Saturday, 22 September 2007
สำหรับคนที่เลือกประกันสังคมกับโรงพยาบาลลาดพร้าว
สำหรับคนที่เลือกประกันสังคมกับโรงพยาบาลลาดพร้าว ควรอ่านไว้เป็นความรู้นะคะ
"หมอยอมรับว่าหมอมีอคติกับคนไข้ประกันสังคมจริง
เพราะหลายรายมาหาหมอเพื่อขอใบรับรองแพทย์
อยากหยุดงานอย่างเดียวโดยไม่ได้เป็นอะไร" แพทย์หญ ?ิงนภาพรรณ เอื้อฤาชา
เพื่อนๆอ่านนะ แล้วส่งต่อให้ด้วยจะขอบคุณมากจ้า เพราะอยากให้ทุกๆ คนได้รู้นะ
เอ้
เราไปรักษาตัวกับหมอที่โรงพยาบาลลาดพร้าวมา แล้วดูสิว่าเกิดอะไรขึ้น
เหตุเกิดเมือวันที่ 2 มกราคม 2550 เราหกล้มที่แถวๆรามอินทรา
ตอนนั้นเจ็บที่ข้อเท้าทั้ง 2 ข้างมาก
มันเขียวช้ำ แล้วก็บวมเป่งขึ้นมาทันที โชคดีที่พ่อกับแม่เราไปด้วย
ก็เลยรีบให้พ่อช่วยขับรถพาไปโรง
พยาบาลลาดพร้าว
(ซึ่งเป็นโรงพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิฯ ของประกันสังคม)ทันที
โดยระหว่างทางเราก็ประคบน้ำ
แข็งไปด้วย
เมื่อไปถึงโรงพยาบาลลาดพร้าว เราก็เข้าแผนกฉุกเฉิน
หมอที่รักษาเป็นคุณหมอผู้ชาย ซึ่งเราก็ไม่รู้
ว่าชื่ออะไร
หมอให้เราเอ็กซเรย์เท้าซ้าย ผลเอ็กซเรย์ออกมาว่ากระดูกไม่หัก ไม่ร้าว
ให้ยาแก้ปวดมาทาน
พร้อมออกใบรับรองแพทย์ให้หยุดงาน 2 วัน คือ 2-3 มกราคม 2550
แต่ตอนที่ตรวจเรา หมอไม่จับข้อเท้า ไม่ก้มดูใดๆทั้งสิ้น
ดูแต่ฟิล์มเอ็กซเรย์อย่างเดียว ซึ่งเราก็เข้า
ใจว่าเพราะมันเพิ่งล้มมาตะกี้ ถ้าหมอจับเราคงเจ็บอ่ะ
กลับมาถึงบ้าน ก็นอนพัก หยุดงาน 1 วันตามหมอบอก (วันที่ 2
วันที่ล้มมันวันหยุดอยู่แล้วงัย) วันที่ 4
ม.ค. เรามาทำงาน พร้อมไม้เท้า 1 อันและข้อเท้าที่บวมเป่ง .
มันปวดมากนะเวลาเดิน แต่เราก็
ว่าเออ เท้าแพลงก็คงปวดแบบนี้แหละ หมอบอกไม่เป็นไร ก็ต้องไม่เป็นไร
เอ็กซเรย์แล้วไม่หัก ไม่
แตก ก็โล่งไป แต่ปรากฏว่าไปนั่งทำงานได้แป๊บเดียว
ที่บวมอยู่แล้วก็บวมหนักกว่าเดิม แล้วก็ปวด
หนึบๆตลอดเวลา กลับถึงบ้านตอนเย็นๆก็ปวด คราวนี้ปวดตลอดเวลา
กลางคืนไม่ต้องหลับต้องนอนเอา
แต่ปวดข้อเท้าจนนอนไม่หลับ
ดูท่ามันจะอักเสบเพราะเมื่อกลางวันไม่ได้พักเท้าเต็มที่
วันรุ่งขึ้น เสาร์ที่ 5 ม.ค เราเห็นอาการไม่ดีขึ้นเลย มันค่อนข้างผิดปกตินะ
เท้าแพลงอารายฟระ
ทำไมมันบวมไม่ยุบ เจ็บไม่หายซะทีแล้วก็ปวดหนึบๆตลอดเวลา เลยกลับไปหาหมอใหม่
ที่เดิม คือโรง
พยาบาลลาดพร้าว ขอให้ได้ตรวจอีกครั้งก็พอ
คิดว่าคราวนี้มันไม่ใช่สดๆเหมือนคราวที่แล้ว หมอคง
ตรวจให้ละเอียดกว่าเดิมได้ และก็จะขอใบรับรองแพทย์มาลาหยุดวันจันทร์ซะด้วยเลย
เพราะท่าทาง
จะยังไม่หาย
เมื่อเข้าไปพบหมอ นี่เลย เจอกับหมอเจ้ากรรม แพทย์หญ ?ิงนภาพรรณ เอื้อฤาชา
(ไม่แน่ใจว่าสะกดถูกป่าวนะ) พอนั่งปุ้บ
เราก็บอกว่าเราหกล้มมาเมื่อวันที่...บลาๆๆๆ ก็เล่าให้หมอ
ฟังไป พร้อมต่อท้ายว่า มาตรวจแล้วขอใบรับรองแพทย์ด้วยนะคะ
(หน้าห้องเขียนไว้ว่า ขอใบรับรอง
กรุณาแจ้งก่อนทุกครั้ง..ประมาณเนี้ย) ฟังจบหมอก็ถามว่าจะเอาไปหยุดงานเหรอ
(แทนที่จะถามว่าอาการเป็นยังไงบ้าง ยังปวดอยู่เหรอ..) เราก็บอกว่าใช่
เพราะไม่แน่ใจว่าวัน
จันทร์เราจะไปทำงานไหวป่าว เมื่อวันศุกร์ไปมาแล้วกลับมามันอักเสบขึ้น
แล้วก็เป็นอย่างที่เห็น
(พยายามจะชี้ให้หมอดู) แต่ขอโทษคุณเธอไม่ดู ขอย้ำ ไม่ดูเท้าเราซักนิดนะ
ชำเลืองก็ไม่ จะว่าเห็นก็
ไม่เห็น เพราะมีโต๊ะบังอยู่ทั้งตัว ไม่ขอดู ไม่ขอตรวจใดๆทั้งสิ้น
แล้วก็บอกว่าโอ้ย แค่นี้หยุด 2 วันก็
หายแล้ว ว่าแล้วก็พลิกแฟ้มประวัติ ชี้ให้ดูว่าหมอคนก่อนให้หยุด 2 วัน
แถมบอกว่า ที่หยุดไปน่ะ ก็หาย
ได้แล้ว กระดูกไม่หัก ไม่ร้าว ไม่เป็นไรเลยนี่
เราก็ถามย้ำว่าไม่เป็นไรเหรอคะหมอ..เค้าก็ว่า ไม่
เป็นไร 2 วันก็หายแล้ว...เราก็ว่า..อ้าว
ไม่เป็นไรแล้วทำไมหนูยังปวด..คราวนี้เค้ามามุขนี้เลย
คับท่าน..ปวดอยู่งั้นฉีดยามั้ย...น้ำเสียงกวน มากๆๆๆๆ
เราก็ถามกลับไปว่ายาอะไร ถ้ายาแก้ปวดก็
ไม่ต้อง เพราะเราทานยาแก้ปวดที่หมอให้อยู่แล้ว
เค้าก็ให้ยาแก้ปวดเรามาเพิ่ม..อ่ะ
เราก็ไม่ว่าอะไร กลับบ้านมากินยาแก้ปวดต่อ
เรากินยาแก้ปวดอยู่อย่างนั้น ขาก็ไม่ดีขึ้น บวมเป่ง เหมือนเดิม
ต้องใช้ไม้เท้าช่วย เขยกๆมาทำงาน
ตกเย็นก็ปวดหนึบๆ เราก็แช่น้ำอุ่นทั้งเช้า - เย็น ถ้ามีโอกาสก็จะนอนพาดขาสูง
เพื่อไม่ให้มันบวม
เราทำแบบนี้อยู่จนกระทั่งวันที่ 22 ม.ค ก็คิดได้ว่า เอ้ย..มันนานไปแล้ว
คนขาแพลงเค้าอาทิตย์เดียว
ก็หายมั้ง นี่ 20 วันยังไม่ดีขึ้น เราว่ามันไม่ธรรมดาจริงๆซะแล้ว..
ก็กลับไปโรงพยาบาลลาด
พร้าวใหม่ ( แถวบ้านเรียกเจ็บไม่จำ) ก็ทำไงได้เล่า
เค้ารักษาอยู่ก็มันจะได้ต่อเนื่อง อีกอย่างใช้
สิทธิประกันสังคมไง จ่ายมาหลายปีแระ ไม่เคยได้ใช้เลย
ไปถึงก็แจ๊กพ็อต..เจอหมอคนเดิม นภาพรรณ นี่เลย เห็นหน้าเราปุ้บ
คราวนี้เห็นเท้าเราด้วย เพราะ
เรายืนหน้าห้องไม่ยอมนั่งจนกว่าเค้าจะมองเท้า เค้าเห็นปุ้บ เค้าก็ทักว่า
"อ้าว ไปทำอะไรมาอีกถึง
ได้เป็นแบบนี้"...โถ โถๆๆๆ
หมอ เราจะไปทำอะไรมาได้ เราก็เลยตอบว่า "
อ้าวหมอ..ก็มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่มาเจอหมอคราว
ที่แล้วหมอไม่เห็นเหรอ" เค้าก็บอกว่า "เอ๊ะ
คราวก่อนคนไข้บอกว่าทานยาแล้วดีขึ้นแล้วนี่
คะ"..เฮ้ย..งง เรางงมากเลย ใครหว่ามาบอกว่าดีขึ้น
กรูยังไม่เคยหายบวมเลยตั้งแต่วันที่ล้ม
และกรูก็ไม่เคยหายปวดด้วย.. เราเลยตอบแบบ งง งง ไปว่า ป่าวนะ
เราไม่เคยบอกว่าดีขึ้น เค้า
ยังมาบอกว่าก็นี่ไงคะ หมอจดลงไปในแฟ้มว่าคนไข้ทานยาแล้วดีขึ้น..เท่านั้นแหละ
เราก็ฉุนขาด ยก
เมฆนี่หว่า คราวที่แล้วมาหาหมอ ตรวจเราก็ไม่ได้ตรวจ ถามอาการก็ไม่ถาม
แถมพูดเองเออเองว่า
2 วันก็หายแล้ว
แล้วนี่ยังมาเขียนในแฟ้มเอาเองอีกว่าคนไข้ทานยาแล้วดีขึ้น..เออ หมอแบบนี้ก็มี
ด้วยความโกรธ เราก็เลยบอกว่า หมอน่ะ ไม่เคยตรวจเราเลยนะ ขอดูเท้าก็ไม่ดู
แถมบอกว่า 2 วัน
ก็หายแล้ว แล้วนี่อะไร 22 วันแล้วยังไม่หาย แปลว่าหมอวินิจฉัยผิดไป 20 วันนะ
แล้วแถมยังมีอคติ
กับคนไข้ประกันสังคมคิดว่าคนไข้จะมาขอหยุดงานอย่างเดียวโดยไม่ตรวจว่าเค้าป่วย
จริงรึเปล่า
**** หมอก็พูดมาหน้าตาเฉยว่า "หมอยอมรับว่าหมอมีอคติกับคนไข้ประกันสังคมจริง
เพราะหลาย
รายมาหาหมอเพื่อขอใบรับรองแพทย์ อยากหยุดงานอย่างเดียวโดยไม่ได้เป็นอะไร"
**** สาบาน นี่เป็นคำพูดของหมอนภาพรรณ แห่งโรงพยาบาลลาดพร้าว จริงๆ
ไม่ได้ใส่ความ ไม่ได้
เพิ่มเติม พยาบาลที่ยืนอยู่ในห้องก็ได้ยิน เราก็เลยตอบไปว่า ไม่ได้สิ
หมอเป็นหมอนะ ต้องรักษาคน
ไข้ จะป่วยจริงไม่จริงก็ต้องตรวจเค้าก่อน
ไม่ใช่ไม่ตรวจแล้วมาสรุปเองว่าคนไข้โกหก ไม่ได้ป่วยจริง
แล้วนี่เรามาเป็นหนที่ 3 แล้ว ยังไม่รู้เลยว่าเราเป็นอะไร บอกว่ากระดูกไม่หัก
ไม่ร้าว แล้วนี่เป็น
อะไร ทำไมมันปวดไม่เลิก
บวมไม่ยุบแบบนี้..สุดท้ายเค้าก็บอกจะส่งเราไปหมอกระดูกของโรง
พยาบาล โดยนัดตรวจวันที่ 29 ... โห..แม่คุณ เพิ่งนึกได้รึไงว่ารักษาไม่เป็น
ต้องส่งหมอกระดูก
ทำไมไม่ส่งตั้งแต่มาหาเมื่อวันที่ 5 รุ่งขึ้น ด้วยความที่ปวดมาก และกังวลใจ
ก็เลยไปหาหมอที่โรง
พยาบาลพระมงกุฏ หมอบอกว่า "เส้นเอ็นข้อเท้าฉีกขาด" อึ๋ยยย...
คนละเรื่องกะที่โรงพยาบาล
ลาดพร้าวบอกเลยมะ ให้เราหยุดงาน 1 สัปดาห์ แล้วก็เข้าเฝือก 1 เดือน
แล้วก็บอกว่า รักษายาก
หน่อยเพราะว่ารักษาไม่ถูกวิธีมาตั้งแต่ต้น
หมอบอกว่าถ้ารักษาให้ถูกต้องตั้งแต่บาดเจ็บใหม่ๆ เส้นเอ็น
ก็จะต่อง่ายกว่าแผลเก่าๆ เปรียบเทียบกับเย็บแผลสด กับเย็บแผลที่ทิ้งไว้แล้ว
20 กว่าวัน แผลสด
ย่อมต่อตัวกันได้ง่ายกว่าอยู่แล้ว..
ตอนนี้เราถอดเฝือกแล้วแต่ก็ยังบวมและเจ็บอยู่ หมอบอกว่าอาจจะเรื้อรังก็ได้
ต้องดูกันไป แต่ก็จะ
พยายามรักษา
ให้หาย...ตรงนี้ต้องขอชื่นชมคุณหมอที่ร.พ.พระมงกฎด้วยนะคะ
ที่ใส่ใจคนไข้ดีมากๆ
ยัง เรื่องยังไม่จบแค่นี้ มีต่อ
คราวนี้เรื่องถึงผู้บริหารโรงพยาบาลลาดพร้าว..แย่หนักกว่าเดิมอีก
วันถัดมาเราก็โทรไปที่แผนกประกันสังคมของโรงพยาบาลลาดพร้าว
เพื่อร้องเรียนหมอนภาพรรณ ว่า
รักษาเราไม่ได้ วินิจฉัยผิดพลาด เป็นเหตุให้เราต้องใช้เวลารักษานานกว่าปกติ
พูดง่ายๆก็คือทำให้
เราต้องเจ็บตัวนาน
พนักงานแผนกประกันสังคมที่โรงพยาบาลลาดพร้าวก็น่ารักใจหาย...รับฟังเรื่อง
ของเราแล้วก็เสนอว่าโรงพยาบาลจะเบิกจ่ายค่าเฝือกให้ (2000 บาท)
ให้เราเอาใบเสร็จตัวจริง
พร้อมใบรับรองแพทย์พระมงกุฎไปให้เค้า เอ้า เราก็เอาไปให้
พร้อมกำชับว่าเราต้องการตามเรื่อง
ของหมอนภาพรรณ ว่าโรงพยาบาลทำอย่างไรกับเค้า..จะว่ากล่าว ตักเตือน
หรือทำอย่างไรก็ให้
แจ้งเราด้วย .
ปลายเดือนมกราคม โรงพยาบาลโทรมาแจ้งว่า ให้ไปรับเงิน 2000 บาท
ทางผู้บริหารอนุมัติ
ให้แล้ว.. อ่ะ เรื่องก็น่าจะจบ
เพราะเราไม่ได้ต้องการจะเรียกค่ารักษาทั้งหมดจาก ร.พ.ลาดพร้า
วอยู่แล้ว ทั้งค่ายา ค่าหมอ ตอนแรกทางลาดพร้าวเค้าจะให้เราตัดเฝือก
แล้วก็รักษากับหมอกระดูก
ของเค้าต่อ..เรื่องอะไรล่ะ ไม่เอาหรอก บอกตรงๆ ไม่ไว้ใจ
ไม่คิดว่าหมอที่นั่นจะมีความสามารถ
เลยตอบเค้าไปว่าเรารักษาที่พระมงกุฎหมอเค้าก็เก่งอยู่แล้ว และจะได้ต่อเนื่อง
เราก็ไม่ได้ไปรับเงิน
ซักทีเพราะขาเข้าเฝือกอะ จะไปไหนได้ยังไง อีกอย่างเงินแค่ 2000 บาท ก็เออ
ช่างๆมันก่อน จน
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ( 23 กพ. 50) เราก็แวะไปรับเงิน เราขึ้นไปพร้อมแม่
ก็ไม่คิดหรอกว่าจะ
มีปั?ญหาอะไร แล้วก็กะจะไปตามเรื่องหมอนภาพรรณด้วย ว่าโรงพยาบาลจัดการอย่างไร
ขึ้นไปที่ห้องการเงิน เจ้าหน้าที่เค้าก็หยิบเอกสารออกมาจะให้เซ็นรับเงิน 2000
บาท ทีนี้เอกสารที่
เค้าส่งให้มามันเย็บเป็นชุดไง มีเอกสาร 5-6 แผ่น
เค้าจะให้เราเซ็นรับที่แผ่นแรก ข้อความก็ไม่มี
อะไรมาก ก็แค่เป็นใบรับเงิน
ให้เราเซ็นว่ารับเงินแล้วแค่นั้น แต่เราพลิกไปอ่านแผ่นที่ 2 หรือ 3 นี่แหละ
เป็นเอกสารเรื่องขอ
เบิกค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยประกันสังคม
เรียนผู้จัดการฝ่ายบัญ?ชี ลงวันที่ 25 มกราคม 2550 มีข้อความระบุชัดเจนว่า
"..... บัดนี้โรงพยาบาลดังกล่าวได้ทำการรักษาเสร็จสิ้นแล้ว
โดยเป็นเงินทั้งสิ้น 2000 บาท
..." อ้าว ไม่ใช่แล้ว มัดมือชกนี่นา... พระมงกุฎยังรักษาเราไม่เสร็จ
เพราะเรายังต้องทานยาอยู่
แล้วหมอพระมงกุฎก็นัดเราไปเอ็กซเรย์อีกทีวันที่ 20 มี.ค.50 อีกตั้งเดือน
มาให้เราเซ็นว่ารักษา
เสร็จสิ้นแล้ว แถมลงวันที่ 25 ม.ค. ได้ไง ..มันไม่ได้ดิ
แล้วยังบอกว่ารักษาเป็นเงินทั้งสิ้น 2000
บาท..ไม่ใช่แล้ว 2000 นี่มันเฉพาะค่าเฝือก
ใบเสร็จก็ระบุอยู่โต้งๆ..รักษาเสร็จสิ้นเป็นเงินทั้งสิ้น
เท่าไหร่ ตอนนี้ไม่มีใครตอบได้หรอกเพราะยังไม่เสร็จ ค่าใช้จ่ายจริง ณ วันนั้น
รวมค่ายา ค่าหมอ
ค่าเอ็กซเรย์ ก็เกิน 2000 ไปอื้อแล้ว มาให้เราเซ็นแบบนี้ได้ไง..
เราก็ไปชี้แจงกับฝ่ายประกันสังคมซึ่งทำเรื่องเบิกจ่ายให้เราว่า ไม่ใช่นะ
ข้อความคุณไม่ถูกต้องนะ
เพราะรักษายังไม่เสร็จ เรายังไม่หาย ไม่เชื่อดูเท้าเราสิ..ไม่มีใครดู...
เราขอให้เค้าแก้ไขข้อความว่ารักษาเสร็จสิ้นแล้วและเป็นเงินทั้งสิ้น 2000 บาท
โดยขอให้แก้เป็นว่า
เบิกจ่ายเฉพาะค่าเฝือก เป็นเงิน 2000 บาท ได้มั้ย เพราะมันคือความจริง
จะเขียนก็เขียนความ
จริงสิ..เจ้าหน้าที่พูดด้วยน้ำเสียเหยียดหยามสุดๆ.ก็แค่ข้อความในเอกสาร...
อ้าว ซะงั้น
เราเลยบอกว่า อย่างนี้เราเซ็นไม่ได้หรอก เพราะถ้าเราเดินไม่ได้
หรือเป็นเรื้อรังอย่างที่หมอพระ
มงกุฎบอกว่าอาจเป็นได้เนี่ย แน่นอนเราต้องฟ้องร้องเอากับโรงพยาบาลลาพร้าว
ฉะนั้น เอกสาร
เราต้องทำให้ถูกต้องไว้ก่อน ขืนเซ็นไปเราก็เสียเปรียบ
เพราะเท่ากับเรายอมรับให้ลาดพร้าวรับผิด
ชอบเราทั้งสิ้น 2000 บาท และรักษาเสร็จไปแล้วในวันที่
"หมอยอมรับว่าหมอมีอคติกับคนไข้ประกันสังคมจริง
เพราะหลายรายมาหาหมอเพื่อขอใบรับรองแพทย์
อยากหยุดงานอย่างเดียวโดยไม่ได้เป็นอะไร" แพทย์หญ ?ิงนภาพรรณ เอื้อฤาชา
เพื่อนๆอ่านนะ แล้วส่งต่อให้ด้วยจะขอบคุณมากจ้า เพราะอยากให้ทุกๆ คนได้รู้นะ
เอ้
เราไปรักษาตัวกับหมอที่โรงพยาบาลลาดพร้าวมา แล้วดูสิว่าเกิดอะไรขึ้น
เหตุเกิดเมือวันที่ 2 มกราคม 2550 เราหกล้มที่แถวๆรามอินทรา
ตอนนั้นเจ็บที่ข้อเท้าทั้ง 2 ข้างมาก
มันเขียวช้ำ แล้วก็บวมเป่งขึ้นมาทันที โชคดีที่พ่อกับแม่เราไปด้วย
ก็เลยรีบให้พ่อช่วยขับรถพาไปโรง
พยาบาลลาดพร้าว
(ซึ่งเป็นโรงพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิฯ ของประกันสังคม)ทันที
โดยระหว่างทางเราก็ประคบน้ำ
แข็งไปด้วย
เมื่อไปถึงโรงพยาบาลลาดพร้าว เราก็เข้าแผนกฉุกเฉิน
หมอที่รักษาเป็นคุณหมอผู้ชาย ซึ่งเราก็ไม่รู้
ว่าชื่ออะไร
หมอให้เราเอ็กซเรย์เท้าซ้าย ผลเอ็กซเรย์ออกมาว่ากระดูกไม่หัก ไม่ร้าว
ให้ยาแก้ปวดมาทาน
พร้อมออกใบรับรองแพทย์ให้หยุดงาน 2 วัน คือ 2-3 มกราคม 2550
แต่ตอนที่ตรวจเรา หมอไม่จับข้อเท้า ไม่ก้มดูใดๆทั้งสิ้น
ดูแต่ฟิล์มเอ็กซเรย์อย่างเดียว ซึ่งเราก็เข้า
ใจว่าเพราะมันเพิ่งล้มมาตะกี้ ถ้าหมอจับเราคงเจ็บอ่ะ
กลับมาถึงบ้าน ก็นอนพัก หยุดงาน 1 วันตามหมอบอก (วันที่ 2
วันที่ล้มมันวันหยุดอยู่แล้วงัย) วันที่ 4
ม.ค. เรามาทำงาน พร้อมไม้เท้า 1 อันและข้อเท้าที่บวมเป่ง .
มันปวดมากนะเวลาเดิน แต่เราก็
ว่าเออ เท้าแพลงก็คงปวดแบบนี้แหละ หมอบอกไม่เป็นไร ก็ต้องไม่เป็นไร
เอ็กซเรย์แล้วไม่หัก ไม่
แตก ก็โล่งไป แต่ปรากฏว่าไปนั่งทำงานได้แป๊บเดียว
ที่บวมอยู่แล้วก็บวมหนักกว่าเดิม แล้วก็ปวด
หนึบๆตลอดเวลา กลับถึงบ้านตอนเย็นๆก็ปวด คราวนี้ปวดตลอดเวลา
กลางคืนไม่ต้องหลับต้องนอนเอา
แต่ปวดข้อเท้าจนนอนไม่หลับ
ดูท่ามันจะอักเสบเพราะเมื่อกลางวันไม่ได้พักเท้าเต็มที่
วันรุ่งขึ้น เสาร์ที่ 5 ม.ค เราเห็นอาการไม่ดีขึ้นเลย มันค่อนข้างผิดปกตินะ
เท้าแพลงอารายฟระ
ทำไมมันบวมไม่ยุบ เจ็บไม่หายซะทีแล้วก็ปวดหนึบๆตลอดเวลา เลยกลับไปหาหมอใหม่
ที่เดิม คือโรง
พยาบาลลาดพร้าว ขอให้ได้ตรวจอีกครั้งก็พอ
คิดว่าคราวนี้มันไม่ใช่สดๆเหมือนคราวที่แล้ว หมอคง
ตรวจให้ละเอียดกว่าเดิมได้ และก็จะขอใบรับรองแพทย์มาลาหยุดวันจันทร์ซะด้วยเลย
เพราะท่าทาง
จะยังไม่หาย
เมื่อเข้าไปพบหมอ นี่เลย เจอกับหมอเจ้ากรรม แพทย์หญ ?ิงนภาพรรณ เอื้อฤาชา
(ไม่แน่ใจว่าสะกดถูกป่าวนะ) พอนั่งปุ้บ
เราก็บอกว่าเราหกล้มมาเมื่อวันที่...บลาๆๆๆ ก็เล่าให้หมอ
ฟังไป พร้อมต่อท้ายว่า มาตรวจแล้วขอใบรับรองแพทย์ด้วยนะคะ
(หน้าห้องเขียนไว้ว่า ขอใบรับรอง
กรุณาแจ้งก่อนทุกครั้ง..ประมาณเนี้ย) ฟังจบหมอก็ถามว่าจะเอาไปหยุดงานเหรอ
(แทนที่จะถามว่าอาการเป็นยังไงบ้าง ยังปวดอยู่เหรอ..) เราก็บอกว่าใช่
เพราะไม่แน่ใจว่าวัน
จันทร์เราจะไปทำงานไหวป่าว เมื่อวันศุกร์ไปมาแล้วกลับมามันอักเสบขึ้น
แล้วก็เป็นอย่างที่เห็น
(พยายามจะชี้ให้หมอดู) แต่ขอโทษคุณเธอไม่ดู ขอย้ำ ไม่ดูเท้าเราซักนิดนะ
ชำเลืองก็ไม่ จะว่าเห็นก็
ไม่เห็น เพราะมีโต๊ะบังอยู่ทั้งตัว ไม่ขอดู ไม่ขอตรวจใดๆทั้งสิ้น
แล้วก็บอกว่าโอ้ย แค่นี้หยุด 2 วันก็
หายแล้ว ว่าแล้วก็พลิกแฟ้มประวัติ ชี้ให้ดูว่าหมอคนก่อนให้หยุด 2 วัน
แถมบอกว่า ที่หยุดไปน่ะ ก็หาย
ได้แล้ว กระดูกไม่หัก ไม่ร้าว ไม่เป็นไรเลยนี่
เราก็ถามย้ำว่าไม่เป็นไรเหรอคะหมอ..เค้าก็ว่า ไม่
เป็นไร 2 วันก็หายแล้ว...เราก็ว่า..อ้าว
ไม่เป็นไรแล้วทำไมหนูยังปวด..คราวนี้เค้ามามุขนี้เลย
คับท่าน..ปวดอยู่งั้นฉีดยามั้ย...น้ำเสียงกวน มากๆๆๆๆ
เราก็ถามกลับไปว่ายาอะไร ถ้ายาแก้ปวดก็
ไม่ต้อง เพราะเราทานยาแก้ปวดที่หมอให้อยู่แล้ว
เค้าก็ให้ยาแก้ปวดเรามาเพิ่ม..อ่ะ
เราก็ไม่ว่าอะไร กลับบ้านมากินยาแก้ปวดต่อ
เรากินยาแก้ปวดอยู่อย่างนั้น ขาก็ไม่ดีขึ้น บวมเป่ง เหมือนเดิม
ต้องใช้ไม้เท้าช่วย เขยกๆมาทำงาน
ตกเย็นก็ปวดหนึบๆ เราก็แช่น้ำอุ่นทั้งเช้า - เย็น ถ้ามีโอกาสก็จะนอนพาดขาสูง
เพื่อไม่ให้มันบวม
เราทำแบบนี้อยู่จนกระทั่งวันที่ 22 ม.ค ก็คิดได้ว่า เอ้ย..มันนานไปแล้ว
คนขาแพลงเค้าอาทิตย์เดียว
ก็หายมั้ง นี่ 20 วันยังไม่ดีขึ้น เราว่ามันไม่ธรรมดาจริงๆซะแล้ว..
ก็กลับไปโรงพยาบาลลาด
พร้าวใหม่ ( แถวบ้านเรียกเจ็บไม่จำ) ก็ทำไงได้เล่า
เค้ารักษาอยู่ก็มันจะได้ต่อเนื่อง อีกอย่างใช้
สิทธิประกันสังคมไง จ่ายมาหลายปีแระ ไม่เคยได้ใช้เลย
ไปถึงก็แจ๊กพ็อต..เจอหมอคนเดิม นภาพรรณ นี่เลย เห็นหน้าเราปุ้บ
คราวนี้เห็นเท้าเราด้วย เพราะ
เรายืนหน้าห้องไม่ยอมนั่งจนกว่าเค้าจะมองเท้า เค้าเห็นปุ้บ เค้าก็ทักว่า
"อ้าว ไปทำอะไรมาอีกถึง
ได้เป็นแบบนี้"...โถ โถๆๆๆ
หมอ เราจะไปทำอะไรมาได้ เราก็เลยตอบว่า "
อ้าวหมอ..ก็มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่มาเจอหมอคราว
ที่แล้วหมอไม่เห็นเหรอ" เค้าก็บอกว่า "เอ๊ะ
คราวก่อนคนไข้บอกว่าทานยาแล้วดีขึ้นแล้วนี่
คะ"..เฮ้ย..งง เรางงมากเลย ใครหว่ามาบอกว่าดีขึ้น
กรูยังไม่เคยหายบวมเลยตั้งแต่วันที่ล้ม
และกรูก็ไม่เคยหายปวดด้วย.. เราเลยตอบแบบ งง งง ไปว่า ป่าวนะ
เราไม่เคยบอกว่าดีขึ้น เค้า
ยังมาบอกว่าก็นี่ไงคะ หมอจดลงไปในแฟ้มว่าคนไข้ทานยาแล้วดีขึ้น..เท่านั้นแหละ
เราก็ฉุนขาด ยก
เมฆนี่หว่า คราวที่แล้วมาหาหมอ ตรวจเราก็ไม่ได้ตรวจ ถามอาการก็ไม่ถาม
แถมพูดเองเออเองว่า
2 วันก็หายแล้ว
แล้วนี่ยังมาเขียนในแฟ้มเอาเองอีกว่าคนไข้ทานยาแล้วดีขึ้น..เออ หมอแบบนี้ก็มี
ด้วยความโกรธ เราก็เลยบอกว่า หมอน่ะ ไม่เคยตรวจเราเลยนะ ขอดูเท้าก็ไม่ดู
แถมบอกว่า 2 วัน
ก็หายแล้ว แล้วนี่อะไร 22 วันแล้วยังไม่หาย แปลว่าหมอวินิจฉัยผิดไป 20 วันนะ
แล้วแถมยังมีอคติ
กับคนไข้ประกันสังคมคิดว่าคนไข้จะมาขอหยุดงานอย่างเดียวโดยไม่ตรวจว่าเค้าป่วย
จริงรึเปล่า
**** หมอก็พูดมาหน้าตาเฉยว่า "หมอยอมรับว่าหมอมีอคติกับคนไข้ประกันสังคมจริง
เพราะหลาย
รายมาหาหมอเพื่อขอใบรับรองแพทย์ อยากหยุดงานอย่างเดียวโดยไม่ได้เป็นอะไร"
**** สาบาน นี่เป็นคำพูดของหมอนภาพรรณ แห่งโรงพยาบาลลาดพร้าว จริงๆ
ไม่ได้ใส่ความ ไม่ได้
เพิ่มเติม พยาบาลที่ยืนอยู่ในห้องก็ได้ยิน เราก็เลยตอบไปว่า ไม่ได้สิ
หมอเป็นหมอนะ ต้องรักษาคน
ไข้ จะป่วยจริงไม่จริงก็ต้องตรวจเค้าก่อน
ไม่ใช่ไม่ตรวจแล้วมาสรุปเองว่าคนไข้โกหก ไม่ได้ป่วยจริง
แล้วนี่เรามาเป็นหนที่ 3 แล้ว ยังไม่รู้เลยว่าเราเป็นอะไร บอกว่ากระดูกไม่หัก
ไม่ร้าว แล้วนี่เป็น
อะไร ทำไมมันปวดไม่เลิก
บวมไม่ยุบแบบนี้..สุดท้ายเค้าก็บอกจะส่งเราไปหมอกระดูกของโรง
พยาบาล โดยนัดตรวจวันที่ 29 ... โห..แม่คุณ เพิ่งนึกได้รึไงว่ารักษาไม่เป็น
ต้องส่งหมอกระดูก
ทำไมไม่ส่งตั้งแต่มาหาเมื่อวันที่ 5 รุ่งขึ้น ด้วยความที่ปวดมาก และกังวลใจ
ก็เลยไปหาหมอที่โรง
พยาบาลพระมงกุฏ หมอบอกว่า "เส้นเอ็นข้อเท้าฉีกขาด" อึ๋ยยย...
คนละเรื่องกะที่โรงพยาบาล
ลาดพร้าวบอกเลยมะ ให้เราหยุดงาน 1 สัปดาห์ แล้วก็เข้าเฝือก 1 เดือน
แล้วก็บอกว่า รักษายาก
หน่อยเพราะว่ารักษาไม่ถูกวิธีมาตั้งแต่ต้น
หมอบอกว่าถ้ารักษาให้ถูกต้องตั้งแต่บาดเจ็บใหม่ๆ เส้นเอ็น
ก็จะต่อง่ายกว่าแผลเก่าๆ เปรียบเทียบกับเย็บแผลสด กับเย็บแผลที่ทิ้งไว้แล้ว
20 กว่าวัน แผลสด
ย่อมต่อตัวกันได้ง่ายกว่าอยู่แล้ว..
ตอนนี้เราถอดเฝือกแล้วแต่ก็ยังบวมและเจ็บอยู่ หมอบอกว่าอาจจะเรื้อรังก็ได้
ต้องดูกันไป แต่ก็จะ
พยายามรักษา
ให้หาย...ตรงนี้ต้องขอชื่นชมคุณหมอที่ร.พ.พระมงกฎด้วยนะคะ
ที่ใส่ใจคนไข้ดีมากๆ
ยัง เรื่องยังไม่จบแค่นี้ มีต่อ
คราวนี้เรื่องถึงผู้บริหารโรงพยาบาลลาดพร้าว..แย่หนักกว่าเดิมอีก
วันถัดมาเราก็โทรไปที่แผนกประกันสังคมของโรงพยาบาลลาดพร้าว
เพื่อร้องเรียนหมอนภาพรรณ ว่า
รักษาเราไม่ได้ วินิจฉัยผิดพลาด เป็นเหตุให้เราต้องใช้เวลารักษานานกว่าปกติ
พูดง่ายๆก็คือทำให้
เราต้องเจ็บตัวนาน
พนักงานแผนกประกันสังคมที่โรงพยาบาลลาดพร้าวก็น่ารักใจหาย...รับฟังเรื่อง
ของเราแล้วก็เสนอว่าโรงพยาบาลจะเบิกจ่ายค่าเฝือกให้ (2000 บาท)
ให้เราเอาใบเสร็จตัวจริง
พร้อมใบรับรองแพทย์พระมงกุฎไปให้เค้า เอ้า เราก็เอาไปให้
พร้อมกำชับว่าเราต้องการตามเรื่อง
ของหมอนภาพรรณ ว่าโรงพยาบาลทำอย่างไรกับเค้า..จะว่ากล่าว ตักเตือน
หรือทำอย่างไรก็ให้
แจ้งเราด้วย .
ปลายเดือนมกราคม โรงพยาบาลโทรมาแจ้งว่า ให้ไปรับเงิน 2000 บาท
ทางผู้บริหารอนุมัติ
ให้แล้ว.. อ่ะ เรื่องก็น่าจะจบ
เพราะเราไม่ได้ต้องการจะเรียกค่ารักษาทั้งหมดจาก ร.พ.ลาดพร้า
วอยู่แล้ว ทั้งค่ายา ค่าหมอ ตอนแรกทางลาดพร้าวเค้าจะให้เราตัดเฝือก
แล้วก็รักษากับหมอกระดูก
ของเค้าต่อ..เรื่องอะไรล่ะ ไม่เอาหรอก บอกตรงๆ ไม่ไว้ใจ
ไม่คิดว่าหมอที่นั่นจะมีความสามารถ
เลยตอบเค้าไปว่าเรารักษาที่พระมงกุฎหมอเค้าก็เก่งอยู่แล้ว และจะได้ต่อเนื่อง
เราก็ไม่ได้ไปรับเงิน
ซักทีเพราะขาเข้าเฝือกอะ จะไปไหนได้ยังไง อีกอย่างเงินแค่ 2000 บาท ก็เออ
ช่างๆมันก่อน จน
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ( 23 กพ. 50) เราก็แวะไปรับเงิน เราขึ้นไปพร้อมแม่
ก็ไม่คิดหรอกว่าจะ
มีปั?ญหาอะไร แล้วก็กะจะไปตามเรื่องหมอนภาพรรณด้วย ว่าโรงพยาบาลจัดการอย่างไร
ขึ้นไปที่ห้องการเงิน เจ้าหน้าที่เค้าก็หยิบเอกสารออกมาจะให้เซ็นรับเงิน 2000
บาท ทีนี้เอกสารที่
เค้าส่งให้มามันเย็บเป็นชุดไง มีเอกสาร 5-6 แผ่น
เค้าจะให้เราเซ็นรับที่แผ่นแรก ข้อความก็ไม่มี
อะไรมาก ก็แค่เป็นใบรับเงิน
ให้เราเซ็นว่ารับเงินแล้วแค่นั้น แต่เราพลิกไปอ่านแผ่นที่ 2 หรือ 3 นี่แหละ
เป็นเอกสารเรื่องขอ
เบิกค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยประกันสังคม
เรียนผู้จัดการฝ่ายบัญ?ชี ลงวันที่ 25 มกราคม 2550 มีข้อความระบุชัดเจนว่า
"..... บัดนี้โรงพยาบาลดังกล่าวได้ทำการรักษาเสร็จสิ้นแล้ว
โดยเป็นเงินทั้งสิ้น 2000 บาท
..." อ้าว ไม่ใช่แล้ว มัดมือชกนี่นา... พระมงกุฎยังรักษาเราไม่เสร็จ
เพราะเรายังต้องทานยาอยู่
แล้วหมอพระมงกุฎก็นัดเราไปเอ็กซเรย์อีกทีวันที่ 20 มี.ค.50 อีกตั้งเดือน
มาให้เราเซ็นว่ารักษา
เสร็จสิ้นแล้ว แถมลงวันที่ 25 ม.ค. ได้ไง ..มันไม่ได้ดิ
แล้วยังบอกว่ารักษาเป็นเงินทั้งสิ้น 2000
บาท..ไม่ใช่แล้ว 2000 นี่มันเฉพาะค่าเฝือก
ใบเสร็จก็ระบุอยู่โต้งๆ..รักษาเสร็จสิ้นเป็นเงินทั้งสิ้น
เท่าไหร่ ตอนนี้ไม่มีใครตอบได้หรอกเพราะยังไม่เสร็จ ค่าใช้จ่ายจริง ณ วันนั้น
รวมค่ายา ค่าหมอ
ค่าเอ็กซเรย์ ก็เกิน 2000 ไปอื้อแล้ว มาให้เราเซ็นแบบนี้ได้ไง..
เราก็ไปชี้แจงกับฝ่ายประกันสังคมซึ่งทำเรื่องเบิกจ่ายให้เราว่า ไม่ใช่นะ
ข้อความคุณไม่ถูกต้องนะ
เพราะรักษายังไม่เสร็จ เรายังไม่หาย ไม่เชื่อดูเท้าเราสิ..ไม่มีใครดู...
เราขอให้เค้าแก้ไขข้อความว่ารักษาเสร็จสิ้นแล้วและเป็นเงินทั้งสิ้น 2000 บาท
โดยขอให้แก้เป็นว่า
เบิกจ่ายเฉพาะค่าเฝือก เป็นเงิน 2000 บาท ได้มั้ย เพราะมันคือความจริง
จะเขียนก็เขียนความ
จริงสิ..เจ้าหน้าที่พูดด้วยน้ำเสียเหยียดหยามสุดๆ.ก็แค่ข้อความในเอกสาร...
อ้าว ซะงั้น
เราเลยบอกว่า อย่างนี้เราเซ็นไม่ได้หรอก เพราะถ้าเราเดินไม่ได้
หรือเป็นเรื้อรังอย่างที่หมอพระ
มงกุฎบอกว่าอาจเป็นได้เนี่ย แน่นอนเราต้องฟ้องร้องเอากับโรงพยาบาลลาพร้าว
ฉะนั้น เอกสาร
เราต้องทำให้ถูกต้องไว้ก่อน ขืนเซ็นไปเราก็เสียเปรียบ
เพราะเท่ากับเรายอมรับให้ลาดพร้าวรับผิด
ชอบเราทั้งสิ้น 2000 บาท และรักษาเสร็จไปแล้วในวันที่