Monday 5 November 2007
ทำไมช่องทีวีไม่มีเลขคู่??
คุณรู้มั้ย ทำไม ?? ทีวีไม่มี "เลขคู่"
ต้องทำความเข้าใจกับพื้นฐานเรื่องการรับสัญญาณโทรทัศน์ก่อน คือ การรับสัญญาณภาพซึ่งคล้ายกับการรับสัญญาณเสียง แต่การรับสัญญาณภาพมีรายละเอียดมากกว่า ยกตัวอย่าง เช่น การรับสัญญาณวิทยุจากปีกอากาศมีสัญญาณเครื่องส่งที่ส่งไปสะท้อนกับตึกหรือภูเขาแล้วกลับมาเข้าเครื่องสัญญาณมี 3 ทางด้วยกัน คือ เส้นทางที่ 1 จากเครื่องส่งตรงเข้าเครื่องรับ เส้นทางที่ 2 และ 3 จากเครื่องส่งไปสะท้อนกับตึกและภูเขา แล้วค่อยเข้าไปยังเครื่องรับ
ทั้งนี้ จะเห็นว่าระยะทางของคลื่นสะท้อนมีระยะทางมากกว่า จึงทำให้เดินทางไปถึงเครื่องรับช้ากว่า สมมุติว่าคลื่นตรงระยะทาง 20 กิโลเมตร และระยะทางคลื่นสะท้อนมีระยะทาง 25 กิโลเมตร การเดินทางของคลื่น 300,000 กิโลเมตร/วินาที ระยะทางที่เดินทางต่างกันน้อยมาก เมื่อเปรียบเทียบกับความเร็วของคลื่นที่เดินทาง แต่มนุษย์เราแยกไม่ออก เพราะเสียงที่สะท้อนและเข้ามาทีหลังมีสัญญาณที่คล้ายกัน
ขณะที่การรับสัญญาณภาพ หากมีคลื่นสะท้อนจะปรากฏเป็นภาพซ้อนขึ้น ซึ่งตาของมนุษย์สามารถมองเห็นได้ ดังนั้นการส่งและรับสัญญาณภาพจึงต้องจัดระบบและอุปกรณ์ในการรับสัญญาณที่มีทิศทางในการรับที่แน่นอน โดยต่อมาได้มีการพัฒนาระบบการรับของปีกอากาศในการรับในแบบทิศทางเดียว
และเพื่อป้องกันความสับสนในการรับส่งช่องสัญญาณ ประเทศไทยจึงปรับเปลี่ยนช่องสัญญาณใหม่จากส่งสัญญาณโทรทัศน์ครั้งแรกที่กรุงเทพฯ ผ่านความถี่ VHF แบ่งช่องสัญญาณออกมาเป็นช่องๆ คือ ช่อง 2 ความถี่ 47-54 MHz ช่อง 3 ความถี่ 54-61 MHz ถึงช่อง 5 ความถี่ 174-181 MHz
จะเห็นได้ว่าช่องสัญญาณแต่ละความถี่แบ่งออกเป็นแต่ละช่อง ช่องโทรทัศน์ก็เลยเอาชื่อของช่องผ่านความถี่ VHF ตั้งชื่อช่องโทรทัศน์ 3-5-7-9-11 ปัญหาก็คือเมื่อช่องต่างๆ จะส่งสัญญาณในต่างจังหวัดก็จะต้องมีการสลับช่องส่ง ช่อง 3 ในกรุงเทพฯ เมื่อออกต่างจังหวัดอาจต้องย้ายความถี่ไปส่งเป็นช่อง 6 ช่อง 7 กรุงเทพฯ อาจจะต้องย้ายไปส่งช่อง 12 จึงเกิดความสับสนว่าทำไมจูนความถี่ 224 MHz เป็นช่อง 12 แต่มีโลโก้ของช่อง 7 ออกมา
ปัจจุบันปัญหาดังกล่าวไม่เกิดแล้ว เพราะโทรทัศน์ทุกวันนี้เป็นระบบ AUTO TONE ค้นหาช่องเอง และเรียงช่องให้อัตโนมัติ ถึงเวลาก็เปลี่ยนช่อง ไม่ต้องไปสนใจว่าความถี่อะไรเป็นช่องอะไร
ในปัจจุบันได้มีโทรทัศน์เพิ่มขึ้นมาอีกย่าน UHF ได้สัมปทานช่อง 29 (ITV หรือเดี๋ยวนี้คือ TITV) ความถี่ 534-542 MHz หากตั้งชื่อของช่องสถานีเป็นชื่อช่อง 29 คงจะปวดหัวน่าดู เฉพาะในกรุงเทพฯ ก็ส่งไป 3 ช่องความถี่ คงต้องมีการแจกเอกสารชี้แจงเรื่องความถี่ไม่ตรงกับชื่อช่องวุ่นวาย จึงมีการตั้งชื่อเองว่า ITV จะส่งช่องอะไรก็ได้ (ในช่วงแรกๆ ส่ง 3 ช่องสัญญาณ 26, 29, 34)
ต้องทำความเข้าใจกับพื้นฐานเรื่องการรับสัญญาณโทรทัศน์ก่อน คือ การรับสัญญาณภาพซึ่งคล้ายกับการรับสัญญาณเสียง แต่การรับสัญญาณภาพมีรายละเอียดมากกว่า ยกตัวอย่าง เช่น การรับสัญญาณวิทยุจากปีกอากาศมีสัญญาณเครื่องส่งที่ส่งไปสะท้อนกับตึกหรือภูเขาแล้วกลับมาเข้าเครื่องสัญญาณมี 3 ทางด้วยกัน คือ เส้นทางที่ 1 จากเครื่องส่งตรงเข้าเครื่องรับ เส้นทางที่ 2 และ 3 จากเครื่องส่งไปสะท้อนกับตึกและภูเขา แล้วค่อยเข้าไปยังเครื่องรับ
ทั้งนี้ จะเห็นว่าระยะทางของคลื่นสะท้อนมีระยะทางมากกว่า จึงทำให้เดินทางไปถึงเครื่องรับช้ากว่า สมมุติว่าคลื่นตรงระยะทาง 20 กิโลเมตร และระยะทางคลื่นสะท้อนมีระยะทาง 25 กิโลเมตร การเดินทางของคลื่น 300,000 กิโลเมตร/วินาที ระยะทางที่เดินทางต่างกันน้อยมาก เมื่อเปรียบเทียบกับความเร็วของคลื่นที่เดินทาง แต่มนุษย์เราแยกไม่ออก เพราะเสียงที่สะท้อนและเข้ามาทีหลังมีสัญญาณที่คล้ายกัน
ขณะที่การรับสัญญาณภาพ หากมีคลื่นสะท้อนจะปรากฏเป็นภาพซ้อนขึ้น ซึ่งตาของมนุษย์สามารถมองเห็นได้ ดังนั้นการส่งและรับสัญญาณภาพจึงต้องจัดระบบและอุปกรณ์ในการรับสัญญาณที่มีทิศทางในการรับที่แน่นอน โดยต่อมาได้มีการพัฒนาระบบการรับของปีกอากาศในการรับในแบบทิศทางเดียว
และเพื่อป้องกันความสับสนในการรับส่งช่องสัญญาณ ประเทศไทยจึงปรับเปลี่ยนช่องสัญญาณใหม่จากส่งสัญญาณโทรทัศน์ครั้งแรกที่กรุงเทพฯ ผ่านความถี่ VHF แบ่งช่องสัญญาณออกมาเป็นช่องๆ คือ ช่อง 2 ความถี่ 47-54 MHz ช่อง 3 ความถี่ 54-61 MHz ถึงช่อง 5 ความถี่ 174-181 MHz
จะเห็นได้ว่าช่องสัญญาณแต่ละความถี่แบ่งออกเป็นแต่ละช่อง ช่องโทรทัศน์ก็เลยเอาชื่อของช่องผ่านความถี่ VHF ตั้งชื่อช่องโทรทัศน์ 3-5-7-9-11 ปัญหาก็คือเมื่อช่องต่างๆ จะส่งสัญญาณในต่างจังหวัดก็จะต้องมีการสลับช่องส่ง ช่อง 3 ในกรุงเทพฯ เมื่อออกต่างจังหวัดอาจต้องย้ายความถี่ไปส่งเป็นช่อง 6 ช่อง 7 กรุงเทพฯ อาจจะต้องย้ายไปส่งช่อง 12 จึงเกิดความสับสนว่าทำไมจูนความถี่ 224 MHz เป็นช่อง 12 แต่มีโลโก้ของช่อง 7 ออกมา
ปัจจุบันปัญหาดังกล่าวไม่เกิดแล้ว เพราะโทรทัศน์ทุกวันนี้เป็นระบบ AUTO TONE ค้นหาช่องเอง และเรียงช่องให้อัตโนมัติ ถึงเวลาก็เปลี่ยนช่อง ไม่ต้องไปสนใจว่าความถี่อะไรเป็นช่องอะไร
ในปัจจุบันได้มีโทรทัศน์เพิ่มขึ้นมาอีกย่าน UHF ได้สัมปทานช่อง 29 (ITV หรือเดี๋ยวนี้คือ TITV) ความถี่ 534-542 MHz หากตั้งชื่อของช่องสถานีเป็นชื่อช่อง 29 คงจะปวดหัวน่าดู เฉพาะในกรุงเทพฯ ก็ส่งไป 3 ช่องความถี่ คงต้องมีการแจกเอกสารชี้แจงเรื่องความถี่ไม่ตรงกับชื่อช่องวุ่นวาย จึงมีการตั้งชื่อเองว่า ITV จะส่งช่องอะไรก็ได้ (ในช่วงแรกๆ ส่ง 3 ช่องสัญญาณ 26, 29, 34)