Tuesday 25 September 2007
อย่ายอมให้ใครจับคนไทยทั้งชาติเป็น"ตัวประกัน"...ไม่ว่าจะเป็น 30 พฤษภาฯหรือวันไหน
อย่ายอมให้ใครจับคนไทยทั้งชาติเป็น"ตัวประกัน"...ไม่ว่าจะเป็น 30 พฤษภาฯหรือวันไหน
29 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 00:00:00
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ผมพบใครคนหนึ่งที่สนามบินเชียงใหม่วันก่อน เขาถามผมว่า
"วันที่ 30 พฤษภาคม จะอยู่ที่ไหน และจะทำอะไรพิเศษหรือเปล่า?"
ผมตอบอย่างไม่ลังเลว่า..."ผมก็ไปทำงานปกติ ติดตามข่าวสารตามหน้าที่ ไม่มีอะไรพิเศษ..."
กัลยาณมิตรผู้นั้นถามต่อว่า "อ้าว คุณไม่ต้องเตรียมทำข่าวที่เขาจะป่วนเมือง จะชุมนุม จะเผชิญหน้ากันหรือ?"
ผมบอกท่านผู้หวังดีว่า "ผมไม่คิดว่าจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้น...เพราะผมไม่เชื่อว่า คนไทยส่วนใหญ่อย่างคุณกับผมจะยอมให้คนกลุ่มนั้นกลุ่มนี้จับไปเป็นตัวประกัน ด้วยการขู่ว่าจะทำเรื่องร้ายแรง เพื่อให้คุณกับผมกลัว และต้องยอมตามพวกเขา...
"นั่นนะซิ...ผมกำลังจะถามคุณเชียวว่า ขื่อแปของบ้านเมืองหายไปไหนหรือ พวกเราประชาชนทั้งหลาย จึงต้องมานั่งลุ้นด้วยใจระทึกว่าใครเขาจะยกพวกมาข่มขู่กดดันได้แม้กระทั่งกระบวนการตุลาการอย่างศาลรัฐธรรมนูญ..." ท่านผู้ร่วมสนทนาระหว่างเดินทางบอกผม
ผมจึงขอเรียนให้ท่านผู้อ่านได้ทราบว่า วันพรุ่งนี้ที่กำหนดว่าท่านตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 ท่านจะอ่านคำตัดสินเรื่องจะยุบหรือไม่ยุบพรรคการเมืองนั้น ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามปกติอย่างที่ประเทศที่ศิวิไลซ์แล้วควรจะเป็น
ทุกอย่างจะต้องเป็นไปอย่างที่บ้านเมืองที่มีวัฒนธรรม ปกครองด้วยนิติธรรม และความเท่าเทียมเสมอภาคควรจะเป็นไป
สังคมจะอยู่ได้นั้น ใครมีหน้าที่อย่างไรก็ให้ทำอย่างนั้น และแม้ว่าคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญจะออกมาในรูปใด ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องก็จะต้องยอมรับตามนั้น...ส่วนใครจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย จะมีความเห็นขัดแย้งหรือเห็นพ้องกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอย่างไรก็มีสิทธิแสดงความเห็นได้ แต่ต้องเป็นการแสดงออกภายใต้กรอบของกฎหมาย
ใครทำผิดกฎหมาย ผู้รักษากฎหมายมีหน้าที่จะต้องรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง
ใครขู่ว่าหากไม่พอใจผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ แล้วจะยกพวกของตัวเองออกมาใช้ความรุนแรง ก็เท่ากับเป็นการก่อจลาจล...และบ้านเมืองก็มีกฎหมายบอกชัดเจนว่า ใครควรจะมีหน้าที่จะต้องจัดการกับผู้จงใจก่อจลาจลอย่างไร...ไม่ต้องรอให้ใครตีความกันอีก
เพราะถ้าหากใครใช้ความรุนแรง เขาทำให้ประชาชนเดือดร้อน และเมื่อประชาชนเดือดร้อน ไม่สามารถอยู่อย่างปกติสุข หรือต้องลุ้นระทึกตลอดเวลาว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมือง, นั่นย่อมหมายความว่า พวกเขาไม่ได้รับการคุ้มครองอันควรจะได้จากรัฐบาลหรือเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่มีหน้าที่โดยตรงในเรื่องของการรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย
ผมถือว่าในฐานะที่เราทุกคนเป็นประชาชนเต็มขั้น ย่อมจะต้องถือสิทธิว่า "ความปกติสุขแห่งการดำเนินชีวิต" นั่นเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคน และไม่มีใครหรือคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมีสิทธิที่จะยื้อแย่ง ปล้นหรือกระชากสิทธินั้นไปจากเราด้วยการข่มขู่ว่า จะใช้แรงกดดันหรือข่มขู่คุกคามว่าจะใช้ความรุนแรง
อย่างนี้ผมถือว่าเขากำลังจะจับตัวคนทั้งประเทศเป็น "ตัวประกัน" ....เสมือนหนึ่งจะใช้วิธีการอันน่ารังเกียจและควรแก่การประณามนี้มาเพื่อบอกว่าเขาจะยอมปล่อยประชาชนส่วนใหญ่เป็นอิสระก็ต่อเมื่อกลไกของรัฐ และสังคมจะยอมทำตามที่พวกเขาต้องการเท่านั้น
วิธีการเช่นนี้ย่อมไม่อาจจะยอมรับได้ ยกเว้นเสียแต่ว่ารัฐไทยจะกลายเป็น "รัฐที่ล้มเหลว" (failed state) ที่หมดสิ้นแล้วซึ่งกติกาพื้นฐานของการอยู่ร่วมกัน ซึ่งแน่นอนว่า ย่อมไม่ใช่เจตนาหรือจุดประสงค์ของคนไทยส่วนใหญ่
ผมยังเชื่อว่า คนไทยส่วนใหญ่วันนี้ต้องการให้ท่านตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทำหน้าที่ของท่านในกรณีนี้เหมือนในทุกกรณีที่เกิดขึ้น นั่นคือขอให้ท่านทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ว่าตามเนื้อผ้าของหลักฐาน และตีความตามสาระแห่งกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งสามารถจะตอบคำถามของประชาชนส่วนใหญ่ได้ว่าที่ตัดสินเช่นนั้นหรือเช่นนี้นั้นอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายข้อใด และด้วยเหตุผลกับหลักฐานประกอบอย่างไร
เสียงข่มขู่และวาจาคุกคามจากคนบางกลุ่ม ที่ต้องการจะให้คำตัดสินเป็นไปตามแนวทางที่พวกเขาต้องการเท่านั้น ต้องไม่ทำให้เกิดการบิดเบือนของกระบวนการยุติธรรมและการตัดสินคดีที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ทางการเมืองของประเทศไทย
ผมเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่มีทางยอมให้คนเหล่านี้จับไปเป็นตัวประกันเป็นอันขาด...ไม่ว่าจะเป็นวันที่ 30 พฤษภาคมนี้ หรือวันไหนๆ ก็ตาม...
(เข้ามาร่วมแสดงความเห็นใน blog ส่วนตัวของผมที่ www.oknation.net/blog/black ได้ตลอด 24 ชั่วโมง)
29 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 00:00:00
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ผมพบใครคนหนึ่งที่สนามบินเชียงใหม่วันก่อน เขาถามผมว่า
"วันที่ 30 พฤษภาคม จะอยู่ที่ไหน และจะทำอะไรพิเศษหรือเปล่า?"
ผมตอบอย่างไม่ลังเลว่า..."ผมก็ไปทำงานปกติ ติดตามข่าวสารตามหน้าที่ ไม่มีอะไรพิเศษ..."
กัลยาณมิตรผู้นั้นถามต่อว่า "อ้าว คุณไม่ต้องเตรียมทำข่าวที่เขาจะป่วนเมือง จะชุมนุม จะเผชิญหน้ากันหรือ?"
ผมบอกท่านผู้หวังดีว่า "ผมไม่คิดว่าจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้น...เพราะผมไม่เชื่อว่า คนไทยส่วนใหญ่อย่างคุณกับผมจะยอมให้คนกลุ่มนั้นกลุ่มนี้จับไปเป็นตัวประกัน ด้วยการขู่ว่าจะทำเรื่องร้ายแรง เพื่อให้คุณกับผมกลัว และต้องยอมตามพวกเขา...
"นั่นนะซิ...ผมกำลังจะถามคุณเชียวว่า ขื่อแปของบ้านเมืองหายไปไหนหรือ พวกเราประชาชนทั้งหลาย จึงต้องมานั่งลุ้นด้วยใจระทึกว่าใครเขาจะยกพวกมาข่มขู่กดดันได้แม้กระทั่งกระบวนการตุลาการอย่างศาลรัฐธรรมนูญ..." ท่านผู้ร่วมสนทนาระหว่างเดินทางบอกผม
ผมจึงขอเรียนให้ท่านผู้อ่านได้ทราบว่า วันพรุ่งนี้ที่กำหนดว่าท่านตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 ท่านจะอ่านคำตัดสินเรื่องจะยุบหรือไม่ยุบพรรคการเมืองนั้น ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามปกติอย่างที่ประเทศที่ศิวิไลซ์แล้วควรจะเป็น
ทุกอย่างจะต้องเป็นไปอย่างที่บ้านเมืองที่มีวัฒนธรรม ปกครองด้วยนิติธรรม และความเท่าเทียมเสมอภาคควรจะเป็นไป
สังคมจะอยู่ได้นั้น ใครมีหน้าที่อย่างไรก็ให้ทำอย่างนั้น และแม้ว่าคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญจะออกมาในรูปใด ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องก็จะต้องยอมรับตามนั้น...ส่วนใครจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย จะมีความเห็นขัดแย้งหรือเห็นพ้องกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอย่างไรก็มีสิทธิแสดงความเห็นได้ แต่ต้องเป็นการแสดงออกภายใต้กรอบของกฎหมาย
ใครทำผิดกฎหมาย ผู้รักษากฎหมายมีหน้าที่จะต้องรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง
ใครขู่ว่าหากไม่พอใจผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ แล้วจะยกพวกของตัวเองออกมาใช้ความรุนแรง ก็เท่ากับเป็นการก่อจลาจล...และบ้านเมืองก็มีกฎหมายบอกชัดเจนว่า ใครควรจะมีหน้าที่จะต้องจัดการกับผู้จงใจก่อจลาจลอย่างไร...ไม่ต้องรอให้ใครตีความกันอีก
เพราะถ้าหากใครใช้ความรุนแรง เขาทำให้ประชาชนเดือดร้อน และเมื่อประชาชนเดือดร้อน ไม่สามารถอยู่อย่างปกติสุข หรือต้องลุ้นระทึกตลอดเวลาว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมือง, นั่นย่อมหมายความว่า พวกเขาไม่ได้รับการคุ้มครองอันควรจะได้จากรัฐบาลหรือเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่มีหน้าที่โดยตรงในเรื่องของการรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย
ผมถือว่าในฐานะที่เราทุกคนเป็นประชาชนเต็มขั้น ย่อมจะต้องถือสิทธิว่า "ความปกติสุขแห่งการดำเนินชีวิต" นั่นเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคน และไม่มีใครหรือคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมีสิทธิที่จะยื้อแย่ง ปล้นหรือกระชากสิทธินั้นไปจากเราด้วยการข่มขู่ว่า จะใช้แรงกดดันหรือข่มขู่คุกคามว่าจะใช้ความรุนแรง
อย่างนี้ผมถือว่าเขากำลังจะจับตัวคนทั้งประเทศเป็น "ตัวประกัน" ....เสมือนหนึ่งจะใช้วิธีการอันน่ารังเกียจและควรแก่การประณามนี้มาเพื่อบอกว่าเขาจะยอมปล่อยประชาชนส่วนใหญ่เป็นอิสระก็ต่อเมื่อกลไกของรัฐ และสังคมจะยอมทำตามที่พวกเขาต้องการเท่านั้น
วิธีการเช่นนี้ย่อมไม่อาจจะยอมรับได้ ยกเว้นเสียแต่ว่ารัฐไทยจะกลายเป็น "รัฐที่ล้มเหลว" (failed state) ที่หมดสิ้นแล้วซึ่งกติกาพื้นฐานของการอยู่ร่วมกัน ซึ่งแน่นอนว่า ย่อมไม่ใช่เจตนาหรือจุดประสงค์ของคนไทยส่วนใหญ่
ผมยังเชื่อว่า คนไทยส่วนใหญ่วันนี้ต้องการให้ท่านตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทำหน้าที่ของท่านในกรณีนี้เหมือนในทุกกรณีที่เกิดขึ้น นั่นคือขอให้ท่านทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ว่าตามเนื้อผ้าของหลักฐาน และตีความตามสาระแห่งกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งสามารถจะตอบคำถามของประชาชนส่วนใหญ่ได้ว่าที่ตัดสินเช่นนั้นหรือเช่นนี้นั้นอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายข้อใด และด้วยเหตุผลกับหลักฐานประกอบอย่างไร
เสียงข่มขู่และวาจาคุกคามจากคนบางกลุ่ม ที่ต้องการจะให้คำตัดสินเป็นไปตามแนวทางที่พวกเขาต้องการเท่านั้น ต้องไม่ทำให้เกิดการบิดเบือนของกระบวนการยุติธรรมและการตัดสินคดีที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ทางการเมืองของประเทศไทย
ผมเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่มีทางยอมให้คนเหล่านี้จับไปเป็นตัวประกันเป็นอันขาด...ไม่ว่าจะเป็นวันที่ 30 พฤษภาคมนี้ หรือวันไหนๆ ก็ตาม...
(เข้ามาร่วมแสดงความเห็นใน blog ส่วนตัวของผมที่ www.oknation.net/blog/black ได้ตลอด 24 ชั่วโมง)