Friday 28 February 2014

"วิกฤตของเมื่อวานนี้คือ เรื่องตลกสำหรับวันพรุ่งนี้"

 

"วิกฤตของเมื่อวานนี้คือ เรื่องตลกสำหรับวันพรุ่งนี้"

"The crisis of yesterday is the joke of tomorrow"

____________________
เฮอร์เบิร์ต จอร์จ เวลส์ หรือ เอช. จี. เวลส์ (H. G. Wells) นักเขียนนวนิยายแนววิทยาศาสตร์ ชาวอังกฤษ
 

"ฟาดฟันกับข้อผิดพลาดของคุณ เป็นมิตรกับเพื่อนบ้าน และเป็นคนที่ดีกว่าเก่าทุกๆปีใหม่"
 
"Be at war with your vices; at peace with your neighbors, and let every new year find you a better man."
 
__________________________
เบนจามิน แฟรงคลิน (Benjamin Franklin) นักเขียน นักปรัชญา นักการเมือง นักวิทยาศาสตร์ นักประดิษฐ์ นักปฏิรูป และนักการทูต คนสำคัญในยุคแสงสว่างของสหรัฐอเมริกา
 

"วันปีใหม่มีความหมายสำหรับคุณอย่างไร?"
"มันก็แค่ค่ำคืนที่เหงาที่สุดในรอบปี"

"What does a 'New Year' mean to you?"
"It's just the loneliest night of the year."

__________________

จอห์น ดอน ปาสซอส (John Dos Passos) นักเขียนชาวอเมริกันผู้เขียนนวนิยายเรื่องยิ่งใหญ่ U.S.A. (1938) และ Manhattan Transfer (1925)



"เมื่อวานคืออดีต พรุ่งนี้คืออนาคต แต่ว่าวันนี้คือของขวัญ เพราะฉะนั้นในภาษาอังกฤษเราถึงเรียกมันว่าเพรเซนท์"

"Yesterday's the past, tomorrow's the future, but today is a gift. That's why it's called the present."

--------------------------
--------------------------

"คนเขาคิดค้น "การกอด" ขึ้นมา ก็เพื่อให้คนรอบๆตัวคุณรู้ว่า คุณรักพวกเขาโดยไม่ต้องมีคำพูดใดๆเปล่งออกมาเลย"

"They invented hugs to let people know you love them without saying anything."

_____________________
บิล คีน (Bil Keane) นักวาดการ์ตูนชาวอเมริกา

 

"ร้องเพลงเสมือนหนึ่งว่าไม่มีใครรับฟังอยู่ รักประหนึ่งว่าไม่เคยปวดร้าวมาก่อน เริงระบำราวกับว่าไม่มีใครเฝ้ามองอยู่ และใช้ชีวิตประหนึ่งว่าอยู่ในสวรรค์บนดิน"
 
"Sing like no one's listening, love like you've never been hurt, dance like nobody's watching,and live like it's heaven on earth."
 
__________________
ซามูเอล แลงฮอร์น คลีเมนส์ (Samuel Langhorne Clemens) นักเขียนเรื่องขบขันชาวอเมริกันที่มีชื่อเสียง มีนามปากกาที่เป็นที่รู้จักคือ Mark Twain
 

"การมีใครสักคนที่อยากรู้ว่าคุณหายไปไหน ทำไมถึงยังไม่กลับบ้านในคืนนี้ คือความปรารถนาที่เก่าแก่ของมวลมนุษย์"

"Having someone wonder where you are when you don't come home at night is a very old human need. "

__________________
มาร์กาเร็ต มีด (Margaret Mead) นักมานุษยวิทยาชาวอเมริกัน


"เราต้องไม่หยุดฝัน ความฝันมอบความอิ่มเอมให้แก่จิตวิญญาณ เฉกเช่นเดียวกับอาหารที่ให้ความอิ่มอุ่นแก่ร่างกาย

"We must never stop dreaming. Dreams provide nourishment
for the soul, just as a meal does for the body."

_____________________
เปาลู กูเอลยู (Paulo Coelho) นักเขียนชาวบราซิล



"ความหวังส่งยิ้มจากจุดเริ่มของปีที่กำลังจะมา
พร้อมกระซิบว่า 'จะมีความสุขยิ่งกว่า...'"

"Hope Smiles from the threshold of the year to come,

Whispering 'it will be happier'..."

____________
อัลเฟรด เทนนิสเซน (Alfred Tennyson) กวีเอกชาวอังกฤษ-ไอร์แลนด์

 

"ฉันไม่มีอะไรในวันนี้ นอกจากรอยยิ้ม"
"I've got nothing to do today but smile."
__________
พอล ไซมอน (Paul Simon) นักร้องนักแต่งเพลงชาวอเมริกันที่ได้รับการยกย่องจากนิตยสาร Times ให้เป็นหนึ่งในร้อยบุคคลสำคัญที่มีส่วนเปลี่ยนแปลงโลก


"ความรักก็เหมือนการเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง เป็นความเจ็บป่วยที่คุณไม่อาจรักษาให้หายขาด"

"A love like that was a serious illness, an illness from which you never entirely recover."

___________
ชาร์ลส์ บูคอฟสกี้ (Charles Bukowski) กวี-นักเขียนชาวอเมริกัน



"อย่ายึดถือชีวิตให้จริงจังเกินไปนัก เพราะสุดท้ายคุณไม่อาจก้าวพ้นมันไปโดยที่ยังมีชีวิตอยู่"
"Do not take life too seriously. You will never get out of it alive."

_________________
เอลเบิร์ท ฮับบาร์ด (Elbert Hubbard) นักเขียน-นักปรัชญาชาวอเมริกัน




"ความจริงคือสิ่งที่ทำให้คนเรามีความแน่นอน กระจ่างแจ้ง และเข้มแข็ง"

"truth is that which makes a people certain, clear, and strong."

_______________
มาร์ติน ไฮเดกเกอร์ (Martin Heidegger) นักปรัชญาชาวเยอรมัน



"ความโดดเดี่ยวกลายเป็นกรดที่กัดกร่อนตัวคุณ"
"Loneliness becomes an acid that eats away at you."
_____________
จากนวนิยาย 1Q84 ของฮารุคิ มุราคามิ (Haruki Murakami) นักเขียนชาวญี่ปุ่นผู้โด่งดัง



"เสรีภาพย่อมไม่ใช่การเลือกระหว่างดำและขาว หากแต่คือการบอกเลิกทางเลือกที่ถูกกำหนดไว้ก่อนแล้ว"

"Freedom would be not to choose between black and white but to abjure such prescribed choices."
___________
เธียวโอดอร์ อดอร์โน (Theodor Adorno) นักคิด-นักทฤษฎีชาวเยอรมันแห่งสำนักแฟร์งก์เฟิร์ท



"คนเรามักหลงรักความเจ็บปวดที่พวกเขาไม่อาจทิ้งมันไว้เบื้องหลัง อย่างเดียวกับเรื่องที่พวกเขาเล่า เราต่างวางกับดักตัวเราเอง"

"People fall so in love with their pain, they can't leave it behind. The same as the stories they tell. We trap ourselves."

________________
ชัค พาลาห์เนียค (Chuck Palahniuk) นักเขียน-ผู้สื่อข่าวชาวอเมริกันผู้เขียนนวนิยายที่ถูกดัดแปลงเป็นหนังเรื่องดัง Fight Club



"คุณอาจเบื่อความเป็นจริงบ้าง แต่ไม่เคยเลยที่จะเบื่อความฝัน"
"You may tire of reality but you never tire of dreams."


___________________
(L.M. Montgomery) แอล. มอนท์โกเมอรี่ นักเขียนนวนิยายสำหรับเยาวชนชาวคานาดา



"หมู่มิตรคือผู้ขโมยเวลา"
"Friends are thieves of time."

_________________
ฟรานซิส เบคอน (Francis Bacon) นักปรัชญาชาวอังกฤษเจ้าของวาทะ "ความรู้คืออำนาจ" ที่บ้างก็ว่าเป็นบิดาของปรัชญาสมัยใหม่



"ตราบเท่าที่คนเรามีอิสระที่จะถามในสิ่งที่พวกเขาต้องทำ มีอิสระที่จะพูดในสิ่งที่คิด มีอิสระที่จะคิดในสิ่งที่เขามุ่งหมาย อิสรภาพย่อมไม่มีวันสูญสลาย เช่นเดียวกับวิทยาศาสตร์ที่ไม่มีวันก้าวถอยหลัง"

"As long as men are free to ask what they must,
free to say what they think, free to think what they will, freedom can never be lost and science can never regress."

____________
มาร์แซ็ล พรุสต์ (Marcel Proust) นักเขียนนวนิยายชาวฝรั่งเศส



"ความรักไม่รู้จักคุณธรรม ความดีใดๆ มันรัก ให้อภัย และอดทนต่อทุกสิ่งเพราะมันจำเป็นต้องทำ เราไม่อาจถูกชี้นำด้วยเหตุผล..."

"Love knows no virtue, no merit; it loves and forgives and tolerates everything because it must. We are not guided by
reason..."

________________
จาก Venus in Furs ของเลโอโพลด์ ฟอน ซัคเคอร์-มาซอค (Leopold von Sacher-Masoch) นักเขียนนวนิยายชาวออสเตรีย ผู้เป็นต้นกำเนิดของคำว่ามาโซคิสต์ (masochism) หรือผู้นิยมความเจ็บปวด



"เราแต่ละคนต่างพบปะกับบุคคลอื่นๆ ในอาภรณ์ที่ดูมีเกียรติยศ แต่ทว่าเราต่างรู้ดีว่ามีบางอย่างที่ไม่อาจเอื้อนเอ่ยดำเนินอยู่ในใจ"

"Each of us, face to face with other men, is clothed with some sort of dignity, but we know only too well all the
unspeakable things that go on in the heart."
__________
ลุยจิ พิรันเดลโล (Luigi Pirandello) นักเขียนเรื่องสั้น-บทละครชาวอิตาเลียน เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม ผู้เคยสนับสนุนลัทธิฟาสซิสต์ โดยให้เหตุผลว่า "อิตาเลียนคนไหนบ้างเล่าไม่เป็นฟาสซิสต์"



"ลึกลงไปในฤดูหนาว ที่สุดผมเรียนรู้ว่าภายในตนเองมีฤดูร้อนซึ่งมิอาจทำลายได้"

"In the depth of winter, I finally learned that within me there lay an invincible summer."

__________________
Albert Camus (อัลแบรต์ กามูส์) นักเขียน-นักปรัชญาชาวฝรั่งเศส
 


"เกียรติยศไม่จำเป็นต้องมาจากชัยชนะ แต่ต้องมาจากความไม่ยอมพ่ายแพ้"
"Honor has not to be won; it must only not be lost."

_______________

"มนุษย์สามารถเป็นตัวเองได้ตราบเท่าที่เขาอยู่เพียงลำพัง และหากเขาไม่รักการอยู่สันโดษแล้ว เขาก็ไม่อาจรักเสรีภาพ เพราะยามเมื่อเขาอยู่เพียงลำพังเท่านั้นที่เขาจะมีเสรีภาพอย่างแท้จริง"

"A man can be himself only so long as he is alone; and if he does not love solitude, he will not love freedom; for it is only when he is alone that he is really free."

_______________
อาร์เธอร์ โชเพนเฮาเออร์ (Arthur Schopenhauer) นักปรัชญาชาวเยอรมัน


"รัก! รักจนถึงราตรีแหลกสลาย"
"Love! Love until the night collapses!"

__________________
จาก Machu Picchu ของ ปาโบล เนรูด้า (Pablo Neruda)


"รัก รักมากมาย เพื่อที่จะรักรัก"
"Love loves to love love."

______________
James Joyce (เจมส์ จอยซ์ ) ผู้เขียน Ulysses



"ความโดดเดี่ยวนั้นไม่เคยโหดร้ายมากเท่ากับความรู้สึกที่ได้รับจากความใกล้ชิดกับบางคนที่เลิกล้มการสื่อสาร"

"Loneliness is never more cruel than when it is felt in close propinquity with someone who has ceased to communicate."
______________
เจอร์เมน เกรียร์ (Germaine Greer) นักเขียน-นักสตรีนิยมชาวออสเตรเลีย



"มีคนอีกไม่น้อยเลยล่ะที่ความจริงอันบริสุทธิ์สำหรับพวกเขาคือยาพิษ"
"There are certain persons for whom pure Truth is a poison."

_____________
อ็องเดร โมรัวส์ (Andre Maurois) นักเขียน-นักประวัติศาสตร์ชาวฝรั่งเศส



"คำเดียวที่ทำให้เรารู้สึกบรรเทาเบาบางจากความหนักและเจ็บปวดแห่งชีวิต: คำนั้นคือ รัก"

"One word frees us of all the weight and pain of life: That word is love."

____________________________
ซอโฟคลีส (sopʰoklɛ̂,Sophocles) นักเขียนบทละครและโศกนาฏกรรมชาวกรีก ผลงานที่มีชื่อเสียงคือ ออดิปัสคิง ออดิปัสแอทโคโลนุส แอนติกอน



"การรักคือการมีทุกข์ เพื่อหลีกเลี่ยงความทุกข์ก็ต้องไม่รัก แต่ว่าก็ต้องทุกข์จากการไม่รัก ดังนั้นการรักคือการมีทุกข์ การไม่รักคือการมีทุกข์ การมีทุกข์ก็คือการมีทุกข์ การมีความสุขคือการรัก ถ้าเช่นนั้นการมีความสุขก็คือการมีความทุกข์ แต่ว่าความทุกข์ทำให้ไม่มีความสุข ดังนั้นเพื่อที่จะไม่มีความสุขก็ต้องรัก หรือรักเพื่อมีทุกข์ หรือมีทุกข์จากความสุขที่มากเกินไป ผมหวังว่าคุณกำลังจดคำพูดนี้อยู่นะครับ"

"To love is to suffer. To avoid suffering one must not love. But then one suffers from not loving. Therefore to love is to suffer, not to love is to suffer. To suffer is to suffer. To be happy is to love. To be happy then is to suffer. But suffering makes one unhappy. Therefore, to be unhappy one must love, or love to suffer, or suffer from too much happiness. I hope you're getting this down."

____________________________
วูดดี อัลเลน ( Woody Allen) ผู้กำกับภาพยนตร์อเมริกัน นักแสดง ดาราตลก นักเขียน นักดนตรีและนักเขียนบทละคร



"ความรักไม่ได้ขับเคลื่อนให้โลกหมุน หากความรักทำให้การอยู่นิ่งๆ มีความหมาย"

"Love doesn't make the world go 'round. Love is what makes the ride worthwhile."

____________________
แฟรงคลิน พี. โจนส์ (Franklin P. Jones) นักข่าวชาวอเมริกา


"ชีวิตไม่ใช่ปัญหาที่มีไว้ให้แก้ หากแต่เป็นความจริงที่ต้องเผชิญ"

"Life is not a problem to be solved, but a reality to be experienced."

________________________
เซอเรน เคียร์เคอกอร์ (Søren Kierkegaard) นักปรัชญาชาวเดนมาร์กในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 19 ถือกันโดยทั่วไปว่าเขาเป็นนักปรัชญาอัตถิภาวนิยมคนแรก


"The first duty of a human being is to assume the right functional relationship to society -- more briefly, to find your real job, and do it."

"หน้าที่แรกของการเป็นมนุษย์คือการรับผิดชอบต่อบทบาทหน้าที่ของตนที่มีต่อสังคม– พูด ให้ง่ายก็คือ หา
งานที่ใช่ให้พบและลงมือทำ"

_________________________
ชาร์ล็อต เพอร์กิน กิลแมน (Charlotte Perkins Gilman) นักเขียนนวนิยายสายเฟมินิสต์ เจ้าของผลงาน "Herland" ที่เขียนถึงการปกครองที่ดีงามในกฎของสตรี



"หนทางเดียวที่เราจะรู้จักคนคนหนึ่งได้ก็คือการรักเขาโดยไม่ตั้งความหวัง"
"The only way of knowing a person is to love them without hope."

___________
วอลเทอร์ เบนยามิน (Walter Benjamin) นักเขียน-นักคิดชาวเยอรมันเชื้อสายยิว

"ก่อนหน้าสามชั่วโมงย่อมดีกว่าช้าไปหนึ่งนาที"
"Better three hours too soon than a minute too late."

__________
วิลเลี่ยม เชคสเปียร์ (William Shakespeare)


"เชื่อมั่นในสิ่งที่คุณรัก ทำสิ่งนั้นต่อไป และสิ่งนั้นจะพาคุณไปยังจุดที่คุณปรารถนาจะไปให้ถึง"

"Trust in what you love, continue to do it, and it will take you where you need to go."

_____________________________
นาตาลี โกลด์เบิร์ก(Natalie Goldberg) นักเขียน นักพูด ชาวอเมริกา


"ไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการเป็นคนที่คุณน่าจะเป็น"

"It is never too late to be what you might have been."


_____________________
จอร์จ เอเลียต(George Eliot) นามปากกาของ Mary Anne Evans นักเขียนนวนิยายชาวอังกฤษ ยุควิคตอเรีย


"ผมคิดว่าหน้าที่หลักๆ ของการพูดเสียดเย้ยในโลกร่วมสมัยคือกลไกป้องกันของผู้พูดจากการถูกตีความว่าเป็นคนไร้เดียงสา หรือเป็นพวกช่างอ่อนไหว"
"I think the main function of contemporary irony is to protect the
speaker from being interpreted as naive or sentimental."

__________
เดวิด ฟอสเตอร์ วอลเลซ (David Foster Wallace) นักเขียนชาวอเมริกันผู้เขียน Infinite Jest


"บางครั้งมันไม่พอหรอกที่จะรู้ว่าอะไรมีความหมาย
บางครั้งคุณต้องรู้ว่าอะไรบ้างที่ไม่มีความหมาย"

"Sometimes it's not enough to know what things mean,
sometimes you have to know what things don't mean."
― Bob Dylan


"To be a good loser is to learn how to win."

"การเป็นผู้แพ้ที่ดีคือการเรียนรู้หนทางสู่ชัยชนะ"

__________________________

คาร์ล แซนด์เบิร์ก (Carl Sandburg) นักเขียน กวี และบรรณาธิการคนสำคัญชาวอเมริกัน


"ผู้ที่ไม่เคยถอนข้อคิดเห็นของตนนั้นรักตัวเองมากกว่าความจริง"

"Those who never retract their opinions love themselves more than they love truth."

__________
โจแซฟ จูแบรต์ (Joseph Joubert) นักเขียนความเรียง ชาวฝรั่งเศส


"ฉันมีชีวิตในความฝันของฉัน อย่างที่คุณรับรู้ คนอื่นๆ ก็มีชีวิตในความฝัน แต่มิใช่ในฝันของพวกเขาเอง นั้นแตกต่างกัน"

"I live in my dreams — that's what you sense. Other people live in dreams, but not in their own. That's the difference."

________________________
แฮร์มันน์ เฮสเสอ (Hermann Hesse) นักเขียนชาวเยอรมัน-สวิส เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม


"บุคลิกที่แท้จริงของความเขลาคือความเย่อหยิ่ง ทะนงตน และอหังการ"

"The truest characters of ignorance are vanity and pride and arrogance."

_____________
ซามูเอล บัทเลอร์ (Samuel Butler) นักเขียนนวนิยายชาวอังกฤษคนสำคัญแห่งยุควิคตอเรีย ผู้เขียนผลงานชิ้นยอดเยี่ยมThe Way of All Flesh และ Erewhon



"ชีวิตนั้นเรียบง่าย หากเราดึงดันที่จะทำให้มันเป็นเรื่องซับซ้อน"
"Life is really simple, but we insist on making it complicated."

___________
ขงจื๊อ (Confucius) ปราชญ์ชาวจีนผู้ยิ่งใหญ่



"จงพร้อมที่จะอยู่เพียงลำพัง และอย่าได้ละเลยที่จะไขว่ขว้าคุณค่าในความโดดเดี่ยว และสังคมแห่งการอยู่กับตัวเอง
"Be able to be alone. Lose not the advantage of solitude, and the society of thyself."

________
เซอร์ โธมัส บราวน์ (Sir Thomas Browne) นักเขียนผู้โด่งดังจากศตวรรษที่ 17 ผู้เขียน Religio Medici และ Pseudodoxia Epidemica ที่โต้แย้งความงมงายและความเข้าใจที่ผิดพลาดในเวลานั้น



"เมื่อใดก็ตามที่คุณเกิดความขัดแย้งกับบางคน มีปัจจัยหนึ่งกำหนดความแตกต่าง ระหว่างการทำลายมิตรภาพและการสานสัมพันธ์ให้แนบแน่นยิ่งขึ้น ปัจจัยที่ว่านั้นก็คือทัศนคติ"

"Whenever you're in conflict with someone, there is one factor that can make t
he difference between damaging your relationship and deepening it. That factor is attitude."

________________
วิลเลี่ยม เจมส์ (William James) นักปรัชญาชาวอเมริกัน ผู้ก่อตั้งสำนักคิด Pragmatism


"ผมเป็นคนไม่เพ้อฝัน - ผมคาดหวังสิ่งมหัศจรรย์"

"I am realistic – I expect miracles"

_______________
เวย์น ไดเออร์(Wayne W. Dyer) นักเขียนชาวอเมริกา


"หนังสือคือสวนหย่อม คือสวนผลไม้ คือเรือนเก็บของ คืองานเลี้ยง คือมิตรสหาย และอีกอย่างหนึ่งก็คือผู้ให้คำปรึกษา"

"A book is a garden, an orchard, a storehouse, a party, a company by the way, a counselor, a multitude of counselors."
__________________
ชาร์ลส์ โบดแลร์ (Charles Baudelaire) กวี-นักวิจารณ์ผู้ยิ่งใหญ่ชาวฝรั่งเศส


"จะปกปิดความรุนแรงได้ก็ด้วยการโกหก และด้วยคำโกหกนี้เองที่ทำให้ความรุนแรงยังคงดำเนินสืบเนื่องเรื่อยไป"
"Violence can only be concealed by a lie, and the lie can only be maintained by violence."

_____________
อเล็กซานเดอร์ โซเชนนิทซิน (Aleksandr Solzhenitsyn) นักเขียนนวนิยายชาวรัสเซีย เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมประจำปี 1970


"ฉันรักเธอ โดยก็ไม่รู้ว่าทำไม หรือเมื่อไหร่ หรือจากหนใด ฉันเพียงแค่รักเธอโดยปราศจากข้อปัญหา หรือความอหังการ ฉันรักเช่นนี้เพราะฉันไม่รู้หนทางอื่นใดในการจะรักนอกจากหนทางนี้ ที่ไม่มีฉันหรือว่าเธอ เป็นความแนบชิดชนิดที่มือของเธอซึ่งวางลงบนอกของฉันกลายเป็นมือของฉัน แนบชิดจนยามเมื่อฉันเข้าสู่นิทรา เธอจึงหลับตาลง"


"I love you without knowing how, or when, or from where. I love you simply, without problems or pride: I love you in this way because I do not know any other way of loving but this, in which there is no I or you, so intimate that your hand upon my chest is my hand, so intimate that when I fall asleep your eyes close."

________

จาก 100 Love Sonnets ของพาโบล เนรูดา (Pablo Neruda) มหากวีชาวชิลี



COLLINGWOOD: History

"ประวัติศาสตร์มีขึ้นเพื่อให้มนุษย์รู้จักตัวเอง...เป็นเงื่อนงำเดียวที่บอกว่า มนุษย์สามารถทำอะไรได้นั้นอยู่ในสิ่งที่เราเคยทำ ฉะนั้น คุณค่าของประวัติศาสตร์ จึงอยู่ที่การชี้แนะเราว่าเราเคยทำอะไรและอะไรที่นำมาสู่สิ่งที่เราเ
ป็น"

"History is for human self-knowledge…the only clue to what man can do is what man has done. The value of history, then, is that it teaches us what man has done and thus what man is."

_____________

อาร์.จี. คอลลิงวู้ด (R.G. Collingwood) นักปรัชญาชาวอังกฤษ เจ้าของผลงาน The Idea of History



"ปรัชญาที่เราเลือกยึดถือ คือชนิดของบุคคลที่เราเลือกเป็น"
"What sort of philosophy one chooses depends on what sort of person one is."

______________________

โยฮนน์ กอทท์เลียบ ฟิชเท (Johann Gottlieb Fichte) นักปรัชญาจิตนิยมชาวเยอรมัน ผู้ได้ชื่อว่าเป็นต้นกำเนิดความคิดแบบทางการเมืองแบบชาตินิยม (nationalism)


"ชีวิตที่ดีคือชีวิตที่ได้แรงบันดาลใจจากความรักและนำทางโดยความรู้"
"The good life is one inspired by love and guided by knowledge."

____________

เบอร์ทรันด์ รัสเซลล์ (Bertrand Russell) นักเขียน-นักปรัชญา-นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม


"คนฉลาดพูด เพราะมีบางสิ่งให้พูด ส่วนคนเขลาพูด เพียงเพราะต้องพูดบางอย่างออกไป"
"Wise men speak because they have something to say; fools because they have to say something."

_______________


เพลโต (Plato) นักปรัชญาชาวกรีก ผู้วางรากฐานวิธีคิดทางปรัชญา การเมือง ศิลปะให้กับโลกตะวันตก และยังคงส่งอิทธิพลความคิดเรื่อยมาจนปัจจุบัน

THE SPIRIT OF PLATO ของ William Blake



André Gide: TO BE OR NOT TO BE….

"ถูกชิงชังในสิ่งที่คุณเป็น ดีกว่าถูกรักในสิ่งที่คุณไม่ได้เป็น"
"It is better to be hated for what you are than to be loved for what you are not."


"ปัญญา...มิได้มาพร้อมอายุ หากแต่มาจากการศึกษาและเรียนรู้"

"Wisdom.... comes not from age, but from education and learning."


_____________
อันทอน เชคอฟ (Anton Chekhov) นักเขียนเรื่องสั้น บทละครชาวรัสเซีย


"Think like a wise man but communicate in the language of the people."

"ควรคิดอย่างผู้มีปัญญาแต่สื่อสารด้วยภาษาของคนทั่วไป"

________________________
วิลเลียม เยตส์ (William Butler Yeats) กวีและนักเขียนบทละครชาวไอริช ผู้มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูวรรณกรรมไอริชช่วงปลายคริสตศตวรรษที่ 19 ถึงต้นศตวรรษที่ 20



"ไม่มีใครรู้หรอกว่าบางคนต้องหมดเปลืองพลังมากขนาดไหน เพียงเพื่อจะเป็นคนปกติ"
"Nobody realizes that some people expend tremendous energy merely to be normal."

_________

อัลแบรต์ กามูส์ (Albert Camus) นักปรัชญา-นักเขียนชาวฝรั่งเศส