Monday, 3 September 2007

ฝึกสมองไบรท์ด้วย 9 เทคนิค

โดย วนิษา เรซ ผู้เชี่ยวชาญด้านอัจฉริยภาพจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
> >
> >ผู้หญิงสมัยนี้อยากสวย ฉลาด และสุขภาพดี
> >ทุกคนจึงพากันดูแลรูปร่างด้วยการออกกำลังกาย เคร่งครัดเรื่องอาหารการกิน
> >แต่ไม่เคยมีใครสนใจว่าจะดูแลสมองอย่างไรให้มีสุขภาพดี
> >ทั้งที่สมองเป็นอวัยวะที่ตัดสินใจทุกเรื่องของชีวิตเราจึงควรเอกเซอร์ไซส์สมองให้ไบรท์ด้วยเทคนิคง่ายๆ
> >ดังต่อไปนี้
> >
> >1. จิบน้ำบ่อยๆ สมองประกอบด้วยน้ำ 85 เปอร์เซ็นต์
> >เซลล์สมองก็เหมือนต้นไม้ที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยง ถ้าไม่มีน้ำ ต้นไม้ก็เหี่ยว
> >ถ้าไม่อยากให้เซลล์สมองเหี่ยว ซึ่งส่งผลให้การส่งข้อมูลช้า
> >กลายเป็นคนคิดช้าหรือคิดไม่ค่อยออก แต่ละวันจึงควรดื่มน้ำบ่อยๆ
> >
> >2. กินไขมันดี คนไม่ค่อยรู้ว่าสมองคือก้อนไขมัน
> >ซึ่งจำเป็นต้องมีไขมันดีไปทดแทนส่วนที่สึกหรอ แนะนำให้กินไขมันดีระหว่างวัน
> >จำพวกน้ำมันปลา สารสกัดใบแปะก๊วย ปลาที่มีไขมันดีอย่างปลาแซลมอน นมถั่วเหลือง
> >วิตามินรวม น้ำมันพริมโรสเป็นน้ำมันดีที่ทำให้เซลล์ชุ่มน้ำ
> >ส่วนวิตามินซีกินแล้วสดชื่น
> >
> >3. นั่งสมาธิวันละ 12 นาที หลังจากตื่นนอนแล้ว ให้ตั้งสติและนั่งสมาธิทุกเช้า
> >วันละ 12 นาที เพื่อให้สมองเข้าสู่ช่วงที่มีคลื่น Theta
> >ซึ่งเป็นคลื่นที่ผ่อนคลายสุดๆ ทำให้สมองมี Mental Imagery
> >สามารถจินตนาการเห็นภาพและมีความคิดสร้างสรรค์ (ถ้าทำไม่ได้ตอนเช้า
> >ให้หัดทำก่อนนอนทุกวัน)
> >
> >4. ใส่ความตั้งใจ การตั้งใจในสิ่งใดก็ตาม
> >เหมือนการโปรแกรมสมองว่านี่คือสิ่งที่ต้องเกิด
> >ระหว่างวันสมองจะปรับพฤติกรรมเราให้ไปสู่เป้าหมายนั้น
> >ทำให้ประสบความสำเร็จในสิ่งต่างๆ
> >เพราะสมองไม่แยกระหว่างสิ่งที่ทำจริงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
> >ทั้งสองอย่างจึงเป็นเสมือนสิ่งเดียวกัน
> >
> >5. หัวเราะและยิ้มบ่อยๆ ทุกครั้งที่ยิ้มหรือหัวเราะ จะมีสารเอนเดอร์ฟิน
> >ซึ่งเป็นสารแห่งความสุขหลั่งออกมาเท่ากับเป็นการกระตุ้นให้มีความอยากรักและหวังดีต่อคนอื่นไปเรื่อยๆ
> >
> >6. เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน
> >สิ่งใหม่ในที่นี้หมายถึงสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น
> >กินอาหารร้านใหม่ๆรู้จักเพื่อนใหม่ อ่านหนังสือเล่มใหม่
> >คุยกับเพื่อนร่วมงานและเรียนรู้วิธีการทำงานของเขา ฯลฯ
> >เพราะการเรียนรู้สิ่งใหม่ทำให้สมองหลั่งสารเอนเดอร์ฟินและโดปามีน
> >ซึ่งเป็นสารแห่งการเรียนรู้ กระตุ้นให้อยาก
> >
> >เรียนรู้และสร้างสรรค์ไปเรื่อยๆ เมื่อมีความสุขก็ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์
> >
> >7. ให้อภัยตัวเองทุกวัน ขณะที่การไม่ให้อภัยตัวเอง โกรธคนอื่น โกรธตัวเอง
> >ทำให้เปลืองพลังงานสมอง การให้อภัยตัวเองเป็นการลดภาระของสมอง
> >
> >8. เขียนบันทึก Graceful Journal ฝึกเขียนขอบคุณสิ่งดีๆ
> >ที่เกิดขึ้นแต่ละวันลงในสมุดบันทึก เช่น ขอบคุณที่มีครอบครัวที่ดี
> >ขอบคุณที่มีสุขภาพดี ขอบคุณที่มีอาชีพที่ทำให้มีความสุข ฯลฯ
> >เพราะการเขียนเรื่องดีๆ ทำให้สมองคิดเชิงบวก พร้อมกับหลั่งสารเคมีที่ดีออกมา
> >ช่วยให้หลับฝันดี ตื่นมาทำสมาธิได้ง่าย มีความคิดสร้างสรรค์
> >
> >9. ฝึกหายใจลึกๆ สมองใช้ออกซิเจน 20-25
> >เปอร์เซ็นต์ของออกซิเจนที่เข้าสู่ร่างกาย การฝึกหายใจเข้าลึกๆ
> >จึงเป็นการส่งพลังงานที่ดีไปยังสมอง
> >ควรนั่งหลังตรงเพื่อให้ออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น ถ้านั่งทำงานนานๆ
> >อาจหาเวลายืนหรือเดินยืดเส้นยืดสายเพื่อให้ปอดขยายใหญ่
> >สามารถหายใจเอาออกซิเจนเข้าปอดได้เพิ่มขึ้นอีก 20 เปอร์เซ็นต์
> >
> >การมีสมองที่ดีก็เหมือนกับทักษะทุกอย่างในโลกที่เรียนรู้ได้
> >แต่จะเก่งหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน ถ้าเราดูแลและฝึกฝนสมองให้ดี
> >คุณภาพชีวิตก็จะดีตาม