คิดเผื่อคนอื่น ย่อมจะต้องมีคนคิดถึงคุณ
นี่คือเหตุและผล นี่คือกฏเกณฑ์ "
เพราะฉะนั้นเขาจึงมักจะขอทานเสบียงกรัง และตุนไว้ แต่ว่าเขากักตุนเสบียงมาหลายปี
ยุ้งฉางของเขาก็มีเพียงข้าวสารนิดหน่อย เขาไม่เข้าใจว่า ทำไมเป็นเช่นนั้น
เพราะฉะนั้น เขาจึงตัดสินใจค้นหาสาเหตุ
เขาแอบอยู่มุมหนึ่งของบ้าน และจ้องไปที่เสบียง
ในที่สุด เขาเห็นหนูตัวใหญ่ มาขโมยกินเสบียงของเขา
เขาโกรธมาก จึงตะโกนไปที่เจ้าหนูว่า
"บ้านคนรวยมีอาหารเยอะแยะ แกทำไมไม่ไปกิน
ทำไมเจาะจงมากินอาหารข้าที่กักตุนมาด้วยความลำบาก"
"ชะตาของเจ้ามีข้าวสารได้แค่ 8 ส่วน เดินให้ทั่วหล้าก็ไม่สามารถมีข้าวได้ครบถัง"
"ทำไมเป็นเช่นนั้น"
"ข้าก็ไม่รู้ เจ้าไปถามพระพุทธองค์สิ
จะไปทางทิศตะวันตก เพื่อถามพระพุทธองค์ให้เข้าใจ
ดูซิว่าเหตุผลอันใดถึงมีชะตาชีวิตเช่นนี้
เขาขอทานระหว่างทาง เดินทางไปไกลมาก อยู่มาวันหนึ่ง เขาเดินจนฟ้ามืดถึงจะพบบ้านคนหลังหนึ่ง จึงรีบไปเคาะประตู มีพ่อบ้านเดินออกมาถามว่า "มีเรื่องอะไรหรือ"
เขาบอก "ขอข้าวกินหน่อย"
เลยถามขอทานว่า "มืดอย่างนี้แล้วทำไมยังเดินทางอยู่อีก"
บอกว่า จะไปถามเหตุผลกับพระพุทธองค์
ให้เสบียงกรังและเงินกับเขาจำนวนหนึ่ง
เศรษฐีจึงเล่าเหตุผลให้ฟังว่า
"ลูกสาวข้าอายุ 16 ปี แล้ว ยังพูดไม่ได้
ขอร้องให้เจ้าช่วยถามเหตุผลกับพระพุทธองค์ด้วย"
เขาก็จะให้ลูกสาวแต่งงานกับคนนั้น
เราก็ถือโอกาสช่วยถามให้เขาก็ได้
ขอทานจึงรับปากจะถามให้
เดินถึงเขาลูกหนึ่ง เห็นวัดหนึ่งตั้งอยู่
ก็เลยเข้าไปขอน้ำดื่ม
เห็นพระแก่รูปหนึ่ง ถือไม้เท้าดีบุก ท่าทางแก่มาก แต่ดูกระฉับกระเฉง
พระชราให้น้ำเขาดื่ม และบอกให้เขาพักผ่อนสักครู่
แล้วถามเขาว่า "จะไปไหน"
พระชรารีบจับมือขอทานไว้ และพูดว่า "ขอร้องเจ้าต้องช่วยถามพระพุทธองค์ให้หน่อย ข้าเข้าฌานฝึกฝนมา 500 กว่าปีแล้ว ตามหลักควรจะขึ้นสวรรค์แล้ว ทำไมยังบินขึ้นไปไม่ได้"
เดินไปข้างหน้า ผ่านหนทางทั้งห้วยหนองคลองบึง
ขอทานมาถึงริมแม่น้ำสายหนึ่ง ในแม่น้ำไม่มีเรือสักลำ
ขอทานร้อนรนใจ จะทำอย่างไรดี จะข้ามไปยังไง
"หรือว่าชีวิตข้าจะต้องลำบากเช่นนี้หรือ"
เต่าแก่พูดภาษาคนได้
ถามขอทานว่า "มาร้องไห้ที่นี่ทำไม" ขอทานเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง
เต่าแก่พูดกับเขาว่า
"ข้าได้เข้าฌานปฏิบัติตนมา 1000 ปีแล้ว
ตามหลักน่าจะกลายเป็นมังกรบินไปแล้ว ทำไมยังเป็นแค่เต่าแก่ ๆ ตัวหนึ่ง
ถ้าเจ้าไปพบพระพุทธองค์ ช่วยถามให้ข้าด้วย
ข้าก็จะให้เจ้าขี่ข้ามแม่น้ำไปฝั่งตรงข้าม"
แต่ยังไงก็หาพระพุทธองค์ไม่เจอ
ขอทานชักจะเซ็ง
คิดในใจว่า พระพุทธองค์อยู่ไหนนะ
แดนสุขาวดีน่าจะถึงแล้วนะ
ขอทานเสียใจมาก
ก็เลยหลับไปแบบงุนงง
ขอทานดีใจมาก
พระพุทธองค์ถามขอทานว่า
"เจ้ามาไกลขนาดนี้ น่าจะมีคำถามอะไร ที่สำคัญมากใช่ไหม"
เจ้าถามได้สูงสุดแค่ 3 คำถามเท่านั้น
เพราะว่าไม่เคยมีใครถามเกิน 3 คำถาม มาก่อนเลย"
ขอทานรู้สึกว่าคำถามของตนเองช่างไม่มีความสำคัญเลย
เต่าแก่เข้าฌานมา 1000 ปีแล้ว ไม่ใช่เรื่องง่าย
คำถามเขาน่าจะลองถามดู
พระชราปฏิบัติมา 500 ปี ก็ลำบากมาก คำถามเขาก็น่าจะถามดู
ลูกสาวเศรษฐีช่างน่าสงสารนัก พูดไม่ได้ แล้วจะแต่งงานได้ยังไง
คำถามของเขาก็น่าจะถามดู
พระพุทธองค์ตอบเขาว่า "เต่าแก่ไม่ยอมสละกระดองของมัน ก็เลยไม่สามารถกลายเป็นมังกรได้ ในกระดองของเต่ามีไข่มุกราตรีอยู่ 24 เม็ด ถ้ามันยอมสละกระดอง มันก็จะกลายเป็นมังกรได้"
"พระชราถือไม้เท้าวิเศษทั้งวัน ในใจพะวงแต่ไม้เท้าว่าเป็นของวิเศษ
ใช้ไม้เท้าเคาะบนพื้น 1 ที บนพื้นก็จะกลายเป็นธารน้ำใส
ถ้าหากพระชรายอมโยนไม้เท้าทิ้ง เขาก็จะขึ้นสวรรค์ได้แล้ว"
ท่านตอบว่า "ถ้าเด็กสาวใบ้พบคนที่เธอรัก เธอก็จะพูดได้เอง"
เต่าแก่คำนวนว่า ขอทานน่าจะมาถึงแล้ว จึงรีบถามว่า "พระพุทธองค์ตรัสว่ายังไง"
ขอทานพูดว่า "เจ้าพาข้าข้ามแม่น้ำไปก่อน ข้าจะเล่าให้ฟัง"
จึงถอดกระดองออกยกให้ขอทาน และพูดว่า "ในนี้มีไข่มุกราตรี 24 เม็ด
เป็นของที่หาค่ามิได้ สำหรับข้าไม่มีประโยชน์แล้ว ข้าขอยกให้เจ้า"
เต่าแก่จึงกลายเป็นมังกร บินหายไป
ขอทานเอาไข่มุกราตรี 24 เม็ด รีบเดินทางกลับ
พระชรารีบถามว่า "พระพุทธองค์ท่านตรัสว่าอย่างไร"
ขอทานเล่าสาเหตุให้ฟัง พระชราได้ฟังดีใจมาก จึงมอบไม้เท้าวิเศษให้แก่ขอทาน พระชราจึงขี่เมฆบินขึ้นท้องฟ้าหายไป
ทันใดนั้น มีหญิงสาววิ่งออกมา และตะโกนเสียงดังว่า
คนที่ไปถามพระพุทธองค์กลับมาแล้ว เศรษฐีก็วิ่งออกมา
เขาตกใจมากที่อยู่ ๆ ลูกสาวเขาก็พูดได้แล้ว
ขอทานถ่ายทอดคำตรัสพระพุทธองค์
เศรษฐีดีใจมาก จึงให้ลูกสาวแต่งงานกับขอทาน
คิดเผื่อคนอื่น ย่อมจะต้องมีคนคิดถึงคุณ
นี่คือเหตุและผล นี่คือกฏเกณฑ์ "