Monday, 15 October 2007
จะทำอย่างไรเมื่อยางรถระเบิดขณะขับรถอยู่
จะทำอย่างไรเมื่อยางรถระเบิดขณะขับรถอยู่ มีประโยชน์มาก
>และช่วยกันส่งต่อด้วยนะ ขับรถให้ปลอดภัย
>=====================
>กรณีที่ 1 เมื่อยางรถระเบิดขณะขับรถ มีข้อแนะนำให้ปฏิบัติดังนี้
>1. มือทั้งสองต้องจับอยู่ที่พวงมาลัยอย่างมั่นคง
>2. ถอนคันเร่งออก
>3. ควบคุมสติให้ดีอย่าตกใจ มองกระจกหลังเพื่อให้ทราบว่ามีรถใดตามมาบ้าง
>4. แตะเบรกอย่างแผ่วเบาและถี่ๆ อย่าแตะแรงเป็นอันขาด เพราะจะทำให้รถหมุน
>5. ห้ามเหยียบคลัตช์โดยเด็ดขาดเพราะถ้าเหยียบคลัตช์รถจะไม่เกาะถนนรถจะลอยตัว
>และจะทำให้บังคับรถได้ยากยิ่งขึ้น อาจเสียหลัก
>เพราะการเหยียบคลัตช์เป็นการตัดแรงบิดของเครื่องยนต์ ให้ขาดจากเพลา
>6. ห้ามดึงเบรกมืออย่างเด็ดขาด จะทำให้รถหมุน
>7. เมื่อความเร็วรถลดลงพอประมาณแล้วให้ยกเลี้ยวสัญญาณเข้าข้างทางซ้ายมือ
>8. เมื่อความเร็วลดลงระดับควบคุมได้
>ให้เปลี่ยนเกียร์ต่ำลงและหยุดรถข้อสังเกตเมื่อยางระเบิด คือ
>ไม่ว่ายางด้านใดจะระเบิดล้อหน้าหรือล้อหลังก็ตาม
>เมื่อระเบิดด้านซ้ายรถก็จะแฉลบไปด้านซ้ายก่อน แล้วก็จะสะบัดกลับ
>และสะบัดไปด้านซ้ายอีกที สลับกันไปมา และในทำนองตรงกันข้าม
> หากระเบิดด้านขวาอาการก็จะกลับเป็นตรงกันข้ามอุบัติเหตุร้ายแรงที่เกิดขึ้นส่วนมากก็
>คือ หากขณะยางระเบิดรถวิ่งอยู่ที่ความเร็วสูงมากๆ
>พอยางระเบิดขึ้นมารถก็จะกลิ้งทันที ทำอะไรไม่ได้
>ดังนั้นการขับรถที่ใช้ความเร็วสูงๆจึงมักจะแก้ไขอะไรในเรื่องนี้ไม่ได้
>เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุร้ายแรงที่จะเกิดขึ้น ในขณะขับรถ
>จึงไม่ควรขับรถเร็ว ความเร็วทีถือว่าปลอดภัยใน DEFENSIVE DRIVING คือ
> ความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง
>=====================
> กรณีที่ 2 เมื่อรถตกน้ำ
>ในกรณีที่รถเกิดอุบัติเหตุแล้วตกลงไปในแม่น้ำ ลำคลองใดๆ
>ก็ตามรถจะไม่ตกลงไปในน้ำแล้วจมทันทีเหมือนหิน ตกน้ำ แต่จะค่อยๆ จมลงทีละน้อยๆ
> จนกว่าจะถึงพื้นล่างและในนาทีวิกฤตนี้ ควรตั้งสติให้ดีและปฏิบัติดังต่อไปนี้
>1. ปลด SAFETY BELT ออกทุกๆคน รวมทั้งผู้โดยสารด้วย
>2. อย่าออกแรงใดๆ เพื่อสงวนการใช้อากาศหายใจซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนจำกัด
>3. ให้ยกส่วนศีรษะให้สูงเหนือระดับน้ำที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นในรถ
>4. ปลดล็อกประตูรถทุกบาน
>5. หมุนกระจกให้น้ำไหลเข้าในรถเพื่อปรับความดัน !
>ในรถและนอกรถให้เท่ากันมิฉะนั้นท่านจะเปิดประตูรถไม่ออก
>เพราะน้ำจากภายนอกตัวรถจะดันประตูไว้
>6. เมื่อความดันใกล้เคียงกันแล้วให้ผลักบานประตูออกให้กว้างสุด
>แล้วท่านก็ออกจากห้องโดยสารของรถได้
>7. จากนั้นท่านอาจจะปล่อยตัวให้ลอยขึ้นเหนือน้ำตามธรรมชาติ
>หรือจะว่ายน้ำขึ้นมาก็ได้ ในกรณีนี้หากน้ำลึกมากๆอาจจะมองไม่เห็นว่า
> ทิศใดเหนือน้ำ ทิศใดใต้น้ำเพราะว่ามืดไปหมด
> ไม่ควรใช้วิธีว่ายน้ำเพราะอาจจะว่าย ไปในทิศทางที่ไม่ขึ้นเหนือน้ำ
> กรณีเช่นนี้ ควรปล่อยตัวให้ลอยขึ้นตามธรรมชาติหรือลองเป่าปากดูว่า
>ฟองอากาศลอยไปในทิศทางใด ให้ว่ายน้ำไปในทิศทางที่ฟองอากาศลอยไป
> ก็จะไม่มีอาการหลงน้ำนอกจากน= style='font-size:10.0pt;font-family:Verdana;color:black'>
> กรณีเช่นนี้ ควรปล่อยตัวให้ลอยขึ้นตามธรรมชาติหรือลองเป่าปากดูว่า
>ฟองอากาศลอยไปในทิศทางใด ให้ว่ายน้ำไปในทิศทางที่ฟองอากาศลอยไป
> ก็จะไม่มีอาการหลงน้ำนอกจากนั้น ก่อนออกจากรถ
> หากท่านมีผู้โดยสารที่เป็นเด็กๆ อาจจะหนีบเด็กๆ นั้น
> ออกมากับท่านได้อีกหนึ่งคน ดังนั้นหากท่านปฏิบัติ ตามวิธีการเหล่านี้
> ก็จะช่วยให้ชีวิตของท่าน ปลอดภัยได้ ในยามคับขัน
>=====================
> อยากให้ทุกคน copy และส่งต่อไปให้เพื่อนๆ และคนรู้จักให้มากๆ เลยนะ
> เป็นการช่วยเหลือกัน หากเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้ขึ้นมา
>การมีความรู้ในขั้นตอนในการควบคุมยานยนต์
>และการปฏิบัติตนในขณะเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้
>
>
>
>
>และช่วยกันส่งต่อด้วยนะ ขับรถให้ปลอดภัย
>=====================
>กรณีที่ 1 เมื่อยางรถระเบิดขณะขับรถ มีข้อแนะนำให้ปฏิบัติดังนี้
>1. มือทั้งสองต้องจับอยู่ที่พวงมาลัยอย่างมั่นคง
>2. ถอนคันเร่งออก
>3. ควบคุมสติให้ดีอย่าตกใจ มองกระจกหลังเพื่อให้ทราบว่ามีรถใดตามมาบ้าง
>4. แตะเบรกอย่างแผ่วเบาและถี่ๆ อย่าแตะแรงเป็นอันขาด เพราะจะทำให้รถหมุน
>5. ห้ามเหยียบคลัตช์โดยเด็ดขาดเพราะถ้าเหยียบคลัตช์รถจะไม่เกาะถนนรถจะลอยตัว
>และจะทำให้บังคับรถได้ยากยิ่งขึ้น อาจเสียหลัก
>เพราะการเหยียบคลัตช์เป็นการตัดแรงบิดของเครื่องยนต์ ให้ขาดจากเพลา
>6. ห้ามดึงเบรกมืออย่างเด็ดขาด จะทำให้รถหมุน
>7. เมื่อความเร็วรถลดลงพอประมาณแล้วให้ยกเลี้ยวสัญญาณเข้าข้างทางซ้ายมือ
>8. เมื่อความเร็วลดลงระดับควบคุมได้
>ให้เปลี่ยนเกียร์ต่ำลงและหยุดรถข้อสังเกตเมื่อยางระเบิด คือ
>ไม่ว่ายางด้านใดจะระเบิดล้อหน้าหรือล้อหลังก็ตาม
>เมื่อระเบิดด้านซ้ายรถก็จะแฉลบไปด้านซ้ายก่อน แล้วก็จะสะบัดกลับ
>และสะบัดไปด้านซ้ายอีกที สลับกันไปมา และในทำนองตรงกันข้าม
> หากระเบิดด้านขวาอาการก็จะกลับเป็นตรงกันข้ามอุบัติเหตุร้ายแรงที่เกิดขึ้นส่วนมากก็
>คือ หากขณะยางระเบิดรถวิ่งอยู่ที่ความเร็วสูงมากๆ
>พอยางระเบิดขึ้นมารถก็จะกลิ้งทันที ทำอะไรไม่ได้
>ดังนั้นการขับรถที่ใช้ความเร็วสูงๆจึงมักจะแก้ไขอะไรในเรื่องนี้ไม่ได้
>เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุร้ายแรงที่จะเกิดขึ้น ในขณะขับรถ
>จึงไม่ควรขับรถเร็ว ความเร็วทีถือว่าปลอดภัยใน DEFENSIVE DRIVING คือ
> ความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง
>=====================
> กรณีที่ 2 เมื่อรถตกน้ำ
>ในกรณีที่รถเกิดอุบัติเหตุแล้วตกลงไปในแม่น้ำ ลำคลองใดๆ
>ก็ตามรถจะไม่ตกลงไปในน้ำแล้วจมทันทีเหมือนหิน ตกน้ำ แต่จะค่อยๆ จมลงทีละน้อยๆ
> จนกว่าจะถึงพื้นล่างและในนาทีวิกฤตนี้ ควรตั้งสติให้ดีและปฏิบัติดังต่อไปนี้
>1. ปลด SAFETY BELT ออกทุกๆคน รวมทั้งผู้โดยสารด้วย
>2. อย่าออกแรงใดๆ เพื่อสงวนการใช้อากาศหายใจซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนจำกัด
>3. ให้ยกส่วนศีรษะให้สูงเหนือระดับน้ำที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นในรถ
>4. ปลดล็อกประตูรถทุกบาน
>5. หมุนกระจกให้น้ำไหลเข้าในรถเพื่อปรับความดัน !
>ในรถและนอกรถให้เท่ากันมิฉะนั้นท่านจะเปิดประตูรถไม่ออก
>เพราะน้ำจากภายนอกตัวรถจะดันประตูไว้
>6. เมื่อความดันใกล้เคียงกันแล้วให้ผลักบานประตูออกให้กว้างสุด
>แล้วท่านก็ออกจากห้องโดยสารของรถได้
>7. จากนั้นท่านอาจจะปล่อยตัวให้ลอยขึ้นเหนือน้ำตามธรรมชาติ
>หรือจะว่ายน้ำขึ้นมาก็ได้ ในกรณีนี้หากน้ำลึกมากๆอาจจะมองไม่เห็นว่า
> ทิศใดเหนือน้ำ ทิศใดใต้น้ำเพราะว่ามืดไปหมด
> ไม่ควรใช้วิธีว่ายน้ำเพราะอาจจะว่าย ไปในทิศทางที่ไม่ขึ้นเหนือน้ำ
> กรณีเช่นนี้ ควรปล่อยตัวให้ลอยขึ้นตามธรรมชาติหรือลองเป่าปากดูว่า
>ฟองอากาศลอยไปในทิศทางใด ให้ว่ายน้ำไปในทิศทางที่ฟองอากาศลอยไป
> ก็จะไม่มีอาการหลงน้ำนอกจากน= style='font-size:10.0pt;font-family:Verdana;color:black'>
> กรณีเช่นนี้ ควรปล่อยตัวให้ลอยขึ้นตามธรรมชาติหรือลองเป่าปากดูว่า
>ฟองอากาศลอยไปในทิศทางใด ให้ว่ายน้ำไปในทิศทางที่ฟองอากาศลอยไป
> ก็จะไม่มีอาการหลงน้ำนอกจากนั้น ก่อนออกจากรถ
> หากท่านมีผู้โดยสารที่เป็นเด็กๆ อาจจะหนีบเด็กๆ นั้น
> ออกมากับท่านได้อีกหนึ่งคน ดังนั้นหากท่านปฏิบัติ ตามวิธีการเหล่านี้
> ก็จะช่วยให้ชีวิตของท่าน ปลอดภัยได้ ในยามคับขัน
>=====================
> อยากให้ทุกคน copy และส่งต่อไปให้เพื่อนๆ และคนรู้จักให้มากๆ เลยนะ
> เป็นการช่วยเหลือกัน หากเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้ขึ้นมา
>การมีความรู้ในขั้นตอนในการควบคุมยานยนต์
>และการปฏิบัติตนในขณะเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้
>
>
>
>