Tuesday, 11 March 2014

10 อันดับ สถานที่ต้องเที่ยวก่อนตาย

 

วันนี้ทางทีมงาน toptenthailand ขอนำเสนอ ที่ท่องเที่ยว ที่ต้องเที่ยว จากการจัดอันดับของเว็บไซต์ tiptoptens ที่เฟ้นจากหลายสถานทั่วโลก หักล้างเหตุผลด้วยลักษณะทางภูมิศาสตร์ ความมหัศจรรย์ จุดกำเนิด เชือดเฉือนกันจนได้มาซึ่ง 10 อันดับ สถานที่ต้องเที่ยวก่อนตาย ไปดูกันเลยค่ะว่าจะมีสถานที่ไหนบ้าง

ที่มา : toptenthailand

10. Puerto Princesa Subterranean River National Park, Philippines

อุทยานแห่งชาติแม่น้ำใต้ดินปวยร์โต-ปรินเซซา หนึ่งใน มรดกโลก ของประเทศฟิลิปปินส์ และถูกยกให้เป็น หนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไปเยือนก่อนตาย เป็นแม่น้ำใต้ดินที่แวดล้อมไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ มีความยาว 8.2 กิโลเมตร ถือเป็น แม่น้ำใต้ดินที่ยาวที่สุดในโลก ตั้งอยู่ใต้ภูเขาหินปูนรูปทรงแปลกตา เป็นศูนย์รวมนานาสัตว์และพันธุ์พืช สำหรับการท่องเที่ยวในอุทยานนั้น สิ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ การนั่งเรือเข้าไปในถ้ำเพื่อชมความสวยงามและสัมผัสแม่น้ำใต้ดินอย่างใกล้ชิด

9. Ha Long Bay, Vietnam

ฮาลองเบย์ อ่าวแห่งหนึ่งในพื้นที่ของอ่าวตังเกี๋ย ตั้งอยู่ในจังหวัดกว่างนิงห์ ทางตอนเหนือของกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ชื่อตามการออกเสียงในภาษาเวียดนามคือ Vinh Ha Long หมายถึง อ่าวแห่งมังกรผู้ดำดิ่ง ขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความงดงามมหัศจรรย์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ประกอบด้วยหมู่เกาะหินปูนน้อยใหญ่กว่า 3,000 เกา ะบนเนื้อที่กว่า 1,500 ตารางกิโลเมตร ยูเนสโกยกให้ ฮาลองเบย์ เป็น มรดโลก ใน ปี 1994

8. Angkor Wat, Cambodia

นครวัด ศาสนสถานสำคัญซึ่งตั้งอยู่ในเมืองพระนคร จังหวัดเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา ปราสาทนครวัดมีขนาดใหญ่มากถึง 200,000 ตารางเมตร สร้างในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 12 โดยใช้หินรวม 600,000 ลูกบาศก์เมตร ใช้แรงงานช้างกว่า 40,000 เชือก และแรงงานคนนับแสน เทวสถานแห่งนี้ถือเป็นที่สุดของสถาปัตยกรรมเขมรสมัยคลาสสิกรุ่งเรือง ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของประเทศกัมพูชา โดยปรากฏในธงชาติ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลัก ได้รับการจดทะเบียนเป็น มรดกโลก ภายใต้ชื่อ เมืองพระนคร

7. The Golden Pavilion, Japan

ปราสาททอง หรือ ปราสาทคินคาคุจิ เป็นอารามที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ที่เมืองเกียวโต จังหวัดเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1940 เพื่อเป็นที่พักของโชกุนอาชิคางะ โยชิมิตสึ (ใครเคยดูอิคคิวซังน่าจะพอนึกออก) ภายหลังถูกไฟไหม้ทำลายในช่วงสงครามโอนิง ปี 1950 และสร้างขึ้นใหม่ใน ปี 1955 โดยถอดแบบจำลองโครงสร้างจากของจริงในยุคศตวรรษที่ 14 และปิดคลุมด้วยแผ่นทองคำบริสุทธิ์ทั้งหลัง เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปและโบราณวัตถุอันมีค่า และหนึ่งสัญลักษณ์อันโดดเด่น คือ นกฟีนิกซ์ บนยอดปราสาท ได้รับการจดทะเบียนเป็น มรดกโลก ในปี 1994

6. Galápagos Islands, Ecuador

หมู่เกาะกาลาปากอส เป็นหมู่เกาะกลางมหาสมุทรแปซิฟิก ครอบคลุมพื้นที่ในทะเล 59,500 ตารางกิโลเมตร อยู่ห่างจากชายฝั่งด้านตะวันตกของเอกวาดอร์ ราว 1,000 กิโลเมตร หมู่เกาะนี้เกิดจากการสะสมตัวของลาวาจากภูเขาไฟ เมื่อ 7-9 ล้านปีมาแล้ว มีความมหัศจรรย์อันดึงดูดทั้งด้านธรณีวิทยา สัตววิทยา และนิเวศวิทยา จดทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อ ปี 1978 แต่เพราะการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น จนส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมอย่างรุนแรง ทำให้ยูเนสโกจัด หมู่เกาะกาลาปากอส ให้เป็นมรดกโลกที่อยู่ในสภาวะอันตราย ใน ปี 2007 อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน คณะกรรมการมรดกโลกของยูเนสโกลงมติ ตัดสินถอนชื่อ หมู่เกาะกาลาปากอส ออกจากบัญชีมรดกโลกที่เสี่ยงอันตรายสูญเสียสภาพแวดล้อม หลังทางการหมู่เกาะกาลาปากอสจัดการพัฒนาแก้ปัญหาหมู่เกาะได้ดีขึ้น

5. Santorini, Greece

ซานโตรินี เป็นเมืองบนเกาะตอนใต้ของทะเลอีเจียน ซึ่งเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ เล่าขานกันเป็นตำนานแห่งแอตแลนติส เป็นหมู่เกาะที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศกรีซ โดดเด่นด้วยหมู่บ้านสีขาวสถาปัตยกรรมสไตล์ไซคลาดิกที่ลดหลั่นกันตามผาสูง ตัดกับสีท้องฟ้าและมหาสมุทร เกิดเป็นทัศนียภาพอันเป็นเอกลักษณ์ ด้วยภูมิศาสตร์ที่สวยงามจนได้รับการโหวตจากนักท่องเที่ยวว่าเป็นเกาะอันดับต้นๆ ของโลกที่ต้องมาเยือน

4. Serengeti, Africa

อุทยานแห่งชาติ เซเรนเกติ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศแทนซาเนีย ดินแดนแห่งทวีปแอฟริกา มีเนื้อที่ประมาณ 14,800 ตารางกิโลเมตร ท่ามกลางทุ่งหญ้าสะวันนากว้างใหญ่ เป็นแหล่งพักพิงของสรรพสัตว์หลากชนิดกว่าหลายล้านตัว!! ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติใน ปี 1981 นักท่องซาฟารีต้องเที่ยวที่นี่สักครั้งในชีวิต

3. Teotihuacán, Mexico

นครศักดิ์สิทธิ์ เตโอติอัวกัน โบรานสถานที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกา สถานที่ซึ่งมีความซับซ้อนทางอารยะและวัฒนธรรม เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของ ประเทศเม็กซิโก โดดเด่นด้วยมหาพีระมิดแห่งสุริยันจันทรา ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของโลก นอกจากความศักดิ์สิทธิ์ยังมีเรื่องลี้ลับเกี่ยวกับ เมืองผี แห่ง เตโอติอัวกัน เล่ากันว่าในสมัยอาณาจักรรุ่งเรืองเคยมีประชากรถึง 200,000 คน แต่กลับรกร้างแบบฉับพลัน ใน ค.ศ. 750 โดยไม่ทราบสาเหตุ องค์การยูเนสโกยกให้เป็น มรดกโลก ในปี 1987

2. The Taj Mahal, India

ทัชมาฮาล อนุสรณ์สถานริมฝั่งแม่น้ำยมุนา เมืองอัครา ประเทศอินเดีย ได้ชื่อว่าเป็น อนุสาวรีย์แห่งความรักที่ยิ่งใหญ่ของโลก เพราะเป็นที่ตั้งของ หลุมศพของพระนางมุมตัซ มาฮาล ราชินีผู้ป็นที่รักยิ่งของ พระเจ้าชาห์เยฮัน ถูกสร้างด้วยหินอ่อนสีขาวและศิลาแลง ทัชมาฮาล เป็นสถาปัตยกรรมที่มีสัดส่วนอันวิจิตรและงดงามที่สุด การก่อสร้างกินเวลานานถึง 22 ปี โดยผู้สร้างและออกแบบร่วม 20,000 คน ได้รับการยกย่องให้เป็น มรดกโลก และ หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่

1. The Grand Canyon, USA

แกรนด์แคนยอน แห่ง อุทยานแห่งชาติ Yellowstone อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา มหัศจรรย์ผาสูงและหุบเหวลึก เกิดจากอิทธิพลของ แม่น้ำโคโลราโด ไหลผ่านที่ราบสูง ทำให้เกิดการสึกกร่อนและพังทลายของหินเป็นเวลา 225 ล้านปีมาแล้ว แกรนด์แคนยอน แบ่งเป็นฝั่งเหนือและฝั่งใต้ ทิวทัศน์ที่แสนอัศจรรย์จะอยู่ทางฝั่งเหนือ แต่ด้วยระดับความสูง 2,500 เมตร ทำให้สภาพอากาศไม่อำนวย มีหิมะตกหนักมากในฤดูหนาวจึงไม่สามารถเดินทางได้ นักท่องเที่ยวจึงมักได้สัมผัสวิวจากแกรนด์แคนยอนฝั่งใต้ ที่ระดับความสูง 2,000 เมตร ซึ่งเปิดให้เที่ยวชมตลอดทั้งปี ด้วยความงดงามทางธรณีวิทยา จึงมีผู้มาเยือน แกรนด์แคนยอน ไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคนต่อปี และที่แห่งนี้ถูกยกให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของโลก