Thursday 24 January 2008

โครงการการ์ตูนแอนิเมชั่นเรื่อง "พระพุทธเจ้า"

"ดร.วั ลลภา พิมพ์ทอง"
...ดิฉันได้รู้จักผู้หญิงคนนี้ครั้งแรกเมื่อครั้งที่เธอเคยไปเป็นแขกรับเชิญใน รายการ "เจาะใจ" เมื่อปี 2549 ครั้งที่คุณดู๋ สัญญา คุนากรยังเป็นพิธีกรรายการ เธอพูดถึงโครงการการ์ตูนแอนิเมชั่นเรื่อง "พระพุทธเจ้า" ที่เธอได้ทุ่มทุนทั้งแรงกาย แรงใจ แรงทรัพย์ส่วนตัวทั้งที่มีอยู่ รวมถึงยอมลงทุนกู้หนี้ยืมสินจนกระทั่งกลายเป็นภาระอันหนักอึ้งจนถึงปัจจุบันเพื่อมาใช้เป็นทุนในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า...
...ด้วยความตั้งใจจะนำรายได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในวโรกาสที่พระองค์ทรงมีพระชนมายุ 80 พรรษา ด้วยแรงศรัทธาอันแรงกล้าในพระศาสนา ประกอบกับการที่ได้มีประสบการณ์ในครั้งที่ได้ไปร่ำเรียนปริญญาโทและปริญญาเอกที่ประเทศอินเดียถึง 7 ปี อีกทั้งการได้มีโอกาสใช้ชีวิตท่ามกลางเมืองอันเป็นที่ตั้งของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างเวชนียสถานทั้ง 4 ที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนาและปรินิพพาน กระทั่งเธอเรียนจบและได้เข้าทำงานด้านการผลิตสื่อการเรียนการสอน อันเป็นช่วงเดียวกับที่รัฐบาลต้องการส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางของการ์ตูนแอนิเมชั่น ความคิดที่จะผลิตการ์ตูนแอนิเมชั่นจึงเกิดขึ้น...

...หากแต่เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายของรัฐบาล สุดท้ายภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องนี้จึงไม่ได้รับการสนับสนุน ขณะที่กระบวนการสร้างภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องนี้ได้ถูกดำเนินการและเป็นรูปเป็นร่างไปเกินกว่าครึ่งแล้ว...

...นั่นเป็นที่มาของการทุ่มเททุนทรัพย์ส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็น บ้าน รถยนต์ ที่ดิน ทรัพย์สินทุกอย่างถูกนำไปแปลงเป็นเงิน บ้างถูกนำไปขาย..บ้างถูกนำไปจำนอง...ทั้งนี้ก็เพื่อนำเงินมาลงทุนในฐานะของ...ผู้อำนวยการสร้าง

ตั้งแต่วันแรกที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ถูกสร้างขึ้นในปี 2546 จนภาพยนตร์เสร็จสมบูรณ์ เธอใช้เวลาในการสร้างถึง 4 ปี ใช้เงินส่วนตัวในการผลิตไปทั้งสิ้น 108 ล้าน ซึ่งไม่รวมถึงรายจ่ายด้านอื่น ๆ ที่จำเป็นอีกประมาณ 12 ล้านบาท นั่นหมายถึง... เธอใช้เงินกับการ์ตูนแอนิเมชั่นเรื่อง "พระพุทธเจ้า" ไปทั้งสิ้น 120 ล้านบาท


หากเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจ...ที่ นับตั้งแต่ภาพยนตร์เข้าฉายตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม จนถึงวันนี้รายได้ของหนังยังอยู่แค่ 10 ล้านต้นๆ เทียบไม่ได้กับเศษเสี้ยวของหนังต่างประเทศฟอร์มยักษ์ และหนังไทยบางเรื่องที่ทำรายได้เหยียบ 100 ล้านในไม่กี่วัน แถมล่าสุดเพื่อนที่ทำงานยังมาเล่าสู่กันฟังว่าเห็นซีดีเถื่อนเรื่อง "พระพุทธเจ้า" วางขายอยู่ที่ตลาดนัดคลองถม และตลาดบางกะปิ เป็นขณะเดียวกับที่สน.บางเขนเพิ่งจะจับคนที่นำกล้องเข้าไปซูมหนังเรื่องนี้ในโรงเพื่อเอาออกมาก็อปปี้ขายทั้งที่หนังยังไม่ออกโรง ฟังดูแล้วยิ่งน่าเศร้ากับพฤติกรรมของคนคนหนึ่งที่สามารถทำสิ่งเลวทรามได้อย่างไร้ยางอาย !!!
ส่วนตัวดิฉัน นับตั้งแต่หนังเข้าฉาย ดิฉันได้ชักชวนเพื่อนพ้อง พาหลานสาวสองคนไปดูมาแล้ว ถึงแม้จะแค่รอบเดียวแต่ก็สัมผัสได้ถึงความตั้งใจของผู้สร้าง หลานสาวเองก็ได้ซึมซับและรับรู้ถึงเรื่องราวพุทธประวัติที่ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ และอย่างน้อยก็รู้สึกดีที่ครอบครัวเล็ก ๆ ของเราได้มีโอกาสอุดหนุนภาพยนตร์ฝีมือคนไทย
…แล้วคุณล่ะ คิดจะก้าวเข้าไปซื้อตั๋วชมภาพยนตร์เรื่องนี้กันบ้างไหม?
ถ้าคำตอบคือ "ไม่" ก็คงต้องบอกว่า...วันนี้อาจเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่คุณจะได้ดูภาพยนตร์เกี่ยวกับ "พระพุทธเจ้า" โดยฝีมือคนไทย เพราะจากนี้ไปคงไม่มีใคร "กล้า" พอที่จะสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ขึ้นมาอีกเลย...

***หากท่านอยากช่วยสนับสนุนภาพยนตร์ฝีมือคนไทย โปรดส่งต่อไปยังเพื่อน ๆ ของคุณ เพื่อต่อลมหายใจให้กับภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชั่น "พระพุทธเจ้า" เรื่องนี้ด้วย หรือต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมอีเมล์กลับมาได้ที่ b_baimai@hotmail.com