Thursday, 17 April 2008

Dreams : อยากเป็นผู้กำกับ สงสัยชาติที่แล้วเป็นตัวประกอบ

หายไปนานครับ เนื่องจากงานเข้า (แต่ยังมีเวลามาอ่านบล็อกชาวบ้านเค้าทุกวันเนี่ยนะ) หลังจากที่ส่งเอนทรีพฤติกรรมมการใช้รถที่น่าโบ้กบาลทั้งสองภาคจนดังพลุแตก ติดฮอทโพสท์ทั้งสองเอนทรีมาแล้ว (ขอโม้หน่อย) จำได้ว่า ปล.3 ท้ายภาคสองเคยบอกไว้ว่าจะทำเป็นไตรภาคดีมั๊ย ก็มีเสียงตอบรับกันอย่างล้นหลาม (คอมเมนท์เดียวเนี่ยนะที่บอกให้มึงทำภาคสาม) ระยะเวลาจากวันนั้นจนถึงวันนี้ไม่ทำให้ความรักที่ฉันมีให้เธอลดลงไปได้เลยนับเวลาได้หลายวันละ (โถ...พ่อคุณนับแบบนี้ไม่ต้องนับก็ได้)

จากการสังเกตพฤติกรรมการใช้รถของชาวบ้านและตัวเองตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีพฤติกรรมการใช้รถหลายกรณี แต่ที่น่าโบ้กบาลจริงๆ มีดังนี้ครับ

1. แซงมาเลี้ยว เคยเจอมั๊ยครับ ไอ้พวกที่แม่งขับรถตามหลังเรามาซักสี่กิโล ห้ากิโลอยู่ดีๆ พออีกร้อยเมตรข้างหน้าเรา มีทางเลี้ยวซ้าย (สงสัยเลี้ยวเข้าบ้านพ่อตามัน) มันก็รีบแซงเราขึ้นมาทันที แซงเสร็จก็ปาดหน้า เปิดไฟเลี้ยวปุ๊บ แล้วก็เลี้ยวซ้ายเลย (ไอ้เหี้ย มึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าพ่อตามึงเจ็บท้องใกล้จะคลอดรึไง ขับตามกูมาตั้งนานไม่แซง มาแซงอะไรตอนนี้) เป็นไงล่ะ ก็ต้องเบรคกันตัวโก่ง จะขับรถตามเข้าไปด่ามันในซอยก็ไม่ได้ เพราะขับเลยซอยมาแล้ว ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องแซงขึ้นมาเลี้ยวด้วย เอ็งรอแป๊บนึงไม่ได้หรือไงวะ สาดดดดดด

2. ย้อนศร ไม่รู้ไอ้พวกนี้มันเอานิ้วโป้ตีนข้างไหนคิดกัน สวนมาได้ ทั้งๆ ที่รถคันอื่นเค้าก็ขับไปคนละทางกับมัน เมื่อเช้านี้เจอกับตัวเองเลยครับ ถนนหน้าร้านผม จะเป็นถนนที่ให้เดินรถทางเดียวยาวประมาณเกือบๆ สามร้อยเมตร แล้วทีนี้ไม่รู้มีไอ้หน้ามึนที่ไหน ขับย้อนศรมาซะงั้น แล้วที่ให้รถวิ่งทางเดียวเนี่ย มันก็เป็นถนนเลนเดียว พอไอ้นี่ขับเข้ามา (สงสัยเห็นถนนว่างดีก็เลยเข้ามา) ถึงกลางทาง ก็มีรถเมล์คันนึงวิ่งเข้ามา ตามด้วยรถกระบะ รถเก๋ง รถมอเตอร์ไซค์ และอีกเพียบตามเข้ามา อีเจ้หน้ามึนนี่เค้าเห็นเค้าก็จอดรถเลยครับ ไม่รู้ทำไงดีบีบแตรแม่งเลย ประมาณว่า ปี๊นๆๆๆๆ นี่ถอยออกไปสิยะ เห็นมั๊ยเนี่ยชั้นไปไม่ได้ แล้วจะให้ถอยยังไงล่ะครับ รถที่มาถูกทางมีเพียบเลย ให้ถอยก็ถอยกันยาวสิครับ ซักพักก็มีตำรวจจากในร้านทองออกมาบอกให้เจ้ถอยรถออกไปเสียแต่โดยดี (มิฉะนั้นจะโดนจีบนะ) เจ้แกก็โวยออกมาประมาณว่า อะไร นี่ถนนนี้ไม่เห็นมีป้ายบอกเลยว่าห้ามย้อนศร (อีฟายยยย มึงก็ถอยรถออกไปดูตรงหัวถนนเซ่ จะได้รู้ว่ามันมีป้าย)

3. ผู้กำกับ สงสัยชาติที่แล้วมันเป็นเอ็กซ์ตร้ามาก่อน เป็นเอ็กซ์ตร้ามาทั้งชีวิต ทั้งครอบครัวโคตรเหง้าสักกะหลาดไม่เคยมีใครได้เป็นดารา เวลาเข้าฉากทีนึงก็เห็นผ่านๆ เห็นเเค่ขนจมูก เวลาถ่ายเต็มๆ หน้าก็ทำเบลอซะอีก มาชาตินี้มันเลยผูกใจเจ็บ อยากเป็นผู้กำกับซะเอง ถึงไม่ได้กำกับหนัง ได้กำกับคนขับรถก็ยังดี คอยกำกับตลอดทาง เฮ้ยๆ เบา ๆ ซ้ายว่าง ข้างหน้ามีรถ เบรคๆ... สาดดด มึงมาขับแทนกูเลยมั๊ย แล้วยิ่งไอ้พวกขับรถไม่เป็น แม่งยิ่งกำกับ ทำอย่างกับว่ามันขับรถเป็นมาตั้งแต่ชาติปางก่อน ไอ้พวกขับรถไม่เป็นแล้วมากำกับเนี่ย ผมมักจะแกล้งแม่งตลอด คือขับรถเร็วๆ แล้วก็ไปจี้ตูดคันหน้า (ไปๆ มาๆ กูนี่ก็น่าโบ้กบาลเหมือนกันนะเนี่ย) ให้แม่งหงิกเล่น หงิกจริงๆ ครับ (แล้วตกลงว่าหงิกเล่น หรือหงิกจริง) คือคนที่ขับรถไม่เป็นหรือขับเป็นก็แล้วแต่ เวลานั่งรถแล้วเจอคนขับรถเหี้ยๆ (แบบผมเนี่ย) มักจะหงิกครับ คือ มือ ตีน นี่หงิกไปหมด ตีนก็หงิกเพราะช่วยเหยียบเบรค มือก็หงิกเพราะจับเบาะไว้ สมน้ำหน้าแม่ง กำกับเหี้ยไรนักหนา

4. เบรค เคยขับรถตามรถใหม่ป้ายแดงคันนึงครับ หงุดหงิดชิบหาย พาลจะทำให้ประสาทแดกเอา เรื่องอะไรน่ะเหรอ ก็เรื่องที่แม่งเบรคนี่แหล่ะครับ ไม่รู้จะเบรคอะไรนักหนา ไอ้คนขับตามก็ต้องเบรคตามสิครับ แบบประมาณว่าเห็นหมา เห็นแมว อยู่ข้างทางก็เบรค เจอป้ายสัณญานจราจรก็เบรค ใครจะแซงก็เบรค ทั้งๆที่มึงขับอยู่คันหน้าสุดเนี่ยนะ มึงจะเบรคทำหอกหักอะไรครับ แล้วรู้มั๊ยครับว่าการเบรคมันก็ทำให้รถติดได้ ลองคิดดูนะครับ ถ้าเราขับรถตามกันอยู่บนทางด่วน ด้วยความเร็วสม่ำเสมอ ไม่มีใครแซงใคร ขับแบบเรื่อยๆ ถึงช้า ถึงเร็วช่างแม่งมัน แล้วอยู่ๆ ไอ้คันข้างหน้าสุดเสือกเบรคขึ้นมา (ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ แต่สงสัยแม่งคงนึกขึ้นได้ว่าลืมปิดแก๊ส เลยเบรคกะจะกลับรถไปปิดแก๊สก่อน) ทีนี้ไอ้คันที่สองก็ต้องเบรคตาม คันที่สาม คันที่สี ห้า หก เจ็ด ยี่สิบ สองร้อย ก็ต้องเบรคตามกันไปเป็นโดมิโนเอฟเฟ็คไปเรื่อยๆ เอาล่ะสิ แล้วมันรถติดยังไง ก็เพราะแต่ละคันเบรคหรือลดความเร็วลงไม่เท่ากัน พอเริ่มเร่งความเร็วใหม่ มันก็ต้องใช้เวลา แทนที่มันจะไปได้เรื่อยๆ ก็เลยกลายเป็นติดซะงั้น

5. เครื่องรางของขลัง อันนี้แม่ผมเองครับ (เล่นหิ้งนะมึง แม่ตัวเองนะนั่น) รถคันเก่าของหมอตุ๋ย (แต่ผมเรียกมันว่าอีนกกระจิบอยู่พักนึง คือมีอยู่ช่วงนึงไม่รู้มันเป็นอะไรของมัน เวลาเปิดแอร์ มันจะร้อง จิ๊บๆๆๆๆ ซักห้านาทีพอแอร์เริ่มเย็น มันก็หยุดร้อง แต่ซักพักมันก็ จิ๊บๆๆๆๆ ขึ้นมาอีก เข้าใจว่าคงเป็นสายพาน แต่พอเอาไปซ่อมมันก็ไม่ร้องอีก ก็เลยเรียกมันว่า ซันนี่เทมเพิล (NISSAN Sunny) ครับ) หมอตุ๋ยชอบเอาเครื่องรางของขลังไปแขวนไว้ตรงกระจกมองหลัง อันเดียวไม่ว่า แต่หมอตุ๋ยเล่นยกมาทั้งหิ้ง ถ้าเป็นไปได้อยากจะบอกให้หมอนิมนต์พระมาทำวัตรเช้าเย็นในรถแทนโบสถ์เลยก็ดี ดูขลังกว่าด้วย แต่ตอนนี้หมอตุ๋ยออกรถใหม่แล้ว ผมเลยจัดการสังคายนา รื้อกรุในรถเอาไปคืนไว้ที่หิ้งเหมือนเดิม ส่วนรถใหม่ของหมอ ก็ไม่มีกรุพระเหมือนคันเก่า ด้วยเหตุผลที่ว่า เครื่องรางมันบดบังทัศนวิสัย ทำให้มองไม่ชัด (อ้าว เพิ่งนึกได้เหรอหมอ บอกหมอไปตั้งหลายครั้งแล้ว) เพื่อนผมอีกคนไอ้นี่ก็เล่นพระ วันๆไม่ค่อยทำอะไรส่องแม่งแต่พระ บางครั้งไปนั่งกินเหล้าบ้านเพื่อน ไอ้เหี้ยนี่แม่งก็เดินเข้าห้องพระบ้านเพื่อนก่อนเลย ไปดูพระ จนหลังๆ เพื่อนๆ เริ่มล็อคห้องพระกันแล้ว ไม่ได้กลัวมันขโมยพระ แต่กลัวว่าพุทธคุณมันจะแรงเกินไป ครั้งนึงมันขับรถกลับบ้านระหว่างทางก็เสือกขับไปเสยกับวงเวียนซะงั๊น กรามหัก แขนขาหัก ซี่โครงทิ่มปอด ดีไม่ตายห่า และแน่นอนครับ แม่งก็คุยอีกว่าที่แม่งรอดมาได้เนี่ยก็เพราะกรุพระในรถมันช่วยไว้ อ๋อเหรอ พระช่วยมึงไว้เหรอ กูว่าคนที่ช่วยมึงเนี่ยเป็นหมอกับพยาบาล แล้วก็เจ้าหน้าที่กู้ภัยมากกว่ามั๊ง มึงขับเร็วซะขนาดนั้น กูว่าพระท่านโดดลงตั้งแต่มึงขับ 80 กม./ช.ม. แล้ว อีกอย่างถ้าพระช่วยมึงจริงเนี่ย มึงจะไปขอบคุณองค์ไหนดีกูเห็นแม่งเยอะเหลือเกิน พระท่านคงเกี่ยงกันก่อนจะช่วยมึงแหล่ะ ประมาณว่า “ท่านช่วยสิ” “ไม่..ท่านนั่นแหล่ะ” “ผมว่าท่านดีกว่า พุทธคุณท่านแรงกว่า” ผมว่าการเอาพระมาไว้ในรถมันก็ดีครับ มันเป็นที่พึ่งทางใจ แต่เยอะไปมันก็ไม่ดี เพราะมันบดบังทัศนวิสัยในการมอง อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ มีอีกเรื่องนึงเกี่ยวกับพระเครื่องนี่แหล่ะครับ วันนั้นนั่งกินเหล้ากันอยู่ที่ร้านลาบเป็ดอุดรฯ (ที่ลพบุรีถ้าเป็นลาบเป็ด ต้องลาบเป็ดอุดรฯ เท่านั้น ถ้าเป็นลาบเป็ดยโสฯ ลาบเป็ดขอนแก่น อุบล สุรินทร์ พังงา เชียงราย มันจะไม่ขลัง ไม่แซบ ไม่นัว ไม่ลำ) ต๊ะหานโต๊ะข้างๆ มากันสองคน กับสิบล้อแมน (คนขับสิบล้อ) อีกหลายๆ โต๊ะ (คือทั้งร้านมีแต่สิบล้อแมน) ไอ้โต๊ะต๊ะหานพอเริ่มเมาได้ที่ ก็เปรี้ยวตีนโต๊ะอื่นเลยครับ (สงสัยว่าซกเล็กที่สั่งไปยังเปรี้ยวไม่พอ) สุดท้ายก็คือโดนส้นตีนจากสมาคมผู้ขับสิบล้อแห่งประเทศไทย ด้วยความที่ผมเป็นผลเมืองดีครับ เลยจะเข้าไปช่วย (หลังจากสมาชิกของสมาคมผู้ขับสิบล้อฯ ไปแล้ว) กะว่าจะพาไปโรงพยาบาล แต่พี่เค้าเป็นต๊ะหานครับ ย่อมอึดผิดมนุษย์มนาอยู่แล้ว แกก็รีบลุกขึ้น แล้วก็บ่นเพื่อนว่า “อูยยย ไอ้สาดดด ไหนมึงบอกว่าพระมึงแท้ไง พระรอดเหี้ยอะไรวะ ไม่เห็นจะขลัง” ผมว่าจริงๆ แล้ว พระพี่เค้าอาจจะแท้จริงๆ ก็ได้ แต่ออกมาช่วยไม่ทัน เพราะพี่แก่เล่นเลี่ยมกรอบพลาสติกกันน้ำซะหนาขนาดนั้น พระที่ไหนจะทุบกรอบออกมาช่วยทัน

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “โยม คราวหน้าอย่าเลี่ยมกรอบหนา อาตมาทุบไม่ไหว”

6. ดริฟท์ติ้ง ซิ่งสายฟ้า สถานที่และเวลาที่จะพบเจอ DK ได้คือบริเวณที่ไม่ห่างจากสถานบันเทิงมากนัก เวลาก็หลังผับปิดนั่นแหล่ะ และสิ่งที่คุณจะได้พบก็คือ บรรดาดีเคทั้งหลาย จะพร้อมใจกันขับรถออกมาเบิ้ลเครื่องแบบไม่กลัวว่าน้ำมันจะแพงแค่ไหน (สงสัยพ่อมันเป็นสุลต่านอยู่บรูไน พี่ดีเคครับ ผมขอไปเป็นเมียน้อยพ่อพี่ซักคืนได้มั๊ยครับ พอดีอยากรวยทางลัดน่ะ) พอเบิ้ลเครื่องเสร็จก็จะออกตัวแบบเบิร์นยางไปด้วย แม่งเอ๊ย ขับกันธรรมดายางก็สึกชิบหายวายวอดอยู่แล้ว เสือกมาเบิร์นยางกันอีก (ไอ้..ไอ้..ไอ้ ... ไอ้บ้านรวย) แล้วทีนี้ทุกโค้ง ทุกทางเลี้ยว ไอ้พวกเชี่ยนี่ก็จะต้องดริฟท์กันตลอด หากถามว่าทำไมตำกวดไม่ตั้งด่านจับ ตอบว่าจับทำไมให้เสียเวลา บ้านพี่เค้ารวย เดี๋ยวท่านสุลต่านก็มาประกันตัวออกให้ไปดริฟท์กันใหม่อยู่ดี ถามอีก แล้วมันน่าโบ้กบาลตรงไหน ตอบอีก ก็เพราะว่า เวลาท่านนั่งรับประทานข้าวต้มเพื่อให้สร้างเมาอยู่ที่ร้านข้าวต้มโต้รุ่งข้างถนน แล้วมีดีเค หรือมือใหม่ที่กำลังไต่เต้าไปเป็นดีเคมันดริฟท์แบบเกือบหลุดโค้ง เข้ามาทางโต๊ะที่ท่านนั่งอยู่ ท่านอยากจะโบ้กบาลมันไหมครับ แม่งโคตรเสียว

7. ล้างรถ มีอยู่ครั้งนึงผมกลับบ้าน (บ้านแฟนเก่า) ตอนเย็นๆ เจอคนข้างบ้านล้างรถอยู่ ผมจะไม่ว่าอะไรแม่งเลยถ้ามันล้างในบ้านมัน แต่นี่มันเสือกเอารถออกมาจอดตรงถนนหน้าบ้าน แล้วก็เป็นบ้านแฟนผมด้วย (เป็นบ้านทาวน์เฮาส์) น้ำเนิ้มนี่ท่วม กระจายเต็มหน้าบ้าน เปียกไปหมด รถก็เอาเข้าบ้านไม่ได้ พอลงไปถาม พี่เค้าก็หัวเราะแล้วก็บอกว่า “รอแป๊บนึงจะเสร็จแล้วๆ จอดรถหน้าบ้านพี่ก่อนก็ได้ เดี๋ยวเสร็จแล้วจะเรียกให้มาขยับเข้าบ้าน” แล้วทำไมพี่ไม่ล้างในบ้านพี่ล่ะครับ “ที่จอดรถพื้นมันเป็นกระเบื้องน้อง เดี๋ยวมันเปื้อน ขี้เกียจล้างหลายรอบ” ไอ้หอกหัก มึงก็เลยมาล้างหน้าบ้านกูเนี่ยนะ

8. กั๊ก ไอ้พวกขับกั๊กเนี่ยส่วนใหญ่มักจะคุยโทรเฉาะ (โทรศัพท์ ภาคแรกมึงก็เล่น ภาคนี้ยังจะเล่นอีกเรอะ) ขณะขับไปด้วย การโทรเฉาะ เอ๊ย โทรศัพท์ (พอแล้วโนะ ไม่เล่นแล้วโนะ) ขณะขับรถผมเคยเขียนไปแล้วในภาคแรก ผลเสียของมันคืออาจจะเกิดอุบัติเหตุ แต่ถ้าเทพจัดไม่เกิดอุบัติเหตุมันก็น่าจะมีขับกั๊กทางกันบ้างล่ะน่า และการขับรถกั๊กทางมันก็อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้เช่นกัน ดังนั้นเวลาผมเห็นรถคันไหนขับกั๊ก ผมจึงมักเดาว่ามันคุยโทรศัพท์อยู่แน่ๆ ไอ้พวกขับรถกั๊กผมว่าชาติที่แล้วมันคงเป็นนักสนุ๊กเกอร์มืออาชีพ แทงกั๊ก วางสนุ๊กตลอดเวลา พอตายห่า (เพราะมัวแต่กั๊ก วางสนุ๊ก เลยโดนไม้คิวสอยเอา) เกิดมาชาตินี้ถึงแม้ไม่ได้เป็นนักสนุ๊ก เพราะบุญวาสนาไม่ถึง แต่ก็ยังเสือกระลึกชาติได้อีก พอขับรถเป็นก็เลยใช้วิธีกั๊กทางเอาแทน ไอ้สงัดเอ๊ย พ่อมึงสร้างถนนรึไง สาดดดด

9. จอดรถ ในภาคที่สองก็เคยเขียนไว้อีกเหมือนกันเองจอดรถเนี่ย แต่อันนี้ไม่เหมือนภาคสองครับ ผมว่ามันชั่วกว่าภาคสองซะอีก คือผมว่ามันคงดูหนังฝรั่งมาก เวลาจอดรถมันเลยเอารถขึ้นมาบน Foot Path ด้วย คือถ้ามันขึ้นมาจอดทั้งคันได้มันคงทำไปแล้ว แล้วไอ้พวกนี้ก็สันดานเสียชอบจอดนานๆ ถ้ามึงไปจอดที่อื่นกูจะไม่ว่ามึง แต่นี่มึงจอดหน้าร้านชาวบ้านเค้า (ร้านผมด้วย) ชาวบ้านเค้าจะทำมาหาแดกยังไงล่ะครับ หรืออีกอย่าง ไอ้พวกที่จอดซ้อนคัน จอดปิดท้ายตาม Car Park ต่างๆ แล้วชอบเข้าเกรียนเกียร์ หรือใส่เบรคมือไว้เนี่ย ไอ้พวกนี้แม่งน่าเอาฝาเบียร์ขูดรถซะ ไม่รู้แม่งคิดได้ยังไง คนอื่นเค้าจะไม่ออกกันเลยรึไง ไอ้พวกนี้สงสัยแดกหญ้ามากเกินไป ข้าวน่ะ แดกมั่งก็ได้ จะได้คิดออกว่ามันเป็นกฎขั้นพื้นฐานที่ใครๆก็รู้ว่าถ้าจอดรถปิดท้ายคนอื่นมันต้องใส่เกียร์ว่างและปลดเบรคมือ ไอ้ควายยยยย

10. พ่อกูใหญ่ ไอ้พวกนี้เวลาเมาแล้วขับรถ พอไปเจอด่าน หรือเกิอุบัติเหตุแต่ไม่ตาย พอตำรวจมา แม่งก็เบ่งเลย “จ่าาา...จะ จาบ โผมม เหรอ นี่ จ่าาา รู้ ม๊ายย ว่า พ่อ โผม เปน คายย” (เอ๊า ไอ้นกแล พ่อมึงเป็นใครมึงยังไม่รู้เลย แล้วกูจะรู้มั๊ยเนี่ย) หรือไม่ก็ “นี่ ผู้ว กองงง โผม หน่ะ รู้ จาก กับ ผู้ บาง ค้าบ บาน ชา ผู้ กอง น้า ผู้ กองง คิด ห้าย ดี ดี ก่อน น้า ผู้กอง” เหรอ มึงรู้จักผู้บังคับบัญชาผู้กองเหรอ ผู้กองเค้าก็รู้จักโว๊ย แสดดดด (ยืมมุกคุณ วิชัย ณ โรงแรม มาเล่นหน่อยนะ) ไม่รู้แม่งจะเบ่งกันทำไม ทำผิดก็ว่าไปตามผิดสิโว๊ย เรื่องแบบนี้ผมสาบานได้ว่าผมไม่เคยเบ่ง ครั้งหนึ่งที่ผมแดกเหล้า ก็ไม่ได้เมามากหรอกครับ ระหว่างขับรถกลับบ้าน ก็ไปเสยท้ายรถที่มันออกมาจากซอย แต่เสือกฝานบวบออกมาเลย คือไม่ขับเลนซ้ายก่อน แต่แม่งทะแยงฝานบวบออกมาผมเบรคไม่ทันก็เสยเข้าให้ พอตำรวจมาก็เชิญไปโรงพักเพื่อตรวจวัดแอลกอฮอล์ ก็ไม่ได้เมามากจริงแหล่ะครับ แค่มันเกินจาก 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็น เป็น 250 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นแค่นั้น เป่าเสร็จ ท่านผู้กำกับก็บอกให้พ่อพาผมกลับบ้านไปได้เลย แล้วอีกสองวันค่อยไปขึ้นศาล แต่พ่อผมบอกว่าไม่เป็นไรให้มันนอนคุกคืนนึง เช้าค่อยกลับ เป็นไงครับ แมนมั๊ยล่ะ ไม่เคยเบ่งด้วย ส่วนไอ้พวกขี้เบ่งน่ะเหรอ เชิญเบ่งกันให้ขี้เล็ดเลยนะมึง (หน้าด้านจริงมึง เอาของเค้ามาเล่นอีกแล้ว)





แถม

ผมเชื่อว่าหลายๆ คน คงเคยได้รับฟอร์เวิร์ดเมลล์ฉบับบด้านล่างนี้ ชื่อหัวข้อว่า รักใครได้ขนาดนี้ป่ะ ผมว่าไอ้คนแต่งเรื่องนี้ไม่รู้มันคิดยังไง จะหลอกคนอื่นให้ซึ้งทั้งที เอาให้เนียนหน่อยก็ไม่ได้



รัก ใครได้ขนาดนี้ป่ะ ??
ชายหญิงคู่หนึ่งเร่งมอ`ไซค์กว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
Girl: ช้าๆหน่อยสิ ฉันกลัวนะ
Guy: ไม่เอาอ่ะ สนุกมากเลย 55+
Girl: ไม่ตลกเลย ขอร้องล่ะ ฉันกลัวมาก จริงๆ
Guy: งั้นบอกผมก่อนสิ ว่ารักผม
Girl: ก็ได้ ฉันรักนายนะ รักมากๆด้วย ลดความเร็วลงซะทีสิ เสียวอะ
Guy: กอดผมแน่นๆก่อนซิ และเธอก็กอดเขา
Guy: เอาหมวกกันน็อคผมไปใส่สิ ผมรำคาญน่ะ
หญิงสาวรับหมวกกันน๊อคมาใส่อย่างไม่เต็มใจแล้วบ่นอุบอิบว่าเมื่อไหร่จะลดความเร็วซักทีเนี่ย
วันต่อมา หนังสือพิมพ์ลงข่าว มอไซค์ชนตึก เนื่องจากเบรคแตก มีคน นั่งมอไซค์ 2 คน แต่ว่า รอดคนเดียว
* ความจริงคือ ทางสายนั้นเป็นครึ่งสายลาดลง ผู้ชายรู้ว่าเบรคเขา แตก แต่ก็ไม่อยากให้แฟนสาวรู้ แทนที่จะบอกเธอ เขาให้เธอบอกรักและรู้สึกถึงอ้อมกอดเธอเป็นครั้งสุดท้าย แล้วให้ เธอ ใส่หมวกกันน็อคเพื่อเธอจะได้มีชีวิตอยู่ต่อไป ถึงแม้เขาจะตายไปก็ ตาม
ถ้ามีใครในชีวิตรักคุณซะขนาดนี้ ส่งเมลล์นี่ไปเถอะ ฟอร์เวิร์ด ให้เพื่อนๆที่รัก เพื่อให้เขารู้ว่าคุณแคร์
เอาล่ะ อธิษฐานซะ
โอเค ถ้าคุณ ส่ง...
1 คน คำ อธิษฐาน จะเป็นจริงใน 6 - 8 เดือน
3 คน คำ อธิษฐาน จะเป็นจริงใน 4-6 เดือน
5 คน คำ อธิษฐาน จะเป็นจริงใน 1-2 เดือน
7 คน คำ อธิษฐาน จะเป็นจริงใน 2 อาทิตย์
10 คน คำอธิษฐาน จะเป็นจริงใน 3 วัน
14 คน คำอธิษฐาน จะเป็นจริง ใน 24 ชั่วโมง



แต่...



รัก ใครได้ขนาดนี้ป่ะ ??
ชายหญิงคู่หนึ่งเร่งมอ`ไซค์กว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
Girl: ช้าๆหน่อยสิ ฉันกลัวนะ
Guy: ไม่เอาอ่ะ สนุกมากเลย 55+ ขับเร็วมันน่าสนุกตรงไหน
Girl: ไม่ตลกเลย ขอร้องล่ะ ฉันกลัวมาก จริงๆ อืม สงสัยจะกลัวจริงๆ ไอ้เหี้ยนี่เบาให้เค้าหน่อยก็ไม่ได้
Guy: งั้นบอกผมก่อนสิ ว่ารักผม มีต่อรองอีกนะเมิง
Girl: ก็ได้ ฉันรักนายนะ รักมากๆด้วย ลดความเร็วลงซะทีสิ เสียวอะ กลัวอ่ะดิ รีบบอกเลย
Guy: กอดผมแน่นๆก่อนซิ และเธอก็กอดเขา มึงไม่ไปเปิดโรงเเรมเลยวะ
Guy: เอาหมวกกันน็อคผมไปใส่สิ ผมรำคาญน่ะ
หญิงสาวรับหมวกกันน๊อคมาใส่อย่างไม่เต็มใจแล้วบ่นอุบอิบว่าเมื่อไหร่จะลดความเร็วซักทีเนี่ย
วันต่อมา หนังสือพิมพ์ลงข่าว มอไซค์ชนตึก เนื่องจากเบรคแตก มีคน นั่งมอไซค์ 2 คน แต่ว่า รอดคนเดียว
* ความจริงคือ ทางสายนั้นเป็นทางลาดลง ผู้ชายรู้ว่าเบรคเขา แตก แต่ก็ไม่อยากให้แฟนสาวรู้ แทนที่จะบอกเธอ เขาให้เธอบอกรักและรู้สึกถึงอ้อมกอดเธอเป็นครั้งสุดท้าย แล้วให้ เธอ ใส่หมวกกันน็อคเพื่อเธอจะได้มีชีวิตอยู่ต่อไป ถึงแม้เขาจะตายไปก็ ตาม

* ความจริงก็คือ ผู้ชายคนนี้แม่งโง่ครับ รถมอเตอร์ไซค์บ้านผัวแม่มึงเหรอเบรคแตก เบรคจะแตกได้ต่อเมื่อมันเป็นเบรคลมเท่านั้นโว๊ย แล้วรถมอเตอร์ไซค์ที่ไหนมันใช้เบรคลม แล้วสมัยนี้เค้าก็ไม่ทำแล้ว ยกเว้นสิบล้อ ดูสิละครน้ำเน่าหลังข่าวยังเลิกใช่มุกพระเอกขับรถเบรคแตกตาย หันไปใช้ขับรถแล้วตกคลองน้ำเน่าเป็นเจ้าชายนิทราตายแล้วโว๊ย อีกอย่างนะ ถ้ามึงเบรคแตกจริงๆ ทำไมมึงไม่เบาเครื่อง หรือไม่ก็ทดเกียร์ต่ำก็ได้ เครื่องจะได้เบาลง แล้วมึงขับด้วยความเร็ว 100 กม./ช.ม.เนี่ยเป็นทางลาดอีกต่างหาก ต่อให้ผู้หญิงใส่หมวกกันน็อคยังไงก็ไม่รอด

ถ้ามีใครในชีวิตรักคุณซะขนาดนี้ ส่งเมลล์นี่ไปเถอะ ฟอร์เวิร์ด ให้เพื่อนๆที่รัก เพื่อให้เขารู้ว่าคุณแคร์
เอาล่ะ อธิษฐานซะ
โอเค ถ้าคุณ ส่ง...
1 คน คำ อธิษฐาน จะเป็นจริงใน 6 - 8 เดือน
3 คน คำ อธิษฐาน จะเป็นจริงใน 4-6 เดือน
5 คน คำ อธิษฐาน จะเป็นจริงใน 1-2 เดือน
7 คน คำ อธิษฐาน จะเป็นจริงใน 2 อาทิตย์
10 คน คำอธิษฐาน จะเป็นจริงใน 3 วัน
14 คน คำอธิษฐาน จะเป็นจริง ใน 24 ชั่วโมง

ขอโทษครับ ไม่ส่งต่อดีกว่า เดี๋ยวชาวบ้านเค้าจะหาว่าแดกหญ้าแทนข้าว







ปล. 1 จริงๆมีเยอะกว่านี้ครับ กลัวว่ามันจะยาวไปเลยเอามาแค่ 10 ข้อ

ปล.2 เอนทรีนี้ด่าเยอะหากล่วงเกินผู้ใดเรียนเชิญด่าได้ที่คอมเมนท์นะครับ

ปล.3 พอแล้วขอจบแค่สามภาค เดี๋ยวจะกลายเป็นมหากาพย์สตาร์วอร์ซะ แงง แหง่ง แง๊ง แงง แหง่ง แง๊ง แงง (ร้องเป็นไตเติลสตาร์วอร์จะได้ฟีลลิ่งมาก)

Creadit Link: http://khunkrabi.exteen.com/20080408/entry