Tuesday, 30 October 2007
Behind The Scene Sky Exits Films Production : CAT Telecom Only One 001
Product: CAT Telecom
Title: CAT Only One 001
Behind The Scene Sky Exits Films Production
CAT Telecom : Only One 001 : Picture
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทางเลือกสุดท้ายที่ต้องเลือก
เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกทำสถิติใหม่ ขึ้นไปสูงสุดที่ 92.22 เหรียญต่อบาร์เรล หลังจากที่ขยับขึ้นขยับลงระหว่าง 85-90 เหรียญต่อบาร์เรลมาหลายวัน ตามทิศทางการสร้างราคาของนักปันราคาน้ำมันทั้งหลาย
ข้ออ้างของนักวิเคราะห์ระดับโลกทั้งหลายล้วนเป็นนิยายเรื่องเก่า เช่น เรื่องอิหร่านอิรัก การโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันของโจรสลัดในอ่าวไนจีเรีย ฤดูหนาวมาแล้วทำให้ความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น และข้อสุดท้ายน้ำมันสำรองของสหรัฐฯ ลดลงอย่างมาก
จากวันพุธถึงวันศุกร์สัปดาห์ที่แล้ว แค่ 3 วัน ราคาน้ำมันดิบขึ้นไปถึง 7 เหรียญ และอาจจะขึ้นไปถึง 96-101 เหรียญต่อบาร์เรล ภายในปีนี้หรือต้นปีหน้า จะขึ้นเร็วหรือช้า ก็ขึ้นอยู่กับการสร้างราคาของพ่อค้าน้ำมันกลุ่มโอเปก และเฮดจ์ฟันด์ ที่หันมาปั่นราคาน้ำมันดิบอีกครั้ง หลังจากที่ขาดทุนยับเยินจากซับไพร์มไปหลายแสนล้านบาท
ไม่ว่าราคาน้ำมันจะขึ้นไปบาร์เรลละ 100 เหรียญหรือมากกว่านั้น ชาวโลกก็ยังต้องใช้น้ำมันอยู่ดี เพราะน้ำมันดิบยังเป็นพลังงานหลักของโลกไออีเอ หรือสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศพยากรณ์ว่า อีก 25 ปีข้างหน้าในปี 2573 การใช้น้ำมันจะเพิ่มขึ้นเกือบ 40 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณที่ใช้ในปี 2548
สภาวิชาการระหว่างประเทศซึ่งประชุมกันที่กรุงปารีสเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รายงานว่า “ปัญหาพลังงานจะเป็นหนึ่งในภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ของมนุษยชาติในศตวรรษที่ 21” ประเทศต่างๆจะต้องจัดหาไฟฟ้าใช้ให้เพียงพอเพื่อสร้างเสถียรภาพทางพลังงานในอนาคต โดยไม่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนเพิ่มขึ้น
ไม่น่าเชื่อว่า โลกวันนี้ยังมีคนอีกกว่า 1,600 ล้านคน ที่ไม่มีไฟฟ้าใช้
แต่น้ำมันดิบไม่ว่าจะมีราคาแพงแค่ไหนในที่สุดก็มีวันหมดไปจากโลกเช่นเดียวกับ ก๊าซธรรมชาติ ในอ่าวไทยและพม่า สิ่งที่น่าห่วงสำหรับประเทศไทยในอนาคตก็คือ เราพึ่งพลังงานจากก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้ามากเกินไป โดยใช้ก๊าซเป็นสัดส่วนสูงถึง 7-80 เปอร์เซ็นต์ในการผลิตไฟฟ้าทั้งมด ถ้าก๊าซหมดในอีก 20 ปีข้างหน้า เมืองไทยมีหวังมืดกันค่อนประเทศ
พลังงานทางเลือกหลักที่ไทยใช้อยู่ก็คือ “โรงไฟฟ้าถ่านหิน” ที่คนไทยกำลังต่อต้าน และคนทั้งโลกก็กำลังต่อต้าน เพราะเป็น “ต้นตอทำให้โลกร้อน” และเป็น “แหล่งผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์” ที่เป็นภัยต่อมนุษย์และโลก
ผมเห็นด้วยกับคุณปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีพลังงาน ที่ออกมาฟันธงวันก่อนว่า “โรงไฟฟ้านิวเคลียร์คือทางเลือกที่ดีที่สุด” เพราะใช้ต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าต่ำสุด เพียง 1.80 บาทต่อหน่วยเท่านั้น ในขณะที่ก๊าซธรรมชาติมีต้นทุน 2 บาทต่อหน่วย และน้ำมันเตามีต้นทุน 4 บาทต่อหน่วย
แต่ปัญหาของไทยวันนี้ก็คือ “อารมณ์วิตกจริต” ของคนไทยจากการปลุกปั่นของ “กลุ่มเอ็นจีโอ” ให้กลัวโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ทั้งๆที่โลกมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใช้กันมานานแล้วถึง 420 โรง และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เกิดอุบัติเหตุก็มีไม่กี่แห่งเท่านั้น
วันนี้ “เวียดนาม” เพื่อนบ้านของไทยที่กำลังจะแซงหน้าไทยทุกอย่าง เพราะผู้บริหารประเทศไทยโง่เขลากว่าผู้บริหารประเทศเวียด-นาม ก็กำลังจะก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์โรงแรกแล้ว อีก 10 ปีข้างหน้าก็สร้างเสร็จ
ถ้าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มีอันตรายมากมายอย่างที่กลัวกัน ไม่ว่าประเทศไทยจะมีหรือไม่มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ในที่สุดก็ต้องได้รับอันตรายจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อย่างไม่มีทางเลือก เพราะโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในเวียดนาม มีผลกระทบถึงไทยแน่นอน
ดังนั้นผมจึงเห็นด้วยกับรัฐมนตรีพลังงานว่าหากคนไทยจะอยู่ดีกินดีมีไฟฟ้าใช้ ไม่ขาดแคลนในอนาคต ต้องมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่ต้องเลือก ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ กลัวหรือ ไม่กลัวก็ตาม.
“ลม เปลี่ยนทิศ”
"มหา"ลัยเยอรมันแชมป์ สร้างบ้านพลังงานแสงอาทิตย์
"มหา"ลัยเยอรมันแชมป์ สร้างบ้านพลังงานแสงอาทิตย์
การแข่งขัน "Solar Decathlon 2007" หรือ "การแข่งขันสร้างบ้านที่ใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์" ที่กระทรวงพลังงานของสหรัฐเป็นผู้จัดขึ้นทุกๆ 2 ปี ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ปีนี้ตำแหน่งแชมป์เป็นของ "Technische Universitaet Darmstadt" หรือ "มหาวิทยาลัยเทคนิคดาร์มสตัดต์" ประเทศเยอรมนี ที่เฉือนทีมเจ้าบ้านจากมหาวิทยาลัยชื่อดังหลายมหาวิทยาลัย ส่วนรองอันดับ 2 คือ "ยูนิ เวอร์ซิตี้ออฟแมรี่แลนด์" อันดับ 3 "ซานตาคลาร่ายูนิเวอร์ซิตี้"
กระทรวงพลังงานคัดเลือกมหาวิทยา ลัยในสหรัฐรวมทั้งต่างประเทศมาได้ 20 ทีม โดยทีมเจ้าบ้านมี 16 ทีมคือ "คาร์เนกีเมลลอนยูนิเวอร์ซิตี้", "คอร์แนลยูนิเวอร์ ซิตี้", "จอร์เจียอินสติทิวออฟเทคโนโลยี", "แคนซัสสเตตยูนิ เวอร์ซิตี้" ที่จับมือกับ "ยูนิเวอร์ซิตี้ออฟแคนซัส" ในนามของ "โครงการบ้านพลังงานแสงอาทิตย์แคนซัส", "ลอว์เรนซ์เทคโนโลจิคัลยูนิเวอร์ซิตี้", "แมสซาชูเซตส์อินสติทิวออฟเทคโน โลยี"
"นิวยอร์กอินสติทิวออฟเทคโนโลยี", "เพนซิลเวเนียสเตตยูนิเวอร์ซิตี้", "ซานตาคลาร่ายูนิเวอร์ซิตี้", "เท็กซัสเอแอนด์เอ็มยูนิเวอร์ซิตี้", "ยูนิเวอร์ซิตี้ออฟโคโลราโด-โบลเดอร์", "ยูนิเวอร์ซิตี้ออฟซินซินเนติ", "ยูนิเวอร์ซิตี้ออฟอิลลินอยส์ เออร์บาน่า-แชมเปญ", "ยูนิเวอร์ซิตี้ออฟแมรี่แลนด์", "ยูนิเวอร์ซิตี้ออฟมิสซูรี่โรลล่า" และ "ยูนิเวอร์ซิตี้ออฟเท็กซัสออสติน"
ด้านทีมแขกเยือนมีอยู่ 4 มหาวิทยาลัย คือ ทีมมอนทรีออล ที่ผนึกกำลังจาก 3 มหาวิทยาลัยคือ Ecole de Technologie Superieure ยูนิเวอร์ซิเต้เดอมอนทรีออล และแม็กกิลยูนิเวอร์ซิตี้ อีก 3 ทีม คือ "มหาวิทยาลัยเทคนิคดาร์มสตัดต์ ประเทศเยอรมนี" "อูนีเบซิด๊าดโปลีเต๊กนิคาเดมาดริด ประเทศสเปน" และ "อูนีเบซิด๊าดเดเปอร์โตริโก ประเทศเปอร์โตริโก"
"บ้านที่ใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์" คือบ้านที่ไม่ใช้พลังงานใดๆ นอกจากพลังงานแสงอาทิตย์ การแพร่ก๊าซคาร์บอนเท่ากับศูนย์ ประหยัดเงิน สะดวกสบาย สวยงาม ส่วนหลักการตัดสินมี 10 ข้อ คะแนนเต็ม 1,200 คะแนน คือ "สถาปัตยกรรม" 200 คะแนน "วิศว กรรม" 150 คะแนน "ความเป็นไปได้ทาง การตลาด" ซึ่งวัดจากความน่าซื้อและเหมาะที่จะอยู่อาศัย 150 คะแนน ส่วนหัวข้อ "การสื่อสาร", "โซนพักผ่อน", "พลังงานเพียงพอสำหรับการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า" เช่น การแข่งขันแบ่งบ้านออกเป็นย่านละ 4-5 หลัง บ้านแต่ละหลังจะต้องทำอาหาร 3 คอร์สให้กับเพื่อนบ้าน โดยใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ที่สะสมไว้, "ระบบน้ำร้อน" เช่น ความร้อนขั้นต่ำของน้ำต้องมีอุณหภูมิตามที่กำหนด, "ระบบแสงไฟ" เช่น มีแสงพอเพียงเมื่อท้องฟ้าขมุกขมัวเมื่อฝนตก, "ความสมดุลทางพลังงาน" เช่น ความเหมาะสมของอุณหภูมิในบ้าน และ "การเดินทางในบ้าน" ซึ่งหมายถึงมีพลังงานเหลือพอที่จะนำไปใช้กับรถไฟฟ้า หัวข้อละ 100 คะแนน บ้านทั้งหมดนี้ยังต้องใช้วัสดุที่มีขายทั่วไปตามท้องตลาด ห้ามประดิษฐ์ขึ้นมาเอง รวมทั้งต้องให้ผู้พิการอยู่อาศัยได้
ทีมเยอรมันเฮ
เมื่อเหล่ากรรมการเดินดูบ้านทั้ง 20 หลังและมารวมคะแนนกัน พบว่า "มหาวิทยาลัยเทคนิคดาร์มสตัดต์" มาเป็นที่ 1 ด้วยคะแนนรวม 1024.85 คณะกรรมการมีความเห็นต่อบ้านหลังนี้ว่า เป็นบ้านที่ตอบโจทย์ของการแข่งขันได้มากที่สุด โดยเฉพาะกรรมการด้านแสงไฟเห็นว่า ในเวลากลางคืนแสงไฟสวยงามมากจึงให้คะแนนในหัวข้อนี้ 100 คะแนนเต็ม คณะกรรมการด้านวิศวกรรมชูนิ้วให้คะแนนเต็มเช่นกัน เพราะมีความคิดสร้างสรรค์สูงและมีระบบการใช้พลังงานไฟฟ้าที่เยี่ยมไม่มีที่ติ และยังได้อีก 100 คะแนนเต็มจากความสมดุลของพลังงาน
ด้านบาร์บาร่า เกอห์รุ่ง โฆษกของทีมเยอรมัน กล่าวว่า คะแนนของดาร์มสตัดต์และแมรี่แลนด์สูสีกันมาก ซึ่งแมรี่แลนด์สร้างบ้านได้สวยงาม มีแนวคิดด้านสถาปัตยกรรมและระบบต่างๆ ดี
บ้านของทีมสเปน/บ้านของทีมยูนิเวอร์ซิตี้ออฟแมรี่แลนด์
บ้านของทีมมหาวิทยาลัยเทคนิคดาร์มสตัดต์/บ้านของทีมเอ็มไอที
บ้านของทีมคอร์แนล/บ้านของทีมซานตาคลาร่า
ภายนอกบ้านของทีมเปอร์โตริโก
นักศึกษาหญิงคอร์แนลสู้ตาย
ทีมที่คว้าชัยลำดับ 2 คือ "ยูนิเวอร์ซิตี้ออฟแมรี่แลนด์" ได้ 999.807 คะแนน เป็นทีมที่ได้คะแนนสูงสุดในหัวข้อการสื่อสาร กรรมการด้านสื่อสารเห็นว่า แมรี่แลนด์ทำได้ดีมากทั้งด้านเว็บไซต์และการนำชมบ้าน ส่วนหัวข้อสถาปัตย กรรม ความเป็นไปได้ทางการตลาด แสงไฟ ได้คะแนนเป็นที่ 2
อันดับ 3 "ซานตาคลาร่ายูนิเวอร์ซิตี้" ได้ 919.959 คะแนน จุดประสงค์ของทีมคือ ต้องการให้บ้านมีประโยชน์ใช้สอยตามความเป็นจริง สวยงามและสร้างสรรค์ เหล่ากรรมการต่างเห็นว่า บ้านของซานตาคลาร่าสร้างได้ตามจุดประสงค์ของทีมทุกอย่าง บ้านหลังนี้ได้คะแนนเต็ม 100 เรื่องระบบน้ำร้อน ความสมดุลของพลังงาน ส่วนกรรมการด้านสื่อสารเห็นว่า นักศึกษามีความเป็นกันเองและมีความกระตือรือร้นในการนำชมบ้าน แถมยังให้ข้อมูล ความสนุกสนาน
เจมส์ บิ๊กฟอร์ด นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์และผู้จัดการโครงการบ้านพลังงานแสงอาทิตย์ของ "ซานตาคลาร่ายูนิเวอร์ซิตี้" กล่าวว่า "เป็นประสบการณ์ที่เหลือเชื่อ เพราะทีมต้องแข่งขันกับหลายมหาวิทยาลัยที่ใหญ่กว่า และแม้ประสบกับอุปสรรคมากมาย แต่เราก็ยังได้ที่ 3!"
"ซานตาคลาร่ายูนิเวอร์ซิตี้" เกือบจะไม่ได้เข้าแข่งขันในครั้งนี้เสียแล้ว แต่เกิดเหตุส้มหล่นขึ้นเมื่อมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งขอถอนตัว ส่วนอุปสรรคนั้นคือ งานจัดขึ้นที่ฝั่งตะวันออกสุดของประเทศ แต่ซานตาคลาร่าอยู่ฝั่งตะวันตกสุดของประเทศ ระยะทางที่ห่างไกลต่อการขนส่งทำให้ข้าวของเสียหาย จนทีมแทบจะประสาทกินกันไปตามๆ กัน บ้านขนาด 650 ตารางฟุตสไตล์แคลิฟอร์เนียมา ถึงที่งานหลังจากที่มหาวิทยาลัยอื่นๆ ประกอบบ้านไปแล้วนานถึง 3 วัน แต่นักศึกษาพยายามทุ่มเททำงานกันทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อชดเชยเวลาที่หายไป สำหรับชานบ้านด้านนอกและเฟอร์นิเจอร์นั้นใช้ถังไม้ที่หมักไวน์มาทำ ฉนวนกันความร้อนใช้ผ้ายีนส์ (blue denim insulation) กระจกหน้าต่างเป็นกระจกที่เปลี่ยนสีได้เอง
ด้านนายแซมมวล บ็อดแมน รมว.พลัง งาน กล่าวว่า "ขณะเดินชมงานนั้นตนทั้งรู้สึกทึ่งบ้านพลังงานแสงอาทิตย์ และทึ่งในความรู้ของเด็กๆ ซึ่งการแข่งขันแสดงให้เห็นถึงความรู้ด้านพลังงานแสงอาทิตย์และสิ่งแวดล้อม ทั้งยังเป็นการกระตุ้นความคิดของบรรดาวิศวกรและสถาปนิกในอนาคต"
หันมาดูบ้านจากทีมของมหาวิทยาลัยอื่นไม่พลาดรางวัลกันบ้าง บ้านของ "ทีมคอร์แนล" มีแลนสเคปที่ประกอบด้วยต้นไม้นานาชนิดกว่า 1,800 ต้น ให้ความรู้สึกว่าภายในและภายนอกเชื่อมต่อกัน มีการรีไซเคิลน้ำที่ใช้แล้วจากการอาบน้ำ ห้องครัวไปรดต้นไม้ที่ด้านนอก มีการควบคุมระบบต่างๆ ของบ้านด้วยระบบทัชสกรีน ฯลฯ
ทีม "แมสซาชูเซตสอินสติทิวออฟเทคโนโลยี" หรือ "ทีมเอ็มไอที" สร้างกำแพงทางทิศใต้ของบ้านด้วยพลาสติกขนาด 1 คูณ 1 ฟุต เอามาประกบกันเหมือนแซนด์วิช โดยตรงกลางเป็นช่องสำหรับใส่น้ำ กำแพงพลาสติกด้านในทาด้วยเจลซึ่งเป็นฉนวนกันความร้อน ซึ่งเจลกันความร้อนนี้จะนำความร้อนจากพลังงานแสงอาทิตย์ผ่านมายังน้ำที่อยู่ในกำแพง กระจกหน้าต่างใช้ก๊าซคริปตันเป็นฉนวนกันความร้อน แผงพลังงานแสงอาทิตย์ให้พลังงาน 9 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง สามารถเก็บพลังงานไว้ได้ในแบตเตอรี่ 24 ตัว ทำให้เก็บพลังงานได้ 70 กิโลวัตต์ เพียงพอสำหรับอยู่บ้าน 2 วัน
ในหัวข้อทำอาหารเลี้ยงเพื่อนบ้านนั้น ทีมเอ็มไอทีทำซุปปูฟักทอง ส่วนเมนคอร์สมีให้เลือกระหว่างไส้กรอกย่างหรือสปีแนชตอร์เตลลินี่ ของหวานเป็นไอศกรีมซอร์เบต์และช็อกโกแลตชิปพุดดิ้งคุกกี้ เครื่องดื่มเป็นเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ผสม มีให้เลือกระหว่าง "เวอร์จิ้นโมฮิโต้" เครื่องดื่มยอดฮิตในสหรัฐอยู่ในขณะนี้ หรือไม่ก็ "Safe Sex on the Beaches" เครื่องดื่มรสผลไม้
MCOT DVB Trial Project on YouTube
Friday, 26 October 2007
คนรักน้องหมา ลองดูกันหน่อยนะค่ะ ……ช่วยส่งต่อให้คนที่คุณรู้จักหน่อย น่าสงสารจัง
ลูกสุนัขรอการอุปถัมภ์
ARRIFLEX 416 in BKK office
I would like to invite you to see the new 16mm camera, ARRIFLEX 416. I know everybody know about this camera for a while but hasnt seen the real camera. NOW it is in BKK office and will be available for demo 2 days : This Friday 26th and 29th October.
For you who are in interest to see it pls contact me.
Looking forward to hearing from all of you.
Regards
teh.
CINE EQUIPMENT (THAILAND) CO.,LTD.580/15 Soi SahakarnpramoonPracha - Uthit RoadWangthonglang BKK 10310 THAILANDTel: (66)2-936-6557 Fax: (66)2-935-6044Mobile: (66)8-1-901-3191Website : http://www.cine-equipment.com/
Thursday, 25 October 2007
Production Working Problem : Kormorcho : คมช กอดเอว
สืบเนื่องจากงาน คมช. Kormorchor _กอดเอว
นักแสดง 200 คน เกาะเอวกัน ต่อเป็นขบวนรถไฟ เลือกนักแสดงแล้ว หัวแถว 10 คนตาม Character
ฝนก็ตก รอถึง 17.00 น. พอเริ่มจะถ่าย นักแสดงหัวแถวหายไปสอง รอแล้วรอเล่า เฝ้าแต่รอ
นักแสดงมา เสื้อผ้าดันกลับไปแล้ว มั่วกันสนุกเลย ก็นึกว่าหนังจะมั่วท้ายๆเรื่อง
แต่ที่ไหนได้ อุ๊แม่เจ้า.......เช็ค Footage ที่ถ่ายทำ มั่วมาตลอดทั้งเรื่องเลยนี้ว้า…..
ทั้งตำแหน่งนักแสดงและความต่อเนื่องของเสื้อผ้า.......
ถ้าไม่ให้พูดกรณีนี้ ให้มันผ่านไป มันจะยิ่งอืมคลึม.........
บทวิเคราะห์จากกรณีนี้.......ของ 005
1. ทีมงานที่รับผิดชอบทำหนังไม่เป็น
2. ทีมงานที่รับผิดชอบ ขาดความตั้งใจในการทำงาน
ซึ่ง 005 อาจจะผิด อยากจะฟังจากทีมงานที่รับผิดชอบ ในงานนี้ดีกว่า
เสื้อเขียว ผู้หญิงหรือผู้ชาย อ่ะ
ตำแหน่งมันหลุดตอนไหน?????
เสื้อผ้านักแสดง หลุดกระจาย ตำแหน่งนักแสดงหลุดกระจาย เมื่อดูจาก Behind
เห็นรูป Bum น้อยมาก อาจจะเพราะ WL ELE ไม่ได้สนใจถ่ายรูป BUM
หรือเหตุผลอื่นๆ อีกมากมาย
แล้วจะให้ผู้กำกับเลือกนักแสดง หัวแถวกันทำไมว่ะ????????
ตอบก็ได้ ไม่ตอบก็ได้ แต่คนปรกติที่เค้าทำงานกัน เค้าจะพยายามแก้ไขปัญหาเหล่านี้
ในอนาคต.....ผมก็คงเหมือนหมาตัวนี้.....
ตอนนี้ยังไม่ใช่ ยังสนที่จะทำงานให้ดี และแก้ปัญหาในการทำงานให้การทำงานมันดีขึ้น…005
แนะนำว่า ช่วยไปขอโทษพี่อ๊อดเค้าหน่อย ไม่ต้องจริงใจก็ได้
ตอแหลไปตามเรื่อง....ขอความสำนึกผิดเยอะๆ
เอาแบบ Best Actor Academy Award
ป๋าอ่ำ ขอ.........
จะได้ทำงานให้หมดปีนี้ไปชิวชิว......
Kormorchor_กอดเอว//CAST and
Costume//Problem-Solution
ปัญหาที่เกิดขึ้นมีดังนี้
Location ที่ 1 ตลาดฮ้อแสงชัย
ปัญหาส่วนตัวแสดง
ปัญหาที่เกิดขึ้น ตำแหน่งตัวแสดงไม่ continueสาเหตุ
ทีมงานที่รับผิดชอบ
ขาดความตั้งใจในการทำงาน
ดังนี้ค่ะ ตั้งแต่การเริ่มถ่ายทำได้นำนักแสดงคนที่ 1-10
มาให้ผู้กำกับดูและเชคความเรียบร้อยแล้ว
และปลาผู้ควบคุมนักแสดงคนที่ 1-50
ได้ให้นักแสดงจดจำหมายเลขของตัวเองเพื่อเรียงตามหมายเลขตลอดทุกฉาก
นักแสดงทุกคนต่างจดจำหมายเลขของตนเองได้และเรียงถูกต้องตลอด
แต่เหตุการณ์ที่ทำให้ continue หลุดนั้นเกิดมาจาก Scene
นึงที่ตัวแสดงทุกคนต้องหยุดกระทันหัน ล้มทับกันระเนระนาด
เป็นผลให้ต้องนำนักแสดงที่แก่มีปัญหาสุขภาพร่างกายออกไป แต่เมื่อผ่าน Scene
นี้ไปแล้วนักแสดงที่ออกไปแล้วก็กลับมายืนในตำแหน่งเดิม
โดยปลาขาดความตั้งใจเลินเล่อให้นักแสดงคนนั้นกลับมา
ซึ่งสิ่งที่ถูกต้องคือนักแสดงคนนั้นต้องออกไปจากตำแหน่งนั้นและไม่กลับเข้ามาอีกเลย
โดยให้ไปอยู่ท้ายแถว ในตำแหน่งที่ไม่เห็นในกล้อง
ปัญหาส่วนเสื้อผ้าใน Location แรกไม่มีปัญหาเรื่อง Continue ใดๆ
ถ้าจะมีปัญหาก็เนื่องมาจากตัวแสดงที่ได้ออกไปทำให้เป็นผลพวงถึงเสื้อผ้าค่ะ
Location ที่ 2 ทางรถไฟ
ปัญหาส่วนตัวแสดง
ปัญหาที่เกิดขึ้น เวลา 17.00 น.
เมื่อจะเริ่มถ่าย Shot สุดท้าย นักแสดงหัวแถวหายไปสองคน
สาเหตุ
ทีมงานที่รับผิดชอบ ขาดความตั้งใจในการทำงาน และ
ประมาทเลินเล่อไม่รอบคอบ
ดังนี้ค่ะ
นักแสดงทุกคนหมายเลข 1-30
นั้นมาที่ location 2 ครบทุกคน เพื่อพร้อมถ่ายประมาณ 16.00 ยังไม่มีใครหายไป
แต่หลังจากนั้นเกิดฝนตกหนัก
นักแสดงและทีมงานจึงแยกไปหลบในเต้นท์ช่วงนี้เป็นช่วงที่ชุลมุนและสับสนกันว่าจะถ่ายทำต่อหรือไปถ่ายทำในวันจันทร์
แต่ผู้กำกับได้แจ้งว่าจะต้องถ่ายทำในวันนี้โดยรอหลังฝนหยุด ทีมงานทุกคนรับทราบแต่
ระหว่างนี้คาดว่า Extra สองคนที่หายไปนี้เข้าใจไปเองว่าจะไม่ถ่ายทำแล้ว
จึงเปลี่ยนเสื้อผ้าและกลับบ้านไป โดยไม่มีใครรู้
และทีมงานทุกคนไม่ได้อนุญาตให้ใครกลับ
ตรงนี้เป็นความผิดของทีม casting
ที่ไม่สอดส่องดูแลและ ย้ำกลับกลุ่ม extra
ว่าห้ามกลับบ้านโดยเด็ดขาด
ปัญหาส่วนเสื้อผ้า
ปัญหาที่เกิดขึ้น
รถเสื้อผ้ากลับก่อนเวลาถ่ายทำเสร็จ
และเสื้อผ้าตัวแสดงที่หายไปอยู่ในรถเสื้อผ้าทำให้เมื่อตามนักแสดงทั้ง 2
คนที่หายไปกลับมาได้ แต่ไม่มีเสื้อเปลี่ยนการถ่ายทำต้องล่าช้าไปประมาณ 15
นาทีเนื่องจากต้องรอมอเตอร์ไซด์นำเสื้อผ้ามาส่ง
ดังนี้ค่ะ
เพราะในขณะนั้นทีมงานที่จะต้องรีบกลับไปเตรียมงานอีกกองที่จะถ่ายต่อกันไม่มีรถกลับจึงได้ตัดสินใจนำรถเสื้อผ้ากลับไปเพราะเห็นว่าไม่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกแล้ว
แต่การที่เสื้อผ้าของนักแสดง 2 คนที่หายไปนั้นกลับ ไปอยู่ในรถเสื้อผ้าด้วย
ก็เป็นความไม่รอบคอบของแผนกเสื้อผ้าที่ไม่ได้ให้ความสนใจเสื้อผ้า Extra เพียงพอ
จึงทำให้เสื้อผ้าของนักแสดงนั้นไปติดอยู่ที่รถเสื้อผ้านั่นเอง
สรุปแนวทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด
1. ทุกคนต้องตั้งสติและรอบคอบในการทำงานให้มากกว่าที่เป็นอยู่
2. ทุกคนต้องช่วยกันสอดส่องดูแลนักแสดง Extra ในกรณีที่มีคนจำนวนมาก
3. แผนก casting จะจัดตำแหน่ง continue ขึ้นทุกครั้งที่ถ่ายทำ โดยเริ่มจากงาน Lay
ในวันเสาร์ที่ 20 ตุลาคมนี้ มี KW เป็น continue
4. แผนก costumeจะต้องประเมินสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้าให้รอบคอบกว่าที่เป็นอยู่ว่าจุดไหนสำคัญต้องตั้งสมาธิให้ความสำคัญเป็นพิเศษ และผู้ที่รับผิดชอบต้องรับผิดชอบภาพรวมของเสื้อผ้านักแสดงทั้งหมดไม่เพียงแค่ตัวแสดง main
Casting and costume
รายงาน
KW ควรทราบว่า การ Continue Report ต้องเป็น Paper by Handle
และใช้ กล้อง Behind สนับสนุน find/search การ continue นะครับ
และควรมีทุกงานครับ
Toy
ไม่มีใครเดินไปขอโทษพี่อ๊อดเค้า เข้าใจ
สามัญสำนึกของคน.....มันสร้างไม่ได้จริงๆ
Thank you so much…005 คัง คัง โง๋ว...สามัญสำนึกของคน.....มันสร้างไม่ได้จริงๆ
ครับ 005
เมฆฝนที่เข้าออกตลอดเวลา
ต่อเนื่องของแสง
จำนวนตัวแสดงที่มาก
เวลาที่เหลือสำหรับฉากทางรถไฟ
ทั้งหมดนี้และอีกๆๆๆ
ผมก็รู้อยู่แล้วครับ ยอมรับว่าสมาธิหลุดจริงๆครับ
ขออภัย 005
ผู้กำกับ ทีมงาน
ครับที่ประสบการณ์ของผมไม่ได้ช่วยให้งานสำเร็จด้วยดี
ขอรับผิดชอบเพียงผู้เดียวครับ NJB
แล้วไง???
เป็นคนเดียวที่เอาลูกตาแนบ Viewfinder
ตั้งแต่การเริ่มถ่ายทำได้นำนักแสดงคนที่ 1-10
มาให้ผู้กำกับดูและเชคความเรียบร้อยแล้ว
และปลาผู้ควบคุมนักแสดงคนที่ 1-50
ได้ให้นักแสดงจดจำหมายเลขของตัวเองเพื่อเรียงตามหมายเลขตลอดทุกฉาก
นักแสดงทุกคนต่างจดจำหมายเลขของตนเองได้และเรียงถูกต้องตลอด
กระเป๋าติดตัวที่ลุ่มล่าม เหมือนคนไปดูหนัง ตื่นเต้นกับหนังที่ไปดู
และได้แสดงออกกับมัน กับหนังที่ไปดู
แต่เหตุการณ์ที่ทำให้ continue หลุดนั้นเกิดมาจาก Scene
นึงที่ตัวแสดงทุกคนต้องหยุดกระทันหัน ล้มทับกันระเนระนาด
เป็นผลให้ต้องนำนักแสดงที่แก่มีปัญหาสุขภาพร่างกายออกไป แต่เมื่อผ่าน Scene
นี้ไปแล้วนักแสดงที่ออกไปแล้วก็กลับมายืนในตำแหน่งเดิม
โดยปลาขาดความตั้งใจเลินเล่อให้นักแสดงคนนั้นกลับมา
ซึ่งสิ่งที่ถูกต้องคือนักแสดงคนนั้นต้องออกไปจากตำแหน่งนั้นและไม่กลับเข้ามาอีกเลย
โดยให้ไปอยู่ท้ายแถว ในตำแหน่งที่ไม่เห็นในกล้อง
ผลของการทำงานที่ออกมา มันทำให้ผู้กำกับ ขาดความมั่นใจในทีม
ตื่นเต้นที่จะทำหนังด้วย จะทำมันยังไงดี PLA
ปัญหาส่วนเสื้อผ้า
ใน Location แรกไม่มีปัญหาเรื่อง Continue ใดๆ
ถ้าจะมีปัญหาก็เนื่องมาจากตัวแสดงที่ได้ออกไปทำให้เป็นผลพวงถึงเสื้อผ้าค่ะ
เห็นรูป BUM อยู่น้อยมาก.....กลับกี่โมงอ่ะ BUM ????????????????
ปัญหา เวลา 17.00 น.
เมื่อจะเริ่มถ่าย Shot สุดท้าย
นักแสดงหัวแถวหายไปสองคน
สาเหตุ ทีมงานที่รับผิดชอบ
ขาดความตั้งใจในการทำงาน และ ประมาทเลินเล่อไม่รอบคอบ
ทำสรุปให้แล้วสั้นๆ
บทวิเคราะห์จากกรณีนี้.......ของ 005
1. ทีมงานที่รับผิดชอบทำหนังไม่เป็น
2. ทีมงานที่รับผิดชอบ ขาดความตั้งใจในการทำงาน
เพราะในขณะนั้นทีมงานที่จะต้องรีบกลับไปเตรียมงานอีกกองที่จะถ่ายต่อกันไม่มีรถกลับจึงได้ตัดสินใจนำรถเสื้อผ้ากลับไปเพราะเห็นว่าไม่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกแล้ว แต่การที่เสื้อผ้าของนักแสดง 2
คนที่หายไปนั้นกลับ ไปอยู่ในรถเสื้อผ้าด้วย ก็เป็นความไม่รอบคอบของแผนกเสื้อผ้าที่ไม่ได้ให้ความสนใจเสื้อผ้า Extra เพียงพอ
จึงทำให้เสื้อผ้าของนักแสดงนั้นไปติดอยู่ที่รถเสื้อผ้านั่นเอง
แทบสีแดง Agree: BUM ไม่รับผิดชอบและไม่สนใจในงานนี้จริงๆ
ทีมงานที่จะต้องรีบกลับไปเตรียมงานอีกกองที่จะถ่ายต่อกัน
ไม่น่าใช่ปัญหา ทุกคนรู้อยู่แล้ว ศาลไม่รับฟ้องในเรื่องนี้
ไม่มีรถกลับจึงได้ตัดสินใจนำรถเสื้อผ้ากลับไปเพราะเห็นว่าไม่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกแล้ว
พอๆกับนักแสดงสองคนหัวแถวที่หายไปเพราะรู้สึกว่าไม่ต้องเล่นหนังอีกแล้ว
มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?????
วันนั่น.....
POR ไม่สบายนอนอยู่โรงพยาบาล
KROM ป่วยแต่เช้า
เห็น TG แวบๆ
มีเต๋า JUH
โทษเต๋าก็ไม่ได้ เพราะเค้าคงมั่นใจในทีมเรา
อย่าโทษผู้กำกับนะ เดี๋ยวยาว
จึงได้ตัดสินใจนำรถเสื้อผ้ากลับไปเพราะเห็นว่าไม่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกแล้ว
ถ้าเป็นเช่นนั่นจริง
IC อยู่ไหน ????
ELE ต่อแต่ไหนไม่ต้องถ่ายรูปเบื้องหลัง ไม่ใช่หน้าที่
WL ถูก Assign ให้ไปช่วยประสานกองถ่ายโดย KROM
แต่ทำไม่ได้เพราะทำประสานงานกองถ่ายไม่เป็น เลยไปถ่ายรูป Behind
เรื่องรถตู้ฟังไม่ขึ้นจริงๆ
แผนก casting จะจัดตำแหน่ง continue ขึ้นทุกครั้งที่ถ่ายทำ โดยเริ่มจากงาน Lay
ในวันเสาร์ที่ 20 ตุลาคมนี้ มี KW เป็น continue
ตำแหน่ง Continue คือคนที่ รู้ทิศทางหนัง
เข้าใจการทำหนัง อย่างแท้จริง……..
วัวหายแล้วจึ่งล้อมคอก กันวัว
บ่เห็นวัวสักตัว คิดล้อม
แต่ก่อนบ่ห่อนกลัว วัวจัก หายนา
พูดแต่ทางอ้อมค้อม หมดเค้าเข้าตำรา.....
PLA พี่ไว้ใจน้องมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
NT พี่ก็ไว้ใจ NT
พี่โคตรอยากรู้เลย จริงๆจากใจ.......
ไม่ต้องเมลล์เดิน ว่างเดินมาบอกพี่อ่ำหน่อยว่ะ
ว่ารู้เมื่อไหร่ ว่าตัวเองผิด
ขอความจริงใจว่ะ
ไม่ต้องแสดง......
พี่ต้องแก้ปัญหาว่ะ PLA NT มันคาใจ........
ผลกระทบเยอะนะ กรณีนี้ เพราะมีมุมมองโง่ๆ ที่กว้างไกล.........
Speaking Human Being….
แปลว่า......สามัญสำนึกของคนธรรมดา ธรรมดา......
คาใจสุดๆ....ต้องการ......การเปลี่ยนแปลง.....
จะหาตรรกได้ ก็ต้องกระโดดออกมาจาก"พันธนาการของความเคยชิน"หลบเลี่ยงจาก "กับดักทางความคิด"หลีกหนีจาก "สิ่งที่ทําให้หลงทางจากความรู้จริง"ขจัด "ทิฐิแห่งกมลสันดาน" จะหาตรรกได้ก็ต่อเมื่อคุณสลัดหมากทั้งหมดที่คนเขาจัดฉากวางล่อคุณไว้
เพิ่งคุยกับ NT PLA……..
ตอนที่ตอบเมลล์ฉบับ Problem-Solution ของ Pla ก่อนหน้านั่นไม่กี่นาที
อ๊อดเดินมาถาม 005 ว่า “เป็นยังไงบ้างพี่...........”
ความหมายมันก็คงต้องไปตีความกันเองต่อๆไป.....
อ๊อดเค้าก็คงหวังว่า 005 จะแก้ปัญหาในงานข้างหน้าต่อไปยังไงดี
ไม่ใช้งาน Kormorchor_กอดเอว งานนี้ เพราะมันถ่ายผ่านไปแล้ว
ปัจจุบัน 005 ยังคิดว่า อ๊อดยังคงงงงงอยู่กับปัญหาในการทำงาน Kormorchor_กอดเอว
ยังคงงงงง และสงสัยอยู่แน่ๆ.....
Thank you so much…005 ...สามัญสำนึกของคน.....มันสร้างไม่ได้จริงๆ...
รู้ว่าไหมว่าทำผิด แล้วรู้ว่าตัวเองผิดเมื่อไร.....
ความหมายทั้งหมดของรูปที่ 005 บรรยาย คือความรู้สึกของ 005
ที่เห็นรูปจาก Behind The Scene
ซึ่งเป็นเอกสาร อ้างอิงจาก Call Sheet and Behind
จาก Behind ทุกคนในภาพดูทุ่มเทกับการทำงาน แล้วมันหลุดให้เกิดปัญหา
ในเรื่องการทำหนังและความเข้าใจในการทำหนัง ตอนไหน????
การมองภาพที่ต่างกันของทีม นั่นคือปัญหา
Story Line ของหนังที่จะไปถ่าย ไม่มีในหนังเรื่องนี้
เป็นการยากที่ทีม จะเข้าใจตรงกันหมด
ถ้าทีมเข้าใจ ปัญหามันก็ไม่เกิด เพราะทุกคนทุ่มเท
ประเด็นที่สำคัญ จะทำให้ทีมทั้งหมด เข้าใจตรงกันได้อย่างไร?????
คำตอบสำหรับทั้งหมดคือ Story Line…..
สำหรับงานอ๊อด ถ้า IC รู้ก่อนแน่ๆ ว่าไม่ว่างที่จะทำ Story Line
ก็น่าที่จะมอบหมายให้บุคคลดั่งต่อไปนี้ ที่เราเห็นว่าทำได้
PLA เป็น Choice แรกนะ IC
SW and WL
หรือไม่ก็ 005 ทำให้
ทีมเราที่ทำ Story Line มีรายชื่อที่กล่าวมา
หรือใครอยากทำ แจ้งมาให้ทราบด้วย
เพราะนี่คือปัญหาใหญ่ที่สุด ของหลายๆปัญหา
ที่ทางทีมเรา ตกหล่นไป......และทำให้เกิดการตีความ และภาพรวมที่ไม่ตรงกัน
Thank you so much…005 ...สามัญสำนึกของคน.....มันสร้างไม่ได้จริงๆ...
รู้ว่าไหมว่าทำผิด แล้วรู้ว่าตัวเองผิดเมื่อไร.....
รับสมัคร เจ้าหน้าที่ ประจำสำนักงาน Sky Exits Films Production
รับสมัคร เจ้าหน้าที่ ประจำสำนักงาน Sky Exits Films Production
เจ้าหน้าที่ ด้านทรัพยากรบุคคล Human Resource
เจ้าหน้าที่ ด้านธุรการ Admin Officer
คุณสมบัติ ดังนี้
- จบการศึกษา ปริญญาตรี ด้านบริหารงานบุคคล หรือสายอื่นที่เกี่ยวข้อง มีความสนใจ/สงสัย สามารถตั้งข้อสังเกตุ พฤติกรรมของมนุษย์ได้ทุกเพศ วัย อย่างเชิงลึก
- อายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี หรือถ้าน้อยกว่า และสนใจสมัคร กรุณาเตรียมคำสัมภาษณ์ ว่าจะให้คำจำกัดความ คำว่า มนุษย์ ว่าอย่างไร
- มีประสพการณ์มา จะพิจารณา เป็นลำดับแรก แรก
- ใฝ่รู้ / ขวนขวาย / พัฒนาตนเอง / ยอมรับการเรียนรู้สิ่งใหม่ ตลอดเวลา ไม่อยู่ในกรอบความคิดแคบๆ แต่ยินดีที่จะอยู่ใน ขนบธรรมเนียมของคนส่วนใหญ่
- มีความสามารถ ด้านคอมพิวเตอร์ จัดการ ด้านเอกสาร ได้ดี พอพอ กับ เอกสารในตู้เหล็ก
- เป็นคนช่างสังเกตุ และ ละเอียดอ่อน มีไอเดีย กล้าเสนอแนะ และ คิดล่วงหน้าได้ สองชั้น / วางแผนการทำงาน และรายงานได้ เข้าใจง่าย
- อ่านหนังสือพิมพ์ อ่านได้ทุกข่าว ทุกหัวสี ไม่เลือกหน้า / สนใจงานศิลปะทุกแขนงในโลก ได้ อย่างกว้างขวาง
- พร้อมทำงาน ด้านอื่น เพื่อสนับสนุน ในสายงาน ผลิตภาพยนตร์โฆษณา ของบริษัทฯ ด้วย เมื่อได้รับมอบหมาย
สนใจส่งรายละเอียด การศึกษา งานกิจกรรม สิ่งที่คุณสนใจ
โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ความสามารถพิเศษ
ทุกตำแหน่งโปรดระบุเงินเดือนที่ต้องการมาด้วย
และส่งประวัติส่วนตัวและประวัติการศึกษา [Super Resume]
ของท่านมาด้วย มากที่สุด เท่าที่ทางเราจะสามารถรู้จักตัวของคุณได้ อย่างรวดเร็วมาที่
personal.skyexits@gmail.com รับสมัครทาง E Mail เท่านั้น
รายละเอียดและผลงานของทางบริษัทที่
Blog: http://skyexits.blogspot.com/
Blog: http://skyexits-showreel.blogspot.com/
Home Page http://www.skyexits.com/
รายละเอียดของใบประกาศรับสมัคร ตำแหน่งต่างๆที่
http://personal-skyexits.blogspot.com/
บริษัทอยู่แถว ลาดพร้าว 88 บางกะปิ กทม ติดต่อคุณกระแต
Tel 02-9336470-9
แผนที่ของบริษัทสกายเอ็กซิทส์ จำกัด
Tuesday, 23 October 2007
เมย์ อั้ม เข็ม หนุ่ม กรรชัย ใครสะตอ???
ความคิดเห็นที่ 518
''เข็ม-กฤตธีรา'' เปิดใจ ก่อน พระหนุ่ม หรือ พระกิตฺติเมธี จะลาบวชแบบเงียบๆ นั้น ได้โทร.มาขออโหสิกรรมตนแล้ว ซึ่งตนก็ได้อโหสิกรรม พร้อมกับอนุโมทนาในการอุปสมบทในครั้งนี้ผ่านทางเมสเซจไปให้ แถมยังบอกอีกว่าใจจริงแล้วอยากให้พระหนุ่มบวชสัก 1 เดือน หรือ 3 เดือนไปเลย พร้อมแง้มข่าวดี (ที่สุดในโลก) แบบไม่ได้โม้ว่า...ตอนนี้เธอและ นางสาวเมย์ เฟื่องอารมย์ ญาติดี เลิกหม่ำเกาเหลา ร่วมสาบานเป็นพี่น้อง เจอที่ไหนเป็นต้องกระโดดกอดคอกันชื่นมื่น
เกี่ยวกับข่าวดีดังกล่าวนี้ ผู้สื่อข่าวสยามดารารายงานว่าได้มีโอกาสเจอหน้าพิธีกรสาวสวย ''เข็ม'' กฤตธีรา อินพรวิจิตร ซึ่งเดินทางมาร่วมเป็นพิธีกรในงาน ''Motorxury 2007 @ CentralPlaza Rama 2'' จัดขึ้นที่เซ็นทรัล พระราม 2 เมื่อบ่ายวันจันทร์ ที่ 9 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งภายหลังจากที่เสร็จภารกิจการเป็นพิธีกรเข็มปลีกตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดแซกสั้น ทะมัดทะแมง (แต่ดูดี) ตรงไปรับประทานอาหารกับเพื่อนที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งภายในห้างสรรพสินค้าดังกล่าว ซึ่งในระหว่างนั้นเองผู้คนที่ผ่านไป ผ่านมา และจำได้ว่าเป็น ''เข็ม-กฤตธีรา'' ต่างเอ่ยชมว่า ''เข็มน่ารักเหมือนตุ๊กตาเลย'' ภายหลังจากที่เวลาผ่านไปสักประมาณเกือบครึ่งชม. เข็มก็เช็กบิล เดินออกจากร้าน
ผู้สื่อข่าวสยามดาราอาศัยช่วงจังหวะนี้ล่ะ เข้าไปประชิดตัวสาวอารมณ์ดี...ทักทาย แจ้งให้ทราบถึงเรื่องที่ว่าก่อนหน้านี้มีคนชม ''เข็มหน้าเหมือนตุ๊กตา'' แน่ะ ซึ่งทางเข็มหันมาหัวเราะเบาๆ หันมาบอกว่า ''ตุ๊กตาเสียกบาลล่ะไม่ว่า'' จากนั้นทางผู้สื่อข่าวเลียบเคียง สอบถามถึงข่าวคราวที่ดาราหนุ่มอุปสมบทแบบเงียบๆ (แต่แปล๊บ แปล๊บ แบบฟ้าผ่า) ทาง ''เข็ม-กฤตธีรา'' หันมาสบตาแล้วหัวเราะอย่างสาวสุขภาพจิตดีพร้อมเอ่ยว่า เรื่องนี้ถือเป็นสิ่งที่กะทันหันสำหรับตนเหมือนกัน เพราะว่าก่อนหน้าที่พระกิตฺติเมธีจะลาบวชนั้น ได้โทร.มาบอกตน ''แต่บังเอิญว่าในระหว่างนั้นเข็มติดงาน ไม่ได้รับสายทางพระหนุ่มเลยส่เมสเซจมาลาสิกขา ตนอ่านแล้วก็ตกใจเหมือนกัน แต่ก็ได้เมสเซจอโหสิกรรม และ อนุโมทนากลับไป''
ผู้สื่อข่าวสอบถามต่อไปว่า แล้วไม่ได้ไปร่วมในงานอุปสมบทเงียบของพระหนุ่มหรือ พิธีกรสาวผู้มากความสามารถยิ้มๆ พร้อมกับบอกว่า ติดงานพอดี ''แต่ถ้าไปก็คงเป็นเรื่องเป็นราวเป็นข่าว คิดดูสิขนาดตอนที่พระป่วยแล้วเข็มไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลยังโดนถ่ายรูปเลย แต่ไม่ไปก็ไม่เป็นไรหรอก เข็มยินดีและอนุโมทนากับพระหนุ่มน่ะ อันที่จริงแล้วเข็มว่าน่าจะบวชสัก 1 เดือนหรือไม่ก็ 3 เดือนไปเลยยิ่งดี จะได้สงบๆ และได้บุญด้วย''
สอบถามถึงเหตุผลที่ทำให้พระหนุ่มอุปสมบทแบบกะทันหันดังกล่าว ทางสาวตาสวยยิ้มๆ หัวเราะเบาๆ เผยว่า เป็นเพราะช่วงหลังสุขภาพของพระหนุ่มไม่ค่อยแข็งแรงด้วยอะไรด้วย เพราะช่วงหลังมานี้เห็นได้ยินบ่นๆ เหมือนกัน จึงอยากบวช และไม่น่าจะเกี่ยวกับเรื่องหรือปัญหาแห่งรักอย่างแน่นอน
ตบท้าย ถือว่าเป็นข่าวดีแห่งปีเลยทีเดียว เมื่อทางพิธีกรสาวสุดมั่นแห่งรายการตีสิบ เอ่ยอย่างภาคภูมิใจและปลื้มใจว่า ภายหลังจากที่เคยตกเป็นข่าวกินเกาเหลากับดาราสาวเมย์ เฟื่องอารมย์ มาพักใหญ่ ตอนนี้ทั้งคู่ต่างเปิดใจเข้าหากัน เคลียร์ปัญหาและความเข้าผิดทุกอย่างที่เกิดขึ้นในอดีตไปแบบเกลี้ยงหัวใจ
''ตอนนี้เข็มกับเมย์ เราทำความเข้าใจและกลายเป็นเพื่อนกันไปแล้วนะ โทร.หากันบ้าง ถ้าเจอหน้าก็กระโดดเข้าใส่แล้วนะคะ'' ซึ่งมิตรภาพอันดีที่เกิดขึ้นนั้น สันนิษฐานว่าส่วนหนึ่งน่าจะมาจากอานิสงส์ที่พระหนุ่มอุปสมบทบวกกับหัวใจของทั้งคู่ที่เปิดเข้าหากัน
อันนี้ ให้สัมภาษณ์วันที่ 11 ก.ค. 50 นะคะ
ผู้สื่อข่าวถามถึงความรู้สึกหลัง หนุ่ม-กรรชัย ออกปากง้อขอสาวเมย์แต่งงานกลางเวทีคอนเสิร์ต “บีมายด์เกรส”
“อุ้ย! ก็ดีซิฮะ ดีฮ่ะ ทำไมอ่ะ ก็ยินดีด้วยค่ะ ยินดีด้วย! ก็ขอให้ครั้งนี้จริงซะที ก็ยินดีค่ะ (ยังคุยกับหนุ่มเหมือนเดิม?) ก็คุยค่ะ แต่ช่วงนี้จะคุยกับน้องเมย์เยอะ เพาะว่าจะคุยเรื่องโน่นนี่กัน แต่ว่าก็พยายามจะทิ้งๆ สเปช เพราะว่าเดี๋ยวมันจะกลายเป็นคนเอาไปพูดข่าวโน่นนี่ขึ้นมาอีก เราก็ทิ้งให้เฟรนด์ไทม์ให้เขากันไป”
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าหันมาญาติดีกับสาวเมย์ตั้งแต่เมื่อไร พิธีกรสาวมั่นฟุ้งว่า “อ๋อ ก็จริงๆ แล้วมันเป็นการเหมือนกับช่วงก่อนที่พี่หนุ่มจะบวชก็ได้คุยกับเมย์มาสักพักนึงแล้ว แล้วก็เข็มจะคุยกับเมย์เยอะ เพราะว่าเมย์เขาไปเปิดร้านแถวๆ ทองหล่อ แล้วเข็มบ้านอยู่แถวนั้น ก็ทักทายคุยไปคุยมาก็เลยคุยเป็นเรื่องเป็นราว ก็สรุปว่าข่าวทั้งหมดเหมือนตีความกันไปเอง จริงๆ มันไม่มีอะไรเลย จุดมันเล็กมาก”
“จริงๆ มันเป็นการเหมือนกับว่าน้องเขาโทรมาบอกว่าเหมือนกับมันมีอะไรบางอย่างที่ เอ๊...ทำไมถึงต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ ก็นั่งคุยกัน ก็คุยทุกเรื่องสรุปว่าเคลียร์หมด เจอกันตอนนี้ก็คุยกันปกติ”
พอถามต่อถึงกระแสข่าวช่วงที่ หนุ่ม-กรรชัย ป่วยเข้าโรงพยาบาล สาวเข็มเป็นอีกหนึ่งคนที่รีบแจ้นไปเยี่ยมเป็นการด่วนจี๋ด้วย เจ้าตัวแย้มว่า
“อ๋อ เยี่ยมปกติ ก็คือเมย์เป็นคนโทรไปแจ้ง ศรรามก็โทรไปบอก พีอาร์น้องๆ เขาโทรไปบอก แต่ตอนนั้นเข็มไม่อยู่ ไปต่างจังหวัด แล้วเข็มก็บอกโอเคเดี๋ยวเข็มว่างเข็มจะแวะไป (ได้เจอเมย์ที่รพ.ด้วย?) ยังค่ะ แต่เข็มได้คุยกับเมย์แล้วว่าเมย์ไปตั้งแต่วันอาทิตย์และเข็มไปวันจันทร์ ก็คือเข็มได้คุยกับเมย์ตลอด ตอนนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไร เรียบร้อยดีค่ะ”
พอถามต่อว่ากลายเป็นถูกมองว่ายอมหลีกทางให้สาวเมย์แต่โดยดีแล้ว สาวเข็มเปรยว่า “แล้วแต่คนจะคิดค่ะ แต่ว่าเข็มคุยกับเมย์เยอะ แล้วเข็มมีความรู้สึกว่าน้องเขาเป็นเด็กตรงๆ ซื่อๆ โอเคคนนึง ก็อยากจะให้เขาแฮปปี้ซะที จริงๆ ก็แอบช่วยนิดนึง เขาเหมาะกันแล้ว”
พิธีกรสาวกล่าวต่อว่า “ก็คือเหมือนกับอย่างที่ทราบกันว่าเวลาคุยผ่านสื่อจะแรงไงคะ มันเหมือนกับว่าสื่อจะถามเข็มคำถามนึง แล้วเข็มก็จะตอบไปเท่านั้น แล้วสื่อก็เอาคำที่เข็มตอบไปถามน้องเขาอีก แต่บางอันมันเหมือนกับคำถามมันแรง อย่างเช่น เข็มพูดอย่างหนึ่ง คนไปถามเขาว่ามีคนบอกว่าคุณเมย์บอกว่าเข็มโกหก อย่างเนี้ย! มันเลยกลายเป็นแรงไปโดยเนื้อหาของคำถาม พอแรงกันไปใหญ่มันก็เลยตอบกันแรงเข้าไปอีก ก็เลย เอ้า...มาคุยกันหน่อยแล้วกัน”
ผู้สื่อข่าวถามถึงจุดเริ่มต้นที่ตัดสินใจมาเคลียร์กันจนลงตัวและเข้าใจกันดีอย่างทุกวันนี้ สาวเข็มเปรยว่า
“จริงๆ แล้วมันมาจากจุดที่ว่าพี่หนุ่มเขาคงไปคุยกับเมย์มาระยะหนึ่ง คืออย่างที่ทราบตามข่าวว่าเขาก็ง้อกันสักพักนึง แล้วคราวนี้เหมือนกับเมย์เขาก็อยากจะเคลียร์ให้หมดว่าพี่หนุ่มไม่มีอะไรจริงๆ แล้วเข็มก็พยายามจะเคลียร์ตลอดว่าเข็มไม่มีอะไร แต่ว่าด้วยสื่อมันทำให้เหมือนมันไม่เคลียร์ซะที ก็เลยคุยกันเองดีกว่า (หนุ่มว่ายังไงบ้าง?) เข็มไม่ได้คุยกับเขาเลย แต่ว่าเมย์แฮปปี้ค่ะ (หัวเราะ)”
พอถามต่อว่าใครเป็นฝ่ายเริ่มต้นคุยก่อน สาวเข็มแย้มว่า “เข็มยินดีคุยอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเข็มจะไม่ค่อยกล้าโทรไปหาใคร เข็มไม่สนิทกับใคร แล้วเข็มไม่รู้จักเขามาก่อน แต่ว่าน้องเป็นคนโทรมาคุยกับเข็ม ก็คุยๆ กันช่วงก่อนพี่หนุ่มเข้าโรงพยาบาล”
“ถามว่าเป็นคู่ซี้กันเลยมั้ย ยังไม่ถึงขนาดนั้น ยังเป็นระดับคนรู้ใจก็ปรารถนาดีต่อกัน เข็มไม่ค่อยอยากเป็นศัตรูกับใคร หรือเข็มไม่อยากให้ใครมาเข้าใจเราผิดหรือมาตีความเราไปต่างๆ นานา คือมันก็เป็นไปตามกระแส โอเคเราจะไม่หาคนผิด เราจะไม่โทษคนใดคนหนึ่ง แต่ว่าจุดที่มันทำให้เกิดเรื่องมันมีอยู่แล้ว แต่ว่าตรงนั้นเราแค่อยากจะเคลียร์กับคนที่มีปัญหากับเราเท่านั้น
อันนี้ ให้สัมภาษณ์วันที่ 20 ก.ค. 50 นะคะ
เข็ม" กฤตธีรา อินพรวิจิตร เคลียร์ปัญหารักสามเส้า "เมย์-หนุ่ม" หมดใจแล้ว ออกปากทั้งคู่เหมาะสมกันที่สุด ยินดีไปร่วมงานแต่งงานแน่นอน
ดูท่าเรื่องราวความรักสามเส้า ระหว่าง เมย์ เฟื่องอารมย์ "หนุ่ม" กรรชัย กำเนิดพลอย และ "เข็ม" กฤตธีรา จะลงเอยด้วยดีแล้ว เมื่อวันงานคอนเสิร์ต "บี มาย เกสท์ อะเกน" นักแสดงหนุ่ม ที่เพิ่งสึกพระมาหมาดๆ ได้ประกาศงอนง้อขอ เมย์ แต่งงานกลางเวที ทั้งนี้สาวเข็มที่รู้ข่าว ก็ขอแสดงความยินดี โดยบอกดังนี้
"ก็ดี ยินดีด้วย แล้วก็ขอให้ครั้งนี้จริงซะที ถามว่ากับพี่หนุ่มยังคุยกันไหม ก็ยังคุย แต่จะคุยกับน้องเมย์เยอะกว่า แต่พยายามจะห่างๆ ออกมา เพราะกลัวคนจะไปพูดโน่นนี่อีก เข็มได้คุยกับเมย์ในช่วงก่อนที่พี่หนุ่มจะบวช ซึ่งก็ได้คุยกันเยอะเหมือนกัน เพราะเขาไปเปิดร้านแถวทองหล่อ บ้านเข็มอยู่แถวนั้นด้วย ก็เลยได้เจอบ่อย ทักทายกันจนคุยเป็นเรื่องราว ก็สรุปว่าข่าวทั้งหมดตีความไปเอง จริงๆ ไม่มีอะไรเลย เกร็ดมันเล็กมาก คุยผ่านสื่อมันดูแรง สื่อมาถามคำหนึ่ง ก็ตอบไป สื่อก็เอาไปถามน้องเขาอีก มันแรงไปโดยเนื้อหาของคำถาม พอแรงกันไปใหญ่ ก็เลยตอบไปแรงอีก เลยคิดว่ามาคุยกันหน่อยแล้วกัน
ถามว่าที่มาที่ไปของการเคลียร์กันเกิดขึ้นได้ยังไง ก็คือเข็มคิดว่าพี่หนุ่มคงคุยกับเมย์ระยะหนึ่ง ตามข่าวที่ว่าเขาง้อกัน เมย์เองก็อยากจะเคลียร์ ตัวเข็มเองก็อยากเคลียร์ แต่คุยผ่านสื่อไม่เคลียร์ ก็เลยคุยกันเองเลยดีกว่า น้องเขาเป็นคนโทรมาคุยกับเข็ม แต่ถามว่าตอนนี้เป็นเพื่อนสนิทกันเลยไหม ก็ไม่ถึงขั้นนั้น แค่ปรารถนาดีต่อกัน ตอนนี้ก็เคลียร์หมดทุกเรื่อง"
ส่วนที่ว่าเข็มได้ไปเยี่ยมไข้ "หนุ่ม" กรรชัย นั้น เจ้าตัวยอมรับว่าไปจริง ด้วยระหว่างที่เธออยู่ต่างจังหวัด "หนุ่ม" ศรราม เทพพิทักษ์ ได้โทรไปบอก
"เข็มก็บอกว่า ถ้าว่างจะเข้าไป แต่เข็มได้คุยกับเมย์แล้ว ว่าเมย์ไปตั้งแต่วันอาทิตย์ ส่วนเข็มไปวันจันทร์ จากนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไร เรียบร้อยดี แล้วแต่คนจะคิดว่าเราหลีกทางหรือเปล่า แต่เท่าที่เข็มได้คุยกับเมย์ ก็รู้สึกน้องเขาเป็นคนตรงๆซื่อๆ เป็นคนโอเค อยากให้เขาแฮปปี้สักที ก็แอบช่วยนิดหนึ่ง เขาก็เหมาะกันแล้ว ถ้าเขาแต่งงานก็ยินดีด้วย ไปร่วมงานได้อยู่แล้ว" เข็ม กล่าวสรุป
อันนี้ ให้สัมภาษณ์วันที่ 23 ก.ค. 50 นะคะ
ใคร สะตอ?
ความคิดเห็นที่ 561
จับผิด
1. เมย์บอก “พอเจอรถจอดอยู่ก็รีบโทรหาพี่หนุ่มแต่ไม่ติดจึงยืนรอดูว่าใครขับรถมา” ไม่ได้บอกว่าโทรไม่ติดตอนเข็มอยู่ด้วย ฟังไม่ได้เรื่องแล้วเอามาประจานตัว
เข็มสร้างภาพอีกแล้ว
2. ที่มีกล้องไปด้วย
1. เพราะเมย์เจอความปริ้นปรอนของเข็มบ่อยมากจนเสียโง่หลายครั้งเลยต้องอัดไว้เป็นหลักฐานไง ในที่สุดหนุ่มเลยตาสว่างว่าเข็มสตอได้ใสมากถึงได้เบ้หน้าอย่างนั้นเรื่องจริงทีเกิดมันตรงกับอั้มและเมย์บอก
2. สมัยนี้คนมีเงินเค้าก็มี กล้องวีดีโอติดรถกันทุกคนนะยัยเข็มไม่ใช่ว่าเธอรวยอยู่คนเดียว
3. เป็นใครก็ต้องอัดไว้เป็นหลักฐานทั้งหมดแหละถ้าเห็นรถตัวเองจอดอยู่ตรงนั้นโดย ไม่รู้ว่าใครขับมา common มากๆๆๆเลยนะเข็ม
4. ในคำสัมภาษณ์ในนิตยสาร Lips ปักษ์หลัง สิงหา 2550 หน้า 0215 ข้อ 5. ของเข็ม ท่อนหนึ่งบอกว่า “เข็มก็เลยอัดเสียงเขาไว้ทั้งหมด” (เขาคือเมย์และแม่) คุณยังทำได้แล้วทำไมคนอื่นจะทำแบบนั้นเพื่อปัองกันตัวเองจากคนไม่รู้จักไม่ได้ เราไม่เชื่อหลอกนะว่าคุณเอาไปคืนหนุ่มแล้วทั้งหมด มันไม่ใช่สัญชาตญาณของมนุษย์ คุณกล้าที่จะอัดเพื่อป้องกันตัวเองแล้วจะเอาไปให้คนอื่นทำไม กล้าๆ เอาออกมาโชว์หน่อยซิถ้าคุณมีหลักฐานจริง ไม่ใช่แค่ออกมาสร้างภาพ
3. เข็มถามหน่อยว่าจากคำบอกเล่าของเธอ ทำไมอั้มมีหลายมือจัง ทั้งถือกล้อง ทั้งดึงประตู ทั้งยืนหน้าเถียงในโทรศัพย์ ทั้งตะโกนสั่งการ อั้มนอกจากจะเป็นดาราแล้วยังเป็นเทวดาด้วยแฮะเพิ่งรู้
4. เข็มเรื่องวันนั้นจะไม่ขึ้นหน้าหนึ่งเลยถ้าคุณไม่ต้องการให้เป็นข่าว คุณคือคนสร้างสถานะการณ์ข่าวเอง ทำทีโทรไปหาเพื่อนเล่าขาดๆหายๆแล้วให้เพื่อนไปขยายความต่อ เพื่อนก็โง่ตกเป็นเยื่อเหมือนพี่หนูแหม่ม ส่วนสามีเพื่อนก็หูเบาเกินเหตุสุดท้ายเป็นไงโดนหลอกใช้แล้วยังตบด้วยคำพูดหวานๆอีก ใช้สติไตร่ตรองดูดีๆแล้วคุณจะรู้ว่าคุณโดนเข็มหลอกใช้อย่างฉลาด หรือคุณทั้งหมดแกล้งสร้างมันขึ้นมา เข็มบอกว่าหลังจากเกิดเหตุการณ์เธอได้ไปเก็บของที่condoโดยนัดเจอเพื่อนที่นั้นแล้วก็ ไปอยู่กับสามีคู่นั้นจนถึง4-5ทุ่มแล้วไปหลบอยู่บ้านแม่ ด้วยเวลาขนาดนั้นเด็กอนุบาลก็คงคุยกันรู้เรื่องแล้ว พวกคุณจบกันที่ไหนหรอถึงต้องใช้เวลานานกว่าเด็กอนุบาลถึงจะรู้เรื่อง ไฮโซโง่ได้ด้วยหรอ เข็มคุณฉลาดแต่เรื่องแย่งผู้ชายใช้ความฉลาดให้ถูกทางดีกว่ามั๊ย จะได้ไม่ประจานครอบครัว
5. ไม่คิดว่าดูถูกสถาบันการศึกษาตั้งแต่อนุบาลถึงอุดมศึกษาของอั้มและเมย์มากไปหรอที่ไม่สามารถสอนภาษาอังกฤษให้ลูกศิษย์เข้าใจแค่ประโยคง่ายๆได้เช่นที่คุณให้สัมภาษณ์ คุณหนะฉลาดตายเลย เน่าจริงๆๆๆๆ
6. พูดจริงทำไมต้องมีสคริปด้วยหละจ้ะ อย่าบอกว่าต้องลำดับเหตุการณเพื่อให้กระจ่างนะจ๊ะ อย่างนั้นทั้งชีวิตเข็มก็คงไม่เคยพูดเรื่องจริงเลยสิจ๊ะ ถึงไม่เคยเห็นถือสคริปเลย
7. ตอนแรกบอกเขาตบตี พอเขาออกมาสู้บ้างก็ เปลี่ยนเป็นไม่ได้ตบตี
ตอนแรกบอกจะแจ้งความมีคนเห็นเหตุการณ์มากมายรวมทั้วนักข่าว (แล้วอยู่ไหนหละจ๊ะพยานหนะ) พอเขาออกมาสู้บ้างก็ เปลี่ยนเป็นไม่แจ้ง
ตอนแรกบอกมีส่วนในการออกเงินค่ารถ แต่พอเค๊าบอกเขาจะฟ้องกลับเพราะไม่จริง เปลี่ยนเป็นไม่ได้ออกเงิน เข้าใจผิดเอง
ฯลฯ
เข็มคนไทยหนะขี้สงสารแต่ไม่ได้โง่เป็นควายนะยะ
copy
ข่าวนี้หกปีแล้ว แต่เพิ่งได้อ่าน เลยเอามาให้ดู อดีต ปัจจุบัน อนาคต
,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,
เคยแต่หักอกเค้า มาวันนี้กรรมก็เลยตามสนอง "หนุ่ม" กรรชัย ซะบ้าง เมื่อ "ป๊อก" ปิยะธิดา หวานใจที่คบกันมา 5 ปี บอกเลิกลาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เล่นเอาหนุ่มช้ำรักอกหักถึงขั้นฆ่าตัวตาย ดีที่เพื่อน ๆ ช่วยไว้ทัน ไม่งั้นคงได้ขึ้นหน้าหนึ่งแน่..
ข้างฝ่ายป๊อกผู้สร้างตำนานความช้ำให้กับหนุ่มนั้น กลับสดใสเริงร่าผิดปกติ ราวกับว่ายกภูเขาออกจากอกอย่างนั้นแหละ แหม...เห็นตัวเล็กอย่างนี้แต่ใจเด็ดชะมัด
"เรื่องนี้ป๊อกคิดมานานแล้วค่ะ ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาเราพยายามจูนเข้าหากันแล้ว ป๊อกจริงจัง แต่ ณ จุดหนึ่งที่มันไปกันไม่ได้แล้ว มันก็จำเป็นที่จะต้องเลิก ไม่มีใครหรอกที่อยากจะคบแล้วเลิก ในเมื่อคบกันแล้วไม่ดี มันก็ต้องจบกัน มันก็เหมือนกับการแต่งงาน เราแต่งไปแล้วก็ไม่คิดที่จะหย่า แต่วันหนึ่งที่จะต้องหย่า ยังไงมันก็ต้องหย่า"
ป๊อกเปิดฉากเล่าถึงความระหองระแหงที่เริ่มก่อตัวขึ้นระหว่าง 2 ปีที่ผ่านมา และเป็นสาเหตุที่จุดชนวนรอยร้าวให้ทั้งคู่ต้องลงเอยด้วยคำว่า "เลิกกัน"
"เรื่องราวมันเยอะแยะมากมาย จะมานั่งพูดว่าเธอไม่ดีอย่างนั้น ไม่ดีอย่างนี้ มันก็คงจะไม่ดี ป๊อกไม่ขอพูดดีกว่า เราคบกันมาแค่สองคน เลิกกันก็ไม่ควรจะออกมาพูดให้คนอื่นฟัง เก็บสิ่งดี ๆ เอาไว้ สิ่งไหนที่ไม่ดีก็ลืม ๆ กันบ้าง คิดซะว่าสะดุดหกล้มแล้วก็ลืมมันซะ จะให้มานั่งจาระไนว่าใครผิดเรื่องอะไรทำไม คนเคยรักกัน พอคบกันก็บอกน่ารักดีเลิศ แต่พอเลิกกันก็บอกว่านิสัยแย่ไม่ดี ป๊อกไม่พูดดีกว่า คบกันไม่ได้ก็จบ ไม่ต้องมานั่งว่าเค้า "
ป๊อกค่อนข้างจะสงวนท่าทีในการพูด ดูเป็นการให้เกียรติและถนอมน้ำใจหนุ่มไม่น้อย แต่ไม่ว่าป๊อกจะออกมาพูดอย่างไร ก็ยังไม่สามารถกลบกระแสข่าวลือต่าง ๆ ได้ หลายคนยังคงตั้งข้อสงสัยอยู่ในใจว่าทำไมป๊อกบอกเลิกหนุ่ม ทั้งที่ทั้งคู่ออกจะรักกันหวานชื่น แต่ความเห็นของคนส่วนใหญ่แล้วล้วนแต่โฟกัสไปที่หนุ่ม เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่ากิตติศัพท์ความเจ้าชู้ของหนุ่มนั้นติดอันดับท็อปเทนของเมืองไทยเลยทีเดียว
แต่ในขณะเดียวกัน บางกระแสก็บอกว่าเกิดจากมือที่สาม ซึ่งแน่นอนว่าคนถูกเอ่ยถึงมากที่สุดในขณะนี้ก็คือ "เมย์" เฟื่องอารมณ์ ซึ่งเคยตกเป็นข่าวกับหนุ่มมาแล้วก่อนหน้านี้
"ป๊อกว่าอย่าไปตั้งข้อสงสัยอะไรเลย จะเลิกกันเพราะความเจ้าชู้ของเค้า หรือเพราะอะไรก็ตาม ณ จุดนี้เราไม่ได้คบกันแล้ว จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามป๊อกขอไม่บอก เหตุการณ์รายละเอียดอะไรที่ทำให้เจ็บช้ำน้ำใจ หรือจะฆ่ากันตาย อย่าพูดกันเลย"
"ส่วนใครจะว่าป๊อกเลิกกับพี่หนุ่มเพราะมือที่สามนั้น ป๊อกบอกตรง ๆ นะว่าไม่อยากให้พูดเรื่องมือที่สามเลย อย่าเอาเรื่องมือที่สามมาเป็นตัวแปร มันเป็นเรื่องของคนสองคน ถ้ามีมือที่สามก็ต้องมือที่เจ็ดแปดเก้าสิบ ตรงนี้มันเป็นเรื่องของความเข้าใจของคนสองคน ตอนคบก็คบกันสองคน ตอนเลิกก็เป็นเรื่องของสองคนไม่เกี่ยวกับใคร ป๊อกไม่อยากเอาใครเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่อยากให้เค้าเดือดร้อน"
เรียบ และเงียบเฉยดูจะเป็นสิ่งที่ป๊อกเลือกทำในขณะนี้ แต่ไม่ว่าทั้งคู่จะเลิกกันด้วยเพราะสาเหตุอะไร ยังมีสิ่งหนึ่งที่ตามมา นั่นก็คือความเจ็บช้ำน้ำใจ และคนที่ออกอาการมากที่สุดก็คือหนุ่ม ซึ่งมีข่าวลือออกมาว่าเขาคิดมากจนถึงขั้นคว้ามืดมาเพื่อจะฆ่าตัวตาย โชคดีที่ โบ๊ต วิบูลย์นันท์ คว้าไว้ทัน ไม่งั้น หนุ่ม กรรไชย คงเหลือแต่เพียงชื่อ
ในขณะที่อีกฝ่ายเจ็บเจียนตาย แต่ป๊อกกับเรียบเฉย ราวกับว่าไม่ได้เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นซึ่งทำให้ป๊อกกลายเป็นคนที่เย็นชาที่สุดในสายตาประชาชน
"เรื่องนี้มันสะสมมานานแล้ว ป๊อกทำใจมาเรื่อย ๆ พยายามปรับตัวเอง ทุกอย่างมันเป็นไปของมันเอง มันค่อย ๆ ซึมซับมาเรื่อย ๆ ถ้าอยู่ดี ๆ เราโดนสาดน้ำเราก็ต้องรู้สึกเสียสูญ แต่นี่มันซึมซับมาเรื่อย ๆ ก็เลยกลายเป็นความเคยชิน"
"ส่วนข่าวที่บอกว่าพี่หนุ่มฆ่าตัวตายนั้น มันเป็นเรื่องของการควบคุมอารมณ์ของแต่ละบุคคล ไม่ใช่ว่าป๊อกจะใจเด็ดกว่า คือเรื่องแบบนี้มันสะสมมาเรื่อย ๆ แล้ว เราก็มีการคุยกันเคลียร์กัน ไม่ใช่ว่าอยู่ดี ๆ เปรี้ยง ! ทีเดียวจบมันไม่ใช่ ป๊อกให้เวลามาเป็นเครื่องพิสูจน์แล้ว ให้เวลาให้โอกาสเค้ามามากแล้ว ดูเค้าทุกอย่าง มองหลาย ๆ ทางว่าเราจะไปกันได้ไหม ป๊อกทำดีที่สุดแล้ว"
แต่ก็ใช่ว่าหนุ่มจะชีช้ำกะหล่ำปลีซะทีเดียว เพราะหลังจากที่กลืนน้ำตาอยู่หลายวัน ในที่สุดหนุ่มก็เปิดบ้านให้รายการ "บุญหล่นทับ" เข้าไปถ่ายทำพร้อมกับให้สัมภาษณ์อย่างออกรส และทุกคนก็ต้องอึ้งกิมกี่เมื่อหนุ่มพาเข้าไปดูในห้องนอน และล้มตัวลงไปในเตียงอันหนานุ่ม พร้อมกับบอกว่า "เตียงใหญ่...แต่เดี๋ยวนี้นอนคนเดียวซะแล้ว" ทำให้คนอื่นตีความกันไปต่าง ๆ นานา
"ก็แล้วแต่คนจะคิดนะ เตียงใหญ่ก็นอนคนเดียวสบายมีที่กลิ้งเยอะแยะ คนเราอย่าไปตีความอะไรมากมายเลย ปวดหัวกันเปล่า ๆ ตรงนี้มันเป็นส่วนของพี่หนุ่ม เค้าจะทำยังไงก็เรื่องของเค้า ป๊อกไม่อยากจะออกความคิดเห็น แล้วก็ไม่ได้รู้สึกโกรธอะไรเค้าอยากจะพูดอะไรก็พูดไปมันเป็นส่วนของเค้า"
ถ้าใครได้ดูรายการในวันนั้นก็ต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสิ่งที่หนุ่มทำออกไปนั้นดูไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาซะเลย ตรงข้ามกับ... ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างป๊อกกลับไม่เอาเรื่องของหนุ่มออกมาประจาน แม้แต่การให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ก็ตาม แถมยังใจกว้างไม่ถือโทษโกรธเคือง และพร้อมที่จะเป็นเพื่อนเป็นพี่น้องกับหนุ่มได้เสมอ ถึงแม้จะเลิกร้างกันไปก็ตาม
"ป๊อกสามารถเป็นเพื่อนเป็นพี่เป็นน้องกับพี่หนุ่มได้เลยร้อยเปอร์เซ็นต์ ความผูกพันธ์ ความสนิทสนมใกล้ชิดมันยังมีไม่ได้ล้มหายตายจาก ป๊อกสามารถคุยกับพี่หนุ่มได้อย่างสนิทใจ เสียดายเวลาที่เราอุตส่าห์คบกันมา 5 ปี ถึงจะเลิกลากันไปก็อยากให้มันจบไปด้วยดี ไม่ใช่ว่าจะมองหน้ากันไม่ติด"
"ป๊อกเองก็ไม่คิดอะไร ยังคงหวังดีกับพี่หนุ่มอยู่เสมอ อะไรที่ช่วยเหลือกันได้ป๊อกก็ยินดี หรือบางทีป๊อกอาจจะไปขอความช่วยเหลือจากพี่หนุ่มก็ได้ เราก็คุยกันไว้แบบนี้ ส่วนพี่หนุ่มเค้าจะยังไงป๊อกก็ไม่รู้นะ ถึงเราจะคบกันไม่ได้ก็ไม่ใช่ว่าจะเลิกคบทุกอย่าง เราเลิกกับเค้าแต่ก็ไม่ได้เลิกกับพ่อแม่หรือเลิกกับน้องเค้า ก็ยังโทรหากันอยู่ ตอนนี้ป๊อกมองโลกกว้างขึ้น ไม่ได้คิดว่าจะต้องมานั่งโกรธอะไรขนาดนั้น"
ส่วนโอกาสที่จะกลับมาคืนดีกันนั้น ณ ตอนนี้ป๊อกบอกได้เลยว่าเป็น "ศูนย์"
"ในเมื่อมันเคยเป็นแบบนี้มาแล้ว ถ้ามาถามวันนี้ ป๊อกบอกได้เลยว่ายังอยากให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ณ วันนี้ ทางออกที่ดีที่สวยงามที่สุดก็คือ อย่ากลับมาอีก อะไรที่ทำไม่ดีต่อกัน ก็ลืม ๆ มันไปซะ เพราะถ้าฝืนคบกันต่อก็ไปได้ไม่นาน แต่ถ้ากาลเวลาผ่านไป ด้วยคุณวุฒิที่ทำให้ป๊อกโตขึ้นก็อาจจะกลับไปคืนดีกันก็ได้ แต่ ณ ตรงนี้บอกได้เลยเป็นอย่างนี้ดีแล้ว"
---- สรุป เมย์ก็เคยเป็นมือที่สาม
วันนี้ขึ้นอันดับมามือที่หนึ่ง กรรมติดจรวด
ชายก็ชั่วไม่เปลี่ยน
yoyo@hotmail.com
Copy มา
Copy มา
*****************************************
ผ่านไปหลายปี หนุ่มก็ไม่เป็นสุภาพบุรุษเหมือนเดิม
ส่วนเมย์ ก็คงกลัวว่าของที่ไปแย่งเขามา จะโดนแย่งไป เลยตามราวีผู้หญิงทุกคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับนายหนุ่ม
เหมาะกันดีจริงๆคู่นี้
รักษาเอาไว้ให้ดีๆนะเมย์ หึหึหึ
เรื่องเก่าในบทใหม่
Link หนุ่มกรรชัยเคยให้ความคิดเห็นสมัย เมย์กะอั๊มไปราวีน้องโคโยตี้ ลองอ่านดูนะ คำตอบหนุ่ม protect เมย์ ต่อว่าน้องโคโยตี้นิดๆ แล้วก็เล่นบทตูเลวเอง บทสรุปคือเวลามีปัญหาตู protect ตัวเองไว้ก่อนอ่ะ แล้วก็ประมาณว่าไม่เอาแล้วน้องโคโยตี้ก็คงต้องจบกันไป ประเภทพวกผู้ชายไม่มีมันสมองคิดได้แค่นี้ก็ตอบแค่นี้ (สมองกลวง)
http://www.gossipstar.com/view.php?catid=2&newsid=2986mimi
Link บทสัมภาษณ์หนุ่มสมัยเมย์ อั๊มตามไปราวีน้อง โคโยตี้ ปกปองเมย์ ตัดขาดน้องโคโยตี้ แสดงบทตัวเองผิด เงี้ยย>>เหมือนกะให้สัมภาษณ์แสดงความคิดเห็นประเด็นเรื่องเข็มเล้ยยยยยย เฮ้ยให้สัมภาษณ์แบบจำบทเดิมๆ ตามประสาผู้ชายพาลไม่มีมันสมองจะตอบอะไร ก็เลยตอบกวนๆ แบบพวกคิดไม่เป็น (ลองเข้าไปอ่านนะ แล้วคุณจะคุ้นๆ)
http://www.gossipstar.com/view.php?catid=2&newsid=2986mimi
Saturday, 20 October 2007
มันยากเหรอแค่ยืนเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมี
รูปของโชติศักดิ์ อ่อนสูง ครับ ที่อ้วน ๆ ดำ ๆ ใส่แว่นขวาสุด จบธรรมศาสตร์ซะด้วย
คุณโชติศักดิ์ ทาสไอ้หน้าเหลี่ยม คุณนี้ชั่วจริงๆ
มันยากเหรอแค่ยืนเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมี
EDIT ตัวโต ๆ : เนื่องจากผมโดนบางท่านเข้าใจผิดว่า ผมเป็นเจ้าของเรื่องนี้ คือเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมพบในพันทิพดอทคอม และผมไม่เห็นด้วยกับคุณโชติศักดิ์ เลยอยากจะเอามาให้อ่านกันเพราะในพันทิพย์ลบทิ้งไปแล้วครับ
ได้อ่านกระทู้พันทิพ ไปสะดุดอยู่เรื่องนึง (สะดุดอีกแล้ว-*-) เลยขออนุญาติ คุณโชติศักดิ์ อ่อนสูง เอามาลงถึงแม้กระทู้พันทิพจะหายไปหรือถูกลบไปแล้ว แต่ copy มาให้อ่านกัน
คุณโชติศักดิ์ โพสไว้ในพันทิพดังนี้
เรื่องมันมีอยู่ว่า…เมื่อวาน(20 กันยายน 2550)
ผมและเพื่อนชื่อชุติมาได้เข้าไปดูหนังที่ชั้น9 เซ็นทรัลเวิร์ล (หนังรอบ 19.15 น. แต่ผมเข้าโรงประมาณ 19.30 น.)และเมื่อถึงเพลงสรรเสริญผมและเพื่อนก็ไม่ได้ยืน (แต่นั่งด้วยความสงบ และได้หยุดรับประทานขนมและน้ำ) ซึ่งผมและเพื่อนปฏิบัติเช่นนี้มานานแล้ว
ปรากฏว่าผม(คนเดียว)ถูกปาด้วยกระดาษที่ขยำเป็นก้อนขนาดเล็กกว่าลุกเท็นนิสถูกบริเวณต้นคอ ซึ่งผมก็ไม่ได้ทำอะไรเพราะเคยเจอแบบนี้มาแล้ว 1-2 ครั้ง ต่อมาเมื่อเพลงเล่นไปประมาณกลางเพลงชายคนหนึ่งที่นั่ง(ตอนนั้นเขายืน)อยู่ถัดเพื่อนผมไปทางซ้ายมือ 2-3 ที่นั่ง ทราบชื่อภายหลังว่าชื่อนายนวมินทร์ หันบอกให้ผมและเพื่อนลุกขึ้นยืนโดยเขาพูดเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งผมและเพื่อนก็ไม่ได้สนใจเขาจนเพลงจบชายคนนั้นจึงเดินไปตามพนักงานโรงหนังมา (ทราบเพียงชื่อเล่นว่า นิค) และบอกให้พนักงานคนดังกล่าวเชิญผมและเพื่อนออกไป พนักงงานจึงบอกกับเขาว่า “พี่ใจเย็นๆ” และผมได้บอกกับพนักงานว่า “ผมเชื่อว่าสิ่งที่ผมทำไม่ผิด แต่ต่อให้ผิดโรงหนังก็ไม่ต้องกลัวเดือดร้อน เพราะไม่เกี่ยวกับโรงหนัง” หลังจากนั้นพนักงานก็ถอยไปยืนบริเวณทางเดินด้านข้าง ชายคนนั้นจึงลุกขึ้นยืนแล้วกรีดร้องและเริ่มด่าผมและเพื่อน เช่น ทุเรศ, ทำไมไม่รักในหลวง เป็นคนไทยซะเปล่า ขนาดฝรั่งยังยืนเลย พร้อมกับไล่ผมและเพื่อนให้ออกไปจากโรงด้วยอาการที่เกรี้ยวกราด ซึ่งระหว่างนั้นเขามีม้วนกระดาษอยู่ในมือและใช้มันชี้หน้าเพื่อนของผมอยู่ตลอดเวลา และเมื่อเขาพูดจบ(รอบแรก) คนอื่นๆในโรงก็ปรบมือให้กับเขาหลังจากนั้นชายคนนั้นก็เดินเขามาด่าเพื่อผมอีกครั้ง เพื่อนผมจึงตอบไปว่า “เงียบหน่อยค่ะ” และผมพูดว่า “ถ้าพี่มีปัญหาพี่ก็ออกไป ผมนั่งสบายดีไม่มีปัญหา และผมจะไม่ออกไปเพราะผมจะดูหนัง”หลังจากนั้นชายคนนั้นชายคนนั้นก็เดินเข้ามาด่าผมและเพื่อนอีกครั้ง และได้ขว้างม้วนกระดาษในมือมาโดนบริเวณหน้าอกของเพื่อนผม พร้อมชี้นิ้วมาที่หน้าเพื่อนผมในระยะห่างประมาณ 2 คืบ พร้อมกับกระชากกล่องป็อปคอนในมือเพื่อนผมแล้วสาดมันใส่ผมและเพื่อน แล้วขว้างกล่องป็อบคอนโดนเพื่อนผมและกระเด็นมาโดนผมด้วย แล้วปัดแก้วน้ำอัดลมที่วางอยู่ที่ที่วางแขนจนตกแตก ซึ่งในขณะนั้นคนอื่นๆในโรงก็เริ่มด่าและไล่ผมและเพื่อนผมและเพื่อนจึงยืนขึ้น และผมได้โทรไปที่ 191 ทันที และเดินคุยโทรศัพท์กับตำรวจจนออกมานอกโรง ระหว่างที่เดินออกจากโรง ผมเดินผ่านหน้าชายคนนั้น เขาได้ชี้มาที่เสื้อผม แล้วด่าว่า “ใส่เสื้อบ้าอะไร”
*เมื่อออกมานอกโรงหนัง ผมกับเพื่อนรอจนพบกับตำรวจ และบอกกับตำรวจว่าจะรอคู่กรณี เพราะกลัวเขาหนีไป พอหนังจบ คนดูทั้งหมดออกมาตรงประตุทางออก ผมกับเพื่อนได้เข้าไปในโรงหนังอีกครั้ง โดยตั้งใจจะเข้าไปถ่ายรูปสถานที่เกิดเหตุ แต่ยังไม่ทันไดถ่าย ผู้จัดการโรงหนังได้เข้ามาบอกว่าไม่อนุญาติให้ถ่ายรูปในโรง เพราะเป็นกฎ ถ้าจะถ่ายต้องทพเรื่องมา ผมจึงขอให้ตำรวจที่ตามเข้าไป มาดูที่เกิดเหตุแทนหลังจากนั้นผมออกไปนอกดรงหนัง พบคู่กรณีและคนดูคนอื่นๆ ยืนรวมกันอยู่กับตำรวจอีกนาย ผมจึงเดินทางไป สน.ปทุมวัน และคุ่กรณีได้ตามมาทีหลังเมื่อถึง สน. ตำรวจได้ให้ผมและลงบันทึกประจำวันและได้ทำเรื่องส่งผมไปตรวจร่างกายที่ รพ.ตำรวจ (ตำรวจบอกว่ามันเป็นขั้นตอนของทางการ) โดยทางร้อยเวรได้นัดผมไปแจ้งความและสอบปากคำเมื่อบ่ายวันนี้ (21 กันยายน) ส่วนหมอที่ รพ.ตำรวจ ได้นัดผมมาฟังผลเมื่อเช้าวันนี้เมื่อเช้าผมจึงไปฟังผลที่ รพ.ตำรวจ และกลับมาที่ สน.ตอนบ่ายระหว่างรอตำรวจเจ้าของคดีเล่าให้ผมฟังว่า “คู่กรณีจะแจ้งความกับเพื่อนในข้อหา ‘หมิ่นพระบรมฯ’ ถ้าผมกับเพื่อนจำดำเนินคดีคุ่กรณี” (ดังนั้นเท่าที่ผมทราบล่าสุดคือ ผมและเพื่อนยังไม่ถูกแจ้งข้อหาหมิ่พระบรมฯ)
อย่างไรก็ตาม ผมและเพื่อนก็ได้เข้าแจ้งความตามนัด โดยแจ้งคนละ 4 ข้อหา ของผมมี 1.ดูหมิ่นซึ่งหน้า 2.ร่วมกันทำร้ายร่างกาย 3.ทำให้เสียทรัพย์ 4.ร่วมกันบังคับข่มขืนใจให้กระทำหรือไม่กระทำการ ส่วนของเพื่อนผมมี 1.ดูหมิ่นซึ่งหน้า 2.ทำร้ายร่างกาย 3.ทำให้เสียทรัพย์ 4.ร่วมกันบังคับข่มขืนใจให้กระทำหรือไม่กระทำการ (ต่างกันตรงข้อกล่าวหาที่ 2. ซึ่งผมถูกทำร้ายจากคน 2 คน แต่เพื่อนผมถูกทำร้ายจากคนคนเดียว)
นอกจากนั้น คุณสหายดอกหญ้าได้โทรไปเสนอให้ผมและเพื่อนฟ้องชายคนนั้นข้อหาก่อความวุ่นวายในที่สาธารณะเพิ่มอีก 1 คดี ซึ่งเพื่อนผมที่เป็นทนายกำลังดูข้อกฎหมายอยู่สรุปก็คือ ผมและเพื่อนได้แจ้งความเพื่อให้ดำเนินคดีเขาไปแล้ว ส่วนว่าเขาจะแจ้งผมกลับหรือไม่ ยังไม่ทราบหมายเหตุ*
ตอนเกิดเหตุ ผมใส่เสื้อรณรงค์ของเครือข่าย 19 กันยาฯ
- ซึ่งขณะนี้ผม กำลังตัดสินใจ ว่าจะ เสนอ ให้เครือข่ายฯ ฟ้องเขาด้วยดีหรือไม่ เพราะผมมองว่ามันเป็นการหมิ่นเครือข่ายฯ
- แต่มีแนวโน้มว่าคงไม่เสนอ
- ส่วนสิ่งที่สหายดอกหญ้าโพสต์ในกระทู้
http://www.sameskybooks.org/webboard/show.php?Category=sameskybooks&No=28290
เกี่ยวกับกรณีนี้นั้นคลาดเคลื่อนเล็กน้อย ซึ่งคงเป็นเรื่องของการสื่อสาร เพราะโทรคุยกันด้วยความเร่งรีบมากๆ………………………………. ……………………………… หลายคนอาจจะคิดว่านี่เป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่ผมและเพื่อนมองว่ามันคือประเด็นที่ต้องต่อสู้ เพื่อยืนยันความคิดความเชื่อ 3 ประเด้น คือ
1. เรามีสิทธิ์ที่จะไม่ยืน
2. ถ้ามีกฎหมายที่บังคับให้เรายืน กฎหมายนั้นละเมิดสิทธิ์เรา และกฎหมายนั้นต้องถูกยกเลิก
3. ไม่ว่าใครจะทำอะไร ผิดถูกอย่างไร เขาต่างมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่จะไม่ถูกทำร้ายร่างกายหรือถูกดูหมิ่น
ผมและเพื่อนอยากให้เป็นบรรทัดฐานว่าการกระทำแบบชายคนนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และต้องได้รับโทษ นอกจากนั้น ผมและเพื่อนได้ตัดสินใจแล้วว่าจะปฏิบัติการยืนยันสิทธิ์ของเราอีก ซึ่งอยากเชิญชวนทุกท่านที่รักอิสระภาพ รักความเสมอภาค และต้องการต่อสู้กับความอยุติธรรมโปรดปฏิบัติการร่วมกัน
ผมไม่ได้คาดหวังคนมากมาย
มี 10 คน ก็ไป 10 คน
มี 5 คน ก็ไป 5 คน
มี 2 คน ก็ไป 2 คน
แต่ก่อนที่จะไป หากมีคนสนใจก็อยากให้ช่วยกันพูดคุยด้วยว่าเราไปปฏิบัติการที่ไหน, วันไหน(วันธรรมดาหรือเสาร์อาทิตย์ดี), หนังเรื่องอะไร และรอบกี่โมง เมื่อได้ความชัดเจนแล้ว อาจจะมีจดหมายเชิญชวนที่ค่อนข้างทางการออกมาอีกครั้ง หมายเหตุ(อีกครั้ง)
เป็นความบังเอิญเหลือเกิน ที่วันที่ 20 กันยายน 2550 เป็นวันสำคัญสำหรับผม 2 โอกาส คือ
1) เป็นวันครบรอบ 3 ปี การก่อตั้งนิตยสารนักศึกษา QUESTIONMARK (ซึ่งเป็นอดีตไปแล้ว?) และ
2) เป็นวันครบรอบ 1 ปี การก่อตั้งเครือข่าย 19 กันยา ต้านรัฐประหาร (ซึ่งยังมีอยู่หรือเปล่า?) อย่าไงรก็ตาม ผมไม่ได้ไปดูหนังเนื่องในโอกาสพิเศษใดๆ เพียงแค่ต้องไปซื้ออุปกรณ์ทำงานแถวนั้น แล้วบังเอิญเกิดอารมณ์อยากดูขึ้นมา
พออ่านเสร็จเห็นมี link อยู่ก็เลยตามไปอ่านอีกกระทู้ที่อ้างว่าชื่อคุณสหายดอกหญ้า
สืบเนื่องมาจากการที่คุณโชติศักดิ์ อ่อนสูง แกนนำเครือข่าย
19 กันยา ต้านรัฐประหาร ปฏิเสธที่จะลดตัวลงมาร่วมในวัฒนธรรม
ไพร่ทาส ไม่ยืนตรงระหว่างเพลงสรรเสริญก่อนฉายภาพยนตร์
ส่งผลให้ทาสศักดินาผู้หนึ่ง เข้ามากล่าววาจาผรุสวาท และ
ทำร้ายร่างกายคุณโชตศักดิ์ พร้อมแสดงอาการหยาบคาย อัน
เป็นลักษณะหนึ่งของทาสศักดินาที่พวกเราคงรู้กันดีอยู่แล้ว
คุณโชติศักดิ์ อ่อนสูง ได้ตัดสินใจ แจ้งความ ฟ้องร้องคู่กรณี
ดังกล่าวในข้อหา ทำร้ายร่างกาย โดยก่อนหน้านี้ ชายผู้นี้ได้
ข่มขู่ไว้แล้วว่า หากคุณโชติศักดิ์ทำการฟ้องร้อง และฟ้อง
กลับในข้อหา “หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ” ซึ่งเป็นอาวุธในการ
กดขี่ประชาชนให้อยู่ใต้อุ้งเท้าของศักดินาต่อไป
หากคู่กรณีของคุณโชติศักดิ์ ทำการฟ้องกลับจริงๆ ก็จะเข้าสู่กระ
บวนการทางกฏหมายในศาลทันที ซึ่งขณะนี้ คุณโชติศักดิ์
ยังไม่มีทนายความ
ทั้งนี้ อาจมีการฟ้องคู่กรณีคนดังกล่าวจากทางเพื่อนๆที่อยู่
ในเหตุการณ์ ด้วยข้อหา “ก่อความวุ่นวายในที่สาธารณะ”
เนื่องจาก เหตุในโรงภาพยนตร์ สร้างความวุ่นวายแก่ผู้อื่น
จำนวนมาก
และทางเครือข่าย 19 กันยา ต้านรัฐประหาร อาจตัดสินใจ
ฟ้องเพิ่มในข้อหา “หมิ่นประมาท” ด้วย เพราะมีการกล่าวพาด
พิงถึงเครือข่ายฯ ในทางดูหมิ่น
นอกจากนี้ คุณโชติศักดิ์ กำลังวางแผน นัดเคลื่อนไหว แสดง
จุดยืนในสิทธิเสรีภาพที่จะไม่ยอมยืนตรงขณะเพลงสรรเสริญ
พระบารมีอีกครั้ง ด้วยการไปชมภาพยนตร์เป็นหมู่คณะ จำนวน
ประมาณ 50 คน และไม่ยืนอย่างพร้อมเพรียงกัน สำหรับกิจกรรม
นี้ จะกำหนดวัน-เวลา-สถานที่-ภาพยนตร์ อีกทีหนึ่ง
คุณ โชติศักดิ์ อ่อนสูง จะเข้ามาชี้แจงและบอกเล่าเหตุการณ์
ระทึกใจดังกล่าวเร็วๆนี้ ที่นี่
โปรดติดตาม และให้กำลังใจคุณโชติศักดิ์ต่อไป
โอ้ พระเจ้าไม่น่าเชื่อว่ายังมีคนพรรค์นี้อยู่ในประเทศไทยอีก สิทธิ กะความเคารพ ในสังคมมันแตกต่างกันนะครับท่าน
เรื่องของคุณโชติศักดิ์ ไม่เท่าไร แต่จากข้อความนี้ “สืบเนื่องมาจากการที่คุณโชติศักดิ์ อ่อนสูง แกนนำเครือข่าย 19 กันยา ต้านรัฐประหาร ปฏิเสธที่จะลดตัวลงมาร่วมในวัฒนธรรม ” สรุปได้ว่าท่านผู้นี้เป็นแกนนำประท้วงท่านนึง ออกแนวหัวรุ่นแรงนะเนี่ย เอะอะก็ประท้วง ว่างมากเอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่ามั้งครับ และคุณสหายดอกหญ้าใช้คำว่า ลดตัวลงมาร่วมในวัฒนะธรรมไพร่ทาส กับการยืนตรงเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมีอย่างนั้นผมขอเป็นหนึ่งคนในสังคม ที่ต่อต้านคนกลุ่มนี้ไม่ว่าทางใดก็ตามครับ คนพวกนี้น่าส่งไปอยู่ดาวอังคารหากว่าท่านอยู่สูงนักระวังตกลงมาคอหักตาย เพราะคนต่ำ ๆ อย่างผม ที่รักและเคารพพระมหากษัตริย์ของเราเองนะครับ
This entry was posted on Saturday, September 22nd, 2007 at 9:01 pm and is filed under Cyber Socialist. You can follow any responses to this entry through the RSS 2.0 feed. You can leave a response, or trackback from your own site.
35 Responses to 'มันยากเหรอแค่ยืนเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมี'
zad Says:
September 22nd, 2007 at 11:04 pm
ในหลวงทรงงานหนักมากมายขนาดไหน
สงสัยไม่เคยดูข่าว ..
พวกมันเคยทำประโยชน์อะไรบ้าง
ดีแต่ต่อต้าน.. เกิดมาทำไม ,,บนแผ่นดินไทย,,
น่าจับไปปล่อยอิรัก
อยากต่อต้าน ให้มันลองทำดู.. ผู้ภักดีมีมากมาย
แล้วจะรู้ คนไทย รักในหลวงมากแค่ไหน
เป้ Says:
September 23rd, 2007 at 4:01 am
ผมรู้ว่าคุณคิดยังไงนะครับ เอาเป็นว่ารับรู้จากเท่าที่อ่านละกัน
ผมก็อยากถามกลับไปว่า พระเจ้าอยู่หัวทรงงานหนักขนาดไหน ในขณะที่ถ้าเทียบกับเราแล้ว เราทำอะไร นึกดูว่าถ้าคุณได้เป็น หรือมีอำนาจแบบนั้น คุณจะทำแบบที่ท่านทำได้สักแค่ไหน ผมเข้าใจว่าคุณคงว่าคนที่ด่าว่าคุณในโรงหนังนั้นผิด ผมเองก็เห็นด้วยครับ ผมว่าเขาทำเกินกว่าเหตุ
แต่เหตุผลของคุณเองนั้นก็ช่างไร้น้ำหนัก ไร้ซึ่งเหตุผลเสียจริง ถ้าท่านไม่ดีจริง คงไม่มีคนรักท่านขนาดนั้ครับ แค่นี้ผมก็คิดว่าแค่การยืนเคารพท่านยังน้อยเกินไปด้วยซ้ำ
อย่าได้พบอย่าได้เจอ Says:
September 23rd, 2007 at 9:30 am
คนแบบนี้มัน คอ วอ ยอ สุดๆ
คิดได้ยังไง?
n/e Says:
September 23rd, 2007 at 10:38 am
ที่เขาโดนกระทำโดยใช้ความรุนแรงและอื่นๆ ถือว่าไม่ถูกต้องสมควร และควรถูกฟ้อง
แต่วิธีคิดแบบ “ปฏิเสธที่จะลดตัวลงมาร่วมในวัฒนธรรม
ไพร่ทาส” ผมแนะนำให้คุณ “คุณโชติศักดิ์ อ่อนสูง” ไปหาแผ่นดินอื่นอยู่
Patsonic Says:
September 23rd, 2007 at 11:26 am
ได้อ่านแล้ว รู้สึกหนักและเหนื่อยใจแทน
แน่นอน ผมไม่เห็นด้วยกับการแสดงกิริยาก้าวร้าวของชายคนนั้น ต่อคุณโชติศักดิ์ อ่อนสูง เพราะเกินกว่าเหตุ
แต่ผมก็ไม่เห็นด้วยเช่นกัน ในความคิดว่า การยืนตรงระหว่างเพลงสรรเสริญฯ จะเป็นเรื่องของการทำตามวัฒนธรรมาไพร่ทาสอะไรนั่น เหตุผลช่างอ่อนด้วยเอามากๆ เมื่อเราต่างก็รู้ดีแก่ใจอยู่แล้ว ว่าในหลวงทำเพื่อประชาชนมามากเพียงใด คนที่ยืนเขาไม่ได้สนใจในคำว่าตัวเองเป็นทาสเป็นไพร่อะไร เขารู้ว่าเขาสำนึกในพระกรุณาธิคุณ เขาก็เต็มใจแสดงความรู้สึกนั้นผ่านการยืนเคารพ
สรุปก็คือ จุดเริ่มต้นของเรื่องอยู่ที่คุณไม่ยืน ทั้งๆ ที่เป็นคนไทย (แผ่นดินที่ทุกคนรักในหลวง) ซึ่งไปจุดให้อีกคนหนึ่งซึ่งไม่เห็นด้วยกับการกระทำนี้และบันดาลโทสะ กระทำเกินกว่าเหตุกับคุณ
จะโทษเขาทั้งหมดก็ไม่ถูก ที่สุดแล้วต้องโทษตัวเองที่เริ่มทุกอย่าง
pUi Says:
September 23rd, 2007 at 10:42 pm
Bank add my new e-mail หน่อยนะคะ
punk.gangster@hotmail.com
many Says:
September 24th, 2007 at 8:47 am
เห็นใจแกค่ะ แกยืน 2 ขา ไม่ใคร่ได้ มันผิดธรรมชาติของแก
asd Says:
September 24th, 2007 at 11:41 am
อ่านแล้วไม่รู้จะพูดไง
ทำไมคุณไม่รู้จักแยกแยะบ้าง
ปฎิวัติ ส่วน ปฎิวัติ ครับ พ่อหลวงก็ส่วนพ่อหลวง
คุณเอามารวมกันได้ไง ยิ่งคุณอ้างระบบศักดินาอะไรของคุณอีก
มันยิ่งไม่ใช่แล้ว
ขอถามหน่อยเถอะ ที่คุณคิดว่าที่ประชาชนส่วนใหญ่เค้ารักพ่อหลวงนี่เพราะศักดินาหรอ?
หรือว่าเพราะความดีที่พระองค์ท่านทำเพื่อคนอื่น
ถามหน่อยคุณหน่ะในชีวิตเคยไหม ที่จะทำประโยชน์ให้แ่ผู้อื่น เคยไหมที่ต้องลำบากตรากตรำ เผื่อไปช่วยผู้อื่น
ถ้าคุณตอบว่าเคย จอถามหน่อยว่ามากกว่าพระองค์ท่านไหม
ถ้าน้อยกว่า มันจะลำบากมากไหมในการแสดงความเคาะพในคนที่ทำดีมากกว่าเรา ทำเพื่อคนอื่นมากกว่าเราก็แค่นั้นแหล่ะ
เอ็ม Says:
September 24th, 2007 at 12:16 pm
จิตร ภูมิศักดิ์ เองก็มีอุดมการณ์เช่นนี้เหมือนกัน ปราชญ์ผู้มีแนวคิดเป็นเอกเทศ
ศัทธาในสิ่งที่ตัวเองเชื่อ ผมว่าไม่ผิด ในสังคมที่เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง
จิตร คงผิดมากเสียจน ต้องถูกยิงตายเสียที่หนองกุง แต่ประเทศไทย ไม่มีวันลืมปราชญ์ผู้นี้ได้ จิตร ภูมิศักดิ์
เพื่อลบรอยคราบน้ำตาประชาราษฏร์
สักพันชาติจักสู้ม้วยด้วยหฤหรรษ์
แม้ชีพใหม่มีเหมือนหวังอีกครั้งครัน
จักน้อมพลีชีพนั้นเพื่อมวลชน
alienboon Says:
September 24th, 2007 at 3:00 pm
ผมเคยตัดวิดีโอของในหลวง….นั่งดูแล้วน้ำตาไหล….
มีใครบ้างในโลกที่ทำอย่างท่าน…….
หาไม่ได้แล้ว…..ดังนั้นถึงผมจะถูกมองว่าเป็นทาส…ผมก็ยอมครับ
บางระบบมันไม่ได้ดีและเสียเสมอไป
ส่วนใหญ่อยู่ที่คนใช้…มัน….ไปในทางที่เสียมากกว่า…..
ฟุง Says:
September 24th, 2007 at 7:37 pm
อ่านแล้วของขึ้นเลยครับ แม้ผมจะไม่ใช่คนดีอะไร ผมก็รักในหลวง และเคารพ ในพระกรุณาธิคุณเสมอมา ถึงในหลวงไม่ต้องทำอะไรให้เรา เราก็รัก เพราะท่านเป็นเจ้าแผ่นดิน
การที่คุณจะยืนทำความเคารพเจ้าของแผ่นดินที่เกิดมันผิดมากหรอ
เอะอะอ้าง ประชาธิปไตย ประเทศไทยเป็นของทุกคน
แล้วพวกมันเคยทำอะไรให้ชาติบ้านเมืองบ้าง มีแต่ก่อความวุ่นวาย
ถ้าผมอยู่ในเหตุการณ์ ผมว่า ผมคงติดคุกแน่ เพราะคงกระทืบมันตายตรงนั้นอ่ะ คนอะไรเกิดมาได้ หนักแผ่นดิน
จะประชาธิปไตยหรือเปล่าผมไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ แผ่นดินที่ผมอยู่ เป็นของในหลวง และบูรพกษัตริย์ทุกพระองค์ ผมคิดแบบนั้นจริงๆ
พวกนี้ชอบเอาประชาธิปไตยมาอ้าง ชาติชั่ว เลวมาก ไม่รู้จะด่ายังไงละ
admin Says:
September 24th, 2007 at 9:25 pm
เวนกำ ซวยเลยกุ โดนเข้าใจผิดว่าเป็นตัวเองซะงั้น T___________T
อ่านให้ละเอียดก่อนค่อยด่าสิคับ เง้ออออออออออ
nana Says:
September 24th, 2007 at 9:41 pm
สมควรโดนเป็นอย่ายิ่ง
คนอะไรขนาดขนบธรรมเนียมของประเทศตัวเองยังทำไม่ได้แล้วจะไปทำอะไรที่มันยากกว่าได้ไง
daung Says:
September 25th, 2007 at 5:43 pm
มนุษย์ทุกคนมีเสรีภาพไม่เถียงครับ
แต่ คนไทย สำนึกแรก รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
จะนั่งโดยไม่ทำความเคารพในหลวงเวลาเพลงสรรเสริญมันสิทธิของไอ้คุณโชติศักดิ์จริง และ ไอ้สหายดอกหญ้า แต่ อย่ามาให้เห็นใกล้ๆครับ มันจะหมั่นไส้อยากให้แดกตีนหรือลูกปืนโดยอัตโนมัติ
ถ้าอยากต่อต้าน คมช รัฐบาล กรุณาไปใช้วิธีอื่นที่มันดีกว่านี้
การสร้างความแตกแยก โดยดึงพระองค์ท่านนี้ ผมว่า ไปหาประเทศอื่นอยู่เหอะครับ อย่ามาเหยียบแผ่นดินไทยให้มันเป็นเสนียดแผ่นดินเลย
เกลียดพวกแม่ง Says:
September 25th, 2007 at 11:03 pm
รูปของโชติศักดิ์ อ่อนสูง ครับ ที่อ้วน ๆ ดำ ๆ ใส่แว่นขวาสุด จบธรรมศาสตร์ซะด้วย
http://www.googeb.com/viewer.php?id=bfi1190735126f.jpg
อันนี้แนวร่วมของเขาครับ คุณสหายดอกหญ้า ใส่แว่น หน้าขาวๆ ดูเหมือนตุ๊ด
http://www.googeb.com/viewer.php?id=klz1190735224a.jpg
http://www.googeb.com/viewer.php?id=klz1190735247a.jpg
เก้งกวาง Says:
September 26th, 2007 at 9:36 am
คุณโชติศักดิ์ อ่อนสูง ตั้งใจที่จะใช้เสรีภาพ กระทำในเรื่องที่ไม่สมควร
ลมเอย Says:
September 26th, 2007 at 11:44 am
เป็นคนนึงที่เวลาเพลงสรรเสริญขึ้นก่อนดูหนังจะยกมือไหว้
เป็นคนนึงที่รักและเทิดทูนพระองค์มากๆ
ไม่เห็นด้วยกับคนกลุ่มนี้ค่ะ
ปล. อยากเห็นหน้าคนที่จะมาเป็นทนายให้ จริงๆ
เรารักในหลวง Says:
September 26th, 2007 at 12:15 pm
เรายืนตรงทำความเคารพเพราะเราสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพ่อหลวง ที่ทรงงานหนักเพื่อชาวไทย เคยได้ยินมั้ย “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยาม “และไม่เคยมีครั้งใดพระองค์จะไม่ทรงเหนื่อยและไม่ย่อท้อเพราะทรงปฏิบัติตามที่พระองค์ทรงมีพระปฐมบรมราชโองการไว้
อีกคำถามหนึ่ง ” เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่สงบในประเทศเราหลายต่อหลาย ใครทำให้ความวุ่นวาย หายไปในพริบตา ? ”
แต่คนกลุ่มเหล่านั้นกลับที่คิดว่าการแสดงความเคารพเป็น ” วัฒนะธรรมไพร่ทาส” และเพื่อประโยชน์สุขของตนเองฝ่ายเดียว แถมยังดึงพระองค์ท่านลงมาอีก น่าเศร้าจริงๆ แน่ใจนะ ว่ามีความเป็นไทยในสายเลือด อัปเปหิ ตัวเองออกจากประเทศไทยเถอะ
masukabe Says:
September 26th, 2007 at 2:49 pm
สมควรโดนคับ เอาให้สำนึกในความเป็นไทยเลยคับ คนแบบนี้
iKaRUZ Says:
September 26th, 2007 at 5:30 pm
เฮ้อ ไม่รู้จะพูดว่าไงดี ระหว่าง สิทธิส่วนบุคคล กับ สามัญสำนึก
โตๆแล้วครับ เด็กๆเค้ายังรู้เลย
พ่อรูปหล่อ Says:
September 26th, 2007 at 6:49 pm
หน้าตาผิดระเบียบมากๆ โตมาจากสลัมที่ไหน ไร้อารยะจริงๆ โง่ติศักดิ์
มันน่าโดนอิฐมอญ (หงอย) มากกว่าป๊อปคอร์นนะ
คนไทย รัก พ่อหลวง Says:
September 27th, 2007 at 10:17 am
น ว ย คับ.. สั้นๆ ง่ายๆ ผมว่าคนๆนี้ คิดอะไรไม่เป็รหรอกคับ อยาไปว่าเค้าเลย (กับไอ้แกนนำ สหายดอกหญ้า ปัญญาอ่อนนั่นด้วย) คนพวกนนี้ เอะอะอะไรก็ประท้วง เรียกร้องนั่น เรียกร้องนี่ ไร้สาระ ประเทศชาติ ระบบเศรษฐกิจจะเสียหายยังไง กุ ไม่สน (ถ้าคุณไม่ได้รัก หรือ เคารพ พ่อหลวง) แค่คุณยืน (เหมือนๆคนอื่น) มันจะตายไม๊ มันจะทำให้ศักดิ์ศรีความเป็นคนคุณโดนเหยียบย่ำมากเลยเหรอ ไปอยู่ที่อื่นเถอะคับ อย่าอยู่ประเทศไทยเลย เรียนสูงมาซะเปล่า ความรู้ก็มี มหา’ลัย เค้าสอนให้คุณเป็นอย่างนี้เหรอ (ไอ้คุณโชติศักดิ์) ไอ้แกนนำเส็งเคร็ง ทำไมไม่คิด หรือ ทำให้ประเทศชาติดีขึ้น(นอกจากประท้วง ซึ่งพวก “มัน” คิดว่าถูก) ไม่รู้ว่ามันจะเค้ามาอ่านบ้างหรือเปล่า ยืนยันคำเดิมนะคับ ขอให้คุณโชติศักดิ์(หัว..วย) กับ คุณสหายดอกหญ้า(ปัญญาอ่อน) ไปใช้ ความรู้ ความสามารถ และ ปรัชญาประชาธิปไตย ของคุณที่อื่นเถอะครับ (ภาคใต้ก็ได้ เพราะเพื่อนๆร่วมอุดมการณ์คุณคงเยอะ) อย่าอยู่ที่เมืองไทยเลย สังคมไทยเป็นสังคมประชาธิปไตย แต่เหนือสิ่งอื่นใด คนไทย รักพ่อหลวงของเรา ยิ่งกว่าชีวิต ครับ…
คนไทยรักในหลวง Says:
September 27th, 2007 at 8:00 pm
ไม่รู้ว่าใจของพวกคุณทำด้วยอะไร ลองถามตัวเองดูว่าเป็นคนไทยหรือไม่ อย่าว่าแต่เป็นคนไทยเลย ต่างชาติยังเคารพรักพ่อหลวงของไทย และกษัตริย์ของชาติตัวเอง พวกที่คิดต่างจากนี้อาจจะไม่ใช่คน อะไรคือความหมายของคำว่าศักดิ์ศรีสำหรับคุณ การทำความเคารพต่อผู้มีพระคุณต่อผืนแผ่นดินที่เรายืนอย่างสูงส่งทำให้เสียศักดิ์ศรีมากหรือ พวกคุณทำกริยาเช่นนี้ทำให้คุณอาจไม่มีแผ่นดินให้เหยียบ ลองคิดถึงความรู้สึกของพระองค์ท่านบ้างเถอะว่าท่านจะทรงรู้สึกอย่างไรที่คนที่ท่านทรงรักดั่งลูกกระทำตนเช่นนี้
ถ้าคุณยังคิดต่อต้านอยู่ก็ไสหัวตัวเองออกจากประเทศไทยไปสู่แหล่งต่ำๆ ของพวกคุณเถอะก่อนที่คนทั้งชาติจะรู้ว่าคุณคือคนไหน รับรองว่าจะโดนโจมตีจากทุกที่แน่นอน
เป้ฟ้า Says:
September 27th, 2007 at 8:31 pm
ผมว่า คนที่ไม่ยืนเคารพก็ผิดนะครับ บางครั้ง มันไม่จำเป็นต้องผิดกฎหมายหรอกครับ เพียงถ้าคุณมีสำนึกสักนิด ว่าถ้าประเทศไทยไม่มีในหลวงอยู่ บางทีประเทศไทยอาจจะไม่สงบขนาดนี้ก็ได้ (ถึงจะมีเรื่องขนาดไหน แต่ถ้าในหลวงทรงออกมาเตือน เรื่องก็จบทุกเรื่อง) ถ้าไม่มีในหลวง คุณคิดหรอ ว่าจะได้มานั่งดูหนังอย่างสบายใจ โอเค ผมเข้าใจว่าคุณคงไม่ได้มีเจตนาจะ “หมิ่น” พระบรมฯหรอก แต่คุณอยากจะ “เอาชนะคนอื่น” ด้วยความหลงในประชาธิปไตยของคุณเอง เพียงแค่คุณยืนขึ้นเพื่อแสดงความเคารพ มันไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย แต่ถ้าหากว่าคุณไร้ “สำนึก” คิดว่าไม่เห็นจำเป็นต้องยืนเคารพ คุณจะนั่งมันก็สิทธิของคุณ เพราะการทำแบบนั้น มันก็ได้แสดงว่าคุณเป็นคนที่ไม่สำนึกในบุญคุณของในหลวง (ไม่หมิ่น แต่ไม่สำนึก) แล้วถ้าในหลวงคุณยังยืนเพื่อแสดงความเคารพไม่ได้ ไม่ต้องคิดเลย ว่าคุณจะเนรคุณบิดามารดาได้ขนาดไหน
ผมก็ไม่รู้จะแนะนำให้คุณไปอยู่ประเทศไหนในโลกนะ เพราะไม่ว่าประเทศไหนๆ เค้าก็เคารพผู้นำประเทศกันทั้งนั้น
เอางี้ คุณไปหาทะเลทรายอยู่นะ คุณจะได้ไม่ต้องยืนเค้ารพใคร
แต่คนที่ไปทำร้ายเค้า ผมก็ว่าไม่เหมาะนะครับ ไม่ควรจะไปทำกับสิ่งของ ถ้าลูกผู้ชายจริงๆ ชกมันไปเลย(อ่าว) อย่างดีก็โดนแค่ 500 เอง แถมบางทีถ้าอธิบายให้ตำรวจฟัง เค้าอาจจะไม่ปรับคุณด้วยซ้ำ
aaa Says:
September 27th, 2007 at 9:04 pm
ไปอยู่ประเทศอื่นเถอะ
... Says:
September 27th, 2007 at 9:55 pm
ดูรูปแล้วครับ
หน้ามันไม่ใช่คนไทยนี่หน่า.. ตอนแรกนึกว่าพม่า มอญ ไรเงี๊ยะ
Care Says:
September 28th, 2007 at 1:59 pm
ไอพวกไม่เคยสำนึกบุญคุณ ในหลวงเหนื่อยขนาดไหน พวกเราอยู่อย่างสงบมาได้เพราะบารมีใคร เอ็งมันไม่สำนึก ถ้าไม่มีในหลวง คืดมั๊ยว่าแกจะได้มีโอกาสมาทำบัดสีอยู่ได้แบบนี้เหรอ เลว……….
rayne Says:
September 28th, 2007 at 4:49 pm
จะเล่นเกมการเมืองไม่น่าเอาในหลวงมาเกี่ยวนะ สำนึกมัน …….. ผมก็ไม่ได้เป็นคนที่รักในหลวงมาก แต่ก็ไม่เคยแม้แต่จะคิดถ่อยๆ แบบนี้อะ
แย่ว่ะ เอาการเมืองกับในหลวงมาปลุกปั่น เจตนาส่อความวุ่นวายในสังคม เลวจังรับน้ำเลี้ยงมาเท่าไหร่
Shinoda Says:
October 1st, 2007 at 12:27 pm
บางที เราก็ใช้คำว่าชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์กันจนเฝื่อ……….
TingTong Says:
October 8th, 2007 at 8:41 am
ถึงแม้การยืนตรงเมื่อได้ยินเพลงสรรเสริญฯ จะถูกสอนให้ทำมาตั้งแต่เด็ก …แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่ไม่อยากทำ
บางครั้งยืนฟังเพลง หรือดูภาพพระราชกรณียกิจ ภาพเดิมๆที่ชินตาที่เราเห็นตั้งแต่เล็กจนโต .. แต่หลายคนคงเป็นเหมือนกันคือ มันรู้สึกตื้นตัน จนบางทีสะอื้นออกมา แทบจะร้องไห้
อยากรู้จังอะไรทำให้เค้าไม่ยืน อะไรทำให้เค้าไม่รู้สึกอยากยืน เค้าไม่รู้สึกอะไรเลยจริงๆเหรอ
ไม่ได้หมายถึงความอาย แต่หมายถึงว่า สิ่งที่พระองค์ทำให้เรา ให้เราตายไป..ยังไม่สามารถจะทดแทนพระกรุณาของพระองค์ที่มีต่อพวกเราได้เลย ทำไมไม่รู้สึก…..หรือว่า…..เค้าไม่ใช่คน ??
pat Says:
October 9th, 2007 at 2:47 pm
ถ่อย…เหมือนหน้าเลยนะคะ..!!!
AO Says:
October 17th, 2007 at 3:08 pm
ว้า ทำไมผมดูรูปนายคนนี้ไม่ได้ล่ะครับ
พวกนี้ชอบเอาประชาธิปไตยมาอ้างเรื่อยเปื่อย โดยที่ไม่รู้ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของประชาธิปไตยนั้นคืออะไรและเพื่อใคร
จริงๆอาจจะรู้แต่โดนจ้างให้มาทำอย่างนี้แล้วเอามาอ้างรึเปล่า เค้าอาจจะจ้างกันเป็นเครือข่ายไปเลย อันนี้ผมก็ไม่รู้อะนะ
แต่พี่คนนั้นที่เป็นคู่กรณีอ่ะทำไม่ถูกจริงๆ…..
ที่ไม่ชกหน้ามันไปซักเปรี้ยงอ่ะ
พ่อมันเอง Says:
October 19th, 2007 at 9:05 pm
ดูหน้ามันแล้ว เหมือนพม่า ยังไงไม่รู้
อย่าไปว่าเค้าเลย
เพราะ โค ตะ ระ เค้าสอนมายังงั้น มันเป็นเด็กดี
จำได้ว่าตอนเด็กมันเคยโดนอัด ต.ตูน มันเลยสมองไม่ค่อยดี
เลอะ ๆ เลือนๆ
มันนะอยากจะกลับพม่าเต็มที่ แต่พอดีว่ามันมีเรื่องสะก่อน เพราะถ้ากลับ
ก็ตายแน่ๆ เลยขออยู่ก่อน
ENZO Says:
October 20th, 2007 at 11:18 am
ไม่น่าเชื่อว่ายังมีคนอย่าไอ้คุณ โชติศักดิ์ อยู่โลกนี้เลย
หน้าด้านมากๆ ยังมีหน้ามาชักชวนคน ไปประท้วงอีก
เวลาคิดใช้สมอง หรือ ไขสันหลังคิด กันแน่
พ่อ แม่ ผู้น่าสงสาร ของ โชติศักดิ์ Says:
October 20th, 2007 at 11:22 am
ดูหน้ามัน แล้วสงสาร ตอนเด็ก พ่อ แม่ มัน คงไม้ได้อบรมสั่งสอน
Tuesday, 16 October 2007
vitamin c vs shrimp ?
ชันสูตรศพเบื้องต้น ลงความเห็นว่าตายเพราะพิษสารหนู แล้วสารหนูมาจากไหนล่ะ
ตำรวจเริ่มสืบสวนในวงกว้าง และเชิญศาสตราจารย์นิติเวชมาร่วมคลี่คลายคดี
ศาสตราจารย์ตรวจวิเคราะห์สิ่งตกค้างในกระเพาะ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เปิดโปงสาเหตุการตายฉับพลัน '
ผู้ตายไม่ได้ฆ่าตัวตาย ไม่ได้ถูกลอบสังหาร แต่ตายเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ถูกมันฆ่า' ศาสตราจารย์ฟันธง
ผู้คนงงเป็นไก่ตาแตก อะไรคือ'มันฆ่า' แล้วสารหนูมาจากไหน
ศาสตราจารย์กล่าวว่า สารหนูเกิดในกระเพาะผู้ตาย ผู้ตายกินวิตามินซีทุกวัน นี่ไม่ใช่ปัญหา ปัญหาอยู่ที่
เธอกินกุ้งจำนวนมากในมื้อเย็น กินกุ้งโดยลำพังก็ไม่มีปัญหา คนในบ้านกินกันก็ไม่เห็นเป็นไร แต่ผู้ตายกิน
วิตามินซีพร้อมกันด้วย ปัญหาจึงเกิดตรงนี้แหละ
นักวิจัยมหาวิทยาลัยชิคาโกเคยทำการทดลอง พบว่าสัตว์เปลือกอ่อนเช่นกุ้งมีสารประกอบอาเซ
นิกเข้มข้นในปริมาณสูง สารประกอบชนิดนี้เข้าไปอยู่ในร่างกายก็ไม่มีพิษภัยอะไร แต่เมื่อรับประทาน
วิตามินซีพร้อมกัน จะเกิดปฏิกิริยาทางเคมี ทำให้สารประกอบเดิมที่มีสูตรเคมี As2O5 หรืออาเซนิกออก
ไซด์ซึ่งไม่มีพิษ กลายเป็นสารประกอบที่มีสูตรเคมี As2O3 หรืออาเซนิกไตรออกไซด์ซึ่งมีพิษ หรือภาษา
ชาวบ้านเรียกว่าสารหนูนั้นเอง
พิษสารหนูจะทำให้การทำงานของเส้นโลหิตฝอยและเอนไซม์ของซัลฟีดรีลขัดข้อง เกิดอาการเลือดคั่งใน
หัวใจ ตับ ไต และลำไส้ เซลล์ผิวหนังตายด้าน เส้นโลหิตฝอยขยายตัว ดังนั้น ผู้ที่รับพิษจนตาย จะมี
เลือดออกทางทวารทั้งเจ็ด
เพราะฉะนั้น ในระยะที่รับประทานวิตามินซี ต้องงดกินอาหารประเภทกุ้ง เพื่อความไม่ประมาท
เมื่ออ่านจบ โปรดส่งต่อไปยังญาติโยมเพื่อนฝูงด้วย