัวก็บอกว่าเป็นนักข่าวจากเมืองไทย จะขอสัมภาษณ์ทำพ็อกเกตบุ๊ก แต่พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าอย่าเลย ขี้เกียจวุ่นวาย เพิ่งมีเรื่องยุบพรรค ไม่อยากให้สัมภาษณ์ใคร ตนได้ยินถึงกับร้องไห้ พยายามพูดหว่านล้อมกระทั่งพ.ต.ท.ทักษิณยอม โดยบอกพรุ่งนี้แล้วกันและให้นัดกับผู้ช่วย แต่หลังจากรอโทรศัพท์จากผู้ช่วยก็ไม่ยอมติดต่อมา

ร.ท.หญิงสุณิสา กล่าวว่า ตนจึงไปดักรออีกเป็นวันที่ 3 พอเจอหน้าพ.ต.ท.ทักษิณ ก็บอกว่าลืมไปเลย ก่อนจะนัดให้มาในวันเสาร์ที่ 2 มิ.ย.ซึ่งก็คือวันรุ่งขึ้นในเวลาบ่ายสองโมง ซึ่งปรากฏว่าพอถึงวันนั้นก่อนเวลาประมาณ 11.00 น. มีโทรศัพท์จากคนติดตามมาบอกว่าบ่ายสองโมงอย่าลืมมาด้วย พอถึงเวลาตนได้เตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างทั้งกล้องวิดีโอ กล้องถ่ายภาพนิ่ง เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณลงมาก็ได้แนะนำโอ๊ค บอกจะให้มาช่วยจัดแจงช่วยทำ แล้วกลับไปจะให้หานักเขียนมาช่วยแก้ไขให้ ซึ่งตอนเริ่มสัมภาษณ์ก็บอกว่าจะทำพ็อกเกตบุ๊กเกี่ยวกับชีวิตในต่างแดน แต่พูดไปพูดมาก็พยายามแทรกการเมือง

"ยอมรับการสัมภาษณ์ช่วงแรก พ.ต.ท.ทักษิณ ค่อนข้างระแวง พร้อมกับบอกว่าหากสิ่งที่พูดกันวันนี้หลุดไปเป็นข่าวก็จบ หนังสือก็เลิกไปเลย จากนั้นก็ให้สัมภาษณ์ถึงชีวิตหลังจากปฏิวัติแล้ว สถานการณ์ในตอนนั้น โทรศัพท์ถึงลูกเมียอย่างไร พ.ต.ท.ทักษิณ บอกด้วยว่า 10 เดือนที่ผ่านมานี้ไม่เคยให้ใคร ถือเป็นความลับของเขา" ร.ท.หญิงสุณิสา กล่าว

ร.ท.หญิงสุณิสา ยังเล่าด้วยว่า ช่วงสัมภาษณ์ครั้งแรก พ.ต.ท.ทักษิณไม่ค่อยอยากจะพูดเรื่องการเมืองนัก เพราะถามไปถามมาก็ตัดบทไม่ให้สัมภาษณ์หลังจากใช้เวลาอยู่นาน 2 ชั่วโมง แต่ยังไม่จบ ตนจึงติดต่อผ่านทางโอ๊ค ทำให้ต้องอยู่ที่อังกฤษนานกว่า 3 สัปดาห์ จนคิดว่าจะกลับเมืองไทยแล้ว โอ๊คบอกมาว่ารอพ่อกลับจากญี่ปุ่นก่อนแล้วจะให้สัมภาษณ์อีก ซึ่งช่วงนั้น คตส.สั่งอายัดทรัพย์พอดี ซึ่งตอนมาเจอกันครั้งที่ 2 ตนได้สัมภาษณ์ต่อจากพ.ต.ท.ทักษิณ พูดผ่านวีซีดีส่งมาให้ม็อบพีทีวีที่ท้องสนามหลวง

"น่าสังเกตว่าการให้สัมภาษณ์ครั้งสอง พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการพูดถึงเรื่องการเมืองมากกว่าครั้งแรก และการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ก็มีท่าที่เปลี่ยนไป จากครั้งแรกที่บอกชัดเจนว่าเลิกเล่นการเมืองแน่ ไม่รู้จะเล่นไปทำไมและเหมือนทำไจไว้แล้วว่าพรรคไทยรักไทยจะต้องถูกยุบ แต่พอสัมภาษณ์ครั้งที่ 2 หลังจากถูกอายัดทรัพย์แล้ว ก็ได้ใช้คำถามเดียวกันว่าแน่ใจหรือไม่ว่าจะไม่เล่นการเมืองอีกแล้ว แต่พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบกลับมาว่า ผมจะไม่เล่นแล้ว ถ้าเขาไม่ทำอะไรผม หมาจนตรอกก็ต้องสู้ เมื่อเล่นงานกันทางการเมืองก็ต้องสู้กันด้วยการเมือง" ร.ท.หญิงสุณิสา เปิดเผย

ร.ท.หญิงสุณิสา กล่าวว่า หลังกลับมาจากอังกฤษ ก็ถูกผู้ใหญ่เรียกมาสอบถามว่าหายไปไหน เพราะลาไปถึง 3 สัปดาห์ ซึ่งตอนนั้นมาช่วยราชการเป็นผู้ประกาศอยู่ททบ.5 แต่ตนไม่ได้บอกว่าไปสัมภาษณ์พ.ต.ท.ทักษิณ ที่อังกฤษ จึงถูกสั่งย้ายไปประจำที่บก.ทบ. ซึ่งคิดว่ามันเป็นงานเขียนที่ไม่ได้สร้างความเสียหายให้ใคร ไม่ได้ทำให้กองทัพลำบากหรือไปเขียนเข้าข้างพ.ต.ท.ทักษิณ การทำหนังสือถือเป็นสิทธิของเรา หากกองทัพต้องการทำก็พร้อมทำให้

เมื่อถามว่าหากพล.อ.สนธิ เรียกไปสอบถามจะชี้แจงอย่างไร ร.ท.หญิงสุณิสา กล่าวว่า สิ่งที่ทำไม่เกี่ยวกับม็อบพีทีวีหรือพรรคไทยรักไทย ไม่ได้เป็นกระบอกเสียงให้พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นหนังสือบริสุทธิ์ ตนจึงพร้อมชี้แจงทุกอย่างเพราะเราไม่ได้ทำร้ายใครหรือทำอะไรที่ไม่ดี

เมื่อถามว่าคาดหวังกับหนังสือเล่มนี้อย่างไร ร.ท.หญิงสุณิสา กล่าวว่า อยากเป็นสื่อบอกเล่าเรื่องของคนๆหนึ่งที่เคยใช้ชีวิตอยู่จุดสูงสุดแล้วตกลงมาต่ำสุด เป็นแง่คิดให้กับคนอ่านว่าคนที่มีอำนาจ คิดว่าทำดีหรือไม่ดีนำไปสู่อะไรในชีวิตบ้าง ถือเป็นการเตือนและถ่ายทอดให้คนได้รู้จักเขามากขึ้น

" จุดเด่นของหนังสือเล่มนี้คือ เราไปในวันที่ไม่มีใครได้พูดคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ และเรื่องที่ตื่นเต้นที่สุดก็คือความคิดของเขาที่มีต่อคมช. ต่อพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลินหรือนายสนธิ ลิ้มทองกุล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รวมทั้งพล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตรด้วย ซึ่งได้ถามไปว่าหากย้อนเวลากลับไปได้จะยังตั้งพล.อ.สนธิ เป็นผบ.ทบ.หรือไม่ เขาก็ตอบมาว่าผมเป็นคนมองไปข้างหน้า ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพูดถึง แต่เมื่อเข้ามาตรงนี้แล้วก็ขอให้ทำให้ดี ยังคิดว่าพล.อ.สนธิ เป็นรุ่นพี่ มีความนับถือต่อกัน " ร.ท.หญิงสุณิสา กล่าวและว่า ตอนที่ถามพ.ต.ท.ทักษิณ ตอนที่เห็นลูกเมียขึ้นศาล พ.ต.ท.ทักษิณ ทำท่าคล้ายกลืนก้อนสะอื้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนังสือ "ทักษิณ WHERE ARE YOU? ชีวิตหลังปฏิวัติ" จัดพิมพ์จำนวน 3,000 เล่ม โดยสำนักพิมพ์นอกโลก ราคาเล่มละ 185 บาท โดยเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.

วันเดียวกัน สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า กลุ่มฮิวแมน ไรท์ ซึ่งเป็นกลุ่มพิทักษ์สิทธิมนุษยชนชั้นนำของสหรัฐ ได้ยื่นหนังสือถึงพรีเมียร์ลีก เพื่อเรียกร้องให้ทบทวนการอนุญาตให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย เป็นเจ้าของสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เนื่องจากพ.ต.ท.มีประวัติการละเมิดสิทธิมนุษยชน ด้วยการใช้นโยบายรุนแรงและนองเลือดในการแก้ปัญหายาเสพติดของไทย ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งเป็นผู้นำของไทยในช่วงปี 2001-2006 โดยกลุ่มเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวงที่จะผ่านการตรวจสอบให้สามารถเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลในพรีเมียร์ลีกได้ และกลุ่มได้ทำหนังสือถึงผู้บริหารพรีเมียร์ลีก เพื่อสอบถามถึงขั้นตอนการตรวจสอบความเหมาะสมของพ.ต.ท.ทักษิณ ด้วย

ขณะเดียวกัน ด้านองค์กรนิรโทษกรรมสากล ของอังกฤษ ยังได้ร่วมแสดงความวิตกเช่นเดียวกับกลุ่ม"ฮิวแมนไรท์ วอช" โดยกลุ่มยังได้เสนอที่จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการใช้นโยบายรุนแรงในการแก้ปัญหายาเสพติด ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีของไทย ทั้งนี้ ข้อมูลของกลุ่มระบุว่าพ.ต.ท.ทักษิณได้เป็นผู้นำในการดำเนินนโยบายสงครามกวาดล้างยาเสพติด เมื่อปี 2003 ที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 2,500 ราย เพียงช่วงระยะเวลาสามเดือน และยังได้สั่งการให้กองทัพใช้วิธีการทุกรูปแบบในการกวาดล้างกลุ่มแยกดินแดนในจังหวัดภาคใต้ด้วย

อย่างไรก็ตาม ด้านนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้กล่าวให้สัมภาษณ์ตอบโต้ว่า ข้อกล่าวหาของกลุ่มฮิวแมน ไรท์ กลุ่มองค์การนิรโทษกรรมสากล เป็นเรื่องไร้มูลความจริง โดยที่ผ่านมา ยังไม่ปรากฏว่าเคยมีการแสดงหลักฐานที่ชัดเจนในเรื่องดังกล่าวต่อพ.ต.ท.ทักษิณ หรือมีการฟ้องร้องใดๆ ต่อเขา ทั้งจากกลุ่มสิทธิมนุษยชน หรือกลุ่มพลเรือนใดๆ

ทางด้านพรีเมียร์ ลีก ออกมากล่าวปกป้องการตัดสินใจอนุญาตให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้ามาเทกโอเวอร์สโมสรแมนฯซิตี้ หลังองค์กรสิทธิมนุษยชนออกมาเคลื่อนไหว แสดงความเห็นว่าอดีตนายกรัฐมนตรีของไทยมีคุณสมบัติไม่เหมาะสมที่จะเข้าบริหารทีม "เรือใบสีฟ้า"

ลีกผู้ดีแถลงการณ์ยืนยันว่าได้รับจดหมายสอบถามจากองค์กรสิทธิมนุษยชน แต่ข้อกล่าวหาเกิดขึ้นที่เมืองไทย ไม่เกี่ยวกับกฎหมายอังกฤษ และประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนก็ไม่เกี่ยวกับการซื้อสโมสรแมนฯซิตี้ แต่หากเป็นเรื่องการบริหารจัดการ ทางพรีเมียร์ลีก จะให้ความสำคัญอย่างเต็มที่

บทวิจารณ์หนังสือ จาก Hi..Thaksin!!

ต้องชื้อแจกทุกครัวเรือน....ดูว่าไอ้กบฏสนธิ มันจะทำยังไง...

หนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวไม้ “บิ๊กบัง” พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) สั่งตั้งกรรมการสอบวินัย ฐานเดินทางออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่ขออนุญาตผู้บังคับบัญชา แถมรายงานเท็จ

พล.ต.วีรัณ ฉันทศาสตร์โกศล เลขานุการกองทัพบก ในฐานะผู้บังคับบัญชาโดยตรงเล็งโทษหนัก “สั่งขังหรือถึงขั้นให้ออก”

แทบทุกฉบับลงภาพ “หมวดเจี๊ยบ” หลั่งน้ำตา โชว์ปกหนังสือหรา

ทหารหญิงตัวเล็กๆ โดนคนทั้งกองทัพรุมเขม่นเพราะแหกค่ายไปสัมภาษณ์บุคคลต้องห้าม เปิดเรื่องลับๆ ของคนชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ยามลี้ภัยการเมืองอยู่ในต่างแดน

อย่าว่าแต่กองเชียร์เลย แม้แต่ฝ่ายเกลียด “ทักษิณ” เข้ากระดูกดำก็ยังต้องหาอ่าน

ที่แน่ๆ ลอตแรกที่พิมพ์ออกมา 1,000 เล่ม ตอนนี้ไปหาบนแผงไม่มีเหลือ คนถามหากันให้ควั่ก สำนักพิมพ์ใหญ่วิ่งขอซื้อลิขสิทธิ์กันตีนพลิก

หลักแสนเล่มน่าจะน้อยไป

“ดิฉันอยากอธิบายคนที่ต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณว่า ไม่ได้มาแก้ตัวแทนเขา ซึ่งทุกคำพูดก็ไม่รู้อันไหนที่เขาพูดจริงหรือไม่จริง เพียงแต่อยากถ่ายทอดคำพูดจากปาก พ.ต.ท.ทักษิณทุกสิ่ง ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนจะเอาคำพูด พ.ต.ท.ทักษิณไปตัดสินอย่างไร”

“หมวดเจี๊ยบ” ออกตัวล่วงหน้า ก็อยู่ที่ว่าจะเชื่อ “ทักษิณ” หรือไม่

ประเภทคำพูดที่ว่า “พอรู้ว่าคณะปฏิวัติยึดสถานีโทรทัศน์ได้หมดทุกช่อง และเข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผมก็ถือว่าทุกอย่างจบ ไม่คิดสู้เลย เมื่อเข้าเฝ้าฯ แล้วทุกอย่างก็จบ จากนั้นผมก็เข้านอน หลับสบายด้วยคืนนั้น”

หรือช็อตของ พล.อ.สนธิ ที่ “ทักษิณ” บอกว่า ช่วงแรกๆ เคยโทรศัพท์มาคุยกับ “บิ๊กบัง” ในฐานะรุ่นพี่ แต่ช่วงหลังเลิกคุย

เพราะพูดเรื่องสมานฉันท์แล้ว “บิ๊กบัง” ทำเฉยๆ

ยังมีช็อตของ “บิ๊กเปย” พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วย ผบ.ทบ.และผู้ช่วยเลขาธิการ คมช. ที่อดีตนายกฯทักษิณออกลูกหยอด แอบชื่นชมความเป็นนักรบ ชอบลูกบู๊ดุดันมานาน

ตั้งใจจะส่งไปเป็นแม่ทัพภาค 4 สู้กับโจรใต้ ถ้าไม่โดนคนในกองทัพเบรกซะก่อน

ขณะที่ช็อตของ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้ช่วย ผบ.ทบ. และผู้ช่วยเลขาธิการ คมช. ในฐานะเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 10 ที่อดีตนายกฯทักษิณ ยืนยันว่า ไม่ได้มีความสนิทสนมกันโดยส่วนตัวเหมือนเพื่อนร่วมรุ่นคนอื่น

แต่ก็ได้ดูแลไว้ตอนถูกเบียดจาก ผบ.พล.2 รอ. โดยโยกให้ พล.อ.อนุพงษ์มาอยู่ ผบ.พล.1 รอ. จึงไม่ได้มีความขัดแย้งกันมาก่อนแต่อย่างใด

ใช่จะมีแต่ช็อตบู๊ๆ เสียวๆ อย่างเดียว ในอารมณ์กุ๊กกิ๊กที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหน อดีตนายกฯทักษิณยอมรับนักร้องสาว “ลิเดีย” ศรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา เป็น “เพื่อนซี้ต่างวัย” ที่บินไปร้องคาราโอเกะแก้เหงาและออกรอบตีกอล์ฟด้วยกันเป็นประจำ

ยกให้เป็นว่าที่สะใภ้ในฝัน

ใครจะเชื่อว่า โดยวัยและสถานะอย่างอดีตนายกฯทักษิณจะเลือกเพลงแนววัยรุ่น “ว่างแล้วช่วยโทร.กลับ” ของ “ลิเดีย” เป็นเพลงโปรดในการร้องคาราโอเกะ

ลึกๆลับๆมันๆหวานๆจากปาก “ทักษิณ” โดยตรงอย่างนี้ คงหาอ่านที่ไหนไม่ได้

แต่ที่น่าสนใจจริงๆ ไม่ได้อยู่ในหนังสือ เป็นช็อตที่ “หมวดเจี๊ยบ” พูดกับเพื่อนนักข่าว

“ยังประทับใจการให้สัมภาษณ์ตอนหนึ่งว่า รู้สึกอย่างไรที่ครอบครัวต้องขึ้นศาล ซึ่งตอนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณถึงกับน้ำตาคลอ เหมือนอยากจะหลั่งน้ำตาออกมา แต่เขากลับกลั้นไว้ เราประทับใจมากๆ เพราะรู้สึกว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง เราเป็นเพียงคนตัวเล็กๆ แต่เขากลับแสดงอารมณ์อ่อนโยนออกมาให้เราเห็น”

มันบังเอิญสอดรับกับสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณประกาศผ่านหนังสือของ “หมวดเจี๊ยบ” ถึงคนในขั้วอำนาจปัจจุบัน หากโดนไล่จนแต้มเหมือนหมาจนตรอก

ก็พร้อมปักหลักสู้ตาย

มันกลั่นจากอารมณ์เบื้องลึกของเสือกำลังเจ็บจริงๆ.

ทีมข่าวการเมือง รายงาน