Thursday 17 April 2008

Dreams : สาว Strawberry Cheesecake ขอผูกหัวใจไว้กับการแสดง : อยากเป็นผู้กำกับ


ที่มา " http://www.elearneasy.com
"
ช่างภาพ : ชัชวาลย์

:: ออม-สุชารัตน์ มานะยิ่ง

สาว Strawberry Cheesecake ขอผูกหัวใจไว้กับการแสดง
น้องออม-สุชารัตน์
น้องออมในชุดนักศึกษา
ใครเปิดโทรทัศน์แล้วกดรีโมตไปช่อง 3 ช่วงเช้า 9 โมงนิด ๆ ของวันอาทิตย์ คงจะต้องสะดุดตากับความน่ารักสดใสของสาวน้อยวัยกระเตาะทั้ง 13 คน ที่ร่วมสร้างสีสันเป็นพิธีกรให้กับรายการชื่อน่าหม่ำ “Strawberry Cheesecake” ซึ่งนับได้ว่าเป็นรายการของวัยทีนขนานแท้แต่ผู้ใหญ่ดูแล้วต้องอมยิ้ม
น้อง “ออม-สุชารัตน์ มานะยิ่ง” เป็น 1 ในพิธีกรสาวจากรายการดังกล่าว เริ่มจากพื้นเพเดิมที่เป็นสาวสวยเมืองโคราช จนได้เข้ามาศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาในกรุงเทพฯ ที่นี่เอง ออมจึงมีโอกาสได้ถ่ายแบบลงนิตยสารแฟชั่นต่าง ๆ จนกระทั่งมีรุ่นพี่ตาถึง ชักชวนเข้ามาแคสติ้งพิธีกรรายการสตรอว์เบอร์รี่ ชีสเค้ก
“งานพิธีกรยากนะคะ แต่ออมมีพื้นฐานการเป็นพิธีกรจากรายการที่ออกอากาศทางช่องเคเบิลที่โคราชมาก่อน จึงนำประสบการณ์มาปรับใช้กับรายการนี้ได้ ออมต้องใช้ไหวพริบและการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าตลอดเวลา อย่างเช่นจังหวะในการพูด เนื่องจากในรายการมีพิธีกรหลายคน อาจมีบางครั้งที่พูดชนกันบ้าง บางคิวเพื่อนจะพูดแต่เราพูดขึ้นมาก่อนแล้ว ยิ่งเป็นสัมภาษณ์สดยิ่งต้องใช้สมาธิ ถ้าหลุดเมื่อไรจะเกิดการถามคำถามซ้ำกันขึ้น ฉะนั้นจึงต้องฟังและฟังตลอด ถ้าพลาดจริง ๆ ก็ต้องหลังจากแจ้งเกิดในรายการสตรอว์เบอรี่ ชีสเค้กแล้ว น้องออมก็มีผลงานตามมาติด ๆ อีกหลายชิ้น ไม่ว่าจะเป็นถ่ายแบบ ถ่ายแฟชั่น มิวสิกวิดีโอ ผู้ประกาศแจ้งรายการของช่อง 3 จนในที่สุดก็ก้าวเข้ามาโลดแล่นในละครจอแก้ว
“รับบทเป็นน้องสาวของพระเอก (ต่าย-ณัฐพล) ในละครเรื่องนางสาวผ้าขี้ริ้วค่ะ ตอนนี้ถ่ายทำไปบ้างแล้ว เป็นละครแนวสนุกสนาน ออมต้องแสดงเป็นเด็กที่มีอายุ 20 ปี แต่อายุสมองเท่าเด็กอายุ 13 ปี โดยผู้กำกับเขาจะวางไว้ไม่ให้ออกมาเอ๋อ ก่อนแสดงออมต้องเตรียมตัวเยอะมาก มีการทำ workshop กับผู้กำกับและทีมงาน บทนี้พี่ ๆ ทีมงานค่อนข้างหนักใจเหมือนกันว่าจะให้เราเล่นออกมาอย่างไรดี ซึ่งตรงนี้ออมก็มีส่วนช่วย โดยออมจะลองแสดงให้พี่เขาดู แล้วผู้กำกับจะบอกให้ออมค่อย ๆ เติมทีละนิดจนพอใจ แล้ววันเข้าฉากก็จะให้เล่นแบบนี้”
ด้วยความที่คุ้นเคยกับทีมงานเป็นอย่างดี และได้ทำในสิ่งที่ใจรัก ทำให้สาวคนนี้ผ่านฉลุยเรื่องการแสดง
“ทีมงานส่วนมากเคยร่วมงานกันมาแล้วในสตรอว์เบอร์รี่ ชีสเค้ก ส่วนพี่เชา (ผู้กำกับ) ใจดีมาก ถ้าเราเล่นไม่ดีพี่เขาจะพูดตรง ๆ แต่ตัวออมรับได้ พอพี่เชาอธิบายออมจะเข้าใจทันที
รับบทนี้ต้องใช้เทคนิคในการแสดง หากเราไม่มีเทคนิค สิ่งที่ออกมาจะทำให้คนดูรับรู้ไม่เต็มที่ เราจะต้องรู้ว่าเด็กที่เป็นแบบนี้ อันดับแรกเขาจะสนใจเฉพาะสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เวลามีคนให้ของเขาก็จะรู้สึกดีกับข้าวของตรงนั้น ไม่ได้รู้สึกอะไรกับคนให้ พอเลิกชอบของชิ้นนี้แล้วก็ไปหาอย่างอื่นแทน ตรงนี้ต้องให้คนดูซึ่งเห็นเราแค่ชั่วขณะหนึ่งแต่รู้เลยว่าเราเป็นแบบนี้”
เห็นมีความรู้ด้านการแสดงแบบจริงจังอย่างนี้ เพราะตัวจริงของออมเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 2แห่งมศว ประสานมิตร คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาเอกการแสดงและกำกับการแสดงนั่นเอง
“ตอนแรกออมเป็นเด็กต่างจังหวัด เกิดและเติบโตที่จังหวัดนครราชสีมา แต่ช่วงประมาณ ม.6 เทอมต้น ออมยื่นพอร์ตโฟลิโอและสอบข้อเขียนของคณะศิลปกรรมศาสตร์ มศว จากจำนวนคนสอบพันกว่าคน คัดเหลือ 160 คน และ 30 คนจนกระทั่งสอบแอ็คติ้งเป็นรอบสุดท้าย ปรากฏว่าออมสอบติด
ตั้งแต่เด็ก ๆ ออมเรียนได้เกรด 3.70-3.80 มาตลอด สาเหตุที่เลือกเรียนสาขานี้เพราะออมชอบทำกิจกรรมมาตั้งแต่เด็ก ไม่ชอบนั่งเรียนอย่างเดียว อีกอย่างคือมีรุ่นพี่ซึ่งเรียนที่นี่อยู่แล้ว เวลาเขากลับไปแนะแนวที่โรงเรียนก็จะมาเล่าให้เราฟัง ซึ่งเสริมแรงบันดาลใจให้เรามากขึ้นค่ะ
วิชาเรียนในภาคอย่างแอ็คติ้ง ไดเรกต์ มูฟเมนต์ ฯลฯ ไม่ยากค่ะ อาจเป็นเพราะความชอบจึงรู้สึกสนุก แต่วิชาบังคับอย่างพวกวิชาสายวิทยาศาสตร์จะยากเหมือนกัน ด้วยความที่เรียนสายศิลป์มามั้งคะ ไม่ได้เรียนวิทย์มานานแล้วก็ลืมไปบ้าง”
อนาคตของเธอคนนี้ยึดหลักว่าขอฝันสูงไว้ก่อน
“จบแล้วอาจไปเป็นเบื้องหลังละคร แต่ถ้าเป็นได้อยากเป็นผู้กำกับ กำกับละครเวทีค่ะ คนเราต้องฝันสูง ๆ ไว้ก่อน ออมเคยแสดงละครเวทีอยู่ครั้งหนึ่ง เรื่อง “A mid summer night dream” ในโอกาสครบ 15 ปีของคณะ จัดขึ้น ณ หอประชุมใหญ่ เรื่องนี้เป็นเทพนิยาย ออมเล่นซีเวิร์คสั้น ๆ ประมาณ 20 นาที รับบทเป็นนางฟ้าตัวเล็ก ๆ
ละครโทรทัศน์กับละครเวทีต่างกันเยอะมากค่ะ ถึงออมจะมีทักษะละครเวทีมาแล้วก็ไม่ใช่ว่าจะนำไปใช้กับละครโทรทัศน์ได้เลย ต้องปรับบางอย่างก่อน เวลาเล่นละครเวทีเราต้องเล่นชัดมาก เพราะต้องการให้คนดูที่อยู่หลังสุดเห็นเรา แต่ว่าละครโทรทัศน์คนดูเขาอยู่ใกล้ ๆ เรา อาจแสดงความรู้สึกทางหน้า ทางสายตามากกว่า เรื่องการใช้เสียงก็ต่างกัน ละครเวทีต้องโปรเจกต์เสียง
ออมมีจุดพลาดอยู่อย่างหนึ่งคือ ออมเป็นคนเสียงแหลมมาก..(หัวเราะ) เล่นอะไรก็เสียงแหลมเสียงลอย เวลาเป็นพิธีกรออมมักจะหลุดเสียงแหลมบ่อย ๆ เลยต้องพยายามกดเสียง ฝึกควบคุมเสียง”
ถึงออมจะบอกว่าเสียงแหลมแต่ก็ออกแนวใส อินเทรนด์ อย่างนี้ไม่คิดจะเป็นนักร้องบ้างหรือไงน้า..
“..(หัวเราะร่วน) เคยคิดอยากร้องเพลงเหมือนกัน เป็นอะไรที่ท้าทาย แต่ออมว่าขึ้นอยู่กับโอกาสที่เข้ามามากกว่า เพราะคนเก่ง ๆ มีเยอะแยะ แล้วคุณแม่ออมก็เป็นนักร้องลูกทุ่งซึ่งเคยออกเทปด้วยนะ แม่ก็พยายามจะสอนร้องเพลงตั้งแต่เด็ก แต่ออมเขินแม่ วิ่งหนีแม่อีกต่างหาก
ออมคิดว่าอยากหาประสบการณ์ด้านการแสดงละครให้เยอะ ๆ มากกว่า เพราะตอนนี้คิดว่ายังไม่ไปถึงไหนเลย ยังพูดกับตัวเองไม่ได้ว่าเราเก่ง ออมเป็นคนไม่มีบทบาทในฝันนะ ออมอยากเป็นนักแสดงที่เล่นได้ทุกบท ครูเคยสอนว่าไม่มีบทไหนเล็กไปกว่าบทอื่น มีแต่ตัวเราเองนั่นแหละที่เล็ก บางบทถึงแม้จะไม่โดดเด่น แต่ถ้าไม่มีบทนั้น ละครก็สมบูรณ์ไม่ได้”
รักจะอยู่ในวงการนาน ๆ ต้องมีหลักในการทำงาน ตรงนี้น้องออมได้รับการอบรมบ่มเพาะจากครอบครัว ซึ่งเป็นกำลังใจสำคัญของเธอ
“ออมคุยกับพ่อแม่ตลอด ซึ่งท่านก็สนับสนุน พ่อจะคอยให้กำลังใจ บอกว่าให้เราหาประสบการณ์ อย่าคิดว่าเราเข้ามาเพื่อหาเงิน ส่วนแม่จะสอนเรื่องสัมมาคารวะ เรื่องการตรงต่อเวลา อย่างที่บอกว่าคุณแม่เคยเป็นศิลปิน ท่านจะทราบดีเรื่องการวางตัวกับผู้หลักผู้ใหญ่ อย่างออมเองถ้าได้รับมอบหมายงาน จะทำให้ดีที่สุด เต็มที่กับงานและรักษากฎที่เขาวางเอาไว้
ออมว่าการคุยกันในครอบครัวเป็นสิ่งที่ดีที่สุด วัยรุ่นสมัยนี้มักจะเลือกคุยกับเพื่อนมากกว่า ออมเคยเป็นค่ะ ประมาณว่าเราคิดอย่างหนึ่ง แต่เราไม่ได้บอกพ่อแม่ ท่านก็จะคิดไปอีกหลายอย่างเลยว่าลูกเป็นอะไรหรือเปล่า เดินทางผิดหรือเปล่า ดังนั้นการที่เราเปิดใจกับพ่อแม่ว่าตอนนี้เรากำลังคิด กำลังทำอะไรอยู่ จะช่วยให้ทุกคนสบายใจ ครอบครัวก็แฮปปี้”
สุดท้ายนี้สาวเสียงใสฝากข้อคิดให้กับวัยรุ่นทุก ๆ คนด้วย
“ถ้าน้อง ๆ มีไอดอล ไม่จำเป็นว่าเราต้องไปเลียนแบบเขา เราต้องดูตัวเองว่าเราอยากจะทำอะไร อยากเป็นอะไรแล้วเลือกทำในสิ่งนั้น ไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร เพียงแต่ทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุดก็พอ”
(อ่านคอลัมน์ “Star Teen” ฉบับปัจจุบันและย้อนหลังได้ที่ www.elearneasy.com)

LINK: http://www.elearneasy.com/Print_News.php?news_id=1656