รีวิว 6d แบบบ้าน ๆ ใช้งานเอง

ตัดอกตัดใจก้าวเข้าสู่ ฟูลเฟรม ซักที ด้วยราคาที่พอเอื้อมถึง
มาลองดูกันว่าหลังจากผ่านไปอาทิตย์กว่า ๆ เป็นยังไงกันบ้าง

ณ วันแรกที่ได้มาแน่นอนไม่คุ้นมือ ทั้งเมนูต่าง ๆ ที่เพิ่มมา
ทั้งสีสันของภาพ คงมีแต่ ปุ่มจอยนิ้วโป้งขวาที่ทำงานคล้าย 60d

ขอเริ่มด้วยปุ่มควบคุมโหมดการทำงาน  ตรงจุดนี้ชอบตรงที่ หมุนได้รอบ
เวลาจะข้ามจาก โหมดสุดท้าย ไปโหมดเริ่มต้น หมุนแค่ 1 ครั้งก็ไปได้
ต่างกับรุ่นก่อน ๆ ที่ต้อง หมุนกลับแบบสุดโต่ง โดยเฉพาะ โหมด VDO
ตัว mode VDO และ lightview ทำได้ง่าย ๆ แค่ 1 แก๊ก จากนิ้วโป้งขวาเลย
ไม่ต้องไปหมุนปุ่มปรับโหมด ง่ายดีครับตรงนี้ชอบ

ข้ามมาฝั่งทางขวาบ้าง ผมว่ารุ่นนี้จอยสติ๊ก 8 แฉก ดูคลอน ๆ ไม่แน่นเหมือน 60d
เห้นว่าเป็นกันทุกตัว   ไม่รู้เพราะตั้งใจ หรือ ผิดพลาดยกล๊อต แต่รับได้ครับไม่เลวร้ายมาก

จะยากเพิ่มขึ้นก็อีตรงเลือกจุดโฟกัสนั่นล่ะ จากจุดที่เพิ่มจาก 9 มาเป็น 11 มันเลื่อนมายากหน่อย
เสียเวลานิดเดี๋ยวสักพักเข้ามือคงพอได้ แต่ที่ดูขัด ๆ ที่สุดก็ระบบซูมภาพที่ดูตอน play น่ะครับ
จากเดิมกด play แล้ว +/- ได้เลย ต้องมากด ซูมทีนึงก่อน แล้วถึงมา +/- โดยใช้ Main Dial นี่ล่ะครับ

มาดูสีสันของภาพกันบ้าง หลังจากที่ผมข้าม digit 4 มาเป็น Digit 5+
ลองตั้ง Picture Style ตามเดิม (Custom) ถ่ายมาโอ้วววว สีเพี้ยนรุนแรง
ลองปรับมา Default ดู โห โล่งใจ สรุปว่า สีสันมันจัดจ้านขึ้นมาเยอะมาก
เลยต้องปรับกันใหม่ยกใหญ่ มีง ๆ ก็อีตรง Picture Style Auto ไม่รู้มันคำนวณจากอะไรยังไง
คู่มือไทยยังไม่มา ภาษาอังกฤษก็ยังไม่แข็งแรง ใครรู้บอกผมด้วย

เสียงชัตเตอร์ ทั้งโหมดธรรมและ Slient ใน light view สุภาพ นุ่ม เบา
แต่ใจจริงก็แอบอยากได้เสียงแน่นบ้าง

มาถึงเทคโลโยยีใหม่ของกล้องกันบ้าง ว่าด้วย Wifi ที่ผมชอบมากมาย ที่ทำงานแบบ internal ได้เลย
ในที่แคบ ๆ มุมพิสดาร แค่ตั้งกล้องไว้ แล้วสั่ง Shoot จาก note II ที่ลง EOS Remote ได้ทันที
และยังตั้งถ่ายรูปหมู่หรือรูปตัวเอง แบบโหกัสตรงจุด ปรับค่าต่าง ๆ ได้ด้วย อันนี้ชอบใจ
เมื่อถ่ายเสร็จก็โหลดจาก note II ได้เลย แต่สิ่งที่ยังทำไม่สำเร็วไม่รู้ว่าทำได้ด้วยหรือเปล่าคือ
Multi Connection ตอนนี้ใช้มือถือเครื่องนึง connect ก็ต้องทำ connect ใหม่ เพราะลืมพาสเวิร์ดอยู่เรื่อย
และยังไม่เคยจด password ไว้ให้อีกเครื่อง connect เข้ามา ไว้ทริปหน้าจะลองใหม่ หรือมใครเคยลอง
ก็บอกหน่อยว่าได้หรือเปล่า ในกรณีให้หลาย ๆ อุปกรณ์ connect  wifi มาที่ 6d พร้อมๆ  กัน

สำหรับ GPS ที่แถมโปรแกรมมาให้ด้วย บอกตำแหน่งได้มีเรื่องราว บางภาพสงสัยว่ตรงไหนเอาเข้าโปรแกรมก็รู้ทันที
และที่สำคัญพอเอาภาพ Transfer ขึ้นมาบน note II ตัวมือถือเองก็บอกตำแหน่งภาพนั้นจาก exif ได้ด้วย

แต่ทั้ง 2 อย่างนี้ ไวไฟผมเปิดตลอด และ GPS ตั้งที่อัพเดท 1 นาที เล่นแบทเอาเรื่องเช่นกัน
กดไปได้ 500 กว่าภาพ แบตเหลือ 6% ที่ประมาณ 15.00 น. เริ่มถ่ายตั้งแต่ 05.00 น.
จากที่เคยใช้แบตนี้กับเจ้า 60d พอว่าตัว 60d ถ่ายได้ 1500+ กันเลยทีเดียว

ที่ชอบอีกอย่างตรงน้ำหนักเบามือดีครับ ไม่เป็นภาระมากมายถือสบาย ๆ
แต่ผิวบอดี้นี่สิ สาก ๆ เล็บขูดหน่อยขาวเป็นรอย เช็ดก็หาย แต่สงสัย ผิวแบบนี้มันดีตรงไหน หือ

เกือบลืม ISO ก่อนตะวันขึ้นผมถ่ายที่ 25600 ยอมรับได้เลยเรื่อง noise แทบไม่เจอ
ขาตั้งไม่ต้อง เอ๊ะบางคนบอก จำเป็นหรือ เทียบง่าย ๆ กับ 60d นะครับ
ในขณะที่ตะวันกำลังจะขึ้น จนถึงขึ้นจนแสงจ้า มีเวลา 3 นาที ถ้าเอากล้อง 60d ถ่าย
ผมต้องตั้งขาตั้งถ่ายที่ 20 วิโดยประมาณ นั้นแปลว่า ผมมีโอกาส 9 ครั้ง
และแต่ละครั้ง แสงเปลี่ยนแน่อาจจะได้หรือไม่ได้ทั้งเซ็ทเลย  แต่พอดัน ISO
ที่ตัว 6d แล้วได้ noise น้อยมาก ใช้ชัตเตอร์ได้ที่ 1/80 รัวได้สะใจ ได้ภาพแน่นอน
โอกาสแก้ตัวมีมากกว่าโข  และในบางจังหวะที่เราไม่ต้องการใช้แฟลชเพื่อไปรบกวนแบบ
ยิ่วเวลาแคนดิดแล้ว หรือถ่ายในวัดวาต่าง ๆ สามารถถ่ายได้สบาย ๆ ครับ ไม่ต้องแบกอะไรมากมาย
ทริปนี้ลืมขาตั้งไว้ในรถเลยก็ว่าได้ แฟลชยิง 2 ทีตอนเปิดเงาที่หน้าเวลาย้อนแสง
เรื่องโฟกัสในที่มืดก็ยอมรับเลยว่า ทำได้แจ่มแมว

สรุปว่าคุ้มที่วางเงินไปครึ่งแสนและต้องเก็บตังซื้อเลนส์ใหม่อีกรวม ๆ ครบชุดก็น่าจะแตะแสน
แต่ทำให้ผมทำงานได้ง่ายมากขึ้น ตรงนี้จัดไปว่า ฟินส์ ครับ ก็ไว้เป็นอีก 1 ทางเลือกนะครับ

http://www.mirasportphoto.com/177/review-canon-6d/