Tuesday 25 September 2007
ช่วยกันบอกต่อ ๆ ไป รถเสียช่วยฟรี กด 1137
สำหรับผู้ใช้รถ หรือ ผู้ที่ไม่ได้ใช้รถส่วนตัว จะไปบอกต่อกันก็ได้
ช่วยกันบอกต่อ ๆ ไป รถเสียช่วยฟรี กด 1137
ชาวกรุงซึ้งน้ำใจ รถเสียช่วยฟรี 24 ชม. รถเสียกลางกรุงไม่ต้องตกใจ กด 1137
เรียกใช้บริการช่างซ่อมอาสาได้ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง ตามโครงการ "ปันน้ำใจช่วยเหลือสังคม"
ช่วยป้องกันทั้งโจรในคราบพลเมืองดีและภัยสุภาพสตรีที่รถเกิดเสียกลางทาง
เผยคนยังเรียกใช้น้อย เพราะส่วนใหญ่ยังไม่รู้จัก
วอนรัฐช่วยส่งเสริมสนับสนุน ขณะที่ผู้คนในสังคมต่างดิ้นรนเอาตัวรอด
ส่งผลให้ผู้คนเห็นแก่ตัวมากขึ้น เสียสละต่อผู้อื่นน้อยลง และไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวเรื่องของคนอื่น
< /FONT> แต่ก็ยังมีผู้คนจำนวนหนึ่ง แม้จะไม่มากนัก
แต่ก็พร้อมจะทำงานที่เสียสละช่วยเหลือคนอื่น โดยไม่มุ่งหวังสิ่งตอบแทน
อย่างกลุ่มคนในโครงการ"ปันน้ำใจช่วยเหลือรถจอดเสียกลางทาง"
นายกฤตวิทย์ ศรีพสุธา เจ้าของโครงการ"ปันน้ำใจช่วยเหลือรถจอดเสียกลางทาง" กล่าวถึงที่มาโครงการนี้ว่า
เห็นข่าวผู้หญิงรถเสียในเวลากลางคืนและเกิดปัญหาอาชญากรรมตามมา โดยพวกมิจฉาชีพคอยทำร้ายชิงทรัพย์
รวมไปถึงทำตัวเป็นพลเมืองดีในคราบโจร แล้วน่าเป็นห่วง นอกจากนี้จากการสำรวจดูยังพบว่า
มีรถเก่าจอดเสียอยู่ข้างทางไกลบ้านและไม่มีใครดูแล จึงได้หารือกับ พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล ผบก.จร .
เพื่อหาทางแก้ไข ให้ประชาชนมีที่พึ่ง เพราะเชื่อว่าในสังคมไทยยังมีคนดีอยู่อีกจำนวนมาก
บทสรุปที่ได้คือ ให้ตำรวจแต่ละท้องที่จัดหาอู่ซ่อมรถ จัดซื้อรถลากรถยกไว้ให้บริการ
โดยมีตำรวจโครงการพระราชดำริมาร่วมด้วยช่วยกัน
ปรากฏว่าเจ้าของอู่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยไม่คิดค่าแรง และบอกว่า ยินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
เพราะต้องการช่วยประชาชนอยู่แล้ว แต่ไม่มีโอกาส
นายกฤตวิทย์ กล่าวว่า เพื่อสร้างความเชื่อถือในการปฏิบัติหน้าที่
จึงกำหนดให้เจ้าหน้าที่ที่ออกให้บริการต้องติดบัตร ใส่ชุดฟอร์ม และไม่รับค่าตอบแทน
เพราะทุกคนทำด้วยใจรัก"บริษัทได้ทำประกันอุบัติเหตุให้เป็นค่าตอบแทน 1 ปี
ถึงขณะนี้การช่วยเหลือยังน้อยอยู่ เดือนหนึ่งประมาณ50-60 ราย
เฉลี่ยวันละ 4-5 ราย แต่ในช่วงคืนฝนตกจะมีคนเรียกใช้มากถึงวันละ 10ราย"
ผู้ริเริ่มโครงการนี้ กล่าวและยอมรับว่า โครงการ "ปันน้ำใจช่วยเหลือรถจอดเสียกลางทาง"
ยังไม่เป็นที่แพร่หลาย เนื่องจากประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนยังไม่ทราบว่ามีโครงการนี้
หากมีการประชาสัมพันธ์มากกว่าที่เป็นอยู่ เชื่อว่าจะมีคนที่เดือดร้อนขอใช้บริการมากกว่านี้
และน่าจะมีอู่ซ่อมรถยนต์มาร่วมช่วยเหลือมากขึ้น "ถ้าผู้ใช้รถไม่ฟัง จส. 100 จะไม่รู้ว่ามีโครงการนี้
อย่างไรก็ดี ยังมีประชาชนส่วนหนึ่งยังไม่เชื่อใจว่าจะช่วยเหลือจริงหรือเปล่า จะหวังอะไรหรือไม่ ถ้าทำอย่างโปร่งใส
คนจะเชื่อใจและใช้บริการมากขึ้น เราก็พร้อมจะขยายขอบข่ายการช่วยเหลือออกไป
เพราะโครงการนี้ ตั้งเป้าใช้งบไว้ 4ล้านบาท แต่ทำจริงๆ ใช้เงินเพียง 1.69 ล้านบาทเท่านั้น"
นายกฤตวิทย์ กล่าวและย้ำว่า คนที่ต้องการความช่วยเหลือจากรถเสีย
กดโทรศัพท์แจ้งเรื่องได้ที่ 1137
ช่วยกันบอกต่อ ๆ ไป รถเสียช่วยฟรี กด 1137
ชาวกรุงซึ้งน้ำใจ รถเสียช่วยฟรี 24 ชม. รถเสียกลางกรุงไม่ต้องตกใจ กด 1137
เรียกใช้บริการช่างซ่อมอาสาได้ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง ตามโครงการ "ปันน้ำใจช่วยเหลือสังคม"
ช่วยป้องกันทั้งโจรในคราบพลเมืองดีและภัยสุภาพสตรีที่รถเกิดเสียกลางทาง
เผยคนยังเรียกใช้น้อย เพราะส่วนใหญ่ยังไม่รู้จัก
วอนรัฐช่วยส่งเสริมสนับสนุน ขณะที่ผู้คนในสังคมต่างดิ้นรนเอาตัวรอด
ส่งผลให้ผู้คนเห็นแก่ตัวมากขึ้น เสียสละต่อผู้อื่นน้อยลง และไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวเรื่องของคนอื่น
< /FONT> แต่ก็ยังมีผู้คนจำนวนหนึ่ง แม้จะไม่มากนัก
แต่ก็พร้อมจะทำงานที่เสียสละช่วยเหลือคนอื่น โดยไม่มุ่งหวังสิ่งตอบแทน
อย่างกลุ่มคนในโครงการ"ปันน้ำใจช่วยเหลือรถจอดเสียกลางทาง"
นายกฤตวิทย์ ศรีพสุธา เจ้าของโครงการ"ปันน้ำใจช่วยเหลือรถจอดเสียกลางทาง" กล่าวถึงที่มาโครงการนี้ว่า
เห็นข่าวผู้หญิงรถเสียในเวลากลางคืนและเกิดปัญหาอาชญากรรมตามมา โดยพวกมิจฉาชีพคอยทำร้ายชิงทรัพย์
รวมไปถึงทำตัวเป็นพลเมืองดีในคราบโจร แล้วน่าเป็นห่วง นอกจากนี้จากการสำรวจดูยังพบว่า
มีรถเก่าจอดเสียอยู่ข้างทางไกลบ้านและไม่มีใครดูแล จึงได้หารือกับ พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล ผบก.จร .
เพื่อหาทางแก้ไข ให้ประชาชนมีที่พึ่ง เพราะเชื่อว่าในสังคมไทยยังมีคนดีอยู่อีกจำนวนมาก
บทสรุปที่ได้คือ ให้ตำรวจแต่ละท้องที่จัดหาอู่ซ่อมรถ จัดซื้อรถลากรถยกไว้ให้บริการ
โดยมีตำรวจโครงการพระราชดำริมาร่วมด้วยช่วยกัน
ปรากฏว่าเจ้าของอู่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยไม่คิดค่าแรง และบอกว่า ยินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
เพราะต้องการช่วยประชาชนอยู่แล้ว แต่ไม่มีโอกาส
นายกฤตวิทย์ กล่าวว่า เพื่อสร้างความเชื่อถือในการปฏิบัติหน้าที่
จึงกำหนดให้เจ้าหน้าที่ที่ออกให้บริการต้องติดบัตร ใส่ชุดฟอร์ม และไม่รับค่าตอบแทน
เพราะทุกคนทำด้วยใจรัก"บริษัทได้ทำประกันอุบัติเหตุให้เป็นค่าตอบแทน 1 ปี
ถึงขณะนี้การช่วยเหลือยังน้อยอยู่ เดือนหนึ่งประมาณ50-60 ราย
เฉลี่ยวันละ 4-5 ราย แต่ในช่วงคืนฝนตกจะมีคนเรียกใช้มากถึงวันละ 10ราย"
ผู้ริเริ่มโครงการนี้ กล่าวและยอมรับว่า โครงการ "ปันน้ำใจช่วยเหลือรถจอดเสียกลางทาง"
ยังไม่เป็นที่แพร่หลาย เนื่องจากประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนยังไม่ทราบว่ามีโครงการนี้
หากมีการประชาสัมพันธ์มากกว่าที่เป็นอยู่ เชื่อว่าจะมีคนที่เดือดร้อนขอใช้บริการมากกว่านี้
และน่าจะมีอู่ซ่อมรถยนต์มาร่วมช่วยเหลือมากขึ้น "ถ้าผู้ใช้รถไม่ฟัง จส. 100 จะไม่รู้ว่ามีโครงการนี้
อย่างไรก็ดี ยังมีประชาชนส่วนหนึ่งยังไม่เชื่อใจว่าจะช่วยเหลือจริงหรือเปล่า จะหวังอะไรหรือไม่ ถ้าทำอย่างโปร่งใส
คนจะเชื่อใจและใช้บริการมากขึ้น เราก็พร้อมจะขยายขอบข่ายการช่วยเหลือออกไป
เพราะโครงการนี้ ตั้งเป้าใช้งบไว้ 4ล้านบาท แต่ทำจริงๆ ใช้เงินเพียง 1.69 ล้านบาทเท่านั้น"
นายกฤตวิทย์ กล่าวและย้ำว่า คนที่ต้องการความช่วยเหลือจากรถเสีย
กดโทรศัพท์แจ้งเรื่องได้ที่ 1137