เกี่ยวกับเมลล์ของพี่จิ๋ม....
ท่ามกลางสถานการณ์บ้านเมือง อันสนุกสนานยิ่ง
ผมอ่านเมลล์ทั้งเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย ทั้งอยู่ตรงกลาง มากมายเมลล์
สิ่งหนึ่งที่ผมมั่นใจมาโดยตลอดและไม่เคยเปลี่ยนแปลง คือความดีกับความชั่ว
เราล้วนแยกแยะได้ สิ่งที่เราแปลกใจก็คือ ความเป็นกลาง
ทั้งๆที่ความดีและความชั่ว มันไม่มีตรงกลางหรอก....
ตรงนี้ผมคิดว่ามันคือปัญหา.....
ผมชอบบทความของ อจ.เสกสรรค์ ประเสริฐกุล ที่บอกว่า
ในโลกนี้มีคนแค่ 2 ประเภท คือ คนที่ได้เปรียบ กับคนที่เสียเปรียบ ซึ่งมีจำนวนเยอะในสังคมเรา
วันใดกลุ่มคนที่เสียเปรียบมันอยู่ไม่ได้ กลุ่มคนที่ได้เปรียบ มันก็อยู่ไม่ได้
ที่ทำเนียบพันธมิตร พี่จิ๋มเห็น ต๋อมเห็น ผมเห็น.....
ที่ทำเนียบ ณ ปัจจุบัน มันคือยุคพระศรีอริยะ
มันคือสิ่งที่มนุษย์ใฝ่หามันมาตลอดไม่ใช่หรือ นับแต่โลกเย็นตัวลง........
ความเปลี่ยนแปลง....มันจะเกิดขึ้นได้นั่น......มันต้องเกิด.....
ความตึงเครียด วิปโยค แล้วความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ มันถึงจะตามมา.....
อ่านบทความของพี่จิ๋มแล้ว....ขนลุก
พี่น่าจะเขียนหนังสือ ตามที่ตั้งใจไว้นะ เมื่อ 10 กว่าปีก่อน.....
ความขัดแย้งทางด้านการเมือง มันเป็นช่วงสั้นของชีวิต ที่เกิดเป็นช่วงๆ.....
คนเราต้องหัวเราะ คนเราต้องร้องเพลง.....
รัก
บุรุษแห่งฟ้า
----- Original Message -----
From: "Paranee Jethsomma"
To: "Varisra Joemjutithom"
Sent: Wednesday, September 10, 2008 2:15 PM
Subject: Re: คำขอบิณฑบาตอาวุธและความรุนแรง
เพิ่งอ่าน นพ.ประสาน ต่างใจ (ชื่อดีเนอะ) เขียนในไทยโพสต์ ข้อความตอนหนึ่งกล่าวว่า ในขณะที่โลกเปลี่ยนไปเรื่อยๆ คนก็ยังพยายามนำเอาวิธีคิด วิธีทำโดยยุทธศาสตร์เก่าๆมาเป็นตัวตั้งในการแก้ปัญหา หรือดำเนินการใดๆอยู่ แกเชื่อว่าสิ่งนั้นใช้ไม่ได้แล้ว โดยกล่าวว่าเราไม่สามารถใช้ paradigm เก่าแก้ปัญหาใหม่ๆได้อีกต่อไป
ตัวพี่ก็เชื่อเช่นนั้น
ทุกวันตัวเราเองก็เปลี่ยน โลกก็เปลี่ยน คนก็เปลี่ยน สรรพวิทยาใดๆที่เรียน ที่สอน ที่นำมาใช้ในการทำมาหากินดำรงและดำเนินชีวิตก็เปลี่ยน จิตที่เป็นมวลรวมของมนุษยชาติก็เปลี่ยน
ในขณะที่โลกเดิมจิตเดิม (เท่าที่เรายังจำได้)บอกเราว่าต้องอดทน สันติ อหิงสา แต่เวลานี้โลกหมุนกลับไปครบรอบที่กำลังจะเริ่มใหม่ (Age of Aquarius) อาจบางทีถึงเวลาที่โลกจะล้างเผ่าพันธ์และวิทยาการแห่งโลกเก่าออกไป แล้วเริ่มกันใหม่หมด
เราบังเอิญเกิดมาช่วงท้ายๆของโลกยุคเราที่มีคนสร้าง มีคนทำเอาไว้ให้ก่อน แล้วเรามาแค่ สวมอยู่ จึงอยู่ไปตามที่เขาจัดวางไว้ และบังเอิญการเริ่มเปลี่ยนแปลงกำลังเกิดขึ้นตอนที่เรายังไม่ตายไป เราจึงอาจจะเจ็บปวด ทั้งจาก การไม่อยากเปลี่ยน การอยากเปลี่ยนแต่โดนต่อต้าน รวมทั้งโดนเย็นชาเพิกเฉยจากมวลชนที่ไม่รับรู้ไม่สนใจ
ไม่ใช่ความผิด ไม่ใช่ความถูก แต่เป็น "ความเป็นไป" ต่างหากที่เราต้องมองให้เห็น
ถ้าเราต้องการความใหม่ที่กำลังมาเยือน เราก็ช่วยเสริมกำลังเข้าไปหนุนเนื่องให้มันเกิดเร็วขึ้น
ถ้าเราปฏิเสธสิ่งที่กำลังจะมาถึงเราก็ต่อต้านมัน
ถ้าเราไม่รับรู้ ไม่ตัดสินใจ เราก็อยู่เป็นแรงเฉื่อย ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวชะลอ หรือเป็นสารละลาย
มันเป็นของมันอย่างนั้นเอง
อย่าไปเจ็บปวดมากนักถ้าอยากต่อสู้ เลือกแล้วว่าจะสู้ก็ต้องสู้ต่อไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พักบ้าง
อาจเป็นได้ว่าในยุคอนารยะ หรือยุคแห่งความเสื่อมที่เรากำลังดิ้นให้หลุดจากมัน อาจต้องใช้ตาต่อตา ฟันต่อฟันเหมือนเช่นยุคหิน หรือปลายยุคเสื่อมทุกรอบของการเปลี่ยนแปลง มันเป็นเรื่องหลีกไม่พ้นกระมัง?
เพราะธรรมชาติมนุษย์ก็เป็นเช่นสัตว์ ฆ่าเพื่อกิน ฆ่าเพื่ออยู่ ฆ่าเพื่อสืบพันธ์
ไม่ฆ่าก็ถูกฆ่า
ผู้มีจิตที่ถูกยกขึ้นสูงแล้วก็ทำหน้าที่บอกกล่าวข่าวประเสริฐของการมีขันติ รักษาสันติ
ผู้ยังตัดตัวเองไม่ขาดจากขอบเขตสนามแห่งการต่อสู้ก็ต้องสู้ยิบตาเพื่อสิ่งที่ตัวเองเชื่อและศรัทธา
สู้วิธีไหนก็เลือกเอาตามใจ ตามที่ตัวเองถนัด
ด่าเก่งก็ด่า คิดเก่งก็คิด รบเก่งก็รบ ลวงเก่งก็ลวง สร้างเก่งก็สร้าง
ในยุคอนารยะหรือ chaosนี้ ในที่สุดความสับสนอลเวงไม่เป็นสำ
ก็จะจับรูปก่อตัวของมันเป็นอีกระบบหนึ่งเองจนได้
อย่ากลัว
อย่าร้องไห้
ไม่มีใครบอกได้ว่าเร็วหรือช้า แบบไหนที่เราจะก้าวไปสู่ ใครจะเป็นผู้เข้ามายึดครอง ไม่มีใครรู้
หากแต่ถ้าเราต้องการไปให้พ้นจากสภาพที่เป็นอยู่เราก็ต้องสู้ต่อไป
เพราะถ้าไม่สู้ เราก็ต้อง"สูญพันธ์".
รักเสมอ
พี่จิ๋ม
--- On Tue, 9/9/08, kaysinee koonsap
> From: kaysinee koonsap
> Subject: คำขอบิณฑบาตอาวุธและความรุนแรง
> To: "Varisra Joemjutithom"
> Date: Tuesday, September 9, 2008, 9:47 AM
> ---------- Forwarded message ----------
> From: tonkla
> Date: 2008/9/9
> Subject:
> คำขอบิณฑบาตอาวุธและความรุนแรง
> To: according2auntie@gmail.com
>
>
> เรียนทุกท่านค่ะ
> พระไพศาลและนักบวชชาวพุทธร่วมกันออกคำขอบิณฑบาตรอาวุธรและความรุนแรง
> จึงขอส่งมาเพื่อให้ท่านได้รับทราบและช่วยกรุณากระจายข่าวส่งต่อให้มากที่สุด
> ด้วยนะคะ
> ขอขอบคุณค่ะ
> นุช
>
> *คำขอบิณฑบาตอาวุธและความรุนแรง*
>
>
> ด้วยขณะนี้สังคมไทยบางส่วนกำลังมีความขัดแย้งอย่างหนักถึงขั้นเผชิญหน้ากัน
> และเริ่มมีการใช้ความรุนแรงต่อกันจนมีการสูญเสียชีวิตบ้างแล้ว
> ในสภาพที่ต่างฝ่ายต่างยืนกรานในข้อเรียกร้องของตน
> ไม่ยอมโอนอ่อนเข้าหากัน
> การแยกข้างแบ่งขั้วจึงมีแนวโน้มที่จะลุกลามขยายตัวเป็นความรุนแรงรอบใหม่ที่อาจก่อให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายยิ่งกว่าเดิม
> หากถึงจุดนั้นเมื่อใดความหายนะอย่างใหญ่หลวงก็จะเกิดขึ้นกับประเทศไทยทั้งประเทศอย่างยากจะเยียวยาได้
> และจะกลายเป็นบาดแผลที่ฝังลึกในใจของคนทั้งชาติไปชั่วกาลนาน
>
>
> ในยามที่ความขัดแย้งยังไม่มีทางออกที่ทุกฝ่ายยอมรับได้
> และยังไม่มีฝ่ายใดยอมหันหน้าเข้าหากัน
> อย่างน้อยมีสิ่งหนึ่งที่ทุกฝ่ายน่าจะทำได้และน่าจะเห็นพ้องต้องกัน
> ได้แก่การจำกัดขอบเขตความขัดแย้งไม่ให้ลุกลามจนถึงขั้นใช้กำลังต่อกัน
> เพราะหากเกิดขึ้นแล้วย่อมไม่เป็นผลดีต่อทุกฝ่าย
> รวมทั้งประเทศชาติอันเป็นที่รักของทุกคน
> ด้วยเหตุนี้พวกเราในฐานะบรรพชิตที่ปรารถนาให้สันติสุขเกิดขึ้นในแผ่นดินไทย
> จึงขอบิณฑบาตต่อทุกฝ่ายโปรดงดใช้ความรุนแรง
> รวมทั้งพยายามป้องกันมิให้ความรุนแรงเกิดขึ้นจากฝ่ายของตนทั้งโดยวาจาและการกระทำ
> อันเป็นข้อปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธองค์
>
>
> มาตรการหนึ่งที่จะช่วยป้องกันมิให้ความรุนแรงเกิดขึ้นได้
> ก็คือการไม่มีอาวุธหรืออุปกรณ์ที่ใช้เป็นอาวุธได้อยู่ในครอบครอง
> แม้ว่าแต่ละฝ่ายมีเหตุผลว่าเพื่อป้องกันตัวเองก็ตาม
> แต่การที่แต่ละฝ่ายมีอาวุธอยู่ในมือย่อมก่อความระแวงให้อีกฝ่ายหนึ่ง
> ทำให้ต้องหาอาวุธมาไว้ป้องกันตนเองบ้าง
> ยิ่งสะสมมากเท่าไรก็ยิ่งเพิ่มความเป็นปฏิปักษ์ต่อกันให้มากขึ้นเท่านั้น
> ดังนั้นพวกเราจึงขอบิณฑบาตอาวุธจากทุกฝ่ายด้วย
> หากแต่ละฝ่ายแสดงให้เห็นอย่างเปิดเผยว่าฝ่ายของตนปลอดอาวุธอย่างสิ้นเชิง
> ก็จะช่วยสร้างบรรยากาศแห่งความไว้วางใจให้เกิดขึ้น
> ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการแสวงหาทางออกอย่างสันติวิธี
> อันเป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนต้องการเห็น
>
>
> ความรุนแรงไม่เคยแก้ปัญหาได้
> มีแต่จะสร้างปัญหาให้เพิ่มมากขึ้น
> จึงขอให้ทุกฝ่ายมีความอดกลั้นต่ออารมณ์
> ไม่ลุแก่โทสะ
> อย่าปล่อยให้ความโกรธ
> ความเกลียด
> และความกลัวครอบงำใจจนเห็นอีกฝ่ายเป็นศัตรูที่ต้องทำร้ายให้พินาศ
> พึงมีเมตตาและปรองดองต่อกันโดยระลึกเสมอว่าคนไทยทุกคนล้วนเป็นพี่น้องภายใต้พระบรมโพธิสมภารเดียวกัน
> พระศรีญาณโสภณ
> พระไพศาล วิสาโล
> พระมหาวุฒิชัย
> วชิรเมธี
> แม่ชีศันสนีย์
> เสถียรสุต
> ๙ กันยายน ๒๕๕๑
>
> *องค์กรร่วมสนับสนุน :
> องค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก,
> ยุวพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก,
> พุทธสมาคมแห่งประเทศไทย,
> ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย,
> เสถียรธรรมสถาน,
> สถาบันวิมุตตยาลัย,
> เครือข่ายพุทธิกา*
>
>
>
>
> ทำใจยากนะ
> ที่ฝ่ายหนึ่งถูกกล่าวหาว่าใช้ความรุนแรงทั้งๆที่ถูกยกพวกตี
> การใช้วาจารุนแรงก็เป็นผิดเป็นบาป
>
> การต่อสู้เพื่อความถูกต้องกับคนเลวต่ำทราม
> ต้องใช้ความอดกลั้นและเมตตาเท่านั้นใช่มั้ย
> สันติวิธีกับคนเลวมันเกิดขึ้นได้ในโลกนี้
> ในประเทศนี้จริงๆใช่มั้ย
>
> หรือว่า
> ไม่ต้องไปต่อสู้มันหรอก
> แพ้เปล่าๆ
> เหนื่อยเปล่าๆ
> จะสู้ไปทำไม
> เอาเวลาไปคิดดีกว่าว่า
> เย็นนี้จะไปสนุกที่ไหน
> สู้อยู่ในห้องแอร์เย็นๆ
> ดูหนัง
> ฟังเพลงไปไม่ชอบใจอะไรทีก็บ่นเอา
> จะไปทำอะไรได้
> จะทำไปทำไม
>
> ที่เราทำอยู่นี่มันเพื่ออะไร
> เพื่อใคร
> จริงๆนอนอยู่บ้าน
> ดูซีรีย์ ช้อปปิ้ง
> เม้าซิ่ง
> กินข้าวที่ร้านเก๋ๆ
> เล่น hi5
> อาจดูดกัญชาให้หายเซ็ง
> ถ้าบังเอิญดันเผลอไปดู
> NBT
> สบายกว่ากันเยอะ
>
> เราต้องเป็นแบบมหาตมะคานธี
> อหิงสาไปสิบปีใช่มั้ยจึงจะได้เห็นแสง
> ต้องเป็นเมนเดล่า
> ติดคุกทุกข์ทรมาณ
> ยอมให้คนฝ่ายหนึ่งกดขี่ข่มเหงเสียก่อน
> เหมือนที่ท่านดาไลลามะอดกลั้น
> เมตตา
> แล้วทิเบตก็ถูกจีนกลืนกิน
>
> งัดเอาหลักธรรมข้อไหนมาช่วยดี
> ช่วยทำให้เราเชื่อหน่อยเถอะว่า
> ธรรมะย่อมชนะอธรรม
> ในเมื่อคนที่เชื่อเช่นนั้นทำได้แค่
> "หวัง"
>
> พี่จิ๋มฮะ
> ขอถอนตัวฮ่ะ
> จะจัดกระเป๋าไปอยู่มาลี
> ขอถอนตัวจากการเป็นคนไทยฮ่ะพี่
> มันเจ็บๆๆๆ
>
>
> --
> according2auntie