Friday, 29 August 2008
คำขอโทษจากผม...ถึงทุกคนที่รำคาญพันธมิตร
ได้โปรดรับคำขอโทษของพวกผม... และช่วยให้ทุกคนได้รับทราบถึงคำขอโทษนี้ เพราะหากความยุติธรรมมันไม่เหลือบนแผ่นดินนี้ ผมอาจไม่มีชีวิตได้กลับมาบอกคุณอีก
เราขอโทษคุณทุกคนที่ทำให้รถติด ที่ทำให้การเดินทางของคุณไม่สะดวกสบาย แต่เราแค่อยากได้ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนที่คุณอยากได้... เรายังอยากมีผืนแผ่นดินไทยเอาไว้ให้รุ่นลูกรุ่นหลานเราเหยียบ .... เรารอให้รัฐบาลนี้แปรรูปสมบัติชาติทุกชิ้นเป็นของตัวเองจนหมดชาติไม่ได้ เพราะเรายังอยากให้ลูกหลานของเราภูมิใจ ว่าแผ่นดินไทย ไม่ได้เป็นเมืองขึ้นของใครแม้แต่ชินวัตรและพวกพ้อง
หากเหตุผลของเราเพียงพอ...เราอยากให้คุณยกโทษให้พวกเรา
เราต้องเขียนมาขอโทษ เพราะถ้าพวกาเราบางส่วนต้องตายไปกับการต่อสู้ครั้งนี้ เราอยากให้พวกคุณทุกคนรู้ว่าเรามีเจตนาบริสุทธิ์ และเราแค่กำลังเรียกร้องในทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกคุณเองก็อยากได้เพื่อแผ่นดินที่พวกเราเกิด โต และจะตายที่นี่... พวกเราไม่มีอาวุธเหมือนดังที่ข่าวป้ายสี พวกเราไม่เคยทำลายสมบัติราชการ ไม่เคยทำลาย NBT อย่างที่โดยป้ายสีเพราะพวกเรารู้ว่านั่นก็เป็นเงินภาษีของเราเช่นกัน พวกเรารักและหวงแหนสมบัติชาติทุกชิ้น เพราะนั่นคือหยาดเหงื่อและแรงกายของพวกเราที่พวกเราทำมาตลอดเพื่อให้รุ่นลูกหลานเราได้ภูมิใจ
เราขอโทษที่ทำให้รถติด เพราะพวกเราอยากให้คุณมองเห็นว่าเรากำลังทำงานและต่อสู้แทนคุณอยู่
เราขอโทษที่ตะโกนโหวกเหวกโวยวายใช้คำรุนแรง แต่นั่นเพราะพวกเรากำลังเสียใจ ที่ลูกและหลานเรากำลังจะไม่มีชาติให้อยู่ และเสียใจมากกว่าที่แม้แต่คนที่บอกว่าเกลียดทักษิณด้วยกันก็ปิดหูปิดตาไม่ยอมรับรู้ และยื่นมือมาช่วยแต่อย่างใด.... จนกลายเป็นไม่ชอบรัฐบาลแต่รำคาญพันธมิตร
และอีเมลนี้เป็นการขอโทษอีกครั้งหากให้คุณช่วยเสียเวลาอ่านข้อความเหล่านี้... เพราะถ้าเราแพ้ เราอาจจะตาย และเราอาจจะไม่มีโอกาสได้กลับมาบอกพวกคุณว่าเราไม่มีอาวุธแต่เรามีแค่หัวใจ หัวใจของเราทุกๆดวงที่ไม่อยากแพ้ต่อความเห็นแก่ตัวและความเอารัดเอาเปรียบของคนกลุ่มหนึ่ง หัวใจของพวกเราที่พากายเราทุกคนมารวมกันอยู่ที่นี่ ถ้าคุณไม่เอาระบบทักษิณ เราจึงอยากให้คุณรู้ว่าเรากำลังสู้เพื่อคุณอยู่... และเจตนาของพวกเราบริสุทธิ์ ตรงไปตรงมาและมีเท่านั้นจริงๆ
วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันในประวัติศาสตร์ วันที่ประเทศที่ขึ้นชื่อว่าคอรัปชั่นอันดับท็อปๆของโลกอย่างประเทศไทย มีพลังบริสุทธิ์ที่เงินซื้อไม่ได้ และพลังบริสุทธิ์นี้กำลังต่อสู้เพื่อส่วนร่วม เพื่อความเป็นชาติที่ทุกคนหวงแหน พวกเราจะสู้ให้ถึงที่สุดด้วยหัวใจของพวกเราให้แรงกายหมดจนสิ้น และหากคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่อ่านมาได้จนถึงตรงนี้ เราแค่อยากขอบคุณหัวใจบริสุทธิ์ของพวกคุณอีกหนึ่งดวงที่ทำให้พวกเรารู้ว่ายังมีคนที่เชื่อมั่นในความถูกต้องอยู่ มีคนที่รักและหวงแหนในบ้านเกิดแผ่นดินของเรา ถึงแม้คุณจะไม่เคยร่วมเดินกับเรา แต่เพียงแค่คุณไม่ได้เห็นชอบกับการกระทำใดๆภายใต้ของระบบทักษิณ คุณแยกแยะถึงผิดชอบชั่วดีได้ เราก็ยินดีเหลือเกินที่เราได้ร่วมเกิดบนผืนแผ่นดินเดียวกัน
ขอขอบคุณในศักศรีดิ์และความยิ่งใหญ่จากหัวใจของคุณ
ปล หากคุณยังเชื่อในความถูกต้อง...
ได้โปรดรับคำขอโทษของพวกผม... และช่วยให้ทุกคนได้รับทราบถึงคำขอโทษนี้ เพราะหากความยุติธรรมมันไม่เหลือบนแผ่นดินนี้ ผมอาจไม่มีชีวิตได้กลับมาบอกคุณอีก
เซอร์ไพรส์! กัปตันการบินไทยขึ้นเวทีพันธมิตรฯ
เมื่อเวลาประมาณ 14.30 น.วันที่ 28 ส.ค.นาวาอากาศตรี คฑาทอง สุวรรณทัต กัปตันเครื่องบินโบอิง 737-400 เที่ยวบินในประเทศ ของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้เดินทางมาขึ้นเวทีปราศรัยของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในบริเวณทำเนียบรัฐบาล หลังจากเสร็จภาระกิจการขับเครื่องบิน
กัปตัน คฑาทอง กล่าวว่า สาเหตุที่ตนมาขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ก็เพราะ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้ท้าให้ประชาชนเลือกข้าง ตนจึงมาเพื่อที่จะบอกว่าตนเป็นพวกพันธมิตรฯ ประการที่ 2 ตนต้องการออกมาขอบคุณพันธมิตรฯ ที่ปกป้องชาติปกป้องแผ่นดิน
“ผมถือว่าพวกท่าน คือ วีรบุรุษวีรสตรี ขอได้รับความขอบคุณจากผมไว้ ณ ที่นี้ด้วย”
กัปตัน คฑาทอง กล่าวต่อว่า อีกเรื่องที่อยากจะฝากไปถึง นายสมัคร และรัฐบาล ของนายสมัคร ที่บอวกว่า ยังไม่ได้ทำผิดอะไรเลย จึงอยากจะชี้ให้เห็นว่า นายสมัคร ผิดตั้งแต่เริ่มต้น นายสมัคร ทิ้งพรรคประชากรไทยมาอยู่กับพรรคพลังชั่ว แสดงให้เห็นว่า นายสมัคร ไม่มีจุดยืน ไม่มีอุดมการณ์ ครม.ที่นายสมัคร ตั้งขึ้นมาก็อัปลักษณ์สิ้นดี ผัวเป็นรัฐมนตรีไม่ได้ให้เมียมาแทน
“นายสมศักดิ์ มาไม่ได้ ให้เมียมาแทน นายสุวัจน์ มาไม่ได้ ให้เมียมาแทน ป๋าเหนาะมาไม่ได้ ให้เมียมาแทน เนวินมาไม่ได้ ให้พ่อมาแทน ไชยยศมาไม่ได้ ให้น้องมาแทน ต่อไปนี้ถ้าผมป่วยบินไม่ได้ ผมจะให้แม่มาบินแทน เอามั้ย” กัปตัน คฑาทอง กล่าว
กัปตัน คฑาทอง กล่าวต่อว่า ครม.ชุดนี้อัปลักษณ์ที่สุด จึงไม่อาจปล่อยให้ ครม.ชุดนี้นำพาประเทศชาติอีกต่อไป และขอฝากประเทศชาติ ไว้กับพันธมิตรฯ ทุกท่านด้วย
สำหรับกัปตัน คฑาทอง เคยร่วมกับกัปตัน ถนิต พรหมสถิตย์ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทดสอบสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 28 ก.ย.2548 สมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังเป็นนายกรัฐมนตรี ว่าเป็นแค่การสร้างภาพ ไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง
Link: http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000101896
Thursday, 28 August 2008
Monday, 18 August 2008
Beijing Olympic Grand Opening Ceremony
http://olympicgames2.blogspot.com
Beijing Olympics opens with outstanding fantastic ceremony Fireworks, athletes and pageantry on a scale never before seen in the Olympics opened the Summer Games in Beijing on Friday. A global TV audience of four billion and 91,000 in the Olympic Stadium witnessed the opening ceremony. 20,000 fireworks torched the sky, fairies floated in a constellation of incandescent beauty and 56 children representing China's ethnic mix paraded the flag of the People's Republic. The eighth day of the eighth month, 2008, Chinese president Hu Jintao sat alongside Jacques Rogge, the president of the International Olympic Committee. 4,000 years of Chinese history was condensed into the mother of all floor shows to mark the opening of the Games of the XXIX Olympiad. This was the choreographed demonstration of might the like of which the Olympic Games has never seen. This was history set to music and dance, every step reminding the assembled world leaders that Beijing stands at the centre of a universe every bit as legitimate as those born of Greece and Rome. Gunpowder, or the burning of medicines in these parts, we were reminded in a series of heady detonations was invented this end of the Silk Road half a millennia ago. Paper, another creation of ancient China, and writing utensils made of bamboo slips dating back to the fifth century BC, featured heavily in a display of artistic hegemony worthy of the great nation China believes herself to be. The Summer Olympics are now officially under way, the cauldron flame has been lighted in a manner that will be talked about for generations, China has a lot of new friends and "The Greatest Show On Earth" lived up to its $100 million expectations inside the incomparable Bird's Nest. What an Opening Ceremony. One World One Dream has just been replaced as the most useful phrase here by How Did They Do That? This Opening Ceremony was billed as the greatest show on Earth, and it quite possibly was. Artistic director Zhang Yimou had the daunting task of incorporating 5,000 years worth of Chinese civilization into one program, and it was done with mind-blowing technology and artistic flair. The stadium itself was the star, its open-roof ring stretching a few stories high above and serving as a projector screen for waterfalls, whales, flying doves, stars, ancient Silk Road travel and much more. Everything about this Opening Ceremony left one breathless and wanting more, and that is what a good Opening Ceremony is supposed to do of course.
Summer Olympics Open With A Bang In Beijing 2008
Amid pollution, protests and impressive pomp and circumstance, the curtains rose Friday on the XXIX Summer Olympics in Beijing.
The four-hour opening ceremony at the 91,000-seat Bird's Nest stadium was a gaily colored extravaganza punctuated by fireworks and festivities, including a guy-in-the-sky lighting of the Olympic flame.
Gymnast Li Ning, who won three gold medals for China in 1984, was lifted by wires for the spectacle. He circled the Bird's Nest once, gliding through the air like a spacewalker. Then he used the torch to light the massive Olympic caldron.
The ceremony will be shown on TV Friday night in the United States. The anticipated crowd around the world may make this the most-watched television event ever.
The event, directed by Chinese filmmaker Zhang Yimou, drew on China's history and cultural heritage and displayed it all with high-tech wizardry. Fireworks, a Chinese invention, were set off in great waves, from within the Bird's Nest and from as far away as Tiananmen Square, several miles to the south.
Country by country, athletes strolled around the stadium in hot, hazy weather. China's squad of more than 600 was led by NBA tower Yao Ming and a young boy who lived through the spring earthquake in Sichuan province. There were thousands of musicians and performers to delight the crowd.
In Beijing, the long-anticipated day was greeted with joy and enthusiasm. Those lucky enough to secure tickets cheered long and hard for China's Olympic team, the last and largest of the 204 delegations to march in the parade of nations. Fans swirled red scarves, waved little Chinese flags and helped illuminate the Bird's Nest with glowing colored torches.
But for those expecting to see a nationalistic opening ceremony, bristling with pride over China's rapid economic development, it didn't happen. The festivities were artistic, even whimsical at times, rather than political.
Dignitaries from around the world, including President George W. Bush, witnessed the event. So did Russian Prime Minister Vladimir Putin on the day that a conflict escalated between Russia and the former Soviet republic of Georgia over the breakaway region of South Ossetia.
Before the opening ceremony in Beijing, Bush christened a huge new $434 million U.S. Embassy and took the opportunity to chastise the Chinese.
"We strongly believe societies which allow the free expression of ideas tend to be the most prosperous and the most peaceful," he said.
The White House said the president's weekend will be a melange of statesmanship and sports: He will continue to meet with Chinese President Hu Jintao and other officials, and he will cheer on American athletes, including swimmers and basketball players.
And it was the athletes who got the great roars from the crowd — and not just the Chinese heroes. There were cheers for tennis great Roger Federer from the Swiss delegation, for the German NBA star Dirk Nowitzki and the tennis-playing Williams sisters (Venus and Serena) from the U.S. And cheers, too, for the unknown athletes from little-known countries like Aruba, Montenegro and Kiribati.
Earlier, while athletes settled into the high-rise residential apartments of Olympic Village, protesters staged demonstrations elsewhere, criticizing China's human rights policies at home and abroad. For the next 16 days, the world will be bombarded with a similar mixture of diplomacy and sweat. Thousands of athletes will compete in an array of sports.
Concern about the hazy air permeated the first day of activities. Zhu Tong, an associate professor at Peking University's College of Environmental Science and Engineering and an adviser to the government, told The Associated Press, "The stagnant air in Beijing has helped pollutants accumulate. I really hope in the next couple weeks, we'll have conditions that will help us clear up the sky."
Opening Ceremony Of Beijing Olympics 2008 -in a Material world
In a Material world.... OLYPlusSelectPlusSportsOpening Ceremony Kicks Off OlympicsOpening Ceremony Kicks Off OlympicsThe Associated PressOnce-reclusive China commandeered the world stage Friday, celebrating its first-time role as Olympic host with a stunning display of pageantry and pyrotechnics to open the Summer Games. (Aug. 8)[Notes:ANCHOR VOICE] [Notes:man with novelty 08-08-2008 glasses]This man's novelty glasses say it all - at 8:08 on 8-8-08 the opening ceremony kicked off for the Beijing Olympics. [Notes:Olympic scenes] The number is considered lucky by the Chinese - and the Asian nation is proudly set to show off to the world. [Notes:couple with Chinese and US flag and tickets in hand]It's typical for tickets to the ceremony to go quickly, lucky ticket holders proudly show off their passes before heading inside for the festivities. [Notes:performers head in - FROM GVW] The ceremony has been a well-guarded secret, but some of the performers headed into the Olympic Stadium offer a sneak peak. [Notes:Stadium wide shot - other scenes]The stadium is called the Bird's Nest because of its shape. It's one of the many sights around Beijing put in place for the games.And then there are the tourists - from all over the world. Kirk Patrick traveled from Harrisburg, Pennsylvania to see the sights.SOT: Kirk Patrick, Tourist from Harrisburg, PA: "We've been planning to be here for several years, and it's just exciting to be in Beijing, and to meet the people and see the games. And we're very excited." [Notes:night shots] As night fell, fireworks lit up the sky outside the stadium where the ceremony will be held, where colored lights shone brightly over Beijing.The pomp and circumstances kick off the Games of the 29th Olympiad - which last until the 24th. ___ ___, The Associated Press
Opening Ceremony Kicks Off Olympics : Beijing 2008
OLYPlusSelectPlusSportsOpening Ceremony Kicks Off OlympicsOpening Ceremony Kicks Off OlympicsThe Associated PressOnce-reclusive China commandeered the world stage Friday, celebrating its first-time role as Olympic host with a stunning display of pageantry and pyrotechnics to open the Summer Games. (Aug. 8)[Notes:ANCHOR VOICE] [Notes:man with novelty 08-08-2008 glasses]This man's novelty glasses say it all - at 8:08 on 8-8-08 the opening ceremony kicked off for the Beijing Olympics. [Notes:Olympic scenes] The number is considered lucky by the Chinese - and the Asian nation is proudly set to show off to the world. [Notes:couple with Chinese and US flag and tickets in hand]It's typical for tickets to the ceremony to go quickly, lucky ticket holders proudly show off their passes before heading inside for the festivities. [Notes:performers head in - FROM GVW] The ceremony has been a well-guarded secret, but some of the performers headed into the Olympic Stadium offer a sneak peak. [Notes:Stadium wide shot - other scenes]The stadium is called the Bird's Nest because of its shape. It's one of the many sights around Beijing put in place for the games.And then there are the tourists - from all over the world. Kirk Patrick traveled from Harrisburg, Pennsylvania to see the sights.SOT: Kirk Patrick, Tourist from Harrisburg, PA: "We've been planning to be here for several years, and it's just exciting to be in Beijing, and to meet the people and see the games. And we're very excited." [Notes:night shots] As night fell, fireworks lit up the sky outside the stadium where the ceremony will be held, where colored lights shone brightly over Beijing.The pomp and circumstances kick off the Games of the 29th Olympiad - which last until the 24th. ___ ___, The Associated Press
Saturday, 9 August 2008
Olympic Torch Shows Chinese Culture, Spirit
2008 Beijing Olympics Torch Ceremony Song-In My Heart
Our Dreams Olympic 2008 song
nara sang with a big choir. Feels nice this mv.
and got somemore clip from nara 2007 concert at Beijing.
we all together to celebrate Olympic 2008.
Beijing 2008 Olympic Games Fireworks Rehearsal,July 16th, Beijing .
北京奥运会开幕式焰火抢 Beijing Olympics 2008 Rehersal
"鸟巢"首次试放烟花 灯火璀璨更加动人
Friday, 8 August 2008
'ถ้าไม่เป็นจอมดาบอันดับหนึ่ง ก็ขอตายอย่างหมาข้างถนน'
ไม่ใช่ "พระเอก" ของสังคม และไม่ใช่ "ผู้ร้าย" ในหนัง แล้วเขาเป็นอะไร? คงยากนิยามได้แจ่มชัด ยังมิต้องเอ่ยถึงความสนอกสนใจตลอดจนภูมิปัญญาของเขาที่กินเนื้อที่กว้างไกลตั้งแต่เรื่องชีวิตสามัญพื้นๆ ไปจนถึงมิติทางด้านจิตวิญญาณที่มุ่งสู่การหลุดพ้นจากโลกียวิสัย
ที่ผ่านมา คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะนิสิตนักศึกษามักจดจำสุวินัยได้ในฐานะอาจารย์ ส่วนบางคนชื่นชอบตัวตนของเขาในภาคของการเป็นนักเขียน ขณะที่อีกหลายๆ คนยังคงหลงติดอยู่กับภาพของเขาในกรณี "เปรตกู้" เมื่อหลายปีก่อนและยังคิดว่าเขาเป็นแค่ "คนบ้าๆ" คนหนึ่ง
ไม่ว่าจะอย่างไรในหนังสือ "วันที่ถอดหมวก" เสกสรร ประเสริฐกุล ได้มีถ้อยคำพาดพิงถึงสุวินัยในบางย่อหน้า และเราเชื่อว่ามันสามารถอธิบายตัวตนบางด้านของเขาได้ดีพอสมควร...
"ผมกับสุวินัยนับถือชอบพอกันมานาน ผมชื่นชมเขาตรงที่มีความจริงใจและจริงจังในการแสวงหาทางด้านจิตวิญญาณ อีกทั้งยังอุทิศพลังเพื่อผดุงความเป็นธรรมทางสังคมอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ทั้งสองด้านนี้ผมเห็นว่าเป็นชีวิตที่น่าสรรเสริญ แม้ในก้าวย่างของรูปธรรมจะต้องล้มลุกคลุกคลานบ้างก็ตาม"
...ในห้วงยามหลังจากงานเขียนเล่มล่าสุดของเขา "ยามเฝ้าแผ่นดิน" ของสนพ.บ้านพระอาทิตย์ วางแผงได้ไม่นาน ผู้จัดการรายสัปดาห์ได้มีโอกาสพบปะสนทนาอีกวาระกับ "อาจารย์สุวินัย" ในหลากเรื่องหลายประเด็น แน่นอน บางประเด็นไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ แต่จะเป็นไรไปล่ะ ถ้าเรื่องราวดีๆ หรือความคิดดีๆ จะถูกบอกเล่าซ้ำแล้วซ้ำอีก จริงไหม?...
พูดถึงงานหลักๆ ในชีวิตของ อ. ช่วงนี้มีอะไรบ้าง?
มีแค่ 2 อย่าง โดยอย่างแรกเกี่ยวข้องกับการฝึกฝนตนเอง ก็แล้วแต่ช่วง อย่าง 3-4 ปีมานี้ ผมให้ความสำคัญกับการฝึกสมาธิ ก่อนหน้านี้ก็หัดกู่เจิ้ง แล้วก็ฝึกเล่นหมากล้อม ส่วนนี้มันเกี่ยวข้องกับมโนภาพเกี่ยวกับชีวิตที่ผมอยากจะเป็น ชีวิตที่เราต้องเป็น หรือชีวิตที่เราสามารถได้เป็น แล้วการฝึกฝนตนเอง โดยมาตรฐานก็คือการแสวงหาความดี ความงาม และความจริง ซึ่งผมพยายามทำมาโดยตลอด และส่วนที่ 2 เป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับ "ข้างนอก" เป็นส่วนที่ผมมีเยื่อใยกับสังคม นั่นก็คือการเขียนหนังสือให้คนอ่าน
เท่าที่ติดตามอ่านงานเขียนส่วนใหญ่ของ อ.มักเกี่ยวข้องกับวิถีคิดหรือจิตวิญญาณ แม้แต่ "ยามเฝ้าแผ่นดิน" ที่รูปร่างหน้าตาค่อนข้างหนักไปทางการเมือง แต่เอาเข้าจริงๆ ก็ผูกโยงกับแง่มุมด้านจิตวิญญาณ?
ผมเชื่อนะว่า ถ้าไม่เปลี่ยนสภาพจิตใจก่อน มันก็เปลี่ยนแปลงการเมืองไม่ได้หรอก การเปลี่ยนรัฐธรรมนูญมันก็สำคัญ แต่การเปลี่ยนแปลงข้างในต่างหากซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง หนังสือส่วนใหญ่ของผม พูดไปก็คล้ายๆ เป็นการสื่อสารกับปัจเจก อย่างคนอ่านบางคนที่อ่านหนังสือเรื่อง "ยอดคนมหาโยคะ" แล้ว ชีวิตเขาเปลี่ยนไป เขาก็มาขอบคุณผม เราก็มีความสุข ผมเขียนหนังสือคล้ายกับวาดภาพนะ เพียงแต่ว่าผมวาดออกมาเป็นตัวอักษร ผมไม่ได้หวังหรอกว่าผมจะเปลี่ยนแปลงคนได้มากมาย แค่เปลี่ยนคนได้บางคนก็พอแล้ว แต่เป็นการเปลี่ยนในระดับรากเหง้าเลย ในแง่นี้ก็เหมือนกับผลงานของศิลปินที่เปลี่ยนแปลงความคิดของผู้คน
จริงๆ พอผ่านมาพักใหญ่ ความสนใจของผมคล้ายๆ นิทเช่นะ (เฟดริช นิทเช่ เจ้าสำนักปรัชญาอัตถิภาวนิยม) นิทเช่ในความหมายของคำว่า "เลิศมนุษย์" คือมนุษย์ผู้ประเสริฐ พูดง่ายๆ ว่าคนเราจะบรรลุศักยภาพในความประเสริฐของมนุษย์ได้อย่างไร โดยไม่ต้องบวช ทำได้ไหม ผมสนใจในแง่นี้มากกว่า คล้ายๆ กับสิทธารถะ ของเฮอร์มานน์ เฮสเส (นักเขียนชาวเยอรมนี)
อ.เคยพูดไว้ว่า "ถ้าไม่เป็นจอมดาบอันดับหนึ่งในแผ่นดิน ก็ขอตายอย่างหมาข้างถนน" จริงๆแล้วคนเราต้องอะไรขนาดนั้นเลยหรือ?
ที่ผมพูดแบบนั้นมันเป็นเทคนิคของการ "บีบคั้นตัวเองให้เหลือทางเดียว" เพราะทำอย่างนี้ คุณจะประนีประนอมไม่ได้เลย การประนีประนอม บางครั้งมันเป็นความจอมปลอม ถ้าคุณไม่อยากเฟกหลอกตัวเองและคนอื่น คุณก็ต้องพูดแบบนี้ และคำพูดแบบนี้มันจะทำให้คุณไม่กลัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับภารกิจแสวงหาความสมบูรณ์พร้อมนี่ คุณต้องขจัดความกลัวออกไปก่อน หรือถ้าคุณอยากเป็นศิลปิน แต่กลัวงานของตัวเองขายไม่ออก มันก็ลดพลังของตัวเองแล้วล่ะ คือถ้าเขียนหนังสือเพียงเพื่อจะขายได้ มันก็คือการหลอกตัวเองแล้ว มันเฟก แล้วงานพวกนี้มัน "ไม่อยู่" หรอก มันอาจจะดังหวือหวาอยู่พักหนึ่ง แต่ในที่สุดมันก็อยู่ไม่ได้ เพราะคุณไม่ซื่อสัตย์กับตัวเอง
เรียกว่าเป็นกลยุทธ์ทำนองนั้นใช่ไหม?
เรียกว่าเป็นการค้นศักยภาพดีกว่า และต้องไม่มีทางถอยให้กับตัวเอง แต่จะทำอย่างนี้ได้ คุณต้องมีความมั่นใจในตัวเองระดับหนึ่งนะ แล้วมันจะได้ใช้ชีวิตในแบบที่จะไม่มีวันมานั่งเสียใจในภายหลัง ในการ์ตูนญี่ปุ่นส่วนใหญ่มีประโยคหนึ่งซึ่งใช้กันบ่อยมากก็คือ ต้องไม่เสียใจในสิ่งที่กระทำลงไป คุณต้องแน่วแน่ อย่าลังเล
ตอนอายุ 19 อ.บอกว่าอยากเป็นนักปฏิวัติ?
ใช่แล้ว ตอนนั้นผมก็เข้าร่วมขบวนการปฏิวัตินะ แต่พอขบวนการมันล้มลงชีวิตก็ไม่รู้จะเอายังไงต่อไป มันคล้ายกับว่าเราเตรียมตัวมาทั้งชีวิตเพื่อเป็นนักปฏิวัติ แต่อยู่ดีๆมันก็มาหายไปเราก็เริ่มหาใหม่ แล้วบังเอิญผมได้ไปอ่านเรื่องมูซาชิ ผมก็เลยเลือกอันนี้เป็นที่พึ่งตั้งแต่นั้นมา
อาจารย์ชื่นชอบอะไรในตัวตนของมูซาชิ
ผมว่ามูซาชิเขาครบเครื่องรอบด้านนะเป็นคนที่เก่งแบบพหุปัญญา และผมว่ามันน่าเร้าใจดี ยิ่งยุคทุกวันนี้เป็นยุคของความหลากหลาย แล้วทุกสิ่งทุกอย่างมันจะมาเจอกันในแบบคอนเวอร์เจนซ์ตามกฎเกณฑ์ของศตวรรษที่ 21 ผมสังเกตนะว่า คนที่จะ Success ได้ในทุกวันนี้ คุณต้องมีความสามารถอย่างน้อยๆ 2 อย่างผสมกัน หนึ่งอย่างมันก็เก่งได้นะ แต่ผมว่ามันไม่เต็ม มันเก่งแบบไม่เต็ม แต่นี่มันเป็นจริตผมนะ คนอื่นๆ อาจจะชอบแบบเก่งอย่างเดียวก็ได้ แต่ผมเชื่อว่ามนุษย์เรานี่มีปัญญาอยู่แปดด้านในตัวเอง บางด้านเกี่ยวกับตัวเลขคณิตศาสตร์ บางด้านเกี่ยวกับภาษา ศิลปะ ร่างกาย และในจินตภาพของผมนี่ คนเรามันต้องเก่งหลายๆด้านเพราะถ้าเก่งหลายๆด้านได้ก็เท่ากับว่าเรามี "หลายชีวิต" (พหุชีวิต) อยู่ในตัวเอง เป็นการใช้ชีวิตให้คุ้มค่า
ยกตัวอย่างผม เกิดมามีชีวิตเดียว แต่พยายามใช้ชีวิตให้ได้ 4 แบบในคนคนเดียวกัน เป็นทั้งศิลปิน นักบวช นักปราชญ์ และนักรบ และที่สำคัญ ถ้าคนเราจะแสวงหาความเติมเต็มให้กับชีวิตในเรื่องความดี ความงาม ความจริง อย่างน้อยๆ มันต้องมี 3 ชีวิตนะ เพราะการจะหาความจริง คุณต้องใช้ชีวิตแบบนักวิทยาศาสตร์นักปราชญ์ จะหาความดีก็ต้องเป็นพระ จะหาความงามก็ต้องเป็นศิลปิน
อ.แสวงหาความดีโดยไม่ต้องบวชพระ นั่นก็แสดงว่า "รูปแบบ" ไม่ใช่เรื่องสำคัญ?
ผมว่ารูปแบบสำคัญอยู่นะ แต่คุณต้องมาตีความก่อนว่า รูปแบบคืออะไร เพราะถ้าจะวัดความเป็นพระกันแค่การโกนผมห่มผ้าเหลือง แค่นี้ยังไม่พอ ความเป็นพระที่แท้จริงก็คือสภาวธรรมด้านใน สภาวะจิตด้านใน เพียงแต่จะเป็นแบบนั้นได้มันก็ต้องมีกติกา ต้องซื่อสัตย์และที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือต้องมีวินัย อย่างถ้าคุณอยากเป็นนักกีฬา แต่คุณไม่เอ็กเซอร์ไซส์ก็ไม่ได้ผลดังหวัง
ถึงตอนนี้ อ.ยังอยากเป็นนักปฏิวัติอยู่หรือเปล่า?
ผมไม่ต้อง "อยาก" แล้ว และการที่ผมเขียนหนังสือออกมา ผมก็ไม่ได้เรียกร้องและคาดหวังอะไรจากใคร แต่ถ้างานเขียนของผมเกิดไปโดนใจใครเข้าแล้วเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเชิงลึก ผมก็ถือว่าตัวเองเป็นนักปฏิวัติสำหรับคนคนนั้นแล้ว เรียกว่าเป็นการปฏิวัติทางจิตวิญาณ และผมก็เชื่อว่าการปฏิวัติที่แท้จริงคือการปฏิวัติที่เกิดขึ้นในใจของแต่ละคน ส่วนการที่ผมไปช่วยกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็ไม่ใช่เพราะว่าผมอยากเป็นนักปฏิวัติอะไรนะ แค่คิดว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องทำ มันเป็นหน้าที่
อ.มีส่วนร่วมยังไงบ้างในการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตร?
ไม่มีอะไรมากมาย ผมเข้าไปร่วมแค่ในฐานะของ "ผู้สังเกตการณ์" ผมไม่ได้คิดจะเข้าไปเปลี่ยนแปลงใคร
แค่สังเกตการณ์เท่านั้นจริงๆหรือ?
คือสังเกตการณ์แบบมีส่วนร่วม เข้าไปช่วย แต่ผมไม่ได้เป็นลูกน้องใคร แล้วไม่ต้องตกปากรับคำสัญญากับมวลชนว่าผมจะรับใช้พ่อแม่พี่น้อง ผมไม่ต้องทำแบบนั้น และผมก็มั่นใจว่าสิ่งที่ผมทำมันดีที่สุดสำหรับตัวผมเอง เพียงแต่มันไม่มี "ความอยาก" อะไร
อ.คิดว่าตัวเองก้าวมาถึงจุดที่ไม่ยินดียินร้ายต่อโลกธรรมแล้วอย่างนั้นใช่ไหม?
ก็ไม่เชิงนะ ผมเพียงแค่เล่นกับมัน แต่ผมไม่ "อยาก" มันคล้ายๆกับว่าเป็นไฟในความเย็น ไม่รู้จะอธิบายยังไง เป็นความพลุ่งพล่านในความนิ่ง ตอนหนุ่มๆ เราก็พลุ่งพล่าน แต่พลุ่งพล่านแบบไม่นิ่ง ตอนนี้เราก็ยังมีไฟเหมือนกับวัยหนุ่ม แต่เราก็มีความนิ่งอยู่ด้วยในขณะเดียวกัน มันก็เลยกลายเป็นไฟในความเย็น ผมเลยไม่รู้จะเรียกว่ายังไง เหมือนมีภูเขาไฟลูกหนึ่งอยู่ในก้นทะเลท่ามกลางน้ำที่เย็นยะเยือก
ในฐานะของมนุษย์คนหนึ่ง สิ่งที่ อ.ให้ความสำคัญตลอดมาคืออะไร?
อย่าใช้ชีวิตอย่างปานกลาง ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า Mediocre อย่ายอมจำนนต่อความปานกลาง อย่ามีชีวิตอย่างต่ำต้อย อย่าดูแคลนตัวเอง และต้องแสวงหาความเป็นเลิศ พูดง่ายๆ ก็คือ อย่าใช้ชีวิตแบบธรรมดาๆ เพราะถ้าใช้ชีวิตธรรมดาๆ คุณก็จะกลายเป็นเบี้ยล่างคนเขาก็จะเหยียบย่ำคุณ คนเราไม่ควรถูกใครย่ำยี คุณต้องมีความองอาจสามารถเผชิญหน้ากับทุกสายตาได้ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นใหญ่ขนาดไหน จะรวยขนาดไหน
อย่าไปนิยามตัวเองด้วยความต่ำต้อย มีจินตภาพเกี่ยวกับอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร ต้องนิยามตัวเอง เมื่อนิยามแล้ว ก็ต้อง Do it Now ทำทันทีเลย เขาเรียกว่า "ล่าฝัน" คิดแล้วต้องทำ แสวงหาความเป็นเลิศด้วยวิธีการที่เป็นเลิศ
วิธีการที่เป็นเลิศ คือแบบไหน?
ไม่ยากเลย ถ้าคุณอยากเป็นนักฟุตบอลเก่งๆ คุณก็ต้องรู้ก่อนว่าบราซิลเขาเก่ง คุณก็ไปศึกษาดูสิว่าทำไมเขาเก่งขนาดนั้น ทำไมอาหารไทยอร่อย เราก็ต้องหาเอาสิ มันเป็นเรื่องขององค์ความรู้ ผมถึงบอกไงว่า มันต้องอ่านหนังสือ ทุกอย่างมันมีองค์ความรู้ทั้งนั้นแหละ
ที่ผ่านมา มนุษย์เราส่วนใหญ่นี่อยู่กันแบบ "ไม่ตื่น" แล้วก็รับความคิดตะวันตกเข้ามา พอรับเข้ามา มันก็เลยถูกครอบงำ คนที่ถูกครอบงำนี่ ไม่สามารถหาความเป็นเลิศได้ มันเป็นทาสที่ไม่ยอมปลดปล่อยตัวเอง ไม่รู้สึกสำนึก
จากประสบการณ์สอนหนังสือ ผมว่าเด็กรุ่นนี้เริ่มใจเสาะกันมากขึ้น รักสบาย แล้วไอ้ความสบายนี่มันมีราคาที่ต้องจ่าย คุณรู้มั้ย สุดท้ายมันก็ใจเสาะ ผมโตมาในยุคที่สังคมไทยมันไม่ได้มั่งคั่งขนาดนี้ ชีวิตมันดิ้นรนมากกว่า คือคุณจะล่าฝันยังไงก็ได้ แต่ไม่ใช่แค่ล่าฝันแบบอะคาเดมี่แฟนเทเชีย โลกมันมีอะไรมากกว่านั้น ผมยอมรับนะว่า โลกสมัยนี้มันเป็นโลกของการเปิดเผยตัวตน ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า Self Expression บางคนแปลว่า ปัจเจกนิทัศน์ แต่ผมไม่เห็นด้วยกับคำแปลนี้นะ โลกนี้ใครๆ เขาก็อยากเปิดเผยตัวตน
Self Expression นี่เหมือนกับวัฒนธรรม Somebody หรือเปล่า?
ไม่ใช่ๆ คำๆนี้ เขาหมายความว่า ทุกๆคนก็ล้วนอยากจะโชว์ออฟ อยากเป็นดารา ที่จริงผมไม่อยากใช้คำนี้ แต่ผู้คนยุคนี้ก็ดูเหมือนจะอยากเป็นดารากันหมด แล้วคนก็เข้าใจกันว่า ความสำเร็จของชีวิตคือคุณต้องเป็นดารา หรือซัมบอดี้ ซึ่งมันเป็นเรื่องเหลวไหล พอคุณเชื่อแบบนี้ มันก็เลยเป็นที่มาของบริโภคนิยม คุณต้องแต่งตัวให้เริ่ด ใช้กระเป๋ายี่ห้อแพงๆ คุณรู้สึกว่าคุณต้องเป็นซัมบอดี้ คุณคิดว่าตัวเองมีตัวตนขึ้นมาจากการใช้สอยสิ่งเหล่านี้ คุณต้องรวย
จริงๆ แล้ว คำว่า Self Expression มีความหมายในเชิงลบใช่ไหม?
ไม่เชิงนะครับ คือชีวิตที่มีลีลา มีสีสัน มันก็เป็น Self Expression แต่มันควรจะเป็น Self Expression ที่ไม่หวังผลตอบแทน เพราะถ้าคุณทำไปแบบมีสิ่งตอบแทน มันก็ทำให้คุณกลายเป็นพวกคอมเมอร์เชียล (Commercial) พอเป็นคนคอมเมอร์เชียล มันก็มีความเฟกตามมา แล้วคุณก็ตกอยู่ในบริโภคนิยม คุณก็ขายวิญญาณให้กับมัน ผลสะเทือนจากการที่คุณขายวิญญาณหรือคุณเฟกนี่ มันมากมายมหาศาล
พูดง่ายๆ อย่างคุณทักษิณที่เขาพังอย่างทุกวันนี้ก็เพราะเขาอยากรวยกว่าบิล เกตส์ ผมว่าไม่จำเป็นต้องขนาดนั้นก็ได้นะ แค่มีสองหมื่นล้านนี่ผมว่ามันพอแล้วนะ คุณพอได้แล้ว อันนี้ก็เป็น Self Expression แบบคุณทักษิณ แต่มันผิดไง เพราะมันขาดซึ่งปัญญาและความรัก มันไม่ได้เอื้ออาทรต่อประชาชนโดยรวมจริงๆ คุณทักษิณน่ะดูถูกมวลชนอย่างถึงที่สุด ด้วยการที่คุณเอาเงินไปฟาดหัวเขาด้วยประชานิยม คุณไม่ได้รักพวกเขาจริงๆ หรอก คุณรักคะแนนของพวกเขา นี่ล่ะ ผมแตกหักกับคุณทักษิณมากที่สุดก็เพราะเรื่องนี้ มันเป็นการแตกหักเชิงโลกทัศน์หรือปรัชญาในระดับรากเหง้าเลย แล้วใครก็ตามที่ออกมาเรียกร้องปกป้องคุณทักษิณนี้มันเหลวไหลทั้งนั้น
โดยส่วนตัว อ.มองสถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้ยังไงบ้าง?
เราคงมิอาจไปตัดสินได้หรอก เพราะบางทีมันก็เหมือนกับหมากล้อมนั่นแหละ มันพลิกได้ตลอด ผมไม่ได้มองว่ามันจะนำไปสู่ความรุนแรงหรือไม่ ผมมองดูแบบภาพรวม แล้วภาพรวมนี่ วิกฤตระดับโลกมันมาแน่ และมันก็เริ่มส่อเค้าให้เห็นกันบ้างแล้ว ทั้งเรื่องซับไพรม์ เรื่องวิกฤตน้ำมัน แล้วเราก็ยังมีวิกฤตข้างใน ใช่มั้ย วิกฤตแบบนี้มันเกิดจากคนชั้นนำที่อ่อนแอ เราต้องการคนชั้นนำแบบใหม่ และผมเข้าใจว่าคนแบบนี้จะมาจากกลุ่มพลังใหม่ ซึ่งก็หมายถึงพันธมิตรฯ เพราะฉะนั้น ถ้าพวกเขาชนะแล้วมันก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่การเมืองแบบใหม่ได้นี่ มันคือชัยชนะของประเทศนี้ มันคืออนาคต แต่ถ้าเขาแพ้นะ เกิดความรุนแรง หรือครึ่งๆ กลางๆ มันก็คือชะตากรรมรวมหมู่ หรือโศกนาฏกรรมของบ้านเมืองนี้
และที่ต้องเตือนไว้ตรงนี้เลยก็คือ วิกฤตใหญ่กำลังจะมา อุปมาดั่งเราแล่นเรือไป เรือกำลังจะจมแล้ว ไต้ก๋งยังเดินเรือเร็วอีก หรือไม่ก็เอาแต่ทำครัว ไม่ได้สนใจที่จะเซฟเรือนี้เลย ผมมองไกลไปขนาดนั้นนะ ทุนนิยมก็อยู่ไม่ได้หรอก ถ้าน้ำมันขึ้นขนาดนี้ ถ้ามันขึ้นถึง 2-300 ร้อยบาทต่อลิตรล่ะ โอ้โหมันต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงแน่ๆ มันกระทบทั้งหมด แล้วถ้าเป็นแบบนั้น รูปแบบของเศรษฐกิจแบบใหม่มันก็ต้องเกิด ผมมองว่าระบบเศรษฐกิจแบบใหม่มันจะเป็นระบบแบบเครือข่าย เรามีพื้นฐานอยู่บนสิ่งแวดล้อมและมีชุมชนเป็นเสาหลัก
อ.มองว่าทุนนิยมจะล่มสลายในที่สุด?
มันอยู่ไม่ได้หรอก กลไกราคาแบบนี้มันพังพินาศแน่ๆ เอาง่ายๆ แค่น้ำมันขึ้นขนาดนี้ คุณก็แทบตายแล้ว ถ้าเกิดมันขึ้นมาเป็นสองร้อยบาทต่อลิตรล่ะ ถามว่ามีใครอยู่ได้บ้าง ล้มละลายหมด แล้วไม่ใช่ว่ามันเป็นไปไม่ได้นะ ทุนนิยมเดี๋ยวนี้มันบิดเบือนไปแล้ว มันไม่ใช่ทุนนิยมสมัยมาร์ก (มาร์กซิสม์) มันกลายเป็นสิ่งที่ถูกครอบงำโดยซูเปอร์คลาส อภิชนชั้น มันอยู่ได้ด้วยการเก็งกำไร แล้วมันก็ปั่น เพราะน้ำมันนี่ไม่เกี่ยวกับเรื่องดีมานด์ซัปพลายแล้วนะ เศรษฐศาสตร์มันล่มสลายไปแล้ว คุณรู้ไหม มันเป็นเรื่องของการเก็งกำไรและปั่นราคาไปหมดแล้ว
เพราะฉะนั้น สุดท้าย ผมว่าคนจะตื่นตัว พอตื่นตัวมา มันก็ต้องล้มไอ้ซูเปอร์คลาสนี่ให้ได้ จะล้มไอ้ซูเปอร์คลาสนี่ได้ ก็ต้องถอดรื้อบริษัทข้ามชาติ ถอดรื้อตลาดเก็งกำไร คอมมูนิตี้นี้ทั้งหมด แล้วก็ตกลงกติกากันใหม่ว่า คุณจะทำเศรษฐกิจยังไงเพื่อให้ทุกคนอยู่กันได้ มีกินมีใช้ มันก็ต้องหันมาหาหลักเศรษฐกิจพอเพียง ถ้าเราไม่กลับมาสู่เศรษฐกิจพอเพียงนะ มันกลียุคแน่นอน ทุกวันนี้มันก็เริ่มส่อเค้าให้เห็นบ้างแล้ว เพราะพอเราเห็นแบบนี้แล้ว "หมากตัวแรกที่เราต้องโค่นให้ได้ก่อนก็คือระบอบทักษิณ" หลังจากนั้นเราจะได้มีเวลาเต็มที่ เพื่อเตรียมตัวรับมือกับพายุลูกใหญ่ที่ กำลังจะมาถึง
*** วิถีแห่ง 'จอมคนเหนือโลก' กับ 'จอมคนพิชิตแผ่นดิน' ***
นอกเหนือไปจากศาสตร์แขนงต่างๆ เป็นที่รู้กันดีว่า อ.สุวินัยเป็นนักอ่านนิยายกำลังภายในตัวยงคนหนึ่ง และถ้าจะพูดให้ถูกยิ่งกว่าก็คือว่าเป็นนักอ่านในระดับขั้นที่ "ตกผลึก" ซึมลึกสู่เลือดเนื้อจิตวิญญาณ...
"ผมอ่านทั้งโกวเล้ง กิมย้ง แต่ที่ผมชื่นชอบที่สุดกลับเป็นหวงอี้ เพราะเขามีความแปลกใหม่ คือเขาเขียนในเชิงแอกชั่นเหมือนหนังแอกชั่น แต่ก็แฝงภูมิปัญญาที่เป็นองค์ความรู้เยอะมาก
งานของหวงอี้จะมีตัวละครหลักอยู่ 2 ประเภทคือ "จอมคนพิชิตแผ่นดิน" กับ "จอมคนเหนือโลก" แล้วนิสัยส่วนตัวของผมเองจะชอบคนแบบจอมคนเหนือโลก อย่างในมังกรคู่ ผมก็ชอบตัวละครแบบฉีจื่อหลิง เวลาผมมองคุณสนธิเป็นแบบโค่วจง คือเป็นจอมคนพิชิตแผ่นดิน แต่ก็ไม่มีอะไรเหนือกว่านะเพียงแต่จริตมันต่างกัน หรืออย่างในเรื่องเทพมารสะท้านภพ เราก็ชอบคนอย่าง "ล่างฟานหวิน" ถ้าเป็นจอมคนแผ่นดินเดือด ผมก็ชอบคนอย่าง "เอี้ยนเฟย" ซึ่งเป็นคนที่ไม่สนอำนาจ แต่ก็อยากเปลี่ยนแปลงสังคม แต่พอเปลี่ยนแปลงได้แล้วก็กลับสู่โลกของตัวเองแสวงหาความหลุดพ้น
จอมคนเหนือโลก คือ โลกุตตระ ลาภยศสรรเสริญ ไม่อาจครอบงำจิตใจได้ แต่จอมคนพิชิตแผ่นดินนี่ ในที่สุดจะกลายเป็นผู้ปกครอง ก็จะยังอยู่ในวงจรของอำนาจและโลกธรรม
แต่ตัวละครของโกวเล้งมันไม่มีมิติแบบนี้เลย มีแต่จอมคนที่เป็นขี้เหล้าเสเพล ทำให้คนอ่านสับสนในความเป็นตัวเอก มิติประวัติศาสตร์ก็มีน้อยมาก ในแง่ของความสร้างสรรค์ ผมว่าสู้หวงอี้ไม่ได้ รวมทั้งความเข้าอกเข้าใจในเรื่องสงครามด้วย
คนอย่างลี้คิมฮวง (ตัวละครเอกใน "ฤทธิ์มีดสั้น" วรรณกรรมมาสเตอร์พีชของโกวเล้ง) ก็เหนือโลกนะ แต่มันไม่สมจริง คือขี้เหล้าขนาดนั้นมันไม่ใช่ไง มันเหมือนกับคนที่ถูกนิวรณ์ครอบงำ อารมณ์หดหู่ มันไม่ใช่จิตใจของคนที่อยู่เหนือโลก คนที่อยู่เหนือโลกมันต้องจิตกระจ่าง แต่ถึงอย่างไร คนอ่านส่วนใหญ่ก็ยังชอบลี้คิมฮวงนะ เพราะอย่างน้อยๆ จิตใจแบบลี้คิมฮวงก็เป็นจิตใจที่ยิ่งใหญ่ เป็นคนที่มากน้ำใจ เป็นคนที่มีจิตใจสูงส่ง ไม่ยึดติดกับลาภยศสรรเสริญ โอเค บุคลิกแบบนี้ผมก็ชอบ เพียงแต่ว่าผมอาจจะโตขึ้นแล้วก็ได้ ผมจึงหลุดจากวรรณกรรมโกวเล้ง"
(จาก นิตยสารผู้จัดการรายสัปดาห์ ฉบับวันที่ 21 -27 ก.ค. 2551)
เรื่อง : อภินันท์ บุญเรืองพะเนา
ภาพ : นิรุจน์ ตฤษณานนท์
Credit Link: http://www.dragon-press.com/
Sunday, 3 August 2008
Grand Prix Direct Lion and Integrated Lion : Cannes 2008 : TIMES OF INDIA : LEAD INDIA
Cannes 2008: Winner of Grand Prix Direct Lion and Integrated Lion
Title: LEAD INDIA
Advertiser/Client: BENNETT, COLEMAN AND COMPANY
Product/Service: TIMES OF INDIA
Entrant Company, City: JWT INDIA, Mumbai
Country: INDIA
Credit Details:
Name Position Company
Agnello Dias Copywriter JWT
Debu Purkayastha AVP & Sr Creative Director JWT
Vistasp Hodiwala AVP & Sr Creative Director JWT
Arkadyuti Basu AVP & Sr Creative Director JWT
Vinayak Gaikwad Creative Director JWT
Simone Patrick Senior Copywriter JWT
Kaushik Iyer Junior Copywriter JWT
Komal Ranjan Art Director JWT
Firoz Karmalawala Senior Audio Visual Director JWT
Description:
In the 60th year of being a FREE nation, The Times of India wanted to start the new year with a campaign to combat the growing cynicism of an entire nation— the disillusionment with politicians, corruption, the system etc. They wanted to take a bold step and do something that would go beyond just being a brand gimmick; something that would break the social inertia of acceptance and tolerance and galvanize an entire nation to be the face of change in India.
Launch And Execution:
The Times of India's 'Lead India Poised' campaign was a nationwide search to choose our own leaders. The point of the campaign, however, was not purely about identifying a winner. It was about providing every right-thinking Indian a chance to step out of the comfort zone and taking on the task of stewarding the nation. The campaign not only succeeded in increasing brand salience, but also broke all communication clutter to stand out as the most loved, talked about, debated and shared communication across consumer segments and product categories.
Results:
Over 37,000 Indians responded to this initiative. Over 1.3 million hits on the website. More than 900,000 YouTube downloads. The country's top celebrities (actors, politicians, industrialists, economists) became spokespersons— for free The television series was shown on Star One, part of India's largest television network with 7 sponsors- all leading corporates. The British High Commission sponsored a Chevening Leadership course at the London School of Economics for the three finalists. The winner goes on to receive support to contest any constituency of his choice in the next year's General Elections.
Link: http://www.canneslions.com/winners/titanium/win_23_1_00328.htm
TITANIUM Intergrated Lion Cannes 2008 : WHOPPER FREAKOUT : BURGER KING
Behind the Whopper freak out...
Title: WHOPPER FREAKOUT
Advertiser/Client: BURGER KING
Product/Service: BURGER KING
Entrant Company, City: CRISPIN PORTER + BOGUSKY, Miami
Country: USA
Credit Details:
Name Position Company
Rob Reilly Creative Director Crispin Porter + Bogusky
Bill Wright Creative Director Crispin Porter + Bogusky
Jeff Benjamin Interactive Creative Director Crispin Porter + Bogusky
Ryan Kutscher Associate Creative Director Crispin Porter + Bogusky
Paul Caiozzo, Andy Minisman; Dan Treichel; Julia Hoffman Art Director Crispin Porter + Bogusky
Ryan Kutscher, Omid Farhang; Nathan Dills Copywriter Crispin Porter + Bogusky
Thomas Rodgers Designer Crispin Porter + Bogusky
David Rolfe Director Of Integrated Production Crispin Porter + Bogusky
Winston Binch Executive Integrated Producer Crispin Porter + Bogusky
Chris Kyriakos (Sr), Aymi Beltramo Integrated Broadcast Producer Crispin Porter + Bogusky
Harshal C. Sisodia Integrated Interactive Sr Producer Crispin Porter + Bogusky
Henry-Alex Rubin Director Smuggler
Patrick Milling Smith; Brian Carmody; Lisa Rich Executive Producer Smuggler
Allison Kunzman; Laura Thoel Head Of Production Smuggler
Drew Santarsiero Producer Smuggler
Learan Kahanov Director Of Photography
Adam Pertofsky; Chan Hatcher; Matt Murphy; Wyatt Jones Editor Rock Paper Scissors
Crissy DeSimone, Tricia Sanzaro Producer Rock Paper Scissors
Dan Aronin; Gabriel Britz; Neil Meiklejohn Assistant Editor Rock Paper Scissors
Eugen Cho (Composer) Music Amber Music
Bill Meadows Executive Integrated Music Producer Crispin Porter + Bogusky
RED Interactive (Development Partner) Dan Sormani (Exec. Producer), RIO (Post Production) Lifelong Friendship Society (Design & Animaton)
Mark Dennison (Fire Artist), Andy Davis (Inferno Artist) Lime Studios (Audio Post), Dave Wagg; Rohan Young; Loren Silber; Mark Meyuhas (Audio Engineers) Stephanie Boggs (Exec. Producer), Shawna Drop (Producer)
Jessica Locke (Producer) Matthew Ray (Assoc. Technical Director) Scott Prindle (Technical Director)
Michael Tseng (Interaction Designer) Stewart Warner, James Luckensow (QA)
Description:
To celebrate the 50th Anniversary of the WHOPPER®, BURGER KING® created an innovative media campaign in which America's favorite burger, the WHOPPER®, was removed from the menu for a day and hidden cameras captured customers candid reactions. The first component of the campaign explored deprivation to see what would happen if America's most beloved burger was removed from the menu without any announcement. The social experiment was taken to another level when in lieu of the WHOPPER® customers were given competitors' burgers. When the customer returned to the counter to discuss the problem with the manager, the King presented the customer with a Whopper and revealed the hidden cameras.
Launch And Execution:
On December 9th, 2007, a variety of television, interactive and print executions rolled out to promote the 50th anniversary of the WHOPPER®. Along with the TV spots, whopperfreakout.com was introduced. This website featured a long format video of both the Freakout and Fried components as well as behind-the-scenes footage of the filming of the campaign. Interactive flash and rich media banners were released to several websites to promote the campaign as well as a USA Today Print Ad, WHOPPER® vs. Big Mac OOH and Silly WHOPPER® OOH where the focus was on the dramatic size difference between the WHOPPER® and the Big Mac. Also, on December 6, the King was immortalized and a wax figure of the King was unveiled at the Madame Tussauds Wax Museum in NYC.
Results:
Our Whopper Freakout campaign drove traffic and sales of the WHOPPER® up 29%. Not only did the campaign drive significant brand relevance but also the ads became the most-recalled campaign in IAG history. The website created for this campaign, whopperfreakout.com, received 4 million views by mid-March and had 250,000 unique visitors in the month of December alone. Spoofs and parodies of the television ads were created by SuperFans and posted on YouTube. Not only did the campaign help strengthen the sales at BURGER KING® restaurants nation wide, but also, competitors showed signs of slower traffic.
Link: http://www.canneslions.com/winners/titanium/win_23_1.htm
TITANIUM GRAND PRIX Cannes 2008 : "Black Boy Wanting Water" : MUSIC FOR LIFE CHARITY EVENT
How drinking a single glass of water can change many things!
Title: BLACK BOY WANTING WATER
Advertiser/Client: STUDIO BRUSSELS
Product/Service: MUSIC FOR LIFE CHARITY EVENT
Entrant Company, City: MORTIERBRIGADE, Brussels
Country: BELGIUM
Credit Details:
Name Position Company
Jens Mortier, Joost Berends, Philippe Deceuster Creative Directors Mortierbrigade
Tim Driesen Copy/ad Mortierbrigade
Joeri Vandenbroeck Copy/ad Mortierbrigade
Dieter Vanhoof Copy/ad Mortierbrigade
Peter Claes Head Of Marketing Vrt
Jan Van Biesen Head Of Studio Brussels Vrt
Description:
The yearly charity event 'Music for Life', organised by radio station Studio Brussels and the Red Cross, focused on drinkable water. Every 15 seconds a child dies due to a lack of drinkable water. Studio Brussels wanted to raise money to help. We started from the insight that every TV host has a glass of water. It's so normal, that nobody even notices anymore. Until we started this campaign...
Launch And Execution:
A black boy showed up on Flanders' best watched station 'één' during three days, always in prime time. He quickly drank the host's glass of water and then ran off. The most frequently asked question during these days was: 'have you seen the thirsty black boy?' The whole thing started to lead a life of its own on the internet and in other media. The only thing left to do, was claim the campaign.
Results:
'Music for Life' turned out to be a giant success. In 6 days time, people donated 3,3 million euro for drinkable water. A giant amount for a small country.
TITANIUM GRAND PRIX Cannes 2008 : EDUCATIONAL PROGRAM : MILLION
Complot es la escuela de creativos hecha por creativos
http://www.tenemosunplan.com/
Title: MILLION
Advertiser/Client: NEW YORK CITY DEPARTMENT OF EDUCATION
Product/Service: EDUCATIONAL PROGRAM
Entrant Company, City: DROGA5, New York
Country: USA
Credit Details:
Name Position Company
David Droga Creative Chairman Droga5
Andrew Essex CEO Droga5
Ted Royer Excutive Creative Director Droga5
Duncan Marshall Executive Creative Director Droga5
Ben Nott Creative Director Droga5
Cam Blackley Creative Droga5
Matty Burton Creative Droga5
Craig Batzofin Digital Producer Droga5
Thomas Beug Producer Droga5
Scott Witt Creative Director Of Media Droga5
David Park Designer
Description:
Re-brand scholastic achievement for New York City's 1.1 million public school students by re-enforcing the connection between academic performance and future success.
Launch And Execution:
Instead of crafting a traditional advertising campaign, we chose to recognize and reward students' personal achievements with something they actually wanted. By partnering with Verizon and Samsung, we developed the world's first communication device fueled by academic performance. The Million is a free cell phone with free talk time and text messaging rewards for excellent attendance, behavior, classroom participation, homework and grades. The more students excel in school, the more they get out of their phone. Learning is earning.
Results:
Though the program was initially met with resistance, just two weeks after the Million launched, teachers and administrators recognized improvements in attendance, behavior, homework, participation and grades. Additionally, principals realized a valuable byproduct in the bi-weekly recording of student improvements - schools no longer have to wait until end of each quarter for student data, and can address individual and school-wide issues immediately. The instant success of the Million program has sparked calls from schools all over the globe. Our hope is to continue to expand the program to other school systems worldwide struggling to close the critical achievement gap.
TITANIUM GRAND PRIX Cannes 2008 : HALO 3 GAME : Believe :
Title: BELIEVE
Advertiser/Client: MICROSOFT
Product/Service: HALO 3 GAME
Entrant Company, City: McCANN WORLDGROUP, San Francisco
Country: USA
Credit Details:
Name Position Company
Scott Duchon Creative Director T.A.G.
Geoff Edwards Creative Director T.A.G.
John Patroulis Creative Director T.A.G.
Nate Able Art Director T.A.G.
Tim Stier Art Director McCann Worldgroup San Francisco
Ben Wolan Art Director T.A.G.
Elliot Harris Art Director McCann London
Mat Bunnell Copywriter T.A.G.
Rick Herrera Copywriter T.A.G.
Cameron Mitchell Copywriter McCann London
Hannah Murray Producer T.A.G.
Vince Genovese Producer McCann Worldgroup San Francisco
Mike Harris Strategy Director T.A.G.
MJZ Production Company MJZ
GO Film Production Company GO Film
Rupert Sanders Director MJZ
Simon McQuoid Director GO Film
Andrea McArthur Editor Rock Paper Scissors
Matt Murphy Editor Rock Paper Scissors
Dick Gordon Editor Spot Welders
Connor McDonald Editor Filmcore San Francisco
Erin Wendel Art Director Maclaren McCann
Stan Winston Studios Figurines Stan Winston Studios
Lauren McCrindle Copy Writer Maclaren McCann
New Deal Studios Miniature Landscape New Deal Studios
Interactive AKQA San Francisco and London
Description:
The marketing idea needed to be big enough to matter to our broadest group; but feel genuine and authentic to our core. At the center of the Halo universe is a simple story focused on a hero, Master Chief. As his story unfolds through the trilogy, it is full of tales of bravery, duty, sacrifice, friendship, and selflessness. These themes are consistent with the qualities of real heroes and classic storytelling throughout history, they are universal and timeless - they speak to all of us.
Launch And Execution:
To garner interest outside of hard-core video game fans for the release of Halo 3, we created an emotional campaign that emphasized the heroism and humanity of its lead character Master Chief that included: A "Museum of Humanity' An actual 1200 ft diorama A film of that diorama for TV and Cinema An immersive online diorama website Web films of 'war veterans' A fictional documentary of the diorama 'Making Of' A touring exhibit of fictional war photography Murals Guerilla elements Fictional music programs A tour of the diorama Even postage stamps
Results:
The result? Halo 3 became the biggest release in entertainment history.
TITANIUM GRAND PRIX Cannes 2008 : UNIQLOCK : UNIQLO : CASUAL CLOTHING PROJECTOR, Tokyo JAPAN
Complot es la escuela de creativos hecha por creativos
http://www.tenemosunplan.com/
Title: UNIQLOCK
Advertiser/Client: UNIQLO
Product/Service: CASUAL CLOTHING
Entrant Company, City: PROJECTOR, Tokyo
Country: JAPAN
Credit Details:
Name Position Company
Koichiro Tanaka Creative Director Projector Inc.
Takaharu Hatori Producer MONSTER FILMS INC.
Yuichi Kodama Director Caviar Limited
Fantastic Plastic Machine Sound Artist
Furitukekagyou Air:man Choreographer
Yoshinobu Yoshida Cinematographer
Keizo Ichimei Lighting
Takayuki Sugihara Art Director
Keiichi Tozaki Interactive Designer
Yukio Sato Interactive Designer
Yoshiaki Nagasaki Executive Creative Director Paragraph
Hiroyuki Kojima Producer Paragraph
Keigo Nakamura Production Manager MONSTER FILMS INC.
Susumu Arai Programmer Sonicjam
Koji Torigata PR BILCOM, Inc.
Ryota Sugawara PR BILCOM, Inc.
Toshihiko Shingu Hair/Make-Up
Hisashi 'momo' Kitazawa Stylist KiKi Inc.
Description:
UNIQLO was seeking an innovative way to build its brand awareness internationally, and promote its business expansion into the global market. We recognized the 70 million blogs worldwide as a powerful buzz-building media, and created a functional and entertaining blog widget for the bloggers to spread the brand globally. The campaign concept we developed was the fusion of a CLOCK which functions as a blog utility, time signaling MUSIC, and DANCE performance videos with UNIQLO clothing. We named it UNIQLOCK. As a 100% UNIQLO branded widget, this automatically became a tool to connect UNIQLO and the world's bloggers.
Launch And Execution:
As a teaser, we uploaded 16 audition videos onto Youtube. Then we launched the UNIQLOCK site to start distributing the blog widget. The numerous dance videos and the clock counter appearing seamlessly one after another makes the viewers eager to see more. Since the widget plays all-year round, 24/7, the dancers change their outfits according to the season. The bloggers were motivated by seeing the website's world map which visualized the expansion of all of the users. Screensavers and shop installations were also released to enhance the UNIQLOCK experience, from personal desktops to the UNIQLO stores.
Results:
Over 27000 widgets from 76 countries Over 68 million views from 209 countries (widgets + website) Over 500 thousand views on You Tube (the audition videos) Over 175 thousand downloads (screensavers) Over 619 thousand web pages (google) (To Date: 10th January, 2008 )
Cannes Lions 2008 Bronze Awards : Other Screens : NEW WORLD OF COKE
Type Of Entry: Other Film Content
Category: Other Screens
Title: NEW WORLD OF COKE
Advertiser: THE COCA-COLA COMPANY
Product/Service: COCA-COLA
Entrant Company: WIEDEN+KENNEDY AMSTERDAM
Country: THE NETHERLANDS
Advertising Agency: WIEDEN+KENNEDY AMSTERDAM
Country: THE NETHERLANDS
Executive Creative Director: John Norman/Al Moseley
Creative Director: Rick Condos/Hunter Hindman
Copywriter: Rick Chant
Art Director: Barney Hobson
Agency Producer: Sandy Reay
Account Supervisor: Ryan Lietaer
Advertiser's Supervisor: Nick Felder
Production Company, City: PSYOP, New York
Country: USA
Producer: Mariya Shikher
Director: Todd Mueller/Kylie Matulick
Editor: Brett Nicoletti/Cass Vanini/Brett Goldberg
Music - Artist/Title: Original compostion by Human
Sound Design/Arrangement: Amber Music
Animation: Psyop
Synopsis
The World of Coca-Cola is the #1 indoor attraction in Atlanta and the #2 corporate attraction in the world. Opened in 1990, World of Coca-Cola has averaged around 800,000 visitors per year since its conception. Aiming at going one step further and keeping up with the new generation of corporate attractions, the New World of Coca Cola opened to visitors in April 2007. For this launch, Coke asked our agency to develop an opening film that would encapsulate the essence of the Coca-Cola Company and the Coke side of life. We came up with the idea of taking the visitors into a behind-the-scenes documentary about the Happiness Factory, where a film crew does an entertaining series of interviews of the workers going about their business. For this film, real people working at Coca Cola were interviewed and their responses placed in the mouth of the animated characters of the Happiness Factory, creating a unique, genuine and funny documentary on the brand.
Link: http://www.canneslions.com/winners/film/win_4_6_02867.htm
Old Historical
Coca-Cola - Happiness Factory (Coke)
Cannes Lions 2008 Bronze Awards : AXE DEODORANT : THE GAMEKILLERS" - EPISODE 5
5 of 5 Campaign
Type Of Entry: Other Film Content
Category: Other Screens
Title: "THE GAMEKILLERS" - EPISODE 5
Advertiser: UNILEVER
Product/Service: AXE DEODORANT
Entrant Company, City: BBH, New York
Country: USA
Advertising Agency, City: BBH, New York
Country: USA
Executive Creative Director: Kevin Roddy
Copywriter: Jon Randazzo
Art Director: Jon Randazzo
Agency Producer: Julian Katz
Account Supervisor: Becca Lawson, Megha Desai & Bharat Kumar
Production Company, City: @radical.media, New York
Country: USA
Producer: Jon Kamen & Justin Wilkes
Director: McCoubrey Brothers
D.O.P/Lighting Cameraman: Emmanuel Lubeski
Editor: Radical Media
Other Credits: Head Of TV For BBH - Bruce Wellington
Synopsis
After the success of the Axe Deodorant Production, "The Gamekillers," in 2006, MTV picked it up as a series for the fall of 2007. As a result, we created five new half-hour episodes that asked the question, "Do you have what it takes to win in the mating game?" Since Axe is a brand that is more than a personal care product, it is an aid for guys in the art of seduction, "The Gamekillers" was designed to give Axe a content platform to give guys the tools they needed to succeed via tips, advice, and insights throughout the show.
Link: http://www.canneslions.com/winners/film/win_4_6_01857.htm
Cannes Lions 2008 Bronze Awards : AXE DEODORANT : THE GAMEKILLERS" - EPISODE 4
4 of 5 Campaign
Type Of Entry: Other Film Content
Category: Other Screens
Title: "THE GAMEKILLERS" - EPISODE 4
Advertiser: UNILEVER
Product/Service: AXE DEODORANT
Entrant Company, City: BBH, New York
Country: USA
Advertising Agency, City: BBH, New York
Country: USA
Executive Creative Director: Kevin Roddy
Copywriter: Jon Randazzo
Art Director: Jon Randazzo
Agency Producer: Julian Katz
Account Supervisor: Becca Lawson, Megha Desai & Bharat Kumar
Production Company, City: @radical.media, New York
Country: USA
Producer: Jon Kamen & Justin Wilkes
Director: McCoubrey Brothers
D.O.P/Lighting Cameraman: Emmanuel Lubeski
Editor: Radical Media
Other Credits: Head Of TV For BBH - Bruce Wellington
Synopsis
After the success of the Axe Deodorant Production, "The Gamekillers," in 2006, MTV picked it up as a series for the fall of 2007. As a result, we created five new half-hour episodes that asked the question, "Do you have what it takes to win in the mating game?" Since Axe is a brand that is more than a personal care product, it is an aid for guys in the art of seduction, "The Gamekillers" was designed to give Axe a content platform to give guys the tools they needed to succeed via tips, advice, and insights throughout the show.
Link: http://www.canneslions.com/winners/film/win_4_6_01856.htm
Cannes Lions 2008 Bronze Awards : AXE DEODORANT : THE GAMEKILLERS" - EPISODE 3
3 of 5 Campaign
Type Of Entry: Other Film Content
Category: Other Screens
Title: "THE GAMEKILLERS" - EPISODE 3
Advertiser: UNILEVER
Product/Service: AXE DEODORANT
Entrant Company, City: BBH, New York
Country: USA
Advertising Agency, City: BBH, New York
Country: USA
Executive Creative Director: Kevin Roddy
Copywriter: Jon Randazzo
Art Director: Jon Randazzo
Agency Producer: Julian Katz
Account Supervisor: Becca Lawson, Megha Desai & Bharat Kumar
Production Company, City: @radical.media, New York
Country: USA
Producer: Jon Kamen & Justin Wilkes
Director: McCoubrey Brothers
D.O.P/Lighting Cameraman: Emmanuel Lubeski
Editor: Radical Media
Other Credits: Head Of TV For BBH - Bruce Wellington
Synopsis
After the success of the Axe Deodorant Production, "The Gamekillers," in 2006, MTV picked it up as a series for the fall of 2007. As a result, we created five new half-hour episodes that asked the question, "Do you have what it takes to win in the mating game?" Since Axe is a brand that is more than a personal care product, it is an aid for guys in the art of seduction, "The Gamekillers" was designed to give Axe a content platform to give guys the tools they needed to succeed via tips, advice, and insights throughout the show.
Link: http://www.canneslions.com/winners/film/win_4_6_01855.htm
Cannes Lions 2008 Bronze Awards : AXE DEODORANT : THE GAMEKILLERS" - EPISODE 2
2 of 5 Campaign
Type Of Entry: Other Film Content
Category: Other Screens
Title: "THE GAMEKILLERS" - EPISODE 2
Advertiser: UNILEVER
Product/Service: AXE DEODORANT
Entrant Company, City: BBH, New York
Country: USA
Advertising Agency, City: BBH, New York
Country: USA
Executive Creative Director: Kevin Roddy
Copywriter: Jon Randazzo
Art Director: Jon Randazzo
Agency Producer: Julian Katz
Account Supervisor: Becca Lawson, Megha Desai & Bharat Kumar
Production Company, City: @radical.media, New York
Country: USA
Producer: Jon Kamen & Justin Wilkes
Director: McCoubrey Brothers
D.O.P/Lighting Cameraman: Emmanuel Lubeski
Editor: Radical Media
Other Credits: Head Of TV For BBH - Bruce Wellington
Synopsis
After the success of the Axe Deodorant Production, "The Gamekillers," in 2006, MTV picked it up as a series for the Fall of 2007. As a result, we created five new half-hour episodes that asked the question, do you have what it takes to win in the mating game? Since Axe is a brand that is more than a personal care product, it is an aid for guys in the art of seduction, "The Gamekillers" was designed to give Axe a content platform to give guys the tools they needed to succeed via tips, advice, and insights throughout the show.
Link: http://www.canneslions.com/winners/film/win_4_6.htm
Cannes Lions 2008 Bronze Awards : AXE DEODORANT : THE GAMEKILLERS" - EPISODE 1
"THE GAMEKILLERS" - EPISODE 1
1 of 5 Campaign
Type Of Entry: Other Film Content
Category: Other Screens
Title: "THE GAMEKILLERS" - EPISODE 1
Advertiser: UNILEVER
Product/Service: AXE DEODORANT
Entrant Company, City: BBH, New York
Country: USA
Advertising Agency, City: BBH, New York
Country: USA
Executive Creative Director: Kevin Roddy
Copywriter: Jon Randazzo
Art Director: Jon Randazzo
Agency Producer: Julian Katz
Account Supervisor: Becca Lawson, Megha Desai & Bharat Kumar
Production Company, City: @radical.media, New York
Country: USA
Producer: Jon Kamen & Justin Wilkes
Director: McCoubrey Brothers
D.O.P/Lighting Cameraman: Emmanuel Lubeski
Editor: Radical Media
Other Credits: Head Of TV For BBH - Bruce Wellington
Synopsis
After the success of the Axe Deodorant Production, "The Gamekillers," in 2006, MTV picked it up as a series for the fall of 2007. As a result, we created five new half-hour episodes that asked the question, "Do you have what it takes to win in the mating game?" Since Axe is a brand that is more than a personal care product, it is an aid for guys in the art of seduction, "The Gamekillers" was designed to give Axe a content platform to give guys the tools they needed to succeed via tips, advice, and insights throughout the show.
Link: http://www.canneslions.com/winners/film/win_4_5_01853.htm
Cannes Lions 2008 Bronze Awards : Internet Film : HBO VOYEUR.COM : THE WATCHER :
LEAKED "Watcher" episode, thrilling new series brought to you by HBO. Thrilling, scary, spooky, and horror all mixed in one.
Type Of Entry: Other Film Content
Category: Internet Film
Title: THE WATCHER
Advertiser: HBO
Product/Service: HBO VOYEUR.COM
Entrant Company, City: RSA FILMS, New York
Country: USA
Advertising Agency: BBDO NEW YORK
Country: USA
Executive Creative Director: Greg Hahn
Creative Director: David Carter, Mike Smith
Copywriter: Greg Hahn, Mike Smith
Art Director: David Carter
Account Supervisor: Jessica Maillloux
Production Company, City: RSA FILMS, Los Angeles
Country: USA
Producer: Fran McGivern
Director: Jake Scott
D.O.P/Lighting Cameraman: Paul Cameron
Editor: Dave Hehegar
Post Production: Butcher Edit
Other Credits: President of RSA Films - Jules Daly; Chief Creative Officer - David Lubars
Synopsis
A man takes on the role of a voyeur and invades peoples privacy by looking into their apartment windows.
Cannes Lions 2008 Bronze Awards : Best Use of Music : MICROSOFT : XBOX 360/'HALO 3' VIDEO GAME
The official full length version of the televison spot for the Halo 3 "Believe" campaign
Type Of Entry: Product & Service
Category: Best Use of Music
Title: DIORAMA
Advertiser: MICROSOFT
Product/Service: XBOX 360/'HALO 3' VIDEO GAME
Entrant Company, City: McCANN WORLDGROUP, San Francisco
Country: USA
Advertising Agency: T.A.G. SF
Country: USA
2nd Advertising Agency, City: McCANN WORLDGROUP, San Francisco
Country: USA
Creative Director: Scott Duchon, Geoff Edwards, John Patroulis
Copywriter: Mat Bunnell
Art Director: Tim Stier, Nate Able
Agency Producer: Hannah Murray
Account Supervisor: Chris McDonald
Production Company, City: MJZ, Los Angeles
Country: USA
Director: Rupert Sanders
Other Credits: Music House: Stimmund
Synopsis
It was our intent to elevate Master Chief above the commonplace "heroes" we are inundated with in everyday life. We decided to treat him exactly the same way we commemorated real heroes of the past and turn him into a real-life hero by honouring his legend the way we honour others. We needed people to believe…
Cannes Lions 2008 Bronze Awards : HUNGRY LIKE THE BRUCE : OLD SPICE BODY SPRAY
Ahoy! Bruce Campbell is back with another impeccable "Old Spice" commercial!
Type Of Entry: Product & Service
Category: Best Use of Music
Title: HUNGRY LIKE THE BRUCE
Advertiser: PROCTER & GAMBLE
Product/Service: OLD SPICE BODY SPRAY
Entrant Company, City: WIEDEN+KENNEDY, Portland
Country: USA
Advertising Agency, City: WIEDEN+KENNEDY, Portland
Country: USA
Executive Creative Director: Jelly Helm/Steve Luker
Creative Director: Mark Fitzloff/Monica Taylor
Copywriter: Michael Illick
Art Director: Aaron Allen
Agency Producer: Niki Polyocan
Account Supervisor: Shelley Stevens
Advertiser's Supervisor: Carl Stealey
Production Company, City: BISCUIT FILMWORKS, Los Angeles
Country: USA
Producer: Jay Shapiro
Director: The Perlorian Brothers
D.O.P/Lighting Cameraman: Jo Willems
Editor: Michael Heldman
Music - Artist/Title: Bruce Campbell/Francois Paul-Aiche/Hungry Like The Wolf
Sound Design/Arrangement: Amber Music, LA
Post Production: Spot Welders
Other Credits: Superfad (Type Design)/H.Scott Salinas (Arranger)
Synopsis
In the second Old Spice spot featuring 80's cult film star Bruce Campbell, Bruce croons a lounge cover of Duran Duran's Hungry Like the Wolf. Women are irresistibly drawn to his charm and the scent of his Old Spice bodyspray, ending up on top of him, literally, as he continues to perform. Ahoy.