Friday, 21 September 2007

วีระยังจำได้มั้ย?

'วีระ' ความทรงจำของความเป็น 'คน'
ก็อดพูดถึงม็อบ "สาวกทักษิณ" ที่ท้องสนามหลวงเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่ได้
ถึงใครจะปฏิเสธว่า "ไม่ใช่ไทยรักไทย" ก็ปฏิเสธได้ แต่จะปฏิเสธว่า

"ไม่เกี่ยวกับไทยรักไทย" ก็ปฏิเสธได้อีกนั่นแหละ
แต่จะมีคนเชื่อหรือไม่นั้น..เป็นอีกเรื่อง!

ก่อนอื่น ผมอยากจะบอกกับบรรดาม็อบ "บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม" ทั้งหลายว่า
อดีตนายกฯ ทักษิณนั้น เป็นผู้นำประชานิยมเหมือน "อดีตประธานาธิบดีเปรอง"
แห่งอาร์เจนตินาก็จริง

แต่บรรดาสาวกจะ ก่อม็อบ-ปลุกระดม เพื่อกอบกู้-กรุยทางให้อดีตนายกฯ
ทักษิณกลับคืนสู่อำนาจรอบ ๒ อย่างเปรอง นั้น

ลืมไปได้เลย!

และในทำนองเดียวกัน การที่ "พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช. ประเมินว่า
หนักๆ เข้าม็อบก็แห้งตายไปเอง เพราะไม่มีคนสนใจ นั้น ดูจะเป็นการประเมิน
"คนละเป้า" กับฝ่ายปลุกม็อบ

เพราะฝ่ายสาวกทักษิณเขาทราบ คือเขาทราบดีว่า
นอกจากกลุ่มจัดตั้งของพวกเขาเองแล้ว จะไม่ได้รับกำลังร่วมจากประชาชนทั่วไป
ด้วยเหตุคือ

-ถึงประชาชนจะไม่ปลื้มรัฐบาล-คมช. แต่ไม่ถึงขั้นเป็นปฏิปักษ์

-เมื่อไม่เป็นปฏิปักษ์ ก็ย่อมไม่ต้องการโค่นล้มรัฐบาล

-ปฏิเสธ "ทักษิณ-ระบอบทักษิณ" จึงไม่สนับสนุน "ม็อบสาวกทักษิณ"

-คิดกันว่า รักษาสภาพปัจจุบันไว้ จะทำให้มีเลือกตั้งได้เร็วกว่า

แต่ถึงแม้ฝ่ายสาวกทักษิณประเมินอย่างนั้นแล้ว แต่เขาก็ยินดีจะทำอย่างที่ทำอยู่
นั่นก็จาก "ปัจจัยสนับสนุน" ที่เขาประเมินผลบวกได้จากอีกด้าน คือ

-ปัจจัยสนับสนุนทางเสบียงกรัง "พร้อมทุกด้าน"

-ปัจจัยสนับสนุนทางอำนาจทั้งลับ-ทั้งแจ้ง "พร้อมในที่ตั้ง"

-ปัจจัยทางมวลชนระดับ "ไพร่ราบพลเลว" "พร้อมพรึ่บ"

และที่สำคัญเหนืออื่นใดทั้งหมด ดังที่ผมบอกว่า "พลเอกสนธิ" ประเมินคนละเป้านั้น
มันเป็นอย่างนั้น..ตรงเผง!

เพราะในขณะที่ประธาน คมช. มองทางด้าน "ปริมาณมวลชน" ที่จะมาร่วมชุมนุม
แต่ฝ่ายสาวกทักษิณ "มองตรงกันข้าม"

เป้าหมายของเขา ไม่ได้อยู่ที่ "ปริมาณมวลชน" ที่จะเห็นดี-เห็นงาม
แล้วตามแห่มาร่วมชุมนุมกันพรึ่บพรั่บอย่างที่เรียกว่า "ปลุกม็อบขึ้น"
อันมาจากกลุ่มคนนอกเหนือจาก "กลุ่มจัดตั้ง" ในขบวนการของเขาเอง

แล้วเป้าหมายอยู่ตรงไหน?

อยู่ตรง "สร้างเงื่อนไข" ให้เกิดเป็น "จุดพลิกผัน" แล้วใช้ความกลมกลืนแห่ง
"ภาวะธรรมชาติม็อบ"

สร้างอารมณ์ร่วมเป็น "เงื่อนไขซ้อน"!

และจากนั้น สถานการณ์ที่แปรเปลี่ยน จะเป็นอุณหภูมิกำหนด "ความแตกหัก"
ซึ่งนี่ละคือเป้าหมายหลัก ซึ่งผลได้-ผลเสีย ขึ้นอยู่กับว่าฝ่ายไหนจะ
"บริหารสถานการณ์" ขณะนั้น ได้อารมณ์ร่วมจากมวลชนมากกว่ากัน

โดยไม่จำเป็นต้องอ้างอิงถึงเหตุผล เพราะกฎของจลาจลย่อมไม่ใช่คำว่าชอบธรรม!

เมื่อดูอย่างนี้แล้ว ก็เชื่อได้ว่า อีกไม่นาน จะมีม็อบเทศกาลแล้งในรูปของ
"ประชาชน-เกษตรกร-ชาวไร่ ชาวนา" ซึ่งล้วนแล้วแต่เดือดร้อน
และไม่ได้รับความเป็นธรรมสะสมซ้ำซาก

มุ่งหน้าเข้ากรุง รุมทึ้งรัฐบาล!

และไม่ว่าม็อบไหนมา ก็จะผนวกรวมเป็นเนื้อเดียวกับ "ม็อบหนุนทักษิณ"
ไปโดยปริยาย!

ผมเชื่อ ไม่มีฝ่ายไหนที่ไม่รู้เจตนาแห่งเงื่อนไขเหล่านี้
แต่ท่านก็ต้องเชื่อต่อไปด้วยว่า ในสิ่งที่รู้ๆ เห็นๆ และทั้งที่พยายามเลี่ยง
หรือวางแผนรับมือสิ่งนั้นๆ อย่างดีไว้แล้ว

แต่บางที ทั้งๆ ที่รู้นั่นแหละ มันก็เกิดจนได้!

มีสิ่งหนึ่งที่ผม "ฝากเป็นข้อสังเกต" คือในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พูดตรงๆ คือ
นับแต่ขบวนการ "เขย่าเมือง" กอบกู้-กรุยทางให้อดีตนายกฯ ทักษิณคืนอำนาจ
มีปฏิบัติการ "ผิดธรรมชาติ" เกิดขึ้นตามริมแดน "ไทย-พม่า"

นั่นคือ ปรากฏ "กองกำลังไม่ทราบฝ่าย" บุกเข้ามาปะทะ ตชด.
ในเขตไทยด้านแม่ฮ่องสอน และสังหาร ตชด. ไปหนึ่งนาย
เหตุผลที่กล้อมแกล้มแถลงกันคือ "เกิดความเข้าใจผิดเรื่องเขตแดน"?

มาวานซืนนี้ มีกองกำลังกะเหรี่ยงฝั่งพม่าเข้ามาจับเอาตัว ตชด.
จากฝั่งไทยที่สังขละ กาญจนบุรี ไป ๒ นาย จงใจแสดงให้เห็นว่า "ตั้งใจหาเหตุ"?

อาจจะมองกันว่า "เป็นเรื่องธรรมดา" แต่ผมเห็นว่า เป็นธรรมดาที่ผิดปกติ จริงอยู่
ตามรอยตะเข็บ "ไทย-พม่า" ตั้งแต่
เพชรบุรี-ราชบุรี-กาญจนบุรี-ตาก-แม่ฮ่องสอน-เชียงใหม่ ยันเชียงรายนั้น
เต็มไปด้วย "กองกำลังชนกลุ่มน้อย" มากเผ่า
และมีเหตุกระทบกระทั่งกับฝ่ายไทยอยู่เป็นครั้ง-เป็นคราว

แต่เกือบทุกครั้ง เหตุเกิดเพราะ "ใบสั่ง"?!

งานหลักของ "กองกำลังชนเผ่า" นั้น การรับจ้างสร้างเหตุ ถือเป็น "ภารกิจหลัก"
ของเขาอย่างหนึ่ง!

ผมสังเกตว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในลักษณะเดียวกัน
มันอยู่ในช่วงเวลาที่สอดคล้องกับบรรยากาศมีคำสั่ง แต่งตั้ง-โยกย้าย "ล้างบาง"
กลางปี และสอดคล้องกับการดี-เดย์ของขบวนการกอบกู้อำนาจทักษิณ เพื่อปฏิบัติการ

ประณามป๋า-ด่ารัฐบาล!

เมื่อมีเหตุการณ์ยั่วยุคล้ายเจตนาเสี้ยมให้ไทยกับพม่า "กินใจ" กันซ้อนๆ ถึง ๒
ครั้งเช่นนี้ ผมคาดว่าน่าจะมีครั้งที่ ๓ ครั้งที่ ๔ ตามมาอีกไม่นานนัก

พูดถึงการ "จ้วงจาบป๋า" ท่านประธานองคมนตรี "พลเอกเปรม ติณสูลานนท์"
ซึ่งดูเหมือนจะถูกยกขึ้นเป็น "เป้าเน้น" ในการปราศรัย
พร้อมทั้งมีเอกสารจ่ายแจกทั้งในที่ลับและที่แจ้งอย่างที่ปรากฏ

พูดแล้วก็อดนึกถึง "นายวีระ มุสิกพงศ์" ด้วยความพิศวงไม่ได้ เพราะม็อบครั้งนี้
๑ ในตัวตั้ง-ตัวตี บนความเป็นตัวนำก็คือ "นายวีระ"

นายวีระแสดงให้ประจักษ์ถึง "ทาสผู้ภักดี" ต่ออดีตนายกฯ ทักษิณ ผมไม่ว่า
เพราะแต่ละคนย่อมมี "เหตุผลจำเพาะ" ในการเลือกเคารพ เลือกไม่เคารพ
ต่อบุคคลใด-บุคคลหนึ่งเป็นเอกสิทธิ์อยู่แล้ว

นายวีระเลือกแล้วซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ให้เป็นนายเหนือหัว
ชีวิตนี้ยอมพลีเพื่อทักษิณ นั่นผมก็ขอชื่นชมในทางเลือก

แต่มันไม่จำเป็นมิใช่หรือ ที่จะแสดงความซื่อสัตย์ กตัญญูต่อ "นายใหม่"
ที่ชื่อทักษิณ ด้วยการอสัตย์ และกระทำเยี่ยงเนรคุณต่อ
"ผู้มีพระคุณคุ้มกระลาหัว" ที่ชื่อ "ป๋าเปรม"? จำได้มั้ย เมื่อปี ๒๕๒๔
ตอนนั้นวีระอายุแค่ ๓๓ ปีเท่านั้นมั้ง พลเอกเปรมขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีสืบต่อจาก
"พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์"

ป๋าตั้งให้วีระเป็น "รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย" ในโควตาพรรคประชาธิปัตย์

ปี ๒๕๒๕ วีระไปสมัคร ส.ส. ซ่อมที่พัทลุง ได้เป็น ส.ส. ป๋าก็ตั้งให้เป็น
"รัฐมนตรีช่วยคมนาคม"

ปี ๒๕๒๖ เลือกตั้งใหญ่ วีระก็ได้เป็น ส.ส. ต่อ ป๋าก็ตั้งให้วีระเป็น
"รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย" อีก

ตอนปี ๒๕๒๙ ป๋ายุบสภา เลือกตั้งใหม่ ด้วยบารมีป๋า วีระก็ได้รับเลือกเป็น ส.ส.
อีก แล้วป๋าก็อุปถัมภ์ค้ำชู "ลูกวีระ" ตั้งให้เป็น "รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย"
ซ้ำอีก

ลองคิดย้อนดูซิ แล้วหลับตาถึง "สภาพตัวเอง" ก่อนจะเข้าสู่การเมือง
และได้เป็นรัฐมนตรีถึง ๓ ครั้ง ๔ คราซิว่า นอกเหนือจาก "วาจาสามารถ"
ของวีระแล้ว

มีคุณสมบัติอะไรเด่นถึงตำแหน่งรัฐมนตรีแต่เยาว์วัยบ้าง?

ก็ไม่เพราะส่วนหนึ่งของ ความเมตตา รักใคร่ จากป๋าที่มีต่อวีระดอกหรือ?

จากรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย ชีวิตพลิกผันเพราะวาจาสามารถนั้น คึกคะนอง "จ้วงจาบ"
ต่อสถาบันเบื้องสูงในการปราศรัยหาเสียงให้ "นายพรเทพ เตชะไพบูลย์" ที่บุรีรัมย์
จนต้องลาออก และต้องคำพิพากษาสูงสุดให้จำคุก ๔ ปี เมื่อปี ๒๕๓๑

วีระยังจำได้มั้ย?

และวีระตกเป็น "นักโทษชายเด็ดขาด" ถูกจองจำอยู่ในเรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์
ตั้งแต่วันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๔๓๑ ยังจำได้มั้ย?

แล้วติดคุกมาได้แค่ "เดือนเดียว" คือถึงวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๓๑
ก็มีพระบรมราชโองการ "อภัยโทษ" ให้วีระพ้นจากการเป็นนักโทษ
ตามที่รัฐมนตรีมหาดไทยในสมัยรัฐบาลพลเอกเปรม
ทำหนังสือขึ้นกราบบังคมทูลขอพระราชทานอภัยโทษ

วีระยังจำได้มั้ย?

ตอนนั้น "ไทยโพสต์" ยังไม่เกิด จึงไม่มีข่าวจากไทยโพสต์ให้อ้างอิงถึง
แต่บรรดาหนังสือพิมพ์ในขณะนั้นเขาลงข่าว
พาดหัวใหญ่โตในเรื่องวีระได้รับพระราชทานอภัยโทษ

ไทยรัฐฉบับ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๓๑ พาดหัวว่า "วีระ" พ้น อภัยโทษออกจากคุก
กราบพระบรมสาทิสลักษณ์สิ่งแรก ยืนยันจะเล่นการเมืองต่อไปอีก

เดลินิวส์ พาดหัวว่า "วีระ" เผยชีวิต! ในคุก ๑ เดือน "ยังเขิน" ไม่เข้ากราบ
"เปรม"

มติชน พาดหัวว่า "เปรม" ให้ศีลให้พรยาวเหยียด/ขอเก็บตัวช่วงเลือกตั้ง

"วีระ" บึ่งพบ "เปรม" ทันควัน ย้ำหนักแน่นคืนการเมือง

แต่ที่น่าสนใจ และโดยเฉพาะที่วีระเองไม่ควรลืมเด็ดขาด ก็ดังที่ "มติชน" เขียน
"โปรยข่าว" ไว้ ดังนี้

"วีระ มุสิกพงศ์" รุดเข้าโคราชพบป๋าทันทีหลังพ้นคุก เข้ากราบขอบคุณในเมตตา
ย้ำรัฐบาลมีส่วนสำคัญในอิสรภาพที่ได้รับ "เปรม" ต้อนรับอบอุ่นเกือบครึ่งชั่วโมง
ให้พรยาวเหยียด......"

วีระยังจำได้มั้ย?

ถ้ายังจำได้ แล้ววีระแสดงความภักดีทักษิณด้วยการตั้งขบวนจองล้าง-จองผลาญ
"ด่าประจานป๋า"
ซึ่งครั้งหนึ่งตัวเองเคยเข้ากราบขอบคุณในเมตตาที่ท่านช่วยให้พ้นคุกในคดี
"ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ พระราชินี หรือรัชทายาท" ได้อย่างไรกัน? มนุษย์นั้น
เขาไม่ทำกันหรอกครับ...

ถ้าไม่ตอบแทนบุญคุณ ก็ขอเพียง "ไม่เนรคุณ" นั่นก็ยังพอมีความเป็น..คน.




ตีพิมพ์ครั้งแรก: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 26 มีนาคม 2550