"โน้ส-อุดม"ชีวิตไร้รัก..แต่ไม่ไร้ความสุข"เดี่ยว10"บทพิสูจน์เรียกเสียงหัวเราะ วันที่ 15-31 มี.ค.ที่พารากอน ฮอลล์ มาดูกัน
บางคนอยาก “พูด” แต่ไม่มีคนฟัง!! แต่สำหรับ โน้ส–อุดม แต้พานิช คนอะไรไม่รุ พูดอะไรก็ขำ คนนั่งฟังกันเพลิน กับ “เดี่ยว” ทอล์กโชว์ยอดฮิต ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำ แต่ โน้ส ทำสำเร็จมาแล้ว 9 ครั้ง และครั้งนี้ “เดี่ยว 10” ตั้งแต่วันที่ 15–31 มี.ค. ที่พารากอน ฮอลล์ มาดูกันสิว่า “เจ้าพ่อทอล์กโชว์” เขามีหมัดเด็ดอะไรมาขายขำ ไม่ต้องเค้น แต่ โน้ส ขอเปิดใจเบาๆ กับ “คนดังนั่งคุย” แบบคุยไป ฮาไป ทั้งเรื่องงาน และเรื่องความรัก...ที่แสนจะโดดเดี่ยว...แต่ โน้สไม่เดียวดาย
บนเวทีพูดน้ำไหลไฟดับ เวลาปกติ โน้สพูดเยอะป่ะ?
“ไม่ เลยนะ เอ่อๆ...ใช่ เราอยู่ออฟฟิศไม่พูดเยอะเลย แต่เวลาอยู่กับคนหมู่มาก ไม่รู้เป็นไร จะมีวิญญาณเอ็นเตอร์เทนเนอร์มาสิง ฉะนั้นเวลาอยู่บนเวทีจะเห็นว่าเล่นเกินเวลาทุกที แต่เวลาอยู่คนเดียวก็จะเป็นโหมดลุงง่อยๆ ที่เกษียณแล้ว (ฮา)”.
ชีวิตในแต่ละวันโน้สทำอะไรมั้ง?
“ก็ ตื่นมาชอบวาดชอบเขียน มันติดเป็นนิสัยไปแล้ว เกิดจากในอดีตที่เป็นเด็ก เราย้ายโรงเรียนบ่อย เข้ากับเพื่อนไม่ค่อยได้ เลยชอบวาด ชอบระบายความในใจลงในสมุด แล้วเราเป็นคนไม่ค่อยมีอะไรเหมือนผู้ชาย ไม่ได้ชอบรถ ไม่ได้บ้านาฬิกา ไม่ได้ชอบสปอร์ต–เอ็กซ์ตรีม ขับรถก็ช้า เป็นโลกตรงข้ามกับ พี่โดม–ปกรณ์ ลัม ที่เค้าจะมีอะไรล้ำๆ แหลมๆ แต่ของเราจะทู่ๆมนๆ”.
แล้วความสุขของโน้ส–อุดม คืออะไร?
“รู้สึก ว่าตัวเองมีความสุข ตอนเห็นคนอื่นมีความสุข เรื่องพวกนี้มันไม่ได้คิดได้ตอนเป็นวัยรุ่นหรอกนะ ตอน เรายังหนุ่ม เราก็อยากทำอะไรเพื่อตัวเอง เรามีเราได้ ให้เรา ดูเก่ง แต่พอผ่านมาพักนึง มันก็เรียนรู้ว่าความสุขแท้จริงมันไม่ได้วัดที่ว่าเรามีอะไรเท่าไหร่ วัดจากความสุขคนข้างเวลา เวลาเรามาออฟฟิศแล้วรู้สึกว่าลูกน้องมีความสุข แม่น้องชายมีความสุข หรือการได้ออกไปทำเดี่ยวให้คนเค้าขำ มันเป็นความสุขและรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า ตอนเราอยู่บนเวที เรารู้สึกว่าตัวเองมีประโยชน์กับโลก อยู่ข้างล่างเหมือน เป็นลุงคนนึง”.
เลยต้องทำเดี่ยวเรื่อยๆ?
“เวลา ทำเดี่ยวตอนนี้ต้องบอกว่าเป้าหมายมันไม่ได้ทำเพื่อโชว์ความเจ๋ง แต่คิดว่าเล่าเรื่องนี้เค้าต้องขำแน่ๆ เหมือนทำอาหารมาให้เค้าชิม มันเหมือนไม่ต่างจากเดิม แต่มันต่าง พอข้างในเราคิดเปลี่ยน การยืนบนเวที มันต่างไป” เวลามีเสียงวิจารณ์ล่ะ? “เราฟัง แต่เราเลือกฟังจากกัลยาณมิตร คนเราจะซวยมากถ้าไม่มีกัลยาณมิตร”.
มีไปลับมุกก่อนโชว์มั้ย?
“มี นะ เราไม่ได้เก่งขนาดนึกเรื่องขึ้นมาแล้วพูดได้เลย เรายังเชื่อเรื่อง การฝึกซ้อมและเตรียมตัว เหมือนเราเป็นนักกีฬา เดี่ยวไมโครโฟน ซ้อมคนเดียวไม่ได้ มันเหมือนเล่นปิงปอง ต้องดูปฏิกิริยาว่าเค้าดูแล้วขำรึเปล่า”.
จำบทได้ไงยาว...มาก?
“เรา ใช้ใจจำ ไม่ได้ตอบแบบเท่นะ แต่อะไรที่มันจำเข้าไปอยู่ในหัวใจ เราก็อยากจะเล่าตามภาพในใจ ที่บอกว่าใช้ใจจำ เพราะเราเพิ่งไปตรวจร่างกายโปรแกรมสำหรับเช็กว่าอวัยวะส่วนไหนเสื่อม หมอบอกว่าสมองโน้สมีศักย– ภาพของมันมีแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะความจำด้อยสุด หมอยังสงสัยว่าจำได้ไง ก็มานั่งคิดว่าเอาใจจำไง”.
เคยมุกแป๊กบนเวทีมั้ย?
“พูด ไปเค้าไม่ขำก็มีนะ ในใจอยากร้องไห้ อยากให้ธรณีสูบเลยก็มี แต่เราจะเตรียมมุกสำรอง อารมณ์เดียวกับการโดดร่ม สกาย ไดรฟ์วิ่ง ก่อนโดดต้องเตรียมร่มสำรอง เตรียมเผื่อร่มไม่กาง (หัวเราะ)”.
ขั้นตอนไหนยากสุดสำหรับเดี่ยว?
“ขั้น ตอนทำบท เราเดาไม่ออกว่าผู้ชมจะขำมั้ย ในเมืองไทยเราทำงานยาก คนดูทุกเพศทุกวัย แม่เอาลูกมา ข้างๆมีอาม่า มีวัยรุ่น เลยไม่รู้จะต้องทำบทขนาดไหนที่จะเสิร์ฟทุกคนได้ ต้องช่างน้ำหนัก ส่วนอัน ที่สองคือตอนอยู่หลังเวทีก่อนจะขึ้นไป เป็นช่วง 10 นาที ที่ทรมานยาวนานที่สุด เรายังกลัวทุกครั้งที่ขึ้นเวที”.
จะ “เดี่ยว” ไปถึงขนาดไหน?
“นั่น สิ บอกตรงๆเราก็ไม่ได้อยากอยู่ยงคงกระพัน เราก็คิดว่าเรามีเวลาลงของมันนะ เราควรจะไปก่อนที่จะเล่นจนคนเค้าไม่ขำ แต่ไม่รู้ว่าวันนั้นมันจะอยู่แถวไหน วันนึงในหัวจะบอกเอง”
มีอะไรที่อยากทำอีก?
“ตอน หนุ่มๆจะมีอยากทำโน่นทำนี่ แต่ทุกวันนี้มันเป็นแบบ อยากทำแต่ไม่ทำก็ได้” พอไม่ทำอะไร คนจะมองว่าหยิ่งมั้ย? “ไม่ได้มองแบบนั้น มองว่าเราเหมือนคลายความทะเยอทะยาน เมื่อเราถึงวุฒิภาวะจุดหนึ่ง การอยู่สุข มีความสุขที่สุขแล้ว ตอนนี้ก็มองว่าตัวเองถึงบั้นปลายแล้วนะ เหมือนเดี่ยวก็เล่นมา 17 ปีแล้ว เป็นการดำเนินไปเอง ส่วนจะไปถึงไหนก็ปล่อยให้ธรรมชาติมันจัดการ”.
เคยคิดมั้ยเมื่อไหร่จะแต่งงาน?
“คำ ถามนี้อยู่ในบทเดี่ยวด้วยนะ คือเราไม่รู้ เลย เราไม่ได้ปฏิเสธการแต่งงานนะ แต่ไม่ได้ขวนขวายวิ่งตามหา ตอนนี้ชีวิตกำลังโอเคมาก ไม่ได้คิดเลยว่าเดี๋ยวจะมีลูกไม่ทันใช้ เดี๋ยวรอดูว่าธรรมชาติจะจัดยังไง”.
แล้วเรื่องความรักล่ะ?
“ขอ พูดกว้างๆแล้วกัน ตอนนี้เปลี่ยนสถานะกับคนรักเก่ามาเป็นเพื่อนกันน่าจะปีกว่าๆ แล้ว เป็นความสัมพันธ์แบบผู้ใหญ่ เราไม่ได้เป็น คนรักแต่เป็นเพื่อนกัน มันดีนะ บางทีการถอย ออกมาก้าวนึงมันเป็นความสัมพันธ์ที่สบายตัวมากขึ้น ทุกวันนี้ยังพบปะพูดคุยไปมาหาสู่กันอยู่ เลยรู้สึกว่าหรือตรงนี้มันอาจจะใช่กว่า แล้วแปลกนะตั้งแต่เลิกรากันมา ไม่เคยคิดจะไปหาแฟนใหม่ แปลก ที่เราไม่ได้ดิ้นรน ปกติถ้าเป็นสมัยหนุ่มๆ ถ้า ไม่มีแฟนก็จะเปิดตามองคนโน้นคนนี้ เราพอใจกับชีวิตตัวเองที่มันเป็นแบบนี้ ต้องบอกว่าเรามีอิสระในการใช้ชีวิต ไม่ต้องมีคู่ มีเวลาให้ตัวเอง”.
ออกไปไหนใช้ชีวิตปกติได้มั้ย?
“ปกติ เลย ใครเข้ามาทักเราก็ยินดีนะ ชอบ ถือเป็นคำชม แต่ถ้าวันไหนเหนื่อยก็อย่า ออกไป ถ้าพร้อมออกจากบ้านแสดงว่าต้องห้าม บ่น เราเดี่ยวมา 17 ปี อยู่ในวงการมาน่าจะเลย 20 ปีกว่า ตั้งแต่เป็นตัวประกอบ เหมือนชีวิต เราผ่านมาทุกจุดแล้ว รู้สึกว่าที่เราทำอยู่มันโอเค แล้ว เกินกว่าที่ตัวเองคาดไว้มากแล้วจริงๆ (ยิ้ม)”.
เคยมีคำไหนที่แม่ชมแล้วปลื้มใจบ้างมั้ย?
“เค้า เพิ่งพูดนะ บอกว่า ดีใจนะที่ได้เกิดเป็นแม่ของเรา ก็ตื้นตันนะ เมื่อสองวันก่อน พาเค้าไป ทำบุญ พระถามว่าโยมเป็นไงบ้าง แม่บอกว่า “ลูก เค้าดูแลดีมากเลย ชีวิตไม่เคยคิดว่าจะสบายขนาดนี้” แล้วแม่ก็บอกอีกว่า“ตอบมากกว่านี้ไม่ได้ พูด แล้วเค้าก็จะร้องไห้” เราก็ชื่นใจนะ ชีวิตคนเราก็แค่นี้ล่ะ ตอนนี้เราก็ดูแลเค้าเป็นหลัก ถามว่าเราไม่เหงาเหรอ ไม่เหงานะ เราได้ดูแลคนคนนึง เวลาที่เราจะเอาไปดูแลผู้หญิงอีกคนนึง ก็แค่เปลี่ยนเป็นดูแลผู้หญิงอีกคนนึง มันก็แค่นั้นเองล่ะ”.
“โน้ส” โดดเดี่ยวแต่ไม่เดียวดาย!!