Monday, 5 November 2007

การสรุปข้อดี ข้อเสีย และคำเสนอแนะ

สรุปการทำงานใน 3 อาทิตย์ที่ผ่านมา

วันนี้เป็นวันที่ทำงานมาครบ 3 อาทิตย์เต็ม ๆ แต่รู้สึกเหมือนผ่านการทำงานมานานแล้ว
เพราะมีอะไรที่ต้องทำและเรียนรู้เยอะแยะมากมาย จนบางครั้งจับต้นชนปลายไม่ถูกก็มีเหมือนกัน
ดังนั้น ขอสรุปความคิดเห็นแบบส่วนตัวโดยแบ่งเป็นข้อดี – ข้อเสีย – และข้อเสนอแนะค่ะ

หมายเหตุ : ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวจากสิ่งที่เคยประสบพบเจอมาเท่านั้น

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านค่ะ

ข้อดี คือ
1. มีการทำงานที่เป็นระบบ โดยเฉพาะการสื่อสารผ่านเมลล์ และใช้ Server ที่มีความไฮเทคสูง

ซึ่งทำให้ต้องปรับตัวกับระบบการทำงานและรายงานผลการทำงานทุกอย่างผ่านเมลล์มากพอสมควร

2. มี Director และ Executive Producer ที่เก่งและแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี เพราะถึงแม้การทำงาน

หรือการถ่ายทำจะติดขัด หรือมีปัญหาบ้าง แต่ผลงานสำเร็จที่ออกมาก็มีคุณภาพและมาตรฐานที่ดี

3. ทีมงานทุกคนช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่มีการแบ่งพรรคแบ่งพวก

4. มีอุปกรณ์การทำงาน และระบบ Support การทำงานที่เยี่ยมมาก เช่น มีกล้องถ่ายหนังของตัวเอง / มีพาหนะสำหรับใช้งาน / มีกล้องภาพนิ่ง

ให้ใช้งานหลายตัวซึ่งตอบสนองต่อความต้องการของการทำงานได้ดี ถึงแม้บางคนจะใช้งานแบบไม่ทะนุถนอมทำให้กล้องเสียหายบ้างก็ตาม

5. มีอาหารเลี้ยงทีมงานทั้งกลางวันและเย็น ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาไปทานอาหารข้างนอกซึ่งอาจต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมง และช่วยให้ทำงานได้เต็มที่

ที่สำคัญคือ SAVE ค่าครองชีพไปได้อีกส่วนหนึ่งด้วย



ข้อเสีย และปัญหา



1. การใช้เทคโนโลยีสื่อสารผ่านเมลล์ค่อนข้างเยอะ ทำให้การสื่อสารแบบตัวต่อตัวหรือประจัญหน้าถูกลดบทบาทไป

เป็นผลให้การสร้างปฏิสัมพันธ์ภายในออฟฟิตดูเหมือนถูกลดบทบาทลงไปด้วย เช่น เมื่อมีปัญหาใหญ่ ๆ เกิดขึ้น

แทนที่จะรีบรายงานปัญหากับหัวหน้างานหรือผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรง ซึ่งจะรวดเร็วกว่าการส่งเมลล์ หรือการแก้ปัญหาเอง

2. คิวงานการประชุมต่าง ๆ ที่อยู่ใน Calendar บางครั้งทีมงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องในงานนั้น ๆ ไม่ได้ดู Calendar ให้ถี่ถ้วน ทำให้ลืมวัน – เวลาที่นัดประชุมได้

หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ ไม่ได้ให้ความสนใจกับคิวงานใน Calendar มากเท่าไหร่นัก เวลานัดหมายประชุมจึงต้องตามกันแล้วตามอีกจึงจะเริ่มประชุมได้

3. พนักงานพูดคุยกันน้อย เพราะจะใช้การสื่อสารผ่านเมลล์เป็นหลัก ( หรืออาจเป็นเพราะ ELE ยังไม่สนิทกับใครเท่าที่ควรด้วยค่ะ )

ทำให้ทุกคนไม่ค่อยถนัดพูดแต่ถนัดเขียนแทน สังเกตจากเวลาเข้าประชุม จะไม่ค่อยมีใครเสนอแนะความคิดเห็นกันเท่าไหร่นัก

( หรืออาจเป็นเพราะว่าการเตรียมการประชุม / การ Present งานดีอยู่แล้ว ไม่มีอะไรขาดตกบกพร่องก็เป็นได้ )

4. การมีพนักงานประจำงาน Production ค่อนข้างเยอะในหลายๆ แผนก ทำให้การทำงานของบางแผนกเป็นไปแบบเรื่อยๆ เฉื่อยๆ ไม่ค่อยมีความกระตือรือล้นเท่าที่ควร

โดยอาจเป็นเพราะไม่มีการเปรียบเทียบและแข่งขันกัน เหมือนการจ้าง Freelance เพราะถ้าจ้างแล้วทำงานไม่ดีเราก็จะไม่จ้างมาทำงานอีก

5. ในการลงทำงาน Production เมื่อพนักงานทำผิดพลาดแล้วโดนตำหนิหรือต่อว่า บางคนก็เก็บมาคิดมากมานั่งเครียด และน้อยใจว่าทำไมถึงถูกต่อว่าหรือถูกตำหนิ

แทนที่จะปรับปรุงแก้ไขสิ่งผิดพลาดให้ดีขึ้น และให้สิ่งผิดพลาดเป็นบทเรียนมากกว่าจะมานั่งเครียดและคิดมากอยู่คนเดียว หรือโกรธคนที่ตำหนิหรือต่อว่าตัวเอง

6. ขณะลง Production ในการถ่ายทำหนัง พบข้อผิดพลาดหลายอย่างที่ ELE เป็นคนดูแลและจัดการ เช่น งาน Lay_Smile ถ่ายที่ Main Stadium มธ.รังสิต

อาหารกล่องไม่เพียงพอสำหรับทีมงาน ซึ่งเนื่องมาจากการแจกข้าวกล่องให้ Extra 200 คนนั้น บางคนก็หยิบไป 2 กล่อง ทำให้ข้าวกล่องไม่พอจึงต้องเอาของทีมงานไปเสริม /

งาน AACP_Conductor ถ่ายที่ Bangkok City Tower ก็มีปัญหาเรื่องอาหารกองถ่าย ที่อาหารตักมีไม่เพียงพอสำหรับทีมงานทุกคน จึงต้องไปซื้อข้าวมาเพิ่ม

( ดังนั้น ต่อไปนี้เวลาสั่งจำนวนอาหารเช้ากับกลางวันสำหรับกองถ่าย อาจต้องเผื่ออาหารเยอะกว่าเดิมอีกหน่อย แต่ตอนเย็นไม่ต้องเผื่อแล้วเพราะอาหารจะเหลือทุกครั้ง )

7. ปัญหาที่พบอีกอย่าง คือ การเตรียมขนมและเครื่องดื่มให้ลูกค้า ต้องใส่ใจในรายละเอียดค่อนข้างมาก เช่น ลูกค้า Lay ห้ามซื้อมันฝรั่งยี่ห้ออื่นมาให้ลูกค้าเด็ดขาด

และอาจต้องศึกษาด้วยว่า สินค้าที่ลูกค้า Agency ดูแลอยู่นั้นมีสินค้าอะไรบ้าง จะได้ไม่ซื้อขนมหรือเครื่องดื่มที่เป็น Fighting Brand ทั้งหมด

( พี่ต้อยแนะนำว่า ให้พยายามซื้อขนมและเครื่องดื่มที่เป็นยี่ห้อของต่างประเทศ หรือที่เราไม่ค่อยรู้จักจะช่วย SAVE ตัวเราได้ดีที่สุด )



ข้อเสนอแนะ

1. เราควรสร้างปฏิสัมพันธ์ภายในออฟฟิตบ้าง เช่น อาจมีการจัดประชุมพนักงานทุกแผนกกับผู้บริหาร อาจประชุมเป็นแผนกหรือรวมทั้งออฟฟิตก็ได้

โดยอาจจะให้ทุกวันเสาร์สิ้นเดือน เป็นวันประชุมออฟฟิต เพื่อสรุปการทำงานในแต่และเดือนถึงปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นและสิ่งที่ควรปรับปรุงแก้ไข

ซึ่งการประชุมอาจจะทำให้พนักงานทุกคน เข้าใจในตัวองค์กรมากขึ้นกว่านี้ และการลาออกของพนักงานอาจจะลดน้อยลงกว่านี้ก็เป็นได้

2. ทุกวันเสาร์ หรือเวลาว่างตอนเย็น ๆ อาจจะจัดเป็นชั่วโมงการดูหนังอาทิตย์ละครั้ง โดยเลือกหนังที่น่าสนใจของหลาย ๆ ประเทศ มาดูร่วมกันในทีม Production

แล้วมาวิพากษ์วิจารณ์หนังที่ดูกัน ซึ่งจะเป็นการเปิดโลกทัศน์การดูหนังใหม่ ๆ แปลก ๆ ให้กับทีมงานมากขึ้น และอาจนำมาประยุกต์ใช้กับการทำงานด้วยก็ได้

3. แผนก Producer ต้องศึกษาลูกค้า Agency และลูกค้า Product ว่าสินค้าที่ Handle อยู่มีอะไรบ้างจะได้จัดเตรียมขนมและเครื่องดื่มได้ไม่ผิดพลาดค่ะ

( ซึ่ง ELE ก็กำลังเรียนรู้ในจุดนี้อยู่ค่ะ เพราะลูกค้ามักมีความ Sensitive ต่อ Band สูงมาก มีอะไรก็แนะนำได้เลยนะคะ )



…………………………………………………………………………ELE…………………………………………………………………………………

ขอตอบเป็นประเด็นๆไป....
ขอบคุณมากครับ ในความใจกว้างและมองโลกในแง่ดีของ ELE และกับ Report ฉบับนี้.....005

ข้อดี คือ



1. มีการทำงานที่เป็นระบบ โดยเฉพาะการสื่อสารผ่านเมลล์ และใช้ Server ที่มีความไฮเทคสูง

ซึ่งทำให้ต้องปรับตัวกับระบบการทำงานและรายงานผลการทำงานทุกอย่างผ่านเมลล์มากพอสมควร

ในโลกทุนนิยม เราต้องแข่งขัน กับผู้คนมากมายกายกอง

2. มี Director และ Executive Producer ที่เก่งและแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี เพราะถึงแม้การทำงาน

หรือการถ่ายทำจะติดขัด หรือมีปัญหาบ้าง แต่ผลงานสำเร็จที่ออกมาก็มีคุณภาพและมาตรฐานที่ดี

อันนี้ ELE มองโลกในแง่ดีเกินไป....Director and Executive Producer ไม่ได้มีความสุขเลยกับการที่จะต้องมาแก้ปัญหา ทางตรงกันข้าม กับต้องทนกับสิ่งเหล่านี้ ก็คงซักระยะหนึ่ง ถ้าสามารถทนปัญหาได้

3. ทีมงานทุกคนช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่มีการแบ่งพรรคแบ่งพวก

4. มีอุปกรณ์การทำงาน และระบบ Support การทำงานที่เยี่ยมมาก เช่น มีกล้องถ่ายหนังของตัวเอง / มีพาหนะสำหรับใช้งาน / มีกล้องภาพนิ่ง

ให้ใช้งานหลายตัวซึ่งตอบสนองต่อความต้องการของการทำงานได้ดี ถึงแม้บางคนจะใช้งานแบบไม่ทะนุถนอมทำให้กล้องเสียหายบ้างก็ตาม

ของของบริษัท....คนส่วนใหญ่มักจะคิดแบบแถบสีแดง....หาใช้ปัญหาของตูไม่....

5. มีอาหารเลี้ยงทีมงานทั้งกลางวันและเย็น ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาไปทานอาหารข้างนอกซึ่งอาจต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมง และช่วยให้ทำงานได้เต็มที่

ที่สำคัญคือ SAVE ค่าครองชีพไปได้อีกส่วนหนึ่งด้วย

กองทัพเดินด้วยท้อง.....005

ข้อเสีย และปัญหา

1. การใช้เทคโนโลยีสื่อสารผ่านเมลล์ค่อนข้างเยอะ ทำให้การสื่อสารแบบตัวต่อตัวหรือประจัญหน้าถูกลดบทบาทไป
เป็นผลให้การสร้างปฏิสัมพันธ์ภายในออฟฟิตดูเหมือนถูกลดบทบาทลงไปด้วย เช่น เมื่อมีปัญหาใหญ่ ๆ เกิดขึ้น
แทนที่จะรีบรายงานปัญหากับหัวหน้างานหรือผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรง ซึ่งจะรวดเร็วกว่าการส่งเมลล์ หรือการแก้ปัญหาเอง
ร้อยพ่อพันแม่ ช่วงว่างระหว่างวัย การพูดคุยกันที่ไม่รู้เรื่อง......เลือกทางเมลล์เถอะ
ส่วนใหญ่ของปัญหาที่เกิดขึ้น ผมขออนุมานว่า ทีมไม่ทราบล่วงหน้าแล้วกัน ว่าปัญหาจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง.....
และภาวนาขออย่างให้เกิดขึ้นบ่อยๆ และติดๆกัน......
2. คิวงานการประชุมต่าง ๆ ที่อยู่ใน Calendar บางครั้งทีมงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องในงานนั้น ๆ ไม่ได้ดู Calendar ให้ถี่ถ้วน ทำให้ลืมวัน – เวลาที่นัดประชุมได้
หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ ไม่ได้ให้ความสนใจกับคิวงานใน Calendar มากเท่าไหร่นัก เวลานัดหมายประชุมจึงต้องตามกันแล้วตามอีกจึงจะเริ่มประชุมได้
Agree ล้านเปอร์เซ็นต์
3. พนักงานพูดคุยกันน้อย เพราะจะใช้การสื่อสารผ่านเมลล์เป็นหลัก ( หรืออาจเป็นเพราะ ELE ยังไม่สนิทกับใครเท่าที่ควรด้วยค่ะ )
ทำให้ทุกคนไม่ค่อยถนัดพูดแต่ถนัดเขียนแทน สังเกตจากเวลาเข้าประชุม จะไม่ค่อยมีใครเสนอแนะความคิดเห็นกันเท่าไหร่นัก
( หรืออาจเป็นเพราะว่าการเตรียมการประชุม / การ Present งานดีอยู่แล้ว ไม่มีอะไรขาดตกบกพร่องก็เป็นได้ )
เป็นไปได้ทั้งหมดที่กล่าวมา
สังเกตจากเวลาเข้าประชุม จะไม่ค่อยมีใครเสนอแนะความคิดเห็นกันเท่าไหร่นัก
บางครั้งทำหน้าตาไม่มีความสุขใส่หน้าผู้กำกับอีกต่างหาก…ผมทนกับสภาพที่ว่านี้ไม่ไหวแล้ว และเป็นระยะเวลานานมากพอสมควรกับสิ่งที่ ELE ว่ามา...... ทุกอย่างถึงเปลี่ยนไปเป็นเมลล์ รายงานการทำงานทั้งหมด..... ผมตอบแทนทีมงานท่านอื่นๆแล้วกัน....จะให้ตูเสนอแนะอะไร.... คุณเป็นผู้กำกับ จะเอาอะไรก็ว่ามาซิ .....ส่วนอ๊อด กำลังจะทนไม่ไหวกับสิ่งเหล่านี้ และเบื่อหน่ายสุดๆ.......

4. การมีพนักงานประจำงาน Production ค่อนข้างเยอะในหลายๆ แผนก ทำให้การทำงานของบางแผนกเป็นไปแบบเรื่อยๆ เฉื่อยๆ ไม่ค่อยมีความกระตือรือล้นเท่าที่ควร
โดยอาจเป็นเพราะไม่มีการเปรียบเทียบและแข่งขันกัน เหมือนการจ้าง Freelance เพราะถ้าจ้างแล้วทำงานไม่ดีเราก็จะไม่จ้างมาทำงานอีก
ครึ่งหนึ่งของ Freelance ที่ว่าจ้างมาทีปัญหา ยังมีหลายคดีที่คาอยู่ศาลแรงงาน
หลังจากนี้ถ้ามีปัญหาอีก ทีมงานนั่นแหละ ที่ต้องไปขึ้นศาล ต่อสู้คดี....


5. ในการลงทำงาน Production เมื่อพนักงานทำผิดพลาดแล้วโดนตำหนิหรือต่อว่า บางคนก็เก็บมาคิดมากมานั่งเครียด และน้อยใจว่าทำไมถึงถูกต่อว่าหรือถูกตำหนิ
แทนที่จะปรับปรุงแก้ไขสิ่งผิดพลาดให้ดีขึ้น และให้สิ่งผิดพลาดเป็นบทเรียนมากกว่าจะมานั่งเครียดและคิดมากอยู่คนเดียว หรือโกรธคนที่ตำหนิหรือต่อว่าตัวเอง
ข้อที่ 5 สมบูรณ์แบบด้วยตัวมันเอง ขอ No Comment
6. ขณะลง Production ในการถ่ายทำหนัง พบข้อผิดพลาดหลายอย่างที่ ELE เป็นคนดูแลและจัดการ เช่น งาน Lay_Smile ถ่ายที่ Main Stadium มธ.รังสิต
อาหารกล่องไม่เพียงพอสำหรับทีมงาน ซึ่งเนื่องมาจากการแจกข้าวกล่องให้ Extra 200 คนนั้น บางคนก็หยิบไป 2 กล่อง ทำให้ข้าวกล่องไม่พอจึงต้องเอาของทีมงานไปเสริม /
งาน AACP_Conductor ถ่ายที่ Bangkok City Tower ก็มีปัญหาเรื่องอาหารกองถ่าย ที่อาหารตักมีไม่เพียงพอสำหรับทีมงานทุกคน จึงต้องไปซื้อข้าวมาเพิ่ม
( ดังนั้น ต่อไปนี้เวลาสั่งจำนวนอาหารเช้ากับกลางวันสำหรับกองถ่าย อาจต้องเผื่ออาหารเยอะกว่าเดิมอีกหน่อย แต่ตอนเย็นไม่ต้องเผื่อแล้วเพราะอาหารจะเหลือทุกครั้ง )
จะเป็นการดีมาก ถ้า ELE รายงานในเรื่องนี้ ทาง Mail
หลังจากที่เจอปัญหา จะได้แก้ไขปัญหาในงานข้างหน้าต่อไป
เพื่อลดข้อผิดพลาดในการทำงาน ในน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
7. ปัญหาที่พบอีกอย่าง คือ การเตรียมขนมและเครื่องดื่มให้ลูกค้า ต้องใส่ใจในรายละเอียดค่อนข้างมาก เช่น ลูกค้า Lay ห้ามซื้อมันฝรั่งยี่ห้ออื่นมาให้ลูกค้าเด็ดขาด
และอาจต้องศึกษาด้วยว่า สินค้าที่ลูกค้า Agency ดูแลอยู่นั้นมีสินค้าอะไรบ้าง จะได้ไม่ซื้อขนมหรือเครื่องดื่มที่เป็น Fighting Brand ทั้งหมด
( พี่ต้อยแนะนำว่า ให้พยายามซื้อขนมและเครื่องดื่มที่เป็นยี่ห้อของต่างประเทศ หรือที่เราไม่ค่อยรู้จักจะช่วย SAVE ตัวเราได้ดีที่สุด )
ผมเจอปัญหานี้เป็นร้อยๆครั้ง ในชีวิตการทำงานโฆษณา และก็ยังเจอมันอีก ต่อๆไป ได้แต่ระวังตัวเองให้มาก โทษแม่บ้านก็ไม่ได้ คนที่มีการศึกษาสูงๆ ควรช่วยกันดู ที่แน่ๆกรณีนี้ ลูกค้าเค้าโทรศัพท์ซัดผมก่อนเลย ในตอนเช้าวันที่ถ่ายหนัง.....005

ข้อเสนอแนะ

1. เราควรสร้างปฏิสัมพันธ์ภายในออฟฟิตบ้าง เช่น อาจมีการจัดประชุมพนักงานทุกแผนกกับผู้บริหาร อาจประชุมเป็นแผนกหรือรวมทั้งออฟฟิตก็ได้
โดยอาจจะให้ทุกวันเสาร์สิ้นเดือน เป็นวันประชุมออฟฟิต เพื่อสรุปการทำงานในแต่และเดือนถึงปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นและสิ่งที่ควรปรับปรุงแก้ไข
ซึ่งการประชุมอาจจะทำให้พนักงานทุกคน เข้าใจในตัวองค์กรมากขึ้นกว่านี้
สิ่งที่ ELE ว่ามาข้างต้นเป็นสิ่งที่ดีงามที่ องค์กรณ์ควรจะทำ....
เห็นด้วยทุกกรณีที่ว่ามา....ทำมามากแล้ว นานแสนนาน......
ทุกวันนี้ TOY ทำโดยตลอด.....
005 กำลังรอโอกาสเช่นว่านั่น......อะไรดีๆ เราก็ควรทำ......
และการลาออกของพนักงานอาจจะลดน้อยลงกว่านี้ก็เป็นได้
สาเหตุแห่งการลาออก ที่ผ่านมา
· ค้นพบว่าตัวเองไม่ใช่อาชีพนี้
· ค้นพบตัวเองว่า ความสามารถไม่ถึง
· ไม่พอใจการบริหารงาน
· อยากมีรายได้มากกว่าที่เป็นอยู่
· เหนื่อยไม่ชอบทำงานที่หนัก
· ไปทำนา
· ทะเลาะกับทีมงานด้วยกัน
· ไปเรียนต่อ
· เกณฑ์ทหาร
นี่คือสาเหตุหลักๆ เท่าที่เจอ ที่ว่ามาไม่รวม ไม่พ้น Probation ไล่ออก.....
และถี่ยิ่งขึ้นและเร็วขึ้นเพราะระบบตรวจสอบของบริษัท
ในระบบ Office DATA Automatic System
บวกกับประสบการณ์เก่าๆ แต่รวดเร็ว เพราะแนวทางที่ซ้ำซากของปัญหา

2. ทุกวันเสาร์ หรือเวลาว่างตอนเย็น ๆ อาจจะจัดเป็นชั่วโมงการดูหนังอาทิตย์ละครั้ง โดยเลือกหนังที่น่าสนใจของหลาย ๆ ประเทศ มาดูร่วมกันในทีม Production
แล้วมาวิพากษ์วิจารณ์หนังที่ดูกัน ซึ่งจะเป็นการเปิดโลกทัศน์การดูหนังใหม่ ๆ แปลก ๆ ให้กับทีมงานมากขึ้น และอาจนำมาประยุกต์ใช้กับการทำงานด้วยก็ได้
ทำมาหมดแล้ว.....ดูเหมือนทุกคนต้องการโลกส่วนตัวของตัวเอง อีกอย่างหนังในตู้ ในห้อง Com 1 ถ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หาเปิดตู้หรือยืมไปดู ค้นพบว่า เป็นวิธีทางเดียว ที่ไม่ให้หนังหา และมักจะหาย ตอนที่จะใช้ทำงานเสียด้วย
3. แผนก Producer ต้องศึกษาลูกค้า Agency และลูกค้า Product ว่าสินค้าที่ Handle อยู่มีอะไรบ้างจะได้จัดเตรียมขนมและเครื่องดื่มได้ไม่ผิดพลาดค่ะ
( ซึ่ง ELE ก็กำลังเรียนรู้ในจุดนี้อยู่ค่ะ เพราะลูกค้ามักมีความ Sensitive ต่อ Band สูงมาก มีอะไรก็แนะนำได้เลยนะคะ )
…………………………………………………………………………ELE………………………………………………………………………
กรณี Lay Smile ผมจะระวังตัวของผมให้มากขึ้นเช่นกัน
ต่อกรณี ที่ลูกค้า เปิดกระติกขึ้น มา มีแต่ COKE and Spite

ขอบคุณมากสำหรับ เมลล์ของ ELE
005.

ปล.ELE Subject ลงท้าย ด้วย 05 ไม่น่านะ 2007 จะดีกว่า
Search ง่ายกว่า เพราะที่นี้ เราใช้เป็น คศ


คืนวันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสคุยกับพี่อ่ำ

ซึ่งก็ทำให้ไขข้อข้องใจ และข้อสงสัยในหลาย ๆ เรื่อง อย่างกระจ่างค่ะ

- ทุกสิ่งทุกอย่างมีคำตอบอยู่ในตัวเองจริง ๆ ค่ะ // แม้แต่ความ “เงียบ” นั่นก็คือคำตอบ ที่ทุกคนที่นี่รู้กันดี

- ได้เรียนรู้ว่า “เราควรรับผิดชอบหน้าที่ของเราให้ดีก่อนที่จะไปวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น” และถ้าจะทำจริง ๆ ก็ต้องทำให้ถูกที่ถูกเวลาค่ะ

- พี่อ่ำ ให้ ELE ทำสรุปข้อดี – ข้อเสีย และข้อควรแก้ไขของตัวเอง รวมทั้งทำสรุปของพี่อ่ำด้วย

แต่ ELE มีความเห็นว่า จะขอสรุปในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ที่รับผิดชอบของตัวเองจะดีกว่าค่ะ

- ช่วงเวลาจากนี้ไป คงต้องเรียนรู้หน้าที่รับผิดชอบของตนเองให้มากขึ้น เพราะทุก ๆ คนต้องเติบโตค่ะ

- เป้าหมายในชีวิต คือ ต้องเป็น “Producer” ในงานสายโฆษณาติดอันดับ TOP 10 เมืองไทยให้ได้ในสักวัน

- ต้องขอบคุณสำหรับ “โอกาส” ที่ Sky Exits มอบให้ค่ะ จะตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด-----แม้จะไม่มีใครคาดหวังก็ตาม



Merci Beaucoup

----------------ELE

ตอบ

คนที่ทำการสรุปข้อดี ข้อเสีย และคำเสนอแนะได้ หาได้น้อยยิ่งในสังคมไทย ณ ปัจจุบัน

ยิ่งการสรุปข้อดี ข้อเสีย และคำเสนอแนะ ให้กับต้วของตัวของตัวเองยิ่ง หนักข้อ หายากยิ่งเข้าไปใหญ่

ที่กล่าวมาล้วนประสบการณ์และการมองปัญหา ในหลายๆด้าน มิใช่เพียงด้านเดียวหรือด้านหนึ่งด้านใดโดยเฉพาะ

ทั้งนี้ทั้งนั่น บุคคลนั่น จักต้องมองโลกในแง่ดีด้วย Positive Thinking, Positive Life…



คิดบวก ชีวิตบวก

Positive Thinking, Positive Life…
ว. วชิรเมธี
เวลาเจองานหนัก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือโอกาสในการเตรียมพร้อมสู่ความเป็นมืออาชีพ
เวลาเจอปัญหาซับซ้อน ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทเรียนที่จะสร้างปัญญาได้อย่างวิเศษ
เวลาเจอความทุกข์หนัก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือแบบฝึกหัดที่จะช่วยให้เกิดทักษะในการดำเนินชีวิต
เวลาเจอนายจอมละเมียด ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการฝึกตนให้เป็นคนสมบูรณ์แบบ (Perfectionist)
เวลาเจอคำตำหนิ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการชี้ขุมทรัพย์มหาสมบัติ
เวลาเจอคำนินทา ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการสะท้อนว่าเรายังคงเป็นคนที่มีความหมาย
เวลาเจอความผิดหวัง ให้บอกตัวเองว่า นี่คือวิธีที่ธรรมชาติกำลังสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชีวิต
เวลาเจอความป่วยไข้ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการเตือนให้เห็นคุณค่าของการรักษาสุขภาพให้ดี
เวลาเจอความพลัดพราก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทเรียนของการรู้จักหยัดยืนด้วยขาตัวเอง
เวลาเจอลูกหัวดื้อ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือโอกาสทองของการพิสูจน์ความเป็นพ่อแม่ที่แท้จริง
เวลาเจอแฟนทิ้ง ให้บอกตัวเองว่า นี่คือความเป็นอนิจจังที่ทุกชีวิตมีโอกาสพานพบ
เวลาเจอคนที่ใช่แต่เขามีคู่แล้ว ให้บอกตัวเองว่า นี่คือประจักษ์พยานว่าไม่มีใครได้ทุกอย่างดั่งใจหวัง
เวลาเจอภาวะหลุดจากอำนาจ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือความอนัตตาของชีวิตและสรรพสิ่ง
เวลาเจอคนกลิ้งกะล่อน ให้บอกตัวเองว่า นี่คืออุทาหรณ์ของชีวิตที่ไม่น่าเจริญรอยตาม
เวลาเจอคนเลว ให้บอกตัวเองว่า นี่คือตัวอย่างของชีวิตที่ไม่พึงประสงค์
เวลาเจออุบัติเหตุ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือคำเตือนว่าจงอย่าประมาทซ้ำอีกเป็นอันขาด
เวลาเจอศัตรูคอยกลั่นแกล้ง ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบททดสอบว่าที่ว่า "มารไม่มีบารมีไม่เกิด"
เวลาเจอวิกฤต ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทพิสูจน์สัจธรรม "ในวิกฤตย่อมมีโอกาส"
เวลาเจอความจน ให้บอกตัวเองว่า นี่คือวิธีที่ธรรมชาติเปิดโอกาสให้เราได้ต่อสู้ชีวิต
เวลาเจอความตาย ให้บอกตัวเองว่า นี่คือฉากสุดท้ายที่จะทำให้ชีวิตมีความสมบูรณ์



แม้แต่ความ “เงียบ” นั่นก็คือคำตอบ ที่ทุกคนที่นี่รู้กันดี

THE SOUND OF SILENCE
SIMON & GARFUNKEL


Merci Beaucoup
Votre bien venu 005