Saturday 6 October 2007

ความจริงจะตัดสินคดีประวัติศาสตร์นี้...เพราะเดิมพันคือศักดิ์ศรีคนไทยทุกคน


สุทธิชัย หยุ่น
เวทีแลกเปลี่ยนความเห็นว่าด้วยเหตุการณ์บ้านเมืองของเราอย่างเปิดกว้างและรอบด้าน
Permalink : http://www.oknation.net/blog/black
วันพุธ ที่ 13 มิถุนายน 2550
ความจริงจะตัดสินคดีประวัติศาสตร์นี้...เพราะเดิมพันคือศักดิ์ศรีคนไทยทุกคน
Posted by สุทธิชัย หยุ่น , ผู้อ่าน : 85 , 10:36:26 น. | หมวดหมู่ : กาแฟดำ
พิมพ์หน้านี้

สำหรับคนไทยที่ตั้งหน้าตั้งตาเสียภาษีอย่างรับผิดชอบและไม่ต้องการให้ใครมีอภิสิทธิ์ในการใช้อิทธิพลเพื่อปล้นผลประโยชน์ของชาติแล้ว, กรณีของครอบครัวที่รวยที่สุดในประเทศถูกอายัดทรัพย์โดยคำสั่งของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ย่อมเป็นโอกาสที่จะได้รับรู้รายละเอียดทุกบาททุกสตางค์ของเรื่องอื้อฉาวที่สงสัยว่าเป็นการทำให้บ้านเมืองเสียหายอย่างน่าตื่นตาตื่นใจยิ่ง

นี่จะเป็นคดีประวัติศาสตร์ที่ต้องพิสูจน์ให้กระจ่างกันในทุกข้อกล่าวหา...เพราะหากแม้เพียงเศษเสี้ยวเดียวของข้อสรุปของ คตส. เป็นจริง, ก็ต้องถือว่าผู้ถูกกล่าวหาปล้นชาติปล้นแผ่นดินกลางวันแสก ๆ แล้ว

ผมถือว่าการประกาศอายัดทรัพย์สินของทักษิณ ชินวัตรและภรรยาที่ตีค่าที่ ๕.๒ หมื่นล้านบาทนั้นไม่ใช่เพียงแค่เป็นกรณีระหว่าง คตส. กับทักษิณเท่านั้น

แต่ต้องถือว่าครอบครัวทักษิณ “เป็นความ” กับทุกครอบครัวอื่นในประเทศไทยที่ต้องการรู้ว่าความจริงเบื้องลึกนั้นเป็นอย่างที่ คตส. สรุปเป็นประเด็น ๆ อย่างจะแจ้งหรือไม่

การอายัด “ทุกบัญชีในทุกธนาคาร” นั้น คตส. ต้องประกาศเหตุผลออกมาให้ชัดเจนกับประชาชน...เพราะนี่เป็นเรื่องโยงใยถึงคดีอย่างน้อย ๕ คดีที่ คตส. ประกาศว่าเกี่ยวกับ “พฤติกรรมทุจริตและใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ให้ตัวเองและครอบครัว” ที่คนไทยได้ยินได้ฟังมาเป็นปี ๆ แล้ว แต่ไม่เคยได้เห็นหลักฐานหรือข้อมูลที่จะให้ความกระจ่างอย่างจริงจังเสียที

ไม่ว่าจะเป็นข้อกล่าวหาทุจริตซื้อที่ดินถนนรัชดาภิเษก, ทุจริตจัดซื้อกล้ายางพารา, ทุจริตซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุซีทีเอ็กซ์, การออกสลากพิเศษ (หวยบนดิน) ที่ทำให้รัฐเสียหายเป็นหมื่น ๆ ล้านและการปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทยกับนักการเมือง...รวมไปถึงเงื่อนงำการขายหุ้นชินคอร์ปให้กับเทมาเส็กของสิงคโปร์...ล้วนมีคำถามและข้อสงสัยของคนไทยที่ยังไม่ได้ลงลึกเพียงพอว่ามีผลร้ายต่อคนไทยทุกคนและประเทศชาติตรงไหนและอย่างไร

ชาวบ้านอย่างเรานั้น, เมื่อได้อ่านได้รับฟังข้อกล่าวหาอย่างนั้นย่อมเกิดคำถามทันทีว่า...เขากล้าทำอย่างนั้นจริง ๆ หรือ? เขาไม่กลัวกรรมจะตามทันหรือ? เขาเห็นประชาชนอย่างเราเป็นลาโง่หรือ?

จะว่าไปแล้ว, เพียงแค่หากข้อหาใดข้อหาหนึ่งที่ คตส. อ้างถึงเท่านั้น, หากพิสูจน์ในศาลได้ว่าผิดจริง, ก็ต้องถือว่าเป็นการทำร้ายประเทศชาติอย่างร้ายแรงที่จะต้องได้รับโทษให้เห็นเป็นประจักษ์แจ้งแล้ว

คนไทยที่ต้องเสียภาษีและต่อต้านการโกงกินของนักการเมืองทุกคนมีสิทธิ์จะต้องได้รับคำอธิบายอย่างชัดเจนโปร่งใสว่าเหตุไฉนนักการเมืองระดับนำของประเทศและครอบครัวของเขามีความร่ำรวยขึ้นมากมายหลายเท่าเมื่อเปรียบสถานภาพก่อนและหลังมีอำนาจทางการเมือง?

คนไทยทุกคนที่มีหน้าที่ต่อสังคมย่อมต้องการคำอธิบายจากครอบครัวที่รวยที่สุดของประเทศว่าแต่ละบาทแต่ละสตางค์ที่เป็นความมั่งคั่งที่เกิดขึ้นระหว่างที่มีอำนาจการเมืองสูงสุดนั้นมาจากไหน?

ใครไปฟ้องสื่อต่างประเทศว่าการประกาศอายัดทรัพย์สินครั้งนี้เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง, ก็ควรจะต้องรับรู้ว่าสังคมระหว่างประเทศได้ตั้งคำถามตั้งแต่แรกเริ่มแล้วว่า, ถ้าหากมีการกล่าวหาทักษิณและครอบครัวในเรื่องไม่โปร่งใสและการทับซ้อนผลประโยชน์อย่างรุนแรงจริง, ทำไมไม่สร้างกระบวนการเพื่อเอาหลักฐานมาพิสูจน์กัน?

วันนี้, คตส. ออกมติเรื่องนี้เมื่อวันจันทร์อย่างนี้ต้องถือว่าช้าไปด้วยซ้ำ เพราะทั้งคนไทยและคนต่างประเทศต้องการจะรู้ว่าการปฏิวัติวันที่ ๑๙ กันยายนปีที่แล้วที่อ้างว่ามีการโกงกินกันมโหฬารในระดับสูงนั้นจะมีการสอบสวนเพื่อนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมหรือไม่?

เพิ่งมีผลการสำรวจจากต่างประเทศมิใช่หรือว่าประเทศไทยมีปัญหาเรื่องคอร์รับชั่นระดับสูงสุดในเอเชียอาคเนย์?

การจะแก้ภาพลักษณ์เรื่องนี้ให้ได้ผลจริงจังก็อยู่ที่ว่าไทยเรากล้าและสามารถที่จะ “จับปลาตัวใหญ่” แทนที่จะไปเล่นงานแต่ “ปลาซิวปลาสร้อย” หรือไม่?

เมื่อ คตส. เดินหน้าเรื่องนี้, ก็เท่ากับเป็นการยืนยันว่าเมืองไทยกล้าเผชิญกับการท้าทายที่ให้จัดการกับการทุจริตในแวดวงการเมือง, ไม่ว่าจะอยู่ในระดับสูงเพียงใดก็ตาม

คตส. ควรจะต้องออก “หนังสือปกขาว” ทั้งภาษาไทย, อังกฤษ, จีนและญี่ปุ่นเกี่ยวกับคดีการอายัดทรัพย์อดีตนายกฯและภรรยาอย่างละเอียดเพื่อแสดงให้ทั้งโลกเห็นว่านี่คือการเอาจริงเอาจังกับปัญหาอำนาจการเมือง, การทับซ้อนของผลประโยชน์, การสอบสวนเรื่องการใช้อิทธิพลการเมืองกับการทุจริต...และจากนี้ไป, การนำคดีขึ้นสู่กระบวนการยุติธรรมก็ควรจะกระทำอย่างเปิดกว้าง, โปร่งใส, และให้ผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหาได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกลัวอิทธิพลหรือการข่มขู่หรือแรงกดดันของใครทั้งสิ้น

เพราะนี่คือคดีประวัติศาสตร์ที่ผมเห็นว่าเป็นการเผชิญหน้าครั้งแรกอย่างตรงไปตรงมาระหว่าง “พลเมืองดีทุกคนของประเทศไทย” (ผู้เสียภาษีอย่างเต็มที่และต้องอยู่ใต้กฎหมายทุกข้อ) กับตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดและเคยมีอิทธิพลทางการเมืองสูงสุดในประเทศ

ถ้าเขาไม่ได้ทำอย่างที่ถูกกล่าวหาก็สมควรจะต้องชี้แจงแถลงไขและตอบคำถามของประชาชนทุกข้อ...หากใช้วิธีการปลุกกระแสม็อบหรือใช้วิธีการข่มขู่ใด ๆ ก็เท่ากับเป็นการยืนยันข้อสงสัยที่ว่านี่คือการใช้เงินไม่สะอาดเพื่อปกปักรักษาความมั่งคั่งที่เป็นประเด็นของการอายัดทรัพย์ครั้งนี้เท่านั้นเอง

คตส. มีศักดิ์ศรีและชื่อเสียงของตนที่จะต้องปกป้อง...ทักษิณ
ก็ต้องพิสูจน์ว่ามีความกล้าที่จะเผชิญกับข้อกล่าวหาความเปิดเผยและโปร่งใส

เดิมพันครั้งนี้คือศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ของคนไทยทุกคนที่ไม่ยอมให้ใครมาตบตา, หลอกลวง, ปั่นหัว, และปล้นชาติเป็นอันขาด