Tuesday, 25 March 2008

เกิดความรู้สึกว่า ถ้าไม่ทำอะไรในสิ่งที่ถนัดให้เกิดประโยชน์ ชีวิตที่เหลือก็คงไม่มีความหมาย

ด้านล่างครับ...
ปรมาจารย์ท่านนี้ เป็น นักคิด นักริเริ่ม นักดนตรี และเป็นรอยต่อ ระหว่าง อารยะธรรมดิจิตัล ที่ร่วมสมัย...และนับอายุ เป็น พ่อ พวกเรา ได้หลายคน….

จบที่เดียวกับผม... แต่จบก่อน นับสิบปี ......
แถบเหลือง แถบนี้ เป็นพลังลมปราณชี่ ... กระแทกถึงผม แบบรับรู้ได้ บนแผ่นอก..
จึงขอ forward ให้ทีมฯ รู้ว่า อาชีพที่เรา กำลังทำมันนี้...มัน เร่งเร้า เย้ายวน หอมหวล และมีบางคน ที่ไม่เคยรู้จัก เอ่ยปากขอเข้ามาสัมผัสและ เปรียบเปรย เหมือนจะขอตายขณะที่กำลังทำมัน จริงๆ ……....

Application Blog ของ Sky

ทำให้ วงการนี้ พลิกผัน และ จำแนกความเป็นรูปธรรม ของกระบวนการ ออกมาให้เห็น เด่นชัดกับ สาธารณะ
ยกระดับอาชีพพวกเรา... ปฏิวัติความเข้าใจ แบบปิด ให้เข้าใจ และเสพง่าย....
สร้างความสัมพันธ์ ได้ทุกระดับ ไม่แยกแยะ ว่า อายุ /หลากหลายเพศ / องค์ความรู้ / แม้กระทั่ง เพิ่งมี Denish ชาวเดนมาร์ก จะมาเป็น trainee เร็วๆนี้

มิต่างจาก ....มาลัยเสี่ยงรักของ ลุงหนวด แห่ง ไทยรัฐ ... columnist ที่เก่าที่สุดในวงการ journalist จริงๆ
มี โอกาสกันแล้ว สู้ เพื่อพ่อ บ้าง.....

วันนี้ มีคนต่อแถว เยอะมาก.....

TY




เรียน ฝ่ายบุคคลและผู้เกี่ยวข้อง SKY EXITS FILM PRODUCTION ที่นับถือ

กระผมมีความสนใจกิจกรรมที่บริษัทของท่านดำเนินการอยู่ ตามที่ได้พบเห็นใน internet และภาพยนตร์โฆษณาใน TV

ด้วยเหตุที่กระผมยื่นความจำนงค์ ขอสมัครงานครั้งนี้ กระผมไม่ได้หวังหรือคำนึงถึงเรื่องอัตรารายได้ แต่เป็นเพราะ

ต้องการใช้ความสามารถและประสบการณ์ทั้งหลายที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์ ความจริงตัวกระผมเองได้ปลดการทำงานของตัวเอง

แล้วเนื่องด้วยอายุขึ้นหลักเลข 5 แล้ว เกิดความรู้สึกว่า ถ้าไม่ทำอะไรในสิ่งที่ถนัดให้เกิดประโยชน์ ชีวิตที่เหลือก็คงไม่มีความหมาย

สมองก็จะเฉาโดยเปล่าประโยขน์ กระผมจึงเรียนย้ำท่านว่า ไม่ได้หวังหรือคำนึงถึงเรื่องอัตรารายได้เลย ข้อความที่กระผมส่ง

มาถึงท่านนี้ จะถือเป็นการสมัครงานหรือข้อความบอกเล่าอย่างไม่เป็นทางการก็มองได้ทั้งสองแบบ ต่อไปนี้เป็น Resume ส่วนตัว

ของกระผมครับ



จบการศึกษาจากวิทยาลัย พณิชยการพระนคร ปี 2519 แผนกโฆษณา

จบการศึกษาระดับปริญญาตรีที่ประเทศฝรั่งเศส สาขา ดนตรี ที่ กรุง ปารีส ปี 2523

วางแผนการตลาดให้บริษัท วณิขย์ นอร์ดเมนเด็ เครื่องเสียง ซันซุย พร้อมสโลแกนคำว่า " ทุกสิ่งส่วน ล้วนเหนือชั้น ใน ซันซุย"

วางแผนการตลาดให้ บริษัท ออดิโอ แลบ เครื่องเสียง CERWIN VEGA พร้อมสโลแกน "ลำโพงเขย่าโลก"

ริเริ่มนำเครื่องเล่น วิดีโอเทป เข้ามาเมืองไทยเป็นรายแรกในระบบ mono ปี 2525

ริเริ่มนำเครื่องเล่น วิดีโอเทป เข้ามาเมืองไทยเป็นรายแรกในระบบ สเตอริโอ 2527

ริเริ่มนำเครื่องเล่น CD ยี่ห้อ KYOCEIRA เข้ามาเมืองไทยเป็นรายแรก

บันทึกเสียงพากษ์ไทยใน วิดีโอเทป ให้บริษัทวิดีโอ ต่าง ๆ ในประเทศเป็นระบบ SURROUND 5.1

ถ่ายทำภาพยนตร์สอนการติดตั้งเครื่องเสียงเป็นวิดีโอ เทป และเป็นมาตราฐานการติดตั้งของร้านค้าชั้นนำในปัจจุบัน

ถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณาย่อยเป็น VCD และ DVD ให้บริษัทและร้านค้าเพื่อนำแจกจ่ายลูกค้าในงานนิทรรศการ

สามารถใช้คอมพิวเตอร์ในโปรแกรมต่าง ๆ เช่น PHOTOSHOP CS , 3D MAX, Adobe Premiere,Special FX, Editor ภาพ

และเสียง โดยสามารถ CREATED คุณภาพเสียงใน CD ให้ดีขึ้นกว่าต้นฉบับ

ถ่ายทำและกำกับการถ่ายทำด้วยตนเองทั้งสิ้น

เขียน-แต่งทำนองเพลงและเล่นเครื่องคนดรีได้ ทั้งเพลง POP,Dance, Percussion

เหล่านี้เป็นประวัติงานย่อ ๆ ที่ได้ทำมา โดยงานต่าง ๆ ที่กระผมได้เรียนมาให้ทราบนั้น กระผมไม่ได้ใช้ทีมงาน แต่เป็นการทำงานเพียงลำพังแต่ผู้เดียว หากสิ่งต่าง ๆ ที่กระผมได้เรียนมาเพื่อทราบนี้ เป็นประโยชน์ต่อองค์กรของท่านได้ กระผมก็ยินดี ไม่ซีเรียสครับ ขอขอบพระคุณ

ขอแสดงความนับถืออย่างสูง

Xxxxxxx xxxxxxxxx

Friday, 21 March 2008

คำถาม : ทำไมถึงอยากเป็นผู้ช่วยผู้กำกับ ?

คำถาม : ทำไมถึงอยากเป็นผู้ช่วยผู้กำกับ ?

เนื่องจากได้ทำและมีส่วนเกี่ยวข้องกับทุกฝ่ายที่ถนัด ไม่ต้องทำอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว ได้เป็นผู้กำกับตัวน้อย

เหมือนการช่วยคุณพ่อทำงาน เท่ห์ สนุก ท้าทาย ได้ใช้ความรู้ทุกศาสตร์ที่มีในดัวเอง

ได้ช่วยผู้กำกับดูภาพรวม –พัฒนาจากความรู้ Director,Art Director,Choreographerและเรื่องมุมกล้อง

ได้ช่วยผู้กำกับบรีฟตัวแสดง –พัฒนาความรู้ด้านการแสดง ให้นักแสดงเป็นธรรมชาติและดูเป็นตัวของตัวเองเท่าที่จะทำได้

ในเวลาที่จำกัดมาก

ได้ช่วยผู้กำกับในเรื่องการจัดการ –พัฒนาจากกระบวนการในการทำงาน,การตามทีมและนักแสดง จากการสร้างงานที่

ผ่านมาทั้งหมด ให้พร้อมและดี ตามเวลาที่กำหนด ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม!

และได้ช่วยจิปาถะ ด้วยหน้าที่แล้ว หากฝ่ายไหนต้องการความช่วยเหลือประการใดก็ได้ลงมือทำเองด้วย

ภูมิใจในการต่อจิ๊กซอว์เหล่านั้นให้สำเร็จราบรื่นลุล่วงไปได้ด้วยดีค่ะ..

XXX


Behind The Scene Making of The Movie:
Sky Exits Films Production:

Sunday, 16 March 2008

แนวทางการวิเคราะห์การตลาด : ยกตัวอย่างเห็นภาพมาก

อาจารย์กำลังอธิบายหลักการตลาดให้นักศึกษาฟัง

1. คุณพบสาวสวยสุดเซ็กซี่ในงานปาร์ตี้ คุณเข้าไปหาเธอและพูดว่า 'ผมรวย แต่งงานกับผมเถอะ!'
- นี่คือ Direct Marketing

2. คุณอยู่ที่งานปาร์ตี้กับพรรคพวกของคุณและพบสาวสวยสุดเซ็กซี่คนหนึ่ง เพื่อนของคุณคนหนึ่งเดินเข้าไปหาเธอ ชี้มาที่คุณแล้วพูดว่า 'เขารวยมาก แต่งงานกับเขาเถอะ!'
- นี่คือ Advertisement


3. คุณพบสาวสวยสุดเซ็กซี่ในงานปาร์ตี้ คุณเข้าไปหาเธอและขอเบอร์โทร วันรุ่งขึ้นคุณจึงโทรไปหาและพูดว่า 'สวัสดีครับ ผมรวยมาก แต่งงานกันผมเถอะ'
- นี่คือ Telemarketing

4. คุณอยู่ที่งานปาร์ตี้และพบสาวสวยสุดเซ็กซี่คนหนึ่ง คุณยืนขึ้นจัดเนคไทให้เรียบร้อย เดินเข้าไปหาเธอ เลี้ยงเครื่องดื่มเธอ คุณเปิดประตู(รถยนต์) ให้เธอ ถือกระเป๋าให้เธอจนเธอนั่งเรียบร้อย ช่วยขับรถให้เธอ แล้วพูดว่า 'ผมรวย คุณจะแต่งงานกับผมไหม?'
-นี่คือ Promotion


5. คุณอยู่ที่งานปาร์ตี้และพบสาวสวยสุดเซ็กซี่คนหนึ่ง เธอเดินเข้ามาหาคุณ และพูดว่า 'คุณรวยมาก! แต่งงานกับฉันไหม?'
- นี่คือ Brand Recognition

6. คุณพบสาวสวยสุดเซ็กซี่ในงานปาร์ตี้ คุณเข้าไปหาเธอและพูดว่า 'ผมรวย แต่งงานกับผมเถอะ!' เธอตบหน้าคุณอย่างแรง
- นี่คือ Customer Feedback

7. คุณพบสาวสวยสุดเซ็กซี่ในงานปาร์ตี้ คุณเข้าไปหาเธอและพูดว่า 'ผมรวยมาก แต่งงานกับผมเถอะ!' แล้วเธอก็แนะนำให้คุณรู้จักกับสามีของเธอ
-นี่คือช่องว่างระหว่าง demand และ supply

8. คุณพบสาวสวยสุดเซ็กซี่ในงานปาร์ตี้ คุณเข้าไปหาเธอและก่อนที่จะได้พูดอะไร ก็มีผู้ชายอีกคนเดินเข้ามาและพูดกับเธอว่า 'ผมรวยคุณจะแต่งงานกับผมไหม?' แล้วเธอก็ไปกับผู้ชายคนนั้น
- นี่คือ New Entrance-Competitor


9. คุณพบสาวสวยสุดเซ็กซี่ในงานปาร์ตี้ คุณเข้าไปหาเธอและก่อนที่จะได้พูดว่า 'ผมรวย แต่งงานกับผมเถอะ!' แฟนของคุณก็มาถึง
- ยังจะมางงอีก ตลาด วายแล้ว พี่น้อง *0*

ปลื้ม - ม.ล.ณัฎฐกรณ์ เทวกุล เปิดตัวตนและภูมิปัญญา ว่า คับแคบ-กว้างขวาง ตื้นเขิน-ลึกซึ้ง เพียงไร

ปลื้ม - ม.ล.ณัฎฐกรณ์ เทวกุล เปิดตัวตนและภูมิปัญญา ว่า คับแคบ-กว้างขวาง ตื้นเขิน-ลึกซึ้ง เพียงไร เหยียดคนกรุงเทพฯ "ไม่ฉลาด" ที่เลือก รสนา โตสิตระกูล เป็น ส.ว.เปรียบ กทม.เป็นเมืองฝ่ายซ้าย เหมือนเกาหลีเหนือ คิวบา โบลิเวีย หญิงเหล็กโต้กลับ หูตาคับแคบ ยกคำหม่อมอุ๋ย สอน "อย่าเดินตามก้นฝรั่ง" ข้อเขียนจากคอลัมน์ Anchorman โดย ม.ล.ณัฐกรณ์ เทวกุล หน้า 11 หนังสือพิมพ์ บางกอกโพสต์ ฉบับวันที่ 13 มีนาคม 2551 เรื่อง Rosana Tositrakul , are you kidding me ? ผมเคยเชื่อว่า กรุงเทพฯ เป็นจังหวัดที่มีอัตราส่วนของผู้ที่มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ที่มีการศึกษาและความรับรู้ทางการเมือง ต่อ ผู้ที่ไม่สนใจเรื่องการเมืองสูงที่สุดในประเทศ แต่อัตราส่วนนี้ อาจไม่สูงเสียแล้ว หากดูจากผลเลือกตั้งวุฒิสมาชิกที่ผ่านมา นอกเหนือจากเป็นเมืองที่เชื่อกันว่า มีผู้ลงคะแนนที่ "ฉลาด" ในเรื่องการเมืองอยู่เป็นจำนวนมาก กรุงเทพฯอาจไม่ต่างไปจาก เวเนซุเอลา เกาหลีเหนือ คิวบา โบลิเวีย และประเทศที่เป็น "ซ้าย" ในโลกนี้เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริง ที่ว่า รสนา โตสิตระกูล นักเคลื่อนไหวทางสังคม และผู้อ้างว่า เป็นตัวแทนของผู้บริโภค ได้ชัยชนะด้วยคะแนนเสียง 743,397 คะแนน หรือ 49.78% ของผู้มีสิทธิออกเสียง ในการเลือกตั้งวุฒิสมาชิกครั้งแรก ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ การที่ กรุงเทพฯ เลือกวุฒิสมาชิกได้เพียงคนเดียว ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ มีความสำคัญกว่าการเลือกตั้งครั้งก่อนๆ เพราะผู้ที่ชนะการเลือกตั้ง จะได้เป็นตัวแทนเพียงหนึ่งเดียวของคนกรุงเทพฯในสภาสูงที่ทรงอิทธิพล ทำไม ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ จึงเป็นเรื่องน่าเศร้า อนุสรณ์ ธรรมใจ เป็นตัวแทนของชนชั้น นักลงทุน และค่านิยมเศรษฐกิจเสรี ขณะที่ นิติพงษ์ ห่อนาค เป็นตัวแทนของชุมชนศิลปะและการบันเทิง เช่นเดียวกับ มานิต วิทยาเต็ม ในฐานะอดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ก็เป็นตัวแทนของข้าราชการที่มีประสบการณ์ ในฝ่ายกฎหมาย และยังมีอีกหลายๆ คน ที่มีประสบการณ์และความสำเร็จที่โดดเด่น แทนที่จะได้คนเหล่านี้เป็นตัวแทน เรากลับได้ใครบางคน ซึ่งเชื่อได้ว่า จะขัดขวางกฎหมายที่สนับสนุนการลงทุน และธุรกิจ สร้างความปั่นป่วนให้เกิดขึ้นในกระบวนการเปลี่ยนแปลงสถาบัน คอยจ้องจับผิด คนที่มีเหตุผลที่เพียงแต่ทำงานหาเลี้ยงชีพ คนที่เป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจจริง ที่พยายามสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจให้กับประเทศนี้ รสนา คือ คนที่สร้างความตกต่ำให้กับบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หนึ่งในบริษัทคนไทยที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด และเป็นความภาคภูมิใจของชุมชนนักลงทุนในประเทศนี้ บทบาทของเธอในการทำให้แผนการเข้าตลาดหลักทรัพย์ของ กฟผ.ต้องเป็นโมฆะ ก็ชี้ชัดว่า เธอยืนอยู่ตรงไหน บนเส้นทางการพัฒนาและเศรษฐกิจ นอกไปจากพฤติกรรมที่ไม่อาจให้อภัยได้ 2 เรื่องนี้แล้ว ยังมีอีกหลายๆ เรื่อง การแสดงบทบาทผู้นำ ขบวนการผู้บริโภค ในนามขององค์กรต่างๆ ที่ผู้บริโภคไม่เคยมีโอกาสเข้าไปร่วมกำหนดนโยบายขององค์กรเหล่านี้ ทำให้ รสนา มีชื่อเสียงขึ้นมาว่า เป็นผู้เสียสละเวลาส่วนตัวเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ทั้งๆ ที่แท้จริงแล้ว คะแนนนิยมที่เธอได้ มาจากการวิพากษ์วิจารณ์นักลงทุน และการทำให้เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่อ้างว่า เป็นความเสียหายของผู้บริโภค เป็นภาระของศาล ไม่มีอะไรน่ารังเกียจไปกว่านี้อีกแล้ว ... อย่าฟ้องผม ผมรู้ว่า นั่นเป็นสิ่งที่คุณคิดจะทำอยู่ ย้อนไปดูผลเลือกตั้ง ส.ว.ก่อนการรัฐประหาร รสนา ชนะด้วยคะแนน 118,332 เสียง เป็นที่ 4 รองจาก นิติภูมิ นวรัตน์ สมัคร สุนทรเวช และ กล้าณรงค์ จันทิก ดูจากผลการเลือกตั้งเหล่านี้ ยิ่งทำให้ผมต้องกลับมาใคร่ครวญ ถึงแนวโน้มที่สังคมไทยจะก้าวไปทาง "ซ้าย" มากขึ้น รสนา ไม่ควรเป็นตัวแทนของนครที่เข้าใจคุณค่าของตลาดเสรี และลัทธิทุนนิยม เธอไม่ควรเป็นตัวแทนของนครที่พยายามจะเป็นศูนย์กลางการลงทุนของเอเชีย ถ้าจะมีที่ไหนที่คู่ควรให้เธอเป็นตัวแทน ผมนึกถึง เปียงยาง คาราคัส หรือ ฮาวานา ที่ซึ่งเธอจะได้เข้าพวกกับสาวกราอูล หรือแม้กระทั่ง Sucre หรือ Lapaz (เมืองหลวงของโบลิเวีย) ซึ่งเธอจะได้สวมชุดพื้นเมืองเต้นรำกับ Evo Morales (ประธานาธิบดีโบลิเวีย) อย่างไรก็ตาม ผมยังมีความหวังกับคนกรุงเทพฯ ว่า ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ผู้มีสิทธิลงคะแนน ที่ "ฉลาด" และพลังเงียบที่เข้าไม่ถึงข้อมูลข่าวสาร จะเลือกคนที่สนับสนุนความเติบโต และความก้าวหน้า มากกว่า คนที่นิยมความตกต่ำ และความชะงักงัน ผมยังหวังว่า คนกรุงเทพฯจะเลือกผู้ที่มีความเข้าใจว่า การเป็นเอ็นจีโอปีกซ้ายที่ใช้วิธีกระจายรายได้ ด้วยการโค่นเสาหลักของระบบทุนนิยม ไม่มีวันที่จะนำผลประโยชน์ที่แท้จริงมาสู้ผู้บริโภคได้ การเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า คนกรุงเทพฯต้องปรับวิธีคิดในเรื่องการเลือกตั้งอีกมาก ************************ ข้อเขียนจาก คอลัมน์ Guest column โดย รสนา โตสิตระกูล หน้า 11 บางกอกโพสต์ วันที่ 13 มีนาคม 2551 M.L.Nattakorn Devakula, who's kidding whom ? คนกรุงเทพฯส่วนใหญ่ สนับสนุนระบอบประชาธิปไตย เสรีนิยม และระบบเศรษฐกิจแบบตลาดเสรี พวกเขารักความเป็นธรรม และเกลียดคอร์รัปชัน การผูกขาดที่ไม่ยุติธรรม และการตลบตะแลง ปลิ้นปล้อน สิ่งเหล่านี้ไม่เคยเปลี่ยน และไม่ได้ทำให้เขาเป็น "ฝ่ายซ้าย" อย่างที่คุณกล่าวหา คนที่มองว่า นิสัยเช่นนี้เป็นพวกฝ่ายซ้าย ก็มีแต่พวกขวาสุดโต่งเท่านั้น คนกรุงเทพฯรู้ดีว่า ดิฉันไม่ได้ต่อต้าน ระบบตลาดเสรีที่เป็นธรรม สิ่งที่พวกเขาและดิฉันรับไม่ได้ คือ ความไร้ธรรมาภิบาลในการบริหาร และการแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่ไม่โปร่งใส กฟผ.มีสินทรัพย์มูลค่าสุทธิสูงถึง 3.8 แสนล้านบาท แต่รัฐบาลพยายามขายทรัพย์สินเหล่านี้ ผ่านการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ด้วยมูลค่าเพียง 20,000 ล้านบาท ปตท.เข้าตลาดหลักทรัพย์อย่างรีบเร่ง ก่อนที่จะมีการขายหุ้น คณะรัฐมนตรีมีมติว่า ท่อส่งก๊าซ ยังคงเป็นสมบัติของรัฐ และจะตั้งคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานขึ้นมาควบคุม เพื่อดูแลผู้บริโภค มติ ครม.นี้ มีอยู่ในหนังสือชี้ชวน การเสนอขายหุ้น ปตท.อีก 1 ปีต่อมา รัฐบาลทักษิณ ยกเลิกมติ ครม.นี้ ทำให้ ปตท.ได้ครอบครองทรัพย์สมบัติของชาติ นักลงทุนที่มีใจเป็นธรรม จะเห็นด้วยว่า นี่คือ การขโมยในรูปแบบหนึ่ง ในการต่อสู้คดีคอร์รัปชันทางนโยบาย ดิฉันไม่เคยใช้การประท้วงบนท้องถนน มีแต่พึ่งพาศาลยุติธรรม ให้วินิจฉัยตามสิทธิตามกฎหมาย และความชอบธรรม ในฐานะพลเมืองผู้เสียภาษีและสำนึกในหน้าที่ของตนเอง ดิฉันขอถามคุณว่า ความพยายามเรียกร้องเอาทรัพย์สินสาธารณะคืนมานั้น เป็นการบ่อนทำลายพื้นฐานของเศรษฐกิจ หรือว่า เป็นการสร้างเสริม หลักธรรมาภิบาล หลักแห่งกฎหมาย และความมีเสถียรภาพในระยะยาว กันแน่ เมื่อเร็วๆ นี้ นักการธนาคารที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่ง ได้กล่าวว่า ประเทศไทยไม่ได้มีแค่ตลาดหุ้น และอนาคตของชาติไม่ได้ขึ้นอยู่แต่กับ จีดีพี (ผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ) เท่านั้น คุณพ่อของคุณ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ได้พูดถึง ข้อบกพร่องของการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยไม่ระมัดระวัง เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2549 ว่า "ตลาดเสรีที่ปราศจากความพอเพียง จะไปไม่รอด คนบางคนเดินตามทฤษฎีตะวันตก และมองว่า ความคิดเรื่องความพอเพียง เป็นอุปสรรคต่อความเติบโตของเศรษฐกิจ-ซึ่งไม่จริง-ในทางตรงกันข้าม ปรัชญาความพอเพียง สร้างสมดุลของการเติบโต ทำให้การเติบโตยั่งยืน และเป็นหลักประกันความผาสุกของประชาชน และปกป้องสิ่งแวดล้อม" สิ่งเหล่านี้ไม่ต่างไปจากจุดยืนในเรื่องเศรษฐกิจของดิฉัน พูดให้ชัด ก็คือ ดิฉันเห็นด้วยกับวิสัยทัศน์ของ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ อดีตผู้ว่าการ ธปท.อีกท่านหนึ่ง ซึ่งหวังที่จะเห็นระบบทุนนิยมเสรี ทำงานควบคู่ไปกับความพยายามอย่างจริงจัง ในการกระจายความมั่งคั่งให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากกว่า 70% ที่เป็นคนยากจน ความคิดแบบนี้หรือ ที่เรียกว่า คิดแบบ เปียงยาง หรือ ฮาวานา ที่คุณโจมตีดิฉัน ประเทศอื่นๆต่างก็มีระบบเศรษฐกิจในแบบของตน ซึ่งดิฉันยอมรับว่า ไม่สามารถอธิบายในรายละเอียดได้ แต่เราไม่ควรพูดถึงประเทศอื่นในทางดูถูกเหยียดหยาม เราควรเปิดใจกว้าง เพื่อนำไปสู่การเคารพในความแตกต่างทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม ซึ่งอาจจะชักนำพวกเขาให้พัฒนาระบบเศรษฐกิจที่ใช้อยู่ให้ดีขึ้น เหมือนกับประเทศของเราที่ได้พัฒนาระบบเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับค่านิยมทางสังคมและวัฒนธรรมของเรา มันไม่สำคัญหรอกที่จุดยืนทางการเมืองและเศรษฐกิจของดิฉัน จะเหมือนกับประเทศอื่นหรือไม่ ดิฉันเชื่อว่า มันเป็นจุดยืนเดียวกับคนกรุงเทพฯที่ลงคะแนนให้ดิฉัน คุณเป็นคนหนุ่มที่มีการศึกษาดี ถ้าคุณจะลองมองสิ่งต่างๆ จากมุมมองของคนอื่นบ้าง คุณอาจจะรู้จักกรุงเทพฯได้ดีขึ้น และมันจะช่วยเยียวยาอาการอกหักทางการเมืองได้บ้าง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณดูหมิ่นดิฉันผ่านคอลัมน์นี้ แน่นอนว่า ดิฉันมีสิทธิที่จะปกป้องชื่อเสียงของตัวเอง โดยการฟ้องคุณในข้อหาหมิ่นประมาท แต่ดิฉันเป็นคนไทยที่ได้รับการอบรมสั่งสอนด้วยคำสอนของขงจื๊อ ดิฉันระลึกถึงพระคุณของบรรพบุรุษของคุณ สมเด็จกรมพระยา เทวะวงศ์ วโรปการณ์ และ สมเด็จกรมพระยา เทวะวงศ์ วโรทัย อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ผู้เป็นแนวหน้าของชนชั้นนำแห่งสังคมไทย ในการปลดแอกสยามจากสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ที่เจ้าอาณานิคมตะวันตกใช้เป็นเครื่องมือในการควบคุมเศรษฐกิจ และระบบศาลไทย ตลอดรัชสมัยรัชกาลที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 ทำให้ดิฉันอดกลั้นที่จะไม่ทำสิ่งใดๆ อันจะทำความเสียหายต่อตระกูลที่โดดเด่น ซึ่งได้ทำคุณประโยชน์ให้ประเทศไทยเป็นอย่างมาก ดิฉันอยากแนะนำคุณว่า ก่อนจะแสดงความคิดเห็นใดๆ ควรคิดให้ถี่ถ้วนและปรึกษาหารือกับคนอื่นให้มากกว่านี้ โดยเฉพะอย่างยิ่ง ถ้าคุณจะแสดงการดูหมิ่นดูแคลนต่อคำพิพากษาของศาลปกครอง ต่อการลงคะแนนของเพื่อนชาวกรุงเทพฯของคุณ และต่อประชาชนของประเทศอื่นๆ ส่วนตัวดิฉันเองนั้น หลังจากทำงานสาธารณะมา 30 ปี ดิฉันมีจุดยืนที่มั่นคงในสังคม และมีความอดทนพอที่จะค้นหาสาระในข้อเขียนของคุณให้เจอ http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000031147