Wednesday 26 February 2014

เลือกช่องไหนดี!! 24ช่องใหม่ทีวีดิจิตอล

 
 
 



กูรูการตลาดวิเคราะห์ แผนเลือกเลขช่องทีวีดิจิตอล ของยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมสื่อ หนีไม่พ้น 'งัดพฤติกรรมคนดูและไสยศาสตร์มาตัดสินใจ' มองเลขช่องเป็นเกมสร้างการจดจำระยะสั้น วัดกันที่กึ๋น คอนเทนต์ดีอยู่ยาว...

เมื่อ สงครามรีโมตหน้าจอแก้วกำลังจะเกิดขึ้น !!! ไม่เกินเดือนเมษายนนี้ หลังจากที่บ้านเรามีจะช่องสถานีโทรทัศน์ หรือฟรีทีวีช่องใหม่เกิดขึ้นพร้อมๆ กัน 24 ช่อง โจทย์ที่รอคนทีวีตอบก็คือ คนดูจะกดรีโมตเลือกรับชมช่องไหนมากกว่ากัน

งานนี้ "ไทยรัฐออนไลน์" มีโอกาสพูดคุยกับนักการตลาดชื่อดัง "ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย" ที่วิเคราะห์ เบื้องลึกการเลือกหมายเลขช่อง ของผู้ประกอบการแต่ละเจ้าว่ามีความสำคัญขนาดไหน แต่ละช่องที่เลือกไปจะครองตำแหน่งบนรีโมตได้มากน้อยแค่ไหน

ก่อนอื่น มาย้ำเรื่องของการเลือกช่องทีวีดิจิตอลประเภทธุรกิจทั้ง 24 ช่อง แบ่งเป็นช่องเด็กอยู่ระหว่างเลข 13 - 15 ช่องข่าวและสาระ อยู่ระหว่างเลข 16 - 22 ช่องทั่วไปความคมชัดปกติ (SD) อยู่ระหว่างเลข 23 - 29 และช่องทั่วไปความคมชัดสูง (HD) อยู่ระหว่างเลข 30 - 36 ตามกฎของ กสทช. ผู้ที่ประมูลด้วยเม็ดเงินสูงสุดในแต่ละประเภทจะมีสิทธิ์เลือกเลขช่องก่อน แล้วเรียงตามลำดับของวงเงินประมูล


ฟันธงใช้หลักเลขศาสตร์แน่

ธัน ยวัชร์ ไชยตระกูลชัย ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด วิเคราะห์ว่า แต่ละสถานีใช้วิชาเลขศาสตร์มากำหนดแน่นอน ปัจจัยแรกคือการเลือกช่องให้คนจำง่ายก่อน เช่น ช่อง 22 ของเนชั่น (ประมูลที่ 1 ช่องข่าว) หรือช่อง 33 ของ ช่อง 3 (ประมูลที่ 1 ช่อง HD) เพราะเลขสองหลักมีแค่ช่องเลขคู่ (เลขเบิ้ล) ที่คนจำง่าย "ถ้าไม่ใช่เลขคู่ จำยากทั้งนั้น" จากนั้นจึงค่อยหันไปหาเลขมงคลแทน เช่น บางกอกมีเดีย แอนด์บรอดคาสติ้ง ของ นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ (ประมูลที่ 2 ช่อง HD) เลือกช่อง 36 เพราะบวกกันได้ 9 เป็นเลขมงคล

ขณะที่ ช่อง 7 (ประมูลได้ลำดับ 3) น่าจะเลือกช่อง 34 เพราะบวกกันเท่ากับ 7 แต่เป็นเพราะอยู่ใกล้เลข 33 ของช่อง 3 มากไปหรือเปล่า และไม่ต้องการให้เปรียบเทียบกัน ขณะเดียวกันผลรวมที่เท่ากับ 7 ยังหมายถึงเป็นดาวเสาร์ ทำให้ต้องต่อสู้ เหนื่อยยาก สุดท้ายจึงตัดสินใจเลือกช่อง 35 แทน


ด้าน ไทยรัฐทีวี (ประมูลได้ที่ 4) เลือกช่อง 32 มาก่อนช่อง 3 กดช่อง 33 ถอยหลังก็เป็นช่องไทยรัฐ ส่วนเลข 32 บวกกันได้ 5 เป็นเลขดาวพฤหัส เป็นเลขมงคล ถ้าอยู่ในกล่องต่างๆ บวกไปอีก 10 (เพราะกล่องรับสัญญาณ set top box เจ้าของกล่องสามารถกำหนดช่องเองได้ 10 ช่องแรก และผู้ชม 67% ดูผ่านกล่อง) ดังนั้น 32+10 = 42 ผลรวม 4+2 เป็นเลขหก คือเลขศุภเคราะห์มงคลสำหรับวงการทีวี

เช่นเดียวกับ เวิร์คพอยท์ (ประมูลได้อันดับ 1 ช่อง SD) เลือกช่อง 23 ผลรวมเท่ากับ 5 บวกอีก 10 เท่ากับ 33 ผลรวมเป็น 6 เลขมงคลเช่นกัน ด้านเนชั่นเลือกช่อง 22 บวกกันเท่ากับ 4 เป็นเลขสื่อสาร ดาวพุธ และจำง่าย บวกอีก 10 เท่ากับ 32 ผลรวมเป็นเลข 5 มงคลอีก

เชิงการตลาดเลือกจำง่าย
ส่วน มุมมองทางการตลาด เลขมีผลต่อช่อง ส่วนใหญ่จะเลือกที่จำง่าย ช่อง 3 เลือก 33 เพื่อระลึกถึงช่อง 3 จะใช้ชื่อช่อง 3 ด้วยหรือเปล่า ไม่แน่ใจ ถ้าใช้ก็เพื่อ Brand Recall ให้นึกถึงของเก่า หรือเหมือนแบบวิทยุที่จะสร้างแบรนด์ช่องมากกว่าให้นึกถึงตัวเลข เช่น 106.5 ก็เป็น Green Wave ไปเลย ถ้าเนื้อหาดีคนก็จะกดมาช่องนั้นเอง และข้อดีคือช่องจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงตัวเลข ไม่เหมือนดาวเทียมที่โดนเปลี่ยนเลขช่องบ่อย เวลาโปรโมตจะมีปัญหา เช่น ช่องไทยรัฐ โปรโมตว่า 32 แต่พอไปอยู่ set top box ของจานดาวเทียม เป็น 42 ได้

ดังนั้น อ.ธันยวัชร์ จึงวิเคราะห์ว่า ท้ายที่สุดเนื้อหาจะเป็นตัวกำหนด แต่ละช่องน่าจะใช้วิธีโปรโมตแบรนด์ตัวเองมากกว่าเลขช่อง ยกเว้นใช้ชื่อเลขช่องเป็นแบรนด์ อย่างโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เฮียฮ้อ (นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาร์เอส) โปรโมตช่อง 8 ที่อยู่ในกล่อง PSI


กู รูการตลาดมองว่า กล่อง PSI จะมีความสำคัญมากเพราะมีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) มากที่สุด ใครได้เลข 1-10 ไปในกล่องนี้ เกิดเลย! ฟรีทีวีน่าจะไม่ได้อยู่ในเลข 1-4 เหมือนเดิม จึงต้องจับตาดูการเรียงช่อง 1-10 ในกล่อง Set top box ให้ดี เพราะ 67% คนไทยดูผ่านจานดาวเทียมอยู่แล้ว ช่องจึงต้องบวกสิบ

"กล่องดาวเทียมทำช่องความคมชัดสูง (HD) ได้อยู่แล้ว สมมติช่องนึงไม่ประมูล HD มีแต่ความคมชัดปกติ (SD) แต่ช่องนั้นหากเจรจากับ PSI อยู่เลขหลักเดียว และออกอากาศเป็น HD จะกลายเป็น HD ช่องแรกของกล่องที่มีมาร์เก็ตแชร์สูงสุดทันที" อ.ธันยวัชร์ กล่าว

นอก จากนี้ยังวิเคราะห์ว่า ไทยรัฐเป็นหุ้นส่วนใหญ่ใน CTH กล่อง CTH ไทยรัฐทีวีก็ต้องอยู่ช่องต้นๆ ไทยรัฐอยู่เลขหลักเดียว ที่เป็น HD จึงมีโอกาสที่จะได้เปรียบเหนือช่องอื่นในกล่อง CTH


ใน มุมมองของนักการตลาด มองว่า ก่อนที่สงครามรีโมตจะเริ่มขึ้น ช่วงเวลานี้เป็นโอกาสทองของเจ้าของกล่องรับสัญญาณดาวเทียมทั้งหมด เพราะมีอำนาจมากในการกำหนดว่าช่อง 1-10 จะจัดวางให้สถานีไหนได้ลำดับต้นๆ ไป เปรียบเหมือนร้านสะดวกซื้อ 7-11 ที่สามารถกำหนดว่าสินค้าแบรนด์ใดวางไว้ตรงไหนให้ลูกค้ามองเห็น และหยิบจับได้ง่าย

"จะมีการต่อสู้ของเจ้าของช่องอีกยกที่จะไปอยู่ใน ช่อง 1-10 ในกล่องที่มีมาร์เก็ตแชร์สูงอย่าง PSI หรืออย่างอากู๋แกรมมี่ ก็ต้องวางช่องของตนเองในกล่องตนเองอยู่ในช่องแรกเช่นเดียวกับทรู ถ้าช่องหมายเลข 1-4 ไม่ใช่ฟรีทีวี 3,5,7,9 แล้ว ช่อง TNN จะเอาไว้เลขหนึ่งหรือไม่ ต้องติดตาม" อ.ธันยวัชร์ กล่าว

สุดท้าย แล้วนักการตลาดวิเคราะห์ว่า เกมการสร้างความจดจำจะมีปัญหาเพียงช่วงแรกเท่านั้น พอผู้ชมชิน จะกดไปช่องที่ต้องการ แต่ก่อนที่จะไปถึงจุดนั้นต้องสร้างแบรนด์ สร้างการจดจำที่คอนเทนต์ ให้เหนือกว่าการจำเฉพาะเลขช่อง ให้ผู้ชมผูกสมัครเป็นลูกค้าอย่างเหนียวแน่นยาวนาน !!

โดย: ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์